ทำทุกอย่างด้วยใจรัก

<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 สิงหาคม 2555
 

ปรารถนารัก...ชั่วนิรันดร์ ตอนที่ 15 รักที่ต้องทดแทน

15 รักที่ต้องทดแทน



ธิชากรนั่งตาลอยเมื่อมูนจุงแวะมาหา หญิงสาวเลี่ยงไม่ออกจากห้องทำงานตั้งแต่เช้า เมื่อคืน หลังจากที่ถูกยั่วด้วยคำพูดบาดหู หญิงสาวก็ไม่ยอมเข้าไกล้เทซกอีก แล้วเมื่ออยู่ตามลำพัง ยังต้องเสียน้ำตาอีกหลายยก หล่อนไม่ได้โกรธชายหนุ่ม หากไม่อยากได้ยินคำพูดแบบนั้นอีก เขาอาจจะไม่แคร์และเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกที่ได้เย้าแหย่
แต่... ธิชากรไม่ใช่คนไร้หัวใจ และเจ็บไม่เป็น แค่เขาไม่พูด ไม่เอ่ยอะไร หล่อนก็ทราบดีว่าต้องเก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ และดูท่าเทซกอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น?
ถ้าเขาแวะเข้าที่ห้องอาหารพนักงาน แค่เห็นเงา...ธิชากรก็ขอตัวจากมูนจุง ปล่อยให้ผู้สูงวัยกว่ารับหน้าแทน
นอกจากนี้ หล่อนยังหลบเลี่ยงการสนทนากับกีเท เพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิดอีก อาการเจ็บวูบวาบตรงหัวใจก่อกวนให้ไม่ค่อยมีสมาธิและกดคอมพิวเตอร์อย่างซังกะตาย
“ธิชา ทำไมไม่ทานข้าว จู่ๆก็เดินออกมา”
มูนจุงแวะเข้ามาหาพร้อมกับแซนวิชคู่ใหญ่ มาวางให้
“ก็คิดว่าไม่หิวนี่คะ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีงานค้าง แหม...แต่นี่ น่าทานจัง”
ธิชากรตอบเลี่ยง หากรู้สึกหิวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นของฝาก
“วันนี้เจ้านายมาแปลกนะ แวะลงไปที่ห้องอาหารด้วย ทำเอาฉันใจหายไปหมดเลย พวกข้างล่างเกร็งกันแทบแย่ ทานข้าวไม่ลงกันเป็นแถว”
นั่นแหละ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กับข้าวจะไม่อร่อย
“คุณกีเทก็แวะไปเหมือนกัน ถามถึงเธอด้วยนะ”
ยังไม่ทันขาดคำ ฮันกีเทก็เดินเข้ามาในห้อง ในมือของชายหนุ่มมีแซนวิชอีกกล่องหนึ่ง
“อ้าว! แล้วกัน คุณมูนจุงตัดหน้าผมเสียแล้ว นี่ของเชฟกวง ผมไปขอให้ทำให้คุณ”
เขาวางของฝากมาให้ มูนจุงหัวเราะด้วยความเอ็นดู
กีเทดูง่ายๆ เข้ากันได้ดีกับธิชา ชายหนุ่มมีท่าทีเปิดเผยว่าชอบพอนิสัยของธิชากรแต่ก็ไม่ได้คิดเกินเลยไปจากความเป็นเพื่อน
“ทางโซลเรียกตัวคุณกีเทกลับแล้วหรือคะ”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้ข่าวมาตั้งแต่เช้า
“ครับ...คงจะไปเริ่มงานวันที่ 1”
“คุณกีเท จะไปแล้วหรือคะ อย่างนี้ใครจะอยู่ช่วยผู้อำนวยการล่ะ?”
ธิชากรใจหาย
“ก็พวกคุณอย่างไรเล่า?”
ชายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ แล้วยังขยายข่าวต่อ
“แต่คุณก็ต้องไปอบรม ที่โซล ด้วยนะ รู้ตัวหรือเปล่า? ธิชา”
“เอ๊ะ!”
“มีเอกสารให้เธอไปอบรมที่โซล ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 30 เดือนหน้านะ แต่คุณเทซกยังไม่ได้เซ็นอนุมัติ พี่ก็เลยคิดว่ายังจะไม่บอกเธอก่อน”
มูนจุงขยายความให้
“ไม่มีเหตุผลที่อาเล็กจะไม่อนุมัตินี่ครับ”
“ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เมื่อเช้า เอกสารที่ส่งกลับมาก็ไม่มี เลยว่าจะถามอยู่เหมือนกันว่าติดขัดอะไร?”
“อาเล็กนี่แปลกนะ ผมเห็นว่าที่โซลมีหัวข้อที่น่าสนใจและน่าจะเหมาะกับงาน เลยเป็นคนแจ้งให้ทางโซลมาเรียกตัวคุณไปอบรม แล้วผมก็บอกอาเล็กแล้วด้วยนี่นา”
กีเทออกจะงงกับอาคนเล็ก
หากมูนจุงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนี่ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ
“คุณเทซกคงไม่ลืมหรอก แต่อาจยื้อไว้เล็กน้อยเท่านั้น”
หล่อนไม่ได้บอกใครว่าเมื่อตอนกลางวันสายตาของฮันเทซกกวาดไปทั่วห้องอาหารเพื่อหาคนๆหนึ่งอย่างแน่นอน ภายใต้ทีท่าที่สงบและไม่ใส่ใจนั้นมีร่องรอยบางอย่าง ที่มูนจุงพยายามที่จะหาคำตอบที่สงสัยมาระยะหนึ่งแล้ว
“ถึงเวลา....ฉันอาจจะขอไปทดลองทำงานที่สาขาอื่นบ้างก็ได้นะคะ ทำงานที่นี่มาก็เกือบสองปีแล้ว น่าจะถึงเวลาย้ายเสียที”
ธิชากรเกิดความคิดแผลงๆขึ้นมา ไม่เลวนี่นา อาจจะทำให้ชีวิตวุ่นวายน้อยลงก็เป็นได้
“ถ้าอย่างนั้นเริ่มที่โซลก่อนเลยเป็นไง? ผมคุยให้ได้นะ!”
กีเทรีบอาสาเป็นตัวตั้งตัวตี กระตือรือล้น
“ขอโทษนะคะพวกคุณ” มูนจุงรีบเสียงเขียว
“ที่นี่มันไม่ดีตรงไหนคะ? คุณกีเท! จะมาซื้อตัวต่อหน้ากันอย่างนี้เลยหรือคะ”
กีเทกับธิชากรหัวเราะ ที่ยั่วผู้จัดการฝ่ายบุคคลให้โมโหได้สำเร็จ
“ไม่เอาล่ะ ฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว คุณกีเทจะไปด้วยกันไหมคะ?”
มูนจุงแกล้งเข้มเข้าใส่ กีเทหลิ่วตายักไหล่เดินตามออกไป ทิ้งให้ธิชากรเล็มแซนวิชทั้ง 2 ชิ้นตามลำพัง บางทีการขอย้ายอาจเป็นทางออกที่ดี

**************

หาก ดูเหมือนว่า หล่อนจะไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันเต็มที่สักที เมื่อมีโทรศัพท์ ตามมาด้วยเสียงระล่ำระลักของจางซงหยวนเลขาหนุ่มของเทซก
“คุณธิชาครับ ผู้อำนวยการให้คุณออกไปหาลูกค้ากับท่าน เตรียมตัวอีก 10 นาที เอกสารนำเสนอด้วย เอาชุด เอ นะครับ”
“เดี๋ยวสิคะ ปกติ ผู้อำนวยการจะไปกับคุณชินเน่นี่คะ?”
“ครับ แต่คุณชินเน่ไม่อยู่ แล้วนี่ท่านก็ตัดสินใจด่วน”
“อะไรกัน! เอาแต่ใจตัวเองชมัด” หล่อนโอด
คนสนิทของเทซกหัวเราะ
“เบาๆ หน่อยครับ ท่านเล้งๆอยู่แถวนี้แหละครับ หน้าบอกบุญไม่รับตั้งแต่เข้ามาเมื่อตะกี้แล้ว”
หญิงสาวถอนหายใจรับคำ ก่อนที่จะรีบจัดเอกสารและแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่อยากเจอเลยช่วงนี้ กับคำพูดบาดหูจนทนฟังแทบไม่ได้ แปลกนะ....กลายเป็นคนอ่อนแอทนฟังอะไรประเภทนี้ไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ถึงอย่างไร อีก 10 นาทีต่อมา ธิชากรก็ต้องมายืนพร้อมรับคำสั่งที่หน้าลานจอดรถ
งานนี้ซองอึนเป็นคนขับรถให้ ธิชากรจึงเลือกนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ
“ธิชา คุณมานั่งข้างหลังกับผมนี่ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณระหว่างทาง”
เทซกสั่ง วางอำนาจ หญิงสาวจำใจต้องปฏิบัติตาม ร่างที่นั่งหน้าเครียดขรึม เอาเรื่อง ทำให้หล่อนขยับนั่งจนชิดประตูและเงียบรอฟังอย่างเดียว

ความเงียบทำให้ธิชากรคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่น่าอึดอัด
“ไหน...ไม่มีใครเอาปากมาหรือไง?” เทซกกระแทกเสียง
ถ้าเป็นเวลาปกติ ธิชากรคงย้อนกลับไปแล้ว หากเวลานี้เลือกที่จะปิดปาก ไม่ได้กลัวแต่เขาไม่มีเหตุผล คอยแต่จะทำร้ายจิตใจคนอื่น อยากจะโมโหฟาดหัวฟาดหางอย่างไรก็ตามใจ
“ธิชา ... คุณไม่มีอะไรรายงานผมหรือไง?”
ชายหนุ่มเลือกเป้าหมายโดยตรง เพราะซองอึนทราบหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว คือการขับรถ
“ไม่มีค่ะ”
หล่อนตอบโดยไม่มองหน้า ต้องไปยืนยันกับมูนจุง อย่างนี้จะไม่ให้คิดขอย้ายได้อย่างไร?
“ใช้ไม่ได้ ออกมาหาลูกค้าไม่มีการเตรียมตัว”
หญิงสาวไม่พูดอะไรเป็นการยอมรับ ว่าไม่ได้เตรียมตัวจริงๆ เวลา 10 นาทีโดยที่ไม่ทราบจะไปไหน ไปทำอะไร ลูกค้าเป็นอย่างไร คงใช้ไม่ได้จริงๆ
“ไม่มีข้อแก้ตัวเลยหรืออย่างไร?” ชายหนุ่มถามเยาะ
ธิชากรกัดริมฝีปากสูดลมหายใจ เงยหน้าขึ้นสบตากับเทซกแวบเดียวแล้วก้มลง
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ” เสียงของหล่อนแผ่วเบาและเย็นชา
“ก็ใช่สินะ ก็เห็นกีเทเตรียมขอตัวกลับไปโซลนี่ แล้วก็อะไรอีกนะ อยากย้ายไปอยู่สาขาอื่น คงมีคนเสนอข้อเสนอดีๆให้ล่ะสิ...”
เขาไปได้ยินมาจากไหน? ก็พวกหล่อนพูดเล่นกันแท้ๆ ป่วยการที่จะไปแก้ตัว หาเรื่องมาตั้งแต่วันงานแล้ว ทางที่ดี อย่าไปแก้ตัวอะไรเลย ลงมาเป็นอย่างนี้แล้วคงต้องขอย้ายจริงๆเสียแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถทำงานเข้ากับเจ้านายไม่ได้

พอไม่มีอะไรจะเล่นงานได้ เทซกถึงได้เงียบไป จนกระทั่งถึงที่หมาย สองคนปั้นหน้าเป็นทีมงานที่ดี แวะเยี่ยมลูกค้า ส่วนใหญ่ล้วนให้การต้อนรับและชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซกโซรีสอร์ทประสพความสำเร็จกับการเป็นเจ้าภาพร่วมสำหรับจัดงานแข่งขันกอล์ฟการกุศลที่ผ่านมาด้วย ยิ่งทำให้เทซกเป็นนักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมมากขึ้นไปทุกที นั่นก็ดีแล้ว ธิชากรขอแค่อย่ามาพูดกันให้เสียน้ำใจก็แล้วกัน
ดังนั้นพอถึงตอนกลับมาขึ้นรถ หญิงสาวเลือกไปนั่งข้างหน้าเพราะถือว่าเสร็จธุระแล้วไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก ซองอึนปรายตามองเป็นขอร้องให้ไปนั่งข้างหลัง หากหล่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กอดอก จมกับเบาะนั่งหันข้างให้ทั้งเจ้านายและลูกน้อง ทั้งๆที่ทราบว่าเป็นกิริยาไม่ดีเอาเสียเลย แต่..สนุกไม่ออกจริงๆ ไม่สนุก..หนำซ้ำยังเจ็บในอกแปลบๆอีกด้วย
ความเงียบปกคลุมอยู่ตลอดเส้นทาง ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาทำอะไรอยู่ด้านหลัง ทราบแต่ซองอึนทำหน้าที่ขับรถตามหน้าที่ ซึ่งดูจะเรียบร้อยผิดปกติ คงทราบอารมณ์เจ้านายว่ากำลังอยู่ระดับไหนกระมัง ทางรถวิ่งขึ้นเขาผ่านหมู่บ้านจัดสรรที่มีเป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นที่ๆพวกคนที่มีรายได้สูงเป็นเจ้าของเพราะเส้นทางสายงาม มีเนินเขาแต่ไม่ลาดชันนัก หล่อนมองบ้านและคอนโดที่อยู่ตามเนินเขาเพลินตา คลายติดขัดใจลงไปบ้าง
มาขยับตัวอีกทีเมื่อซองอึนเลี้ยวรถเข้าไปในทางเข้าบ้านแบบวิลล่าแห่งหนึ่งแล้วจอดรถแอบข้างทาง
“มีอะไรหรือซองอึน?” คนเป็นเจ้านายถามขึ้นมาทันที
“รู้สึกว่ารถจะมีปัญหานะครับ” ซองอึนตอบพลางลงออกเปิดกระโปรงหน้ารถ
ทั้งเทซกและธิชากรจึงออกไปดูบ้าง ไม่เห็นรู้สึกว่ารถมีปัญหาตรงไหน ก็เห็นขับดีๆอยู่
“ให้ฉันช่วยลองขับให้ไหมหล่ะ?”
หญิงสาวอุตส่าห์เสนอตัวเข้าช่วย
“อย่าเลย...”
คราวนี้เสียงตอบออกมาพร้อมกันสองคนโดยทันที ไม่ทราบว่าจะอะไรนักหนา หล่อนจึงเดินเลี่ยงออกมาเสียปล่อยให้ผู้ชายสองคนช่วยกัน ก็ซี้กันนักนี่ คนหนึ่งก็เกื้อหนุน อีกคนหนึ่งก็เพียรขยันหาเหล้ามาให้เจ้านายตามแต่จะสั่ง
“สงสัยว่าต้องไปเอารถที่โรงแรมมาลากแล้วล่ะครับ” ซองอึนปัดมือกับกางเกง
หญิงสาวจึงรีบไปเอากระเป๋า
“คุณธิชาจะไปไหนครับ?” เขาถามหน้าตางงหนัก
“อ้าว! ก็รถมันเสียนี่ก็ต้องหารถกลับโรงแรมกันไง”
“ไม่ใช่คุณธิชาครับ นี่ต้องขึ้นรถโดยสารไป ผมไปเองจะสะดวกกว่า คุณธิชาอยู่กับเจ้านายที่นี่”
“ทำไมไม่ไปกันหมด?”
“แล้วจะทิ้งรถไว้ที่นี่ไม่มีคนดูแลหรือไง? รถของโรงแรมไม่ใช่ถูกๆนะ”
คราวนี้คนเป็นเจ้านายตอบเสียงห้วน อยากถามจริงๆว่าแคร์ด้วยหรือ? ทุกทีไม่เห็นสนใจ ฟังๆดูแล้วสองคนนั่นไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่เลย...
“ถ้าอย่างนั้นผู้อำนวยการไปกับซองอึนสิคะ ฉันจะอยู่เฝ้ารถให้เอง”
อย่างไรก็ได้ที่ธิชากรไม่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายตามลำพัง
คำตอบคือทุกคนเบือนหน้าหนีแยกย้ายออกจากกันโดยอัตโนมัติ เทซกเดินเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ส่วนซองอึนก็ก้มศีรษะให้ก่อนที่จะเดินออกไปตรงทางถนน แล้วหายลับตาไปกับความโค้งของถนน

หญิงสาวกอดอก เตะก้อนหิน ไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ในรถให้อึดอัด มองไปรอบๆไม่ไกลนักเป็นบ้านเดี่ยวเรียงกันมีต้นไม้ปลูกเป็นแนวดูน่าอยู่เหมือนกัน
คนในบ้านคงอยู่ข้างใน วันนี้ไม่ค่อยมีแดด ท้องฟ้าข้างหน้าเริ่มเห็นเป็นก่อนเมฆสีดำ นี่ใกล้จะหมดฤดูร้อนเป็นฝนปนหนาวอีกแล้ว หล่อนนึกถึงเมื่อเกือบ 2 ปีก่อนๆ ตากฝนป่วยแทบตายก็เพราะถูกเจ้านายแกล้งนี่แหละ เผลอแป็บเดียวเองอย่างกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน และเพิ่งนินทาในใจไปไม่ถึงวินาที ร่างสูงๆก็เปิดประตูรถออกมา ท้าวเอว
“นี่...จะยืนรับลมจนป่วยอีกหรือไง?”
พูดจาไม่เห็นน่าฟัง ธิชากรกัดริมฝีปาก ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเดินเลี่ยงไปนั่งหน้ารถ ข้างในอุ่นกว่าจริงๆด้วย อุ่นกายแต่ไม่ยักอุ่นใจ หญิงสาวนั่งเงียบท่าเดิม
“ธิชา มานั่งข้างหลังด้วยกันสิ”
“ไม่ล่ะค่ะ เดี๋ยวผู้อำนวยการจะนั่งไม่สบาย”
เพราะนั่นเป็นคำสั่ง หล่อนถึงปฏิเสธแกมกัดเล็กๆ
“ถ้าเป็นกีเท คงไม่ปฏิเสธสินะ” เทซกแขวะกลับ
“แน่สิ...ขนาดเสนอส่งมิสธิชาไปโซล แล้วยังเสนออะไรอีก ย้ายไปประจำที่โซลอีก ไม่เลวนะ”
ธิชากรจึงแกล้งนิ่ง หากใจทำให้ไม่อาจนิ่งเฉยได้ จึงเริ่มขยับตัว
“จะไปไหน?” เทซกเรียกแบบข่มขู่
“จะออกไปเดินเล่นค่ะ”
“ข้างนอกอากาศเย็น ฝนก็กำลังจะตก คุณควรอยู่ในรถดีกว่า เป็นหวัดบ่อยยังจะไม่ระมัดระวังอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้างนอกน่าจะดีกว่า”
พูดพลางไม่ยอมสบตาด้วย รีบพาตัวเองออกมาจากรถ กระชับเสื้อโค้ทพลางเดินสำรวจทางเดิน ไม่สนใจว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเจ้านายจะว่าอย่างไรอีก

โชคดีที่ถนน ไม่ใด้อยู่บนทางเปลี่ยว สองข้างทางจึงมีต้นไม้ที่เกิดจากการปรับแต่ง แต่เวลาเย็นแล้ว คนส่วนใหญ่จะเข้าบ้านเตรียมรับประทานอาหารเย็น ที่จริงธิชากรชักหิวเหมือนกัน ถ้าไม่ออกแรงมากคงไม่หิวอย่างนี้หรอก เสียดาย...น่าจะเอาแซนวิสเมื่อตอนกลางวันติดมาด้วย
“นี่! ธิชา”
คนที่อยู่ในรถคงเหลืออด ออกมาปิดประตูรถดังปังใหญ่ พร้อมกับก้าวขายาวๆมาหาอย่างคุกคาม หล่อนเร่งฝีเท้าเดินหนี หากไม่พ้น
“จะยั่วโมโหกันไปถึงไหน?” เทซกคว้าแขนของหล่อนแล้วดึงเข้าไปจนเซ
ธิชากรอดหน้างอไม่ได้จริงๆ เถียงไม่ออก ใครกันแน่ที่ควรจะโมโห.....
“ฉันไม่ได้ยั่วโมโหค่ะ แต่...อยากเดินเล่น แล้วก็ไม่ชอบฟังที่ผู้อำนวยการว่าให้ฉันในเชิงชู้สาวกับคุณกีเท ผู้อำนวยการเองไม่ใช่หรือคะ ที่บอกให้ดูแลเขาดีๆ สนับสนุนเขาทุกอย่าง แล้วทีนี้ฉันวางตัวไม่ถูกแล้วนะคะ ใครๆก็ชอบคุณกีเทเพราะเขาเป็นคนสุภาพ ไม่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่หยาบคายหรือชอบทะเลาะกับคนอื่น”
ธิชากรพูดยาวรัว แทบไม่หายใจ พอพูดจบก็หอบหายใจยาว สายตาของหล่อนตัดพ้อ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าอีกแล้ว

คราวนี้คนที่จับแขนอยู่เป็นฝ่ายนิ่ง ที่พูดมาก็ใช่ทุกอย่าง แต่จะไปทราบได้อย่างไรว่าจะเข้ากันได้ดีเกินคาดขนาดนั้น? ตอนนี้กีเทมีปัญหา....ถ้าไม่หามูนจุงก็หาธิชากร จนเขาแทบไม่มีโอกาสแทรก ศีรษะของชายหนุ่มก้มต่ำ
“ไม่เหมือนผมใช่ไหมหล่ะ? ก็ผมมันคนขี้อิจฉานี่นา”
ริมฝีปากหยักกระซิบ อดที่จะรู้สึกอายไม่ได้ที่พูดแบบนั้นออกไป รู้สึกเหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจพิกล ใครใช้ให้สนิทสนมกันมากขนาดนั้น?
“ใครๆก็เอาใจแต่กีเท ผมจัดแข่งกอล์ฟแถมยังลงทุนเล่นเองอีกเหนื่อยสายตัวแทบขาด นึกว่าจะมีคนของตัวเองมาห้อมล้อม พอถึงเวลา...ก็หายไปเอาใจกีเทกันหมด คนสนิทของผมทุกคนดูเหมือนจะต้อนรับเขาเป็นเจ้านายอย่างเต็มใจเสียด้วย”
“ผู้อำนวยการ!”
หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ ตั้งตัวไม่ทัน เมื่อครู่คนสองคนพร้อมจะระเบิดเข้าหากันแล้วฝ่ายหนึ่งกลับเบรคกระทันหัน อย่างนี้..ก็แย่หน่ะสิ
“ผู้อำนวยการเป็นคนสั่งแท้ๆ ให้ดูแลให้ดี พวกเราก็ทำตามที่คุณกันทุกคน ก็เพราะคุณสั่ง เราถึงทำ! อย่างนี้จะมาโทษกันได้อย่างไร?”
“ก็เห็น...อยากไปโซลนักนี่ ที่นั่นเมืองหลวง...”
คนบอกเสียงอ่อน เมื่อตอนกลางวัน เขาแวะไปที่ห้องอาหารมาก่อนแต่พบแค่มูนจุง จากนั้นก็ตั้งใจไปห้องทำงานของธิชากร หวังว่าจะหาเรื่องให้ออกมาทำงานด้วยกัน พอเห็นว่ามีใครคุยกันอยู่บ้างจึงยอมเสียมารยาทฟัง ประโยคสุดท้ายที่เออออกันเรื่องการย้ายโรงแรมทำให้ชายหนุ่มขุ่นเคืองขึ้นมาโดยทันทีทันใด กลับไปก็ไปป่วนคนในออฟฟิซให้วุ่นวายก่อนจะใช้คำสั่งเรียกคนตัวบางออกมา
“ถ้าไปอบรมก็อยากไปสิคะ ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ได้อะไรใหม่ๆมาใส่สมองบ้าง”
“แล้ว...ถ้า...เขาชวนไปอยู่โซลล่ะ?”
ธิชากรมองหน้าคนถามอย่างคลางแคลง คำถามแต่ละคำอย่างกับได้ยินว่าพวกหล่อนคุยอะไรกัน
“ถ้าอย่างนั้นตอนอยู่เมืองไทย ฉันจะยื่นใบสมัครมาซกโซทำไมล่ะค่ะ ยื่นไปที่โซลไม่ดีกว่าหรือ ท่านประธานฮันคงพอกลั้นใจรับอีกครั้งได้อยู่หรอก ไม่เห็นจำเป็นต้องบากหน้าของานผู้อำนวยการทำหรอก”
คำตอบของหล่อน ทำให้คนตัวสูงย่อขาให้ระดับสายตาตรงกัน มองสบเข้าใปในตาเพื่อหยั่งเชิง
“ถ้า...อย่างนั้นก็...ค่อยยังชั่ว...”
“ฉันไปเดินเล่นได้แล้วใช่ไหมคะ?”
ธิชากรยังไม่หายเคืองเรื่องที่ชอบยัดเยียดเรื่องกีเทมาให้ พยายามบิดมือหนีออก
“ธิชา...” ชายหนุ่มไม่ยอม “อย่าโมโหไปหน่อยเลย...นะ”
คำขอโทษสักคำไม่เห็นจะได้ยิน นี่แหละ เจ้านาย!
“ใครจะกล้าโกรธ กล้าโมโหใส่ผู้อำนวยการเล่าคะ? ยังไม่อยากโดนไล่ออกหรอก ฉันจะไปเดินเล่นค่ะ”
หล่อนตอบแบบเมินๆ เดินหนีโดยการลากร่างสูงๆให้เดินตาม มีอย่างที่ไหนกัน? เป็นผู้บังคับบัญชาแท้ๆ สักพักหญิงสาวก็เริ่มเดินทอดน่องเพราะเหนื่อยเต็มทีกับการใช้แรงลากกันไปลากกันมา

สองข้างทางเข้าไปเป็นบ้านที่ออกแบบแตกต่างกันไป ที่เหมือนๆกันคือมีต้นไม้หรือไม่ก็แปลงดอกไม้ หญิงสาวอดเมียงมองเข้าไปในบ้านไม่ได้ จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังในสุด ดูเหมือนจะหลังเล็กกว่าคนอื่น ติดป้ายเอาไว้ว่า “ขาย”
“บ้านนี้ขายหรือ? เข้าไปดูไหม?”
ธิชากรสั่นหน้า ไม่กล้าหรอก ดูจากภายนอกบ้านก็น่ารักดี เดี๋ยวเกิดความอยากได้ขึ้นก็จะเกิดทุกข์เพราะไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อ บ้านที่นี่ เห็นหลังเล็กอย่างนี้ ราคาแพงหูฉี่
“จะเป็นอะไรไปเล่า?”
ชายหนุ่มรั้งแขนให้เข้าไป ประตูรั้วเตี้ยไม่ได้ล็อก เพราะเปิดให้คนเข้ามาดูได้ตลอด บริเวณรอบบ้านมีบริเวณกว้าง มีพื้นที่ปลูกต้นไม้และที่จอดรถ ด้านหน้าเป็นกระจกยาวตลอดความสูง มีผ้าม่านสีครีมตกแต่ง ส่วนตัวบ้านเป็นสองชั้นค่อนข้างกระทัดรัดและเล็กกว่าบ้านอื่นๆ

ที่จริงคนเกาหลีนิยมอยู่บ้านแบบคอนโดมากกว่า แต่ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่พักแบบวิลล่ามีให้เห็นทั่วไป ซึ่งเห็นแล้วทำให้นึกถึงบ้านที่เมืองไทย เทซกเปิดประตูนำเข้าไปข้างใน ภายในบ้านสะอาด และว่างเปล่าเพราะคงขนเครื่องเรือนไปหมด
“ก็ไม่เลวนะ...เล็กไปหน่อย ว่าไหม?” เทซกเดินไปมาราวกับต้องการมาดูบ้านจริงๆ
“ก็...ถ้าในสายตาของผู้อำนวยการก็คงเล็กจริงๆล่ะคะ แต่ถ้าในสายตาฉันนี่ก็ใหญ่เกินตัว แค่คิดเรื่องทำความสะอาดก็เหนื่อยแล้ว”
หญิงสาวพยายามที่จะสำรวจผ่านๆ ก็...มันเกินฐานะนี่นา

ชายหนุ่มหัวเราะในคอก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบนทีละ 2 ขั้น หล่อนเดินเข้าไปในครัวเห็นว่ากว้างดี เหมาะสำหรับครอบครัวเล็ก สีที่ทาในบ้านหรือไม้ปูพื้นยังดูใหม่อยู่ คิดว่าบ้านหลังนี้คงเพิ่งสร้างได้ไม่นาน
“ธิชา ขึ้นมาดูข้างบนหน่อยสิ” เทซกเรียกมาจากชั้นบน
ธิชากรถึงได้เดินขึ้นไป ชายหนุ่มรออยู่ในห้องที่กว้างพอจะจัดเป็นห้องนอนได้
เขาเปิดม่านตรงระเบียงหน้าห้อง กระจกเลื่อนออกไปข้างนอกสูงติดเพดานเหมือนห้องด้านล่าง ชายหนุ่มดึงแขนเข้าไปใกล้ ตรงห้องด้านนี้สามารถมองเห็นวิวของหุบเขาด้านล่าง
“สวยจังเลยนะคะ”
หล่อนแนบแก้มกับกระจก ชื่นชมกับภาพที่เห็น
“เห็นวิวเหมือนที่ซกโซรีสอร์ทเลยนะคะ”
“อือม์...เขาเทจิซัน มองจากตรงนี้ก็เห็นนะธิชา....”
แปลกนะ.....เหมือนชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ผิดปกติ
ธิชากรตัวแข็งหนาวๆร้อนๆขึ้นมา อยากจะปลีกตัวหนี... ทั้งๆที่เคย ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ก็ไม่หวั่นไหวเท่า
เทซกบอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะบ้านที่ดูจะเหมาะกับครอบครัวที่อบอุ่นหรือเพราะความอ่อนหวานที่ก่อตัวจนเต็มตื้นในอกทำให้เขา... คิดอยากจะมีบ้านสักหลังที่ซื้อด้วยเงินจากการทำงานของตัวเอง เพื่อการอยู่เป็นครอบครัวในอนาคต คนที่นึกอยากจะชวนมาอยู่ด้วยไม่ใช่ใครที่ไหน ชายหนุ่มขยับเข้าไปหาคนที่แนบแก้มกับกระจก...แค่...อยากจะอยู่ใกล้


เสียงเดินขึ้นบันไดทำให้เขาขยับตัวออกห่าง มือไม้ไม่มีที่ไว้เพราะเกิดอาการเขินขึ้นมากระทันหัน บุคคลที่สามโผล่เข้ามาพร้อมกับคำทักทายตามมารยาท และได้ทราบว่าเป็นผู้ที่ดูแลบ้านหลังนี้อยู่
“เห็นว่ามีคนเข้ามาดูบ้าน ผมก็เลยมาแนะนำตัว.....บ้านของผมอยู่ทางด้านหน้าครับ รถของคุณดูเหมือนจะจอดอยู่ที่ถนนด้านหน้า”
“ครับ ....” ใบหน้าของเขาร้อนฉ่าขึ้นมา เหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้
“หาเรือนหออยู่หรือครับ?”
“ครับ...กำลังหาบ้านหลังใกล้ที่ทำงานอยู่พอดี”
ไม่พูดเปล่า โอบบ่าของธิชากรเข้าไปใกล้
“เอ้อ...” หญิงสาวอ้าปากจะค้าน อีกแล้ว ... ชอบบังคับให้รับสมอ้างแบบนี้ทุกที แต่...ก็ดีกว่าบรรยากาศเมื่อครู่ หล่อนลอบถอนหายใจ ไม่ทราบจริงๆว่าเมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้น? เหมือนอยู่ในโลกสีกุหลาบชอบกล

หลังจากอำลาผู้ที่มาให้รายละเอียดเกี่ยวกับบ้านแล้วทั้งสองถึงค่อยเดินออกมา ข้างนอกมืดแต่ชื้นเพราะฝนเพิ่งตกไปเมื่อครู่ เทซกยังคงกุมมือของธิชากรเอาไว้เหมือนเมื่อตอนอยู่ข้างใน
“ขอโทษนะ ใช้เวลาคุยตั้งนาน”
ชายหนุ่มสอบถามรายละเอียดมากมายราวกับตั้งใจมาซื้อบ้านจริงๆ ดูท่าถูกอัธยาศัยกันกับเจ้าของบ้าน แน่นอนถึงไม่ทราบว่าเป็นเจ้าของโรงแรม หากรถยนต์ที่จอดเสียอยู่ก็บอกฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ… แต่...แหม...เลิกแสดงละครได้แล้วค่ะ...”
หญิงสาวดึงมือออกช้าๆ
“ไม่มีหัวใจแน่เลย” เทซกพูดลอยๆมองไปด้านอื่น
คนฟังได้แต่นิ่วหน้า ไม่ค่อยเข้าใจ จะถามก็กลัวเรื่องเข้าตัวหน้าแดงร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
“ซองอึนทำไมยังไม่มาอีกล่ะคะ? ไปตั้งนานมากแล้วนะ”
หล่อนเห็นรถยังจอดสนิทอยู่ ไม่มีวี่แววของซองอึนหรือคนที่โรงแรม กังวลใจว่าจะกลับโรงแรมกันอย่างไร?
เทซกไม่ตอบ เปิดประตูรถให้นั่งแล้วอ้อมมาทางคนขับ “หิวข้าวแล้ว”
สตาร์ทรถโดยไม่มีอาการกระตุกแม้แต่น้อย ริมฝีปากหยักยิ้มละมัย เมื่อถูกมองด้วยสายตาคลางแคลง
“เอ๊!...”
“เอ๊!...” เทซกเลียนเสียงอุทาน
“หิวข้าว เราไปหาอร่อยๆใส่ท้องกันดีกว่านะ” ดูสิ น่าหมั่นใส้เหลือเกิน
ธิชากรหน้ามุ่ยเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก แน่แล้ว! ผู้สมรู้ร่วมคิดคนหนึ่งคือซองอึน ทำทีเป็นดูเครื่องยนต์ คอยดูนะ....คอยดู ถ้าเจอตัวจะไปต่อว่าให้เข็ด ส่วนคนที่กำลังยิ้มไปขับรถไป
...ธิชากรกัดริมฝีปาก สั่งตัวเองเอาไว้ว่าห้ามยิ้ม เดี๋ยวจะทราบว่าคิดอะไรอยู่?





Create Date : 12 สิงหาคม 2555
Last Update : 21 สิงหาคม 2555 21:33:08 น. 0 comments
Counter : 1050 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ปันนที
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




สวัสดีทุกท่าน
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยม ถ้ามีอะไรช่วยติชม วิจารณ์ได้เลยนะคะ
[Add ปันนที's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com