ทำทุกอย่างด้วยใจรัก

<<
พฤศจิกายน 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
27 พฤศจิกายน 2556
 

ปรารถนารัก...ชั่วนิรันดร์ ตอนที่ 30 บทสุดท้ายของเทซก

ตอนที่ 30 บทสุดท้ายของเทซก


     น่าแปลก...ความสุขและโลกสีชมพูของธิชากรเกิดขึ้นแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็วครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่กำลังปลื้มเปรมกับความอ่อนโยนช่าวยั่วเย้าของเข
     โลกของความจริงกลับมาเมื่อโทรศัพท์มือถือของเทซกดังขึ้น เสียงนั้นดังยาวไม่ยอมวางสายลงง่ายๆ อาจจะเป็นมูนจุงโทรมาเช็คก็ได้ หญิงสาวผละจากการเตรียมจานอาหารเอื้อมมือไปหยิบมาดูที่หน้าจอเรียกเข้า ชื่อของมินฮาปรากฏอยู่อย่างชัดเจน
     “เฮ้อ!...”
     หล่อนหลับถอนหายใจดัง หยิกแขนตัวเองให้เจ็บเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากในอก
     “ตื่นได้แล้ว!”
     หล่อนบอกตัวเองติดตลก กระพริบตาไล่น้ำตาให้กลับเข้าไป รู้สึกตกลงไปในเหวลึกปีนจนขึ้นมาเองไม่ได้อีกแล้ว หนำซ้ำรอบข้างยังมืดมนไปหมด คราวนี้หมดแรงปีน หมดแรงหาทางออกจริงๆ
      นี่ต่างหาก...โลกของความจริง!

     “อะไรกัน?”
     เทซกออกมาจากห้องน้ำ ศีรษะของเข้ามีผ้าขนหนูคลุมดูเป็นหนุ่มน้อย ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มจนตาปิด
     “มีโทรศัพท์ของคุณค่ะ”
     “รับให้หน่อยสิ”
     “รับไม่ทันค่ะ”
     หล่อนบอกเสียงอ่อน ส่งมือถือให้เขาไปดูเอง แล้วหันไปสนใจทำเรื่องอื่น เบื่อตัวเองที่ต้องแสร้งเป็นไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนเดิม ลงเขากล้าที่จะให้รับสายให้ก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะปิดบัง
     “พี่เอง มินฮา นี่...มีอะไรจะบอก”
     หญิงสาวพยายามไม่ใส่ใจกับเสียงตื่นเต้นของเทซกที่เข้าไปคุยในห้องไปพร้อมๆ กับแต่งตัว ดูเหมือนพวกเขาจะสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น... ทางออกที่ดีคือคิดหาทางให้ไปจากเทซกโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่โกรธ ไม่ได้เกลียด แต่ทนอยู่ในสภาพที่ไม่รู้สึกอะไรไม่ไหว
     ที่สำคัญ...ไม่ต้องการให้เขาทราบ
     เมื่อหาข้ออ้างได้ว่าปวดศีรษะ ธิชากรก็หลบมานั่งคอยเวลาในห้องนอนชั้นบน เพื่อที่จะหาทางเลี่ยงการพบปะ ไม่อยากอยู่ใกล้เขาให้มากกว่านี้
     เมื่อได้เวลาที่ข้างล่างเสียงเงียบไปแล้ว หล่อนถึงค่อยๆ หิ้วกระเป๋าลงมาข้างล่าง หวังว่ารถวิ่งแถวนี้คงมีบ้างนะ ไม่ว่าลำบากอย่างไร หัวใจสั่งไว้ว่าต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วสำหรับธิชากร ไม่มีเรื่องต้องพูดหรือคุยให้เสียเวลาให้มากความอีกต่อไป

**************

     เทซกนอนอยู่บนโซฟาชั้นล่าง เขายังนอนไม่หลับเพราะกังวลกับการที่ได้พบธิชากร หล่อนคงรับรู้ได้ถึงหัวใจของเขาสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยิ้มแย้มพูดคุยด้วยดีอย่างนี้ น่าจะเข้าใจแล้วนะว่าบ้านหลังนี้เขาเตรียมไว้เพื่ออะไร?
     ที่จริงมีหลายอย่างที่ชายหนุ่มอยากบอก อยากเล่า...
     แต่ถึงกระนั้น...ไม่ทราบว่าคืออะไร ที่ขวางกั้นเอาไว้ในท่าทีสุภาพแบบนั้น ไม่ใช่แบบที่เคยเจอมาแน่นอน

     “รู้สึกปวดศีรษะค่ะ เหมือนจะเป็นไข้”
     คนพูดหลบตาตลอดราวกับซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้ พูดน้อยลงไม่ว่าจะหยอกเย้าอย่างไรก็จะเงียบเสีย เพราะอย่างนั้นเขาถึงต้องรีรอ...
     เทซกระบายลมหายใจออกจากปาก ยังจะอาการห่างเหินอีก...
     “คนอะไรน๊า ชอบเดินตากฝน เลยต้องมาเป็นหวัดอีกแล้ว”
     คนตัวบางถอยตัวออกเมื่อเขาเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผาก ถึงตัวไม่ร้อนแต่ตาแดงก่ำ
     เขาทราบดี ธิชากรมักเป็นหวัดเสมอเวลาที่ต้องตากฝน หากสายตาที่เวลามองสบกันอย่างไม่ตั้งใจแฝงไปด้วยร่องรอยบางอย่าง ห่างไกลจนเขาวิตก เพราะความเป็นผู้ชาย ทำให้ทราบว่าไม่ควรเร่งรัดมากเกินไป พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ผลีผลามรุกเร้า
     “ถ้าอย่างนั้น ทานยา แล้วนอนพักก่อนนะ”
     ชายหนุ่มยอมปล่อยให้หล่อนอยู่ในห้องทั้งที่อยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ใจจะขาด แล้วนี่ ก็ล็อคประตูห้องจนเขาจนปัญญาที่จะเข้าไปดูแล
     เทซกพลิกตัวไปมา เหมือนไม่มีอะไร แต่...ผิดปกติ ผิดวิสัย ความรู้สึกนี้ เขาเคยได้รับ...กำแพง!...

     ชายหนุ่มเกือบจะเคลิ้มหลับไปกับความเงียบ เสียงประตูห้องนอนข้างบนซึ่งใช้ได้เพียงห้องเดียวเปิดออก แสงสลัวทำให้เห็นเงาร่างของธิชากรเดินลงมาแผ่วเบา พร้อมกับกระเป๋าเดินทางของหล่อน
     เทซกลืมตามองด้วยความงุนงงก่อนที่จะเริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นถ้าเขาผล่อยหลับไปก่อนหน้านี้

     “ธิชา!” ชายหนุ่มลุกขึ้น ปราดเข้าไปหา
     ไม่รอช้ากระชากกระเป๋าในมือของหล่อนออกแล้วเหวี่ยงไปไกลดังโครมใหญ่ ไม่สนใจว่าจะไปถึงไหน เขาโมโห! จนป่านนี้...
     “คุณเทซก...”
     ธิชากรกัดริมฝีปาก เผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ทิ้งท่าเป็นสุภาพบุรุษ กลับมาเป็นคนเดิม
     ไม่เข้าใจเลย...เขาควรจะดีใจที่หล่อนจะไปให้พ้นๆ จะได้จบปัญหา หล่อนไม่ตอบพยายามถอยห่างออกไปเท่าที่จะทำได้
     แต่ดูเหมือนยิ่งทำให้อีกฝ่ายโมโหมากขึ้น วิธีนี้ของหล่อน ถึงได้ปราบเขาได้ราบคาบ
     “ธิชา...เกิดอะไรขึ้น?” ไฟแสงสว่างปรากฏขึ้นตามแรงกระแทกกระทั้น
     “ฉันคิดว่า...มันไม่เหมาะ ที่ฉันจะอยู่ที่นี่ ถ้ารู้ไปถึงคุณมินฮา มันจะไม่ดี”
     เขาเห็นดวงตาคนพูดแดงช้ำ และเอ่อไปด้วยน้ำตา เสียงนั้นสั่นพร่า
     “ไม่ดีอย่างไร? ผมไม่เข้าใจ?”
     ธิชากรถอนหายใจ ลำบากที่จะอธิบาย ที่ทำไป ทุกครั้ง เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา
     “ขอบคุณค่ะ ฉันจะไปพักบ้านพี่มูนจุง แล้วพรุ่งนี้ เรื่องที่คุณจะให้ฉันไปพบคุณชินเน่ ฉันก็จะไปให้ค่ะ ฉัน...ต้องไปแล้ว”
     หล่อนหลบตาโค้งตัวดุจยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แบบนี้ที่จะช่วยให้รู้สึกไม่เท่าเทียมกัน จะได้ทำให้ไม่หลงวุ่นวายใจ
     “ทำไม?” มือที่แข็งราวคีมเหล็กเอื้อมมาจับแขนหล่อนเอาไว้แล้วเขย่า
     “ทำไมคุณถึงต้องหาทางไปจากผมตลอดเวลา ทำไม? คุณไม่รักผมใช่ไหม? ไม่ต่างอะไรกับอึนโซใช่ไหม? ไม่ได้มีหัวใจให้ผมใช่ไหม?”
     คำถามของเขากระแทกเข้าสู่กลางใจ อยากจะอ้าปากปฏิเสฐ หากที่ทำได้ก็คือการเงียบ หญิงสาวเบิ่งตามองเทซก รู้สึกโกรธที่ถูกเปรียบเทียบ
     อึนโซแตกต่าง...เพราะหัวใจของผู้หญิงคนนั้น มีแต่จุนโซ แต่ธิชากรไม่ใช่!
     หล่อนไม่อยากจากเทซก แต่จำเป็นต้องจากเพราะเทซกมีคนอื่นต่างหาก แค่ต้องการปกป้องหัวใจตัวเอง ผิดด้วยหรือ?
     “ฉัน ไม่เหมือนอึนโซ! อึนโซ...มีหัวใจให้เฉพาะจุนโซ แต่ฉันไม่ใช่!”
     หล่อนสะอื้น หมุนตัวรีบจับลูกบิดประตูลุกลน อยากไปจากที่นี่ ให้พ้นจากคำกล่าวหา ไม่อยากอยู่ใกล้ให้เจ็บปวด หากมือที่แน่นราวคีมเหล็กกลับบีบบังคับใม่ปล่อย
     “เรา...มีเรื่อง..ต้องคุยกันให้เข้าใจ เดี๋ยวนี้!”
     เทซกยังเป็นคนเดิม จะบีบบังคับหล่อนเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหน?
     “ไม่...ไม่คุยแล้ว”
     ธิชากรเสียงสั่น ไม่มองหน้า ปฏิเสธทุกอย่าง “ปล่อยนะ!”
     หล่อนปัดมือเขาออกราวกับของร้อน หันหน้าหนีไม่อยากยุ่งด้วย
     “แล้วทำไม? ทำไม?” เทซกมองคนที่ยืนหันหลังให้อย่างปวดร้าว
     “คุณกับฉัน...ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ฉันไม่ใช่พนักงานของคุณ ไม่ใช่คนในโลกของคุณ และฉันก็ไม่ต้องการเกี่ยวข้องไม่ต้องการรับทราบเรื่องอะไรด้วยอีกต่อไป!”
     ความทะนงตนของชายหนุ่มพลุ่งขึ้นมาถึงขีดสุด คลายมือจากการเกาะกุมโดยทันที
     “ไม่คุยก็ไม่คุย!”
     ร่างสูงหมุนซ้ายขวา กำมือแน่น ดูเถอะ! ถึงขนาดนี้แล้ว หล่อนยังไม่ยอมที่จะรับฟังอะไรทั้งนั้น ยังต้องการจะไปจากเขาให้ได้
     ระหว่างฉุดรั้งและปลดปล่อย ต้องตัดสินใจ....
     “ก็ได้!”
     ชายหนุ่มฝืนใจบอกหล่อนอย่างทิฐิ ถอยตัวห่างออกไป
     “อยากไปก็ได้...เชิญ!”
     การเลือกที่จะไม่ฉุดรั้ง คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เขารู้สึกว่าโลกของวันพรุ่งนี้ดูมืดมน หากจำเป็นต้องเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น
     “ขอโทษ จะไม่ทำให้ลำบากใจอีกแล้ว” ทั้งตัดรอนและตัดพ้อ ออกจากริมฝีปากหนา

     ธิชากรสิยิ่งกว่าลำบากใจ พอเขาปล่อยมือ หัวใจของหล่อนกลับหล่นวูบไปกองอยู่บนพื้นแทน เพราะเขามีอึนโซ เพราะเขามีมินฮา ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะนิ่งเงียบ
     และในอึดใจนั้น เทซกเอ่ยขึ้นมาอย่างยากเย็น
     “แต่ว่า...ขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม? ตอนนี้มันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้...ผมจะไปส่งคุณที่บ้านคุณมูนจุง จากนั้น...จะไม่ยุ่ง ไม่กวนอีก พอใจไหม?”
     คำถามเหมือนจะประชดเล็ก ความเงียบงันปกคลุม จนธิชากรรู้สึกได้
     ชายหนุ่มถอนหายใจ เมื่อคำตอบคือความเงียบ เดินกลับไปหยิบกระเป๋า แล้วดึงแขนแผ่วเบา
     หญิงสาวกลั้นหายใจเดินตามเขากลับไปยังห้องนอนชั้นบน
     “พรุ่งนี้ จะไปส่ง สัญญา”
     ธิชากรเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม ริมฝีปากหยักหนาปิดสนิท อยากจะบอก   อยากจะเอ่ย... ร่างสูงกลับหันหลังให้อย่างไม่ใยดี
     ไม่เคยเปลี่ยน...คนใจร้าย!
     ความเงียบข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ธิชากรนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง หล่อนปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะเอนตัวลงพัก น้ำตายังไหลไม่หยุดควรทำอย่างไร? สับสนไปหมดแล้ว

********************

     เวลาผ่านไป ธิชากรยังหลับตาไม่ลง คนที่อยู่ข้างล่างทำอะไรอยู่หนอ หล่อนคิดถึงเทซก! พลิกตัวไปมา รู้สึก...บอกไม่ถูก
     สายตาที่มองส่งมาก่อนที่หันหลังจากไปบอกว่าจะไม่มีอีกแล้ว ความอ่อนโยนหรือหยอกล้อ ไม่มีอีกแล้วความเกรี้ยวกราด หญิงสาวน้ำตาซึม โกรธตัวเองที่ยังยอมอยู่ที่นี่ตามที่เขาบอก จะคืนนี้หรือจะพรุ่งนี้จุดสุดท้ายก็ไม่เห็นต่างกัน แต่...

     ธิชากรผุดลุกขึ้นเปิดไฟ
     หัวใจของเขาเป็นเช่นไรหนอ?...
...การที่กลับมาที่นี่ก็เพราะใจหนึ่งแอบหวังลึกๆ ไม่ใช่หรือ?...แอบมีความหวัง...ว่าจะได้พบ ได้อยู่ไกล้ อีกสักครั้ง
     หล่อนคิดถึงอึนโซ นึกเสียใจและโกรธกับการที่เขานำความรู้สึกของหล่อนไปเทียบกับผู้หญิงที่เป็นความรักของเขา ช่างดูถูกน้ำใจกันเหลือเกิน
     ธิชากรชักอยากที่จะเห็นความรักของเทซกอีกครั้ง อยากเห็นลายเส้นวาดว่าจะอ่อนละมุนหรือมีสีสันร้อนแรง ถึงแม้ว่าหัวใจของหล่อนจะสลายก็ตาม อึนโซ...ไม่ใช่สิ อาจจะเป็นมินฮา...
    หญิงสาวระบายลมหายใจออกจากปากลุกขึ้นไปที่ภาพวาดที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว ตำแหน่งที่ตั้งวางดูจงใจให้เตะตา บางทีอาจจะช่วยให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงและยอมรับว่าควรทำใจให้ได้ต่อไป

Xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

     ผ้าขาวถูกดึงออกด้วยมือของธิชากร หัวใจของหล่อนไหววูบเมื่อมองเห็นภาพที่วาด แสงไฟในห้องต้องตกที่หัวมุมด้านล่างเขียนเป็นภาษาอังกฤษตามความถนัดของคนวาด
     “ความรักของผม”
     เพียงแค่แวบแรกโดยไม่จำเป็นต้องเพ่งพิศถึงรายละเอียด เท้าที่ยืนอยู่เริ่มหมดแรง หัวใจเต้นไหวระรัวราวกับคนเขียนภาพมายืนอยู่ตรงหน้า
     หล่อนทรุดตัวลงนั่งความตื้นตันอัดแน่นอยู่เต็มอก
     “อย่างนี้ อย่างนี้หรือ?”
     ภาพหญิงสาวนั้นดูแปลกตา ไม่ใช่ภาพของอึนโซ อย่างที่เข้าใจ ไม่ใช่ภาพของมินฮาอย่างที่เกรงกลัว หากเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนยิ้มละไม ที่น่าตกใจคือผู้หญิงคนนั้นสวมชุดประจำชาติไทยบรมพิมานสีกลีบบัว ผมยาวถูกเกล้าขมวดงดงาม ความหมายของภาพนั้นรับรู้ด้วยใจ
     คนขับรถของท่านประธานฮันคนนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ คนขับรถที่เดินหนีหล่อนทุกครั้งที่เรียก คนขับรถที่แสนจะไร้มารยาทคนนั้น ไม่มีข้อกังขาว่าทำไม?
     แล้วหล่อนยังต้องการอะไรอีก? จากผู้ชายคนหนึ่ง...
     โลกของหล่อนลับสนวุ่นวายหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก นานนับนาที หากในที่สุดก็สงบนิ่ง

     ร่างบางๆ ดึงภาพออกจากขาตั้ง ตัดสินใจเปิดประตูออกไปข้างนอก
     ในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดไฟสลัวลาง หากชายหนุ่มไม่ได้นอนอยู่บนโซฟา เทซกยังคงกอดอกพิงหน้าต่างทอดตามองฝ่าความมืดออกไป
     ร่างสูงหันมามองแวบหนึ่งก่อนที่จะกลับไปใส่ใจกับจุดมืดข้างนอกอย่างเดิม
     “ยังไม่นอนอีกหรือ?”
     คำถามเหมือนไม่ต้องการคำตอบเท่าใดนัก
     หล่อนไม่ตอบ มองแผ่นหลังของเขา จรดฝีเท้าเข้าไปหาแผ่วเบา
     “ผม...กำลังคิด คิดว่าพรุ่งนี้...จะทำอะไรต่อไปดี...ไปส่งคุณที่บ้านของมูนจุง แล้วจะไปไหนดี ใช้ชีวิตอย่างไรดี?”
     เขาเค่นเสียงพึมพัมกับตัวเอง “ดูเหมือนว่า ...ยังคิดอะไรไม่ออกเลย”
     ดูท่าทางน่าสงสาร แต่แฝงบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ
     เขาเห็นแล้วนี่ว่าหล่อนถืออะไรลงมา?

     ธิชากรคิดว่าถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเหมือนกัน หญิงสาวหลับตาเร่งก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้า
     คราวนี้...ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดหนึ่งมองของในมือของหล่อน
     “ผู้อำนวยการ นี่...รูปนี้ ได้มาอย่างไร?”
     ภาพในมือถูกยื่นออกไป พร้อมกับสายตาคาดคั้น เอาเรื่อง ความใกล้ชิดกลับมาอีกครั้ง
     “เอ้อ!...โชคดีจังที่เห็นแล้ว”
     คนตัวสูงขยับจะยิ้มถอนหายใจโล่งอก แต่พอสบตาก็รีบเอามือลูบท้ายทอยก้มหน้ามองพื้น รับภาพที่ยื่นมาให้แล้ววางไว้ใกล้ตัว อย่างนี้เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่ากำลังอยู่ในอารมณ์รื่นรมณ์
     ทั้งๆ ที่...เพิ่งจะโวยวายแตกหักกันไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
     เป็นอย่างนี้มาตลอด ทะเลาะกันแล้วกลับมาง้อกัน สุดแต่ว่าใครจะเริ่มก่อน
     “คงต้องขอบคุณรูปนี่สินะ ไม่เสียแรงที่ทุ่มเทวาดตั้งนาน ตลอดชีวิตของผม เคยวาดภาพผู้หญิง 3 คน แม่ อุนโซ แล้วก็...คุณ”
     เวลารักใครสักคน อยากระบายความรู้สึก ห่วงหา อาทร อยากอยู่เคียงข้าง ศิลปินที่มีอารมณ์อ่อนไหว มักเลือกการวาดภาพ เป็นตัวแทนความรู้สึกทั้งหมด
     “ว่าแต่...ทำไม...ถึงวาดรูปแบบนั้นได้ ไม่น่าทำได้เลย เอารูปแบบนั้นมาจากไหนคะ?”
     คำถามของหล่อนทำให้อีกฝ่ายยิ้มพราย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
     “ไม่รู้สิ...”
     ยิ้มแบบนี้ ที่ทำให้คนหัวใจละลายมานักต่อนัก
     “ผู้อำนวยการ! นั่นมันรูปของฉันนะคะ แล้วไม่ใช่รูปที่ควรจะมีได้ง่ายๆ ฉันมีสิทธ์ที่จะทราบ นะคะ คุณเป็นคนขับรถคนนั้น ทำอย่างนี้...ได้อย่างไร? คุณไปที่สถานฑูต คุณ...เอารูปฉันมาวาด แล้ว...แล้ว...ยังเขียน...คำแบบนี้อีกที่รูปอีก!”
   “อ้อ! รู้จักขู่เข็ญแล้วหรือนี่?”
    เขาเลิกคิ้ว “แต่ผมชอบจัง รู้สึกตัวเองมีความสำคัญนะ” 
    ในความสลัวลาง หล่อนเห็น เทซกยิ้มกริ่มแววตาเป็นประกายกว่าเดิม คงสนุกมากที่เห็นธิชากรทำงานอยู่ที่สถานฑูต
     นึกไม่ถึง...แม้กระทั่งท่านประธานฮันยังร่วมมือด้วยกับลูกชายคนเล็ก แย่ชมัด! น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก คนขับรถที่ทำตัวประเภทนี้ต้องเส้นใหญ่พอควรเชียวล่ะ
     “จะให้ทำอย่างไรเล่า? คุณอยู่ที่โซล ไม่คิดถึงกันบ้าง ก็บอกว่าให้อภัยแล้ว! ให้อภัยแล้ว! ยังจะเงียบ ...ไอ้เรารึก็นึกว่าจะวิ่งแจ้นกลับมาเหมือนทุกที ก็ไม่ทำ!”
     ดูเถอะ! กล่าวหากันหน้าตาเฉย
     คนที่ควรให้อภัย? ใครกันแน่! แล้วทำไมเขาไม่ไปหาหล่อนล่ะ? ไม่ติดต่อไป ก็ทำได้เหมือนกัน 

      “... ผมคิดว่าจะพบคุณตั้งแต่วันงานของซองอึน คิดว่าต้องกักตัวคุณไว้ จงใจเอาภาพนี้ไปตั้งในห้อง ที่ไหน? ใช้เวลาตั้งนาน คืนนี้ก็อีก ช่างไม่รู้ใจเอาเสียเลย เอาแต่โมโห...ร้องไห้ ...ถ้าพรุ่งนี้ คุณยังยืนกรานจะไปอีก คงต้องลากไปดูกันให้เห็นจริงเสียแล้ว แต่เหนื่อยชะมัด ที่ต้องนั่งเฝ้ากันแบบนี้”
     “ฉันไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นนะคะ จะได้ไปดูของคนอื่นเขาโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต”
     “แล้วเปิดทำไมล่ะ?” เขาถือไพ่เหนือกว่า
     “คุณ!” หน้าของหล่อนร้อนเมื่อถูกย้อนถาม
     “คุณเอง ก็อยากทราบใช่ไหม? ว่าภาพของผมที่วางไว้ในห้องนอนเป็นรูปอะไร? อึนโซ ? มินฮา? หรือ...คุณเอง! ใช่ไหม? ธิชา...”
     น่าหมั่นไส้ คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของธิชากรเหมือนกำลังมีแต้มต่อ ไม่สะทกสะท้านอะไร
     “ไม่...ไม่เห็น...อยาก...จะทราบ?”
     แก้มของหล่อนเป็นสีเข้มแม้อยู่ในเงาสลัว พยายามที่จะไม่สบตาด้วย

     ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามาหาจนต้องถอยออกห่าง
     “แต่ผมอยาก อยากให้คุณรู้ซึ้งไปถึงเบื้องลึก ข้างในนี้ ธิชา”
     มือของเขาวางอยู่บนอกเบื้องซ้าย
     ธิชากรไม่เคยตกอยู่ในอาการประหม่าอย่างนี้มาก่อน ดูเหมือนถูกรุกเร้าเสียยิ่งกว่าตอนไหนๆ เหมือนกำลังอยู่บนขอบเหวและกำลังตัดสินใจว่าจะถอย หรือโดดลงไป
      “ฉันทราบนี่คะ...คุณมีอึนโซเป็นอดีตที่คุณใฝ่หา คุณมีคุณมินฮาเป็นปัจจุบันและอนาคต ฉัน...ไม่ทราบว่าฉันอยู่ตรงไหน?”
     ตั้งแต่แรกเริ่มทั้งหล่อนและเทซก ไม่เคยพูดจากันทำนองนี้เลย ดูเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน เรื่องของ “เรา”
     เขารับคำอย่างเคร่งขรึม
     “คุณพูดถูกนะธิชา อึนโซเป็นอดีตของผม และเธอยังอยู่นี้ ร่องรอยของความเจ็บปวดมันยังคงอยู่ ผมถึง...ขี้ชลาด ที่จะเดินหน้า”
     ชายหนุ่มแตะที่อกเบื้องซ้าย อย่างนี้ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้ธิชากรอ่อนไหวทุกครั้งราวกับนั่งอยู่ข้างในหัวใจของเขา
     “แต่...ถ้ามินฮาเป็นปัจจุบันและอนาคตของผมจริง ผมคงไม่กล้าไปนั่งเฝ้าคุณพ่อที่สถานทูตเป็นชั่วโมง ผมทราบว่าคุณไม่ค่อยชอบคนขับรถคนใหม่ของคุณพ่อนักหรอก แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ก็คงไม่มีภาพที่คุณกำลังถืออยู่ แล้วคงทุรนทุรายด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร มีความสุขหรือไม่?”
     หล่อนมองเขาด้วยสายตากังขา ในขณะที่เทซกดูจะขำเสียเต็มประดา แน่ล่ะ... ก็อยู่ในกำมือแล้ว จะไปไหนได้?
     “คุณไม่ทราบหรอก คู่หมั้นของมินฮาที่ตระกูลจะปาร์กเลือกไม่ใช่ผม ไม่เดาดูหรือว่าเป็นใคร?”
     “คุณกีเท!”
     “นั่นนะสิ ทีอย่างนี้ล่ะ เข้าใจอะไรง่ายดายเหลือเกิน ทีเรื่องอื่น...”
     ชายหนุ่มถอนหายใจ ตวัดตาค้อนเล็กๆ
     “มันไม่ยุติธรรม คุณแกล้งฉัน”
     ฮันเทซกส่ายหน้า
     “ไม่ได้แกล้ง แต่ผมมีบางสิ่งที่ท้าทายเอาไว้ โชคชะตา... อย่างไรล่ะธิชา? มีคนบอกว่า ความรักที่ผมต้องการ ถ้าไม่ไขว่คว้า ไม่ยื้อแย่ง ผมจะไม่มีวันได้มันมา ดังนั้น... ผมถึงเลือกที่จะรอ... แต่รู้ไหม?...การรอคอยมันทรมานเหลือเกิน รอคอยว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับมา”
     “มันไม่ยุติธรรม คุณทราบอยู่แล้วว่าอย่างไรฉันต้องกลับมา จะไปไหนได้ ในเมื่อเพื่อนของฉันอยู่ที่นี่ทั้งนั้น”
     หญิงสาวยังคงยืนยัน ทั้งที่หล่อนเจ็บเมื่ออยู่กับความว่างเปล่า ส่วนเขา...
     “จริงหรือ?...คุณจะกลับมาจริงหรือ? ผมถามตัวเองอย่างนี้เสมอ โลกนี้กว้างใหญ่มากนะ จะมีโชคดีให้ผมได้พบคุณอีกหรือ? แล้วมันดีกว่าตรงไหนล่ะ? ธิชา...หรือคุณสัมผัสหัวใจของผมไม่ได้ บอกสิธิชา...ผมได้เปรียบคุณตรงไหน?”
     ธิชากรอึ้ง ไม่เข้าใจถึงเหตุผลเอาเสียเลย
     “ธิชา รู้แล้วใช่ไหม? ว่าคุณอยู่ตรงไหนของหัวใจ? มานี่เถอะ..”
     เทซกยื่นมือมาหา
     “มานี่เถอะ อย่าหาคำตอบอะไรให้มากมายอีกเลย เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลา เชื่อใจผมได้ไหม? เหมือนอย่างที่คุณเคยเชื่อใจผู้อำนวยการที่แสนจะใจร้ายของคุณตลอดมา”

     เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน หญิงสาวนิ่งมองอ้อมแขนที่รอ สบตาที่ทอดมองมาด้วยความรู้สึกที่สัมผัสได้ ถ้าเดินเข้าไป...ทุกอย่างในชีวิต...ความตั้งใจ...อนาตค ต้องเปลี่ยนไป จะเปลี่ยนมาเป็นสุข หรือจะทุกข์ยิ่งกว่าเดิมก็สุดรู้
     แต่ตอนนี้ธิชากรไม่อยากสูญเสีย ปราการที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่พบหน้าเขาพังทลายราวกับถูกสายน้ำถาโถม เท้าทั้งสองก้าวเข้าไปหา หล่อนหลับตานิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ มารู้ตัวอีกทีเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขาเสียแล้ว ต้องยอมแพ้แล้วหรือนี่?...
     ชายหนุ่มกดศีรษะของหล่อนให้แนบกับหัวใจ ไม่มีแววล้อเล่น...
     “ความรักของผม ที่ตรงนี้บอกว่า...ผมรักคุณ ความรักของผม...อยู่ที่คุณนะธิชา ผมอายตัวเอง ทั้งๆ ที่มีอึนโซ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเงาของคุณอยู่เต็มไปหมด มันเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จะลบอย่างไรก็ลบไม่ออก อยากจะกักขัง อยากจะบังคับสารพัด ทั้งๆ ที่รู้ ผมคงไม่มีความสามารถฉุดรั้งอะไรเอาไว้ได้เลย”
     “ฉัน...”
     หล่อนอยากจะคิดว่าตัวเองหูฝาด หรือไม่ก็สติฟั่นเฟือน คนอย่างฮันเทซกนะหรือ? จะบอกว่ารัก...ได้นิ่มนวลและอ่อนหวานอย่างนี้
     “หรือจนป่านนี้ ยังไม่รู้จริงๆ... ว่าคุณสำคัญกับผมมากขนาดไหน? จะให้ผมคุกเข่าขอความรักจากคุณ ขอให้อภัยให้ผมไหม?”
     เขาขยับตัว แต่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา
     “ไม่นะ อย่าทำนะคะ”
     ธิชากรไม่ใช่คนเรื่องมากนี่นา แล้วจะมาต่อรองความรักอะไรอีก
     “ไม่เป็นไรหรอก ผู้อำนวยการคะ แค่นี้ก็พอ”
     หล่อนยอมรับกับโชคชะตา อย่างไรก็หนีไม่พ้นหรอก น่าอายเหลือเกิน
     “ไม่เป็นไรหรอกนะคะ ถ้าคุณอึนโซจะยังอยู่ในหัวใจของคุณ ไม่สนใจแล้วว่าทำไมคุณไม่ไปตามหาฉัน?”
     เขาไม่เหมือนใคร หญิงสาวต้องใช้หัวใจของตัวเองเท่านั้นตัดสิน เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
     “ฉันไม่โลภมากหรอกนะคะ ขอเพียงมุมเล็กๆ สักมุมหนึ่ง ในหัวใจของคุณ คุณจะให้ฉันได้หรือเปล่าเล่าคะ?”
     หล่อนเงยหน้าขึ้นถามอย่างอายๆ ตาเป็นประกายหวาน
     “โธ่! คุณได้มากกว่านั้น มากกว่านั้นแน่ๆ”
     เทซกกอดหล่อน คิดว่าคงอยู่ในสวรรค์เป็นแน่ ริมฝีปากหยักแตะที่ขมับพึมพัมกับผิวเนียน
     “เพราะคุณคือความรักของผม ความรักที่เป็นของผมเอง”
     ธิชากรรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของความรักจากแรงกอดที่แนบแน่น ไร้ร่องรอยของความเคลือบแคลง อ้อมกอดนี้สำหรับหล่อนอย่างแท้จริง
     หญิงสาวน้ำตาซึม คำว่ารัก ดังก้องอยู่ในอก กอดตอบเขาดุจเช่นเดียวกัน

     ขอโทษ ที่ปล่อยให้คุณเผชิญอยู่กับคำครหาตามลำพัง แล้วยังกล่าวโทษคุณสารพัด แล้วยังปล่อยให้คนอื่นฉวยโอกาสทำร้ายคุณ ปล่อยให้คุณรอ... ผมเป็นคนที่ไม่เอาไหน คิดถึงแต่ตัวเองจริงๆ ”
     ปลายเสียงกระซิบสั่นเครือ
     “แต่ว่า...ฉัน...”
     ขณะที่กำลังวุ่นวายใจ ริมฝีปากอุ่นๆ ของเทซกก็แตะลงมาที่ข้างขมับอีกครั้ง ละเรื่อยไปที่หน้าผาก เปลือกตา ปลายจมูก ก่อนที่จะประทับตราลงบนริมฝีปากของหล่อน
     ธิชากรไม่สามารถขัดขืนความนิ่มนวลที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นนั้นได้เลย หล่อนก็แทบละลายไปหมด ไม่สามารถชกออกไปได้เหมือนครั้งก่อนๆ นี่เป็นจูบสำหรับหล่อนอย่างแท้จริง
     “จูบกับคุณนี่เหมือนยาเสพติดนะ รู้ไหม? ว่าอยากจูบคุณทุกวัน ทุกวัน ทุกครั้งที่เจอกัน”
     ชายหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากสีชมพู มีอะไรมากมายที่อยากจะสารภาพ
     “ใจร้าย”
     หล่อนหลุบตาลงต่ำ ในขณะที่เทซกแตะซับซับเล็กๆ น้อยๆ ไปทั่ว
     “ใช่ ใจร้าย แล้วก็โง่ ที่ไม่รู้ว่าความรักของตัวเองอยู่ใกล้ตัวนิดเดียว แค่เอื้อมมือคว้าก็จะได้มา ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องใช้เล่ห์กลแต่กลับมองไม่เห็น”
     ทั้งๆ ที่ทราบคำตอบ หากธิชากรยังอดที่จะอยากฟังซ้ำอีก
     “ใครหรือคะ? ความรักของคุณ...”
     หล่อนทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่รอยหวานยังซาบซ่านอยู่ อะไรที่หนักๆ มืดๆ อยู่ก็คลี่คลาย
     “ถ้าอย่างนั้นจูบอีกที แล้วค่อยบอกดีไหม?”
     ริมฝีปากหยักนั้นตั้งท่าจะก้มลงมาอีกจริงๆ
     “ไม่...” หล่อนปฏิเสธอู้อี้
     เทซกไม่ยอมฟังคำปฏิเสธของหล่อนเลย หนีก็ไม่ได้เพราะถูกกักอยู่ในอ้อมแขนแน่น เขาจูบซ้ำอีกครั้ง กว่าจะถอนริมฝีปากออกมาได้ ธิชากรก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เทซกแตะที่แก้มของหล่อนร้อนๆ แผ่วเบา
     “ปล่อยได้แล้วค่ะ...”
     หญิงสาวพยายามดันตัวเองออก ไม่รู้สินะ...โดนจูบกี่ครั้งแล้วนับไม่ได้เลย
     ฮันเทซกคงเห็นใจหล่อนที่ถูกจู่โจมจนตั้งตัวไม่ติดอย่างนี้ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ คลายอ้อมแขนนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ เขาเชื่อว่ายังมีเวลาให้กันอีกมากพอที่ธิชากรจะทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว ที่เริ่มจากคนที่มีหัวใจตรงกัน ปรารถนาดีต่อกัน รับรู้ทุกข์สุขของกัน


     มือแข็งแรงประคองแก้มนวลแผ่วเบา
     “ตลอดเวลา ผมกังวลว่าเราจะจบลงเหมือนกับเรื่องของผมกับอุนโซ ผมกลัวจนไม่กล้าเหนี่ยวรั้งคุณ ไม่กล้า และไม่แน่ใจ ว่าความรักที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ผมไม่กล้าขอให้คุณรักผมเพราะส่วนหนึ่งของหัวใจของผมยังมีอุนโซ แต่ผม...ก็รักคุณเหลือเกิน”
     ธิชากรได้แต่นิ่งฟัง หล่อนอยากจะบอกว่า สิ่งที่ทำให้เผลอรักเขาจนหมดหัวใจ ก็เพราะรู้ว่าอุนโซยังอยู่ในใจเขาและจะอยู่ตลอดไป การที่เขาลดทิฐิ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับทุกสิ่ง
     หญิงสาวหลับตา น้ำตาซึม แนบแก้มกับมือของเขาอย่างเต็มใจ
     “แน่ใจหรือคะ ว่าเป็นฉัน?”
     ทุกอย่างมันเริ่มต้นตั้งแต่เขาล้มทับหล่อนที่ห้องของยุนจุนโซแล้วกระมัง?
     “เจ็บไหม? เวลาที่เราต่างทำร้ายกันและกัน คิดไหม? ว่าขอให้อีกฝ่ายมีความสุขก็พอใจแล้ว แล้ว...ทรมานไหม ที่อยากเป็นเจ้าของความรักของอีกฝ่ายแต่บังคับไม่ได้ ผมรู้สึกอย่างนั้นกับคุณ แล้วธิชา คุณล่ะ...รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกไหม?”
     จีวันเคยบอกว่า จิตรกรมักจะชอบวาดรูปผู้หญิงที่เค้ารัก เทซกก็เหมือนกัน เขาวาดภาพอึนโซ แต่เขายังทุ่มเทวาดภาพหล่อน
     ทุกอย่างได้ตอบหมดแล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่ธิชากรเปิดผ้าคลุมภาพออก
     “ฉัน...ถ้าไม่รู้สึก ฉันก็คงไม่เป็นอย่างนี้ วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่ฉันจะไปที่ไหน
เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในที่สุด ฉันก็ต้องกลับมา”
     “คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม? ถึงแม้ผมจะยังเป็นเทซกคนเดิม คนที่คุณบอกว่าไม่มีหัวใจ อารมณ์ร้าย ถือตัว แล้วก็...เอาแต่ใจตัวเอง ”
     คราวนี้หญิงสาวค่อยๆ ถอนตัวออกจากอ้อมแขนอบอุ่น สบสายตาของเทซก
     “คุณจะให้ฉันอยู่ไหมล่ะคะ เพราะครั้งสุดท้าย คุณไล่ฉันไปให้ฉันไปจากชีวิตของคุณ”
     “เอาอีกแล้ว ...อย่า!”
     เขาใช้นิ้ว แตะริมฝีปากหล่อน
     “...รู้อยู่แล้วว่าผมทั้งโง่ทั้งบ้า..โกรธ...หึง...สารพัด! ตอนนั้นคิดแค่ ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ คุณคงมีความสุข ไม่ต้องทนกับคนที่คอยแต่จะเอาเปรียบ ที่สำคัญ...ผมกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ได้และอาจทำเรื่องที่เห็นแก่ตัว แต่ที่จริงผมไม่ต้องการให้คุณไปเลย บอกตามตรงถ้าขังได้ก็จะทำ”
     ทุกอย่างเทเปิดออกหมดหัวใจ ราวกับกล่องแพนโดร่า
     ธิชากรอดยิ้มไม่ได้ บางครั้งอยากให้เทซกกักขังหล่อนเอาไว้บ้างเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้ยิ่งให้อยากขัง แขนเล็กๆ จึงโอบแขนรอบคอของชายหนุ่มอีกครั้งอย่างอาจหาญ
     “ธิชา...”
     เทซกครางในอกก่อนกอดตอบ หัวเราะโยกหล่อนเบาๆ แล้วหลับตา สุขใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยเป็นแบบนี้มานานเท่าใดแล้ว หัวใจชุ่มชื้นราวกับได้รับฝนพรมลงมา กำแพงที่เคยมีอยู่ระหว่างกันพังทลายวับภายในเสี้ยววินาที ไม่ต้องเอ่ย ไม่ต้องอธิบาย ชายหนุ่มจะไม่ยอมให้ธิชากรเดินเข้ามาเป็นฝ่ายให้แต่ผู้เดียว อีกต่อไป
     ... พรุ่งนี้เทซกจะจับมือหล่อนพาตระเวณให้ทั่วซกโซ ไปหาชินเน่ ไปหาทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกาศว่าโชคชะตานำพาให้ความรักของเขากลับคืนมาที่ซกโซ
     “อือม์... การมีความรักของตัวเองนี่ดีจังเลยนะ มีเรื่องมากมายอยากเล่าให้ฟัง มีแผนการมากมายทีต้องเริ่มทำ ธิชา...เดินไปกับผมนะ กอดผมไว้...อย่าปล่อย อย่าให้ผมต้องอยู่กับความมืดอีกเลย”
     เขากลายเป็นเด็กหนุ่มขี้อ้อน 
     ธิชากรยิ้มกว้าง ความวุ่นวายใจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาสลายจากไป ไม่ว่าจะอย่างไร?
     “คุณก็คือความรักของฉันค่ะ และฉันจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตราบใดที่คุณยังต้องการ”
     หล่อนกระซิบ ไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะรักใครต่อไปอีกในอนาคต แค่หวังสักครั้งหนึ่ง ที่จะได้กลับมาอยู่ อย่างคนที่มีหัวใจใกล้กัน อยากทำอย่างที่ใจต้องการ อยากจะมีความรักของตัวเองสักครั้ง


     เทซกรู้สึกเหมือนโลกของรอบข้างสว่างขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่มืดมืดมายาวนาน อบอุ่นและมั่นคง
     ชายหนุ่มเกยคางลงบนเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม กดศรีษะของหล่อนให้แนบตรงหัวใจ ไม่ต้องอธิบายหรือพร่ำคำหวานไม่รู้จบ
     แค่นี้ ...แค่นี้ก็สามารถ รู้สึกถึงความมั่นคงที่ตัวเองเป็นเจ้าของ อบอุ่นและมั่นคง ถ้าเป็นธิชากร...ฮันเทซกจะยึดไว้ ไข่วคว้าไว้ เขาเชื่อมั่นว่าหล่อนจะอยู่เคียงข้างเขา
      รักนี้...จะเป็นของเขา...ชั่วนิรันดร์...

***************************

 จบแล้วค่ะ

 




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2556
4 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2556 2:26:39 น.
Counter : 1807 Pageviews.

 
 
 
 
ขอบคุณ คุณข้ามขอบฟ้า คุณกลาง คุณกิ่งฟ้า และเพื่อนนักอ่านที่ติดตามหรือหลงเข้ามาทุกท่าน

ต้องขออภัยที่ การ Up ไม่ค่อยต่อเนื่องนะคะ

ยอมรับว่าไม่ค่อยคุ้นกับ ที่นี่ ทำให้การ โพสต์นิยายใน Bloggang นี่ยากมาก โดยเฉพาะเรื่องเทซกในแต่ละตอนค่อนข้างจะยาวมาก
ต้องแก้ไข draft จนมือหงิกกว่าจะได้รูปแบบที่ต้องการสื่อให้ได้อารมณ์ โดยเฉพาะการจัดเป็นย่อหน้านี่เล่นเอาเหนื่อยเลย

ถึงอย่างไร เทซกก็มาถึงบทสุดท้ายจนได้

ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

สุดท้ายนี้อยากจะขอแนะนำ 'เก็บรักฝากตะวัน' ซึ่งเป็นงานเขียนที่ออกมาในโทนอบอุ่น ใช้ฉากของหุบเขาบนดอยสูง ผู้เขียนจะเริ่มทยอยนำมาเผยแพร่ใน Blogger นี้นะคะ

และ เรื่องล่าสุด คือ 'ตราบแผ่นดิน สิ้นกาลเวลา' แนวผจญภัยย้อนยุคปะปนกันทั้ง ศาสนา ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา แต่บังเอิญยังไม่ได้นำมาลงใน Blogger นี้ค่ะ

หวังว่าคงจะได้พบกันอีก

รุ้งปลายฟ้า/พลับพลาตะวัน

 
 

โดย: รุ้งปลายฟ้า วันที่: 27 พฤศจิกายน 2556 เวลา:2:41:08 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายที่สนุกมากกกก สุดท้ายก็จบแล้วยินดีกับธิชา เทซก มีความสุขซะที คนอ่านก็มีความสุขมากค่ะ
 
 

โดย: กลาง IP: 115.67.163.65 วันที่: 1 ธันวาคม 2556 เวลา:13:44:15 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากนะคะ เขียนได้สนุกมากค่ะ
 
 

โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 14 ธันวาคม 2556 เวลา:2:15:37 น.  

 
 
 

สวัสดีปีใหม่ 2557

ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุข
สดชื่น สมหวัง และมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ


 
 

โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 2 มกราคม 2557 เวลา:5:27:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ปันนที
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




สวัสดีทุกท่าน
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยม ถ้ามีอะไรช่วยติชม วิจารณ์ได้เลยนะคะ
[Add ปันนที's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com