ทำทุกอย่างด้วยใจรัก

 
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 กรกฏาคม 2554
 

ปรารถนารัก...ชั่วนิรันดร์ ตอนที่ 4.1 "ความผูกพันที่มองไม่เห็น (1)"

4.1 ความผูกพันที่มองไม่เห็น 1

        การประชุมรายงานผลดำเนินงานของกลุ่มโรงแรมตระกูลฮันเวียนมาครบรอบอีกครั้ง เทซกเป็นตัวแทนของโรงแรมซกโซรีสอร์ท เขาเลือกขับรถมาถึงโซลโดยใช้เวลาไม่นาน ชายหนุ่มพอใจที่จะพักในโรงแรมใหญ่โซลตามสิทธิ์ของตำแหน่ง มากกว่าจะไปพักที่บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก การประชุมรายเดือนเป็นไปตามปกติ รายงานผลประกอบการและแผนงานในเดือนต่อไป คุณฮันเซจุงผู้เป็นบิดาไม่ได้ถามมากนัก และในเมื่อท่านประธานไม่ซักลูกชายคนเล็ก พวกพี่ๆที่เตรียมจะรุมสับเขาก็ต้องเก็บปากเก็บคำ เทซกเกลียดการมาประชุมรายเดือน เพราะสายตาเกินครึ่งจะมองมาอย่างไม่เป็นมิตรและพร้อมจะเหยียบย่ำหากแผนของเขาพลาด ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องพัฒนาตัวเองเรื่อยๆไม่หยุดยั้ง



คุณฮันคอยผงกศีรษะเป็นการสนับสนุนเมื่อเขารายงานในจุดสำคัญ ยิ่งนานวันบิดายิ่งปล่อยให้เขาทำงานด้วยตัวเอง แม้จะต่อต้านในบางครั้ง แต่ชายหนุ่มเองก็พยายามให้ดีที่สุดในสายตาของท่าน ชายหนุ่มทราบดี ยิ่งนานวันผู้ให้กำเนิดยิ่งสูงวัยขึ้น เรี่ยวแรงที่จะมาทะเลาะกันอย่างแต่เก่าลดน้อยถอยลง เขาอยากให้บิดาเบาใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ถึงไม่มีโรงแรมที่ซกโซ เขาจะสามารถ...อยู่ได้ด้วยตนเอง

จบจากการประชุม เทซกเข้าไปพบคุณฮันที่ห้องทำงาน เพื่อรับนโยบายและแนวทางบริหารเช่นทุกครั้ง

“เทซก เจ้าดูแลงานได้ดีมาก แขกของเราหลายคน พอมาถึงโซลแล้วก็อยากไปต่อที่ซกโซ”

“ขอบคุณครับคุณพ่อ ที่จริงไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ เพราะพนักงานที่นั่นด้วยที่ทำให้ที่ซกโซมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร”

เขาไม่อยากเพิ่มว่าการที่มีพนักงานชาวไทยเข้ามาเสริมกำลัง ทำให้เขาสามารถมีช่องทางการบริการได้มากกว่าที่ผ่านมา เพราะคนไทยขึ้นชื่อเรื่องหัวใจของการให้บริการและรอยยิ้มที่เรียกว่า “ยิ้มสยาม”
และการที่มีธิชากร ทำให้พวกเขาต่อยอดไอเดียใหม่ๆเพิ่มขึ้น

“มาโซลคราวนี้ ทำไมเจ้าไม่ไปนอนที่บ้าน ที่นั่นสบายกว่า คนรับใช้ก็มากมาย”

เทซกยิ้มขื่น ที่นั่น ใช่บ้านของเขาเสียที่ไหน? ในสายตาของคนรับใช้บางคน เขาดีกว่าคนอาศัยเพียงนิดเดียว ลับหลังเขาก็คือกาฝาก ชายหนุ่มได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ที่บ้านใหญ่ ยามเป็นเด็กที่ถูกแม่ทิ้งให้เผชิญกับคนแปลกหน้า เทซกมีแม่นมคอยดูแลเพียงคนเดียว เสียดายที่นางไม่อยู่ในโลกนี้เสียแล้ว ไม่อย่างนั้น เขาคงนิสัยดีกว่านี้ ชินยุนมีเคยบอกจุนโซอย่างนั้น

“อย่าดีกว่าครับ นิสัยของผมไม่ค่อยดี ไม่อยากไปทำอะไรให้แม่ใหญ่ไม่พอใจ”

เขานึกถึงภรรยาหลวงของบิดา ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้าน ทุกครั้งที่ต้องไปพบกัน ก็ต้องจบด้วยความทุกข์ร้อนในอก และบางครั้งก็จบด้วยการก่อกวนไม่ทางใดทางหนึ่ง ยามเทซกเป็นพายุ บ้านหลังนั้นก็จะร้อนเป็นไฟ

“เจ้าก็เลิกเสเพลเสียทีสิ เลิกเสียทีไอ้เรื่องพาผู้หญิงเข้าบ้าน พี่ๆแกไม่มีใครเขาทำกัน ทางโน้นก็บอกมาว่าเหล้าบุหรี่ผู้หญิง ไม่เคยเว้น ดีอยู่อย่างเดียวที่เจ้ายังไม่ยุ่งกับคนใน”

เทซกหัวเราะในลำคอ ทำไมจะไม่ทราบพวกพี่ชายก็ใช่ย่อย เพียงแต่พวกพี่ชายเหล่านั้นทำหลบซ่อนไม่โจ่งแจ้งเช่นเขาถึงรักษาภาพพจน์ภายนอกได้

“ฮึ.....ปกติ มีคนมายุ่งกับผมก่อนทั้งนั้น”

คนส่งข่าวทางโน้นให้บิดาก็เห็นจะมีแต่ชินเน่ ซึ่งบางครั้งเทซกเองก็จงใจที่จะให้หล่อนเป็นคนส่งรายงานที่นอกเหนือจากรายงานปกติ ดังนั้นชายหนุ่มจึงสะใจทุกครั้ง ที่ทำมาทั้งหมด ก็ไม่ต่างอะไรกับที่บิดาเคยเป็น เพราะเทซกก็คือผลพลอยได้จากการกระทำเหล่านั้น!

“ว่าแต่ น่าจะถึงเวลาได้แล้วกระมังที่เจ้าจะมีครอบครัว พ่อจะคุยกับศาสตราจารย์ยุน เรื่องชินเน่ให้ไหม พวกเจ้าก็สนิทกันมากอยู่ไม่ใช่หรือ?”

“คุณพ่อครับ” ชายหนุ่มรีบขัด

“ขอผมจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะครับ กับชินเน่ ผมก็เหมือนจุนโซ เธอเป็นได้อย่างมากก็แค่น้อง มากกว่านั้นคงไม่ได้ บ้านจะได้แตกตาย”

“แน่ใจหรือว่าฝ่ายนั้นคิดอย่างเดียวกัน เขาทุ่มเทกับเจ้ามาก พ่ออยากให้เค้ามาเป็นสะใภ้ เพราะเขาเข้มแข็งดี รอบรู้ดูแลกิจการได้ ครอบครัวก็เป็นถึงนักวิชาการ เหมาะสมกับแกอยู่ พ่อไม่อยากให้แกตัดสินใจผิด เหมือนอย่างเมื่อคราวที่แล้ว”

“ผมไม่เคยตัดสินใจผิด!” แววตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้น เรื่องของอึนโซ ที่ทำให้เขายอมตัดขาดจากคนในตระกูลฮัน ถูกรื้อฟื้น คราวนั้นทุกคนในครอบครัวรวมทั้งคนที่เขาต้องเรียกว่า”แม่ใหญ่” ต่างเป็นเดือดเป็นร้อนกับสถานะทางสังคมของอึนโซ ถ้าเพียงแต่ ความรักของอึนโซนั้นเป็นของเขา....จะไม่เดียวดายอย่างนี้
“เอาล่ะ...”
ดูเหมือนคุณฮันไม่อยากต่อความกับลูกชายคนสุดท้องสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะลูกชายที่เขาคอยกำหนดเส้นทางชีวิตให้ตลอดมาได้ผ่านช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อมาแล้ว ตอนนี้ถึงคราวต้องผ่อนปรนให้ลูกๆแต่ละคนมีการตัดสินใจเป็นของตัวเอง

“เอาเรื่องครอบครัวของเจ้าเก็บไว้ก่อนก็ได้ แล้วนี่ รู้แล้วหรือยังว่าตอนนี้ แม่เขาอยู่ที่โซล”

หัวใจของเทซกกระตุก

“ผมทราบแล้ว”

ข่าวมาตั้งแต่การประชุมยังไม่เริ่มเสียอีก เรื่องที่ทำให้เขาเจ็บแสบ พวกพี่ๆไม่เคยลืมที่จะตอกย้ำ ชายหนุ่มไม่อยากเอ่ย ไม่อยากนึกถึงมารดาที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่เล็ก ทิ้งให้เขาผจญอยู่กับความเย็นชา เติบโตในบ้านหลังใหญ่ หากขาดซึ่งความรักที่แท้จริงคอยหล่อเลี้ยง

“พ่ออยากให้ไปพบแม่.... ไม่เคยยอมเจอเค้าเลยใช่ไหม? เค้ามาขอร้องพ่อ อยากเจอเจ้ามาก”

“คงไม่จำเป็นหรอกครับ พบกันล่าสุด ที่อเมริกาก็ไม่มีอะไรจะคุย คราวนี้ก็คงเหมือนกัน”

เทซกไม่เคยเข้าใจว่าในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมผู้เป็นบิดาต้องการให้เขาไปพบผู้หญิงคนนั้น

“ก็เป็นเสียอย่างนี้ ไม่ว่าพ่อหรือแม่ เจ้าก็ไม่ยอมให้อภัย เรื่องของพ่อกับแม่มันจบลงไปแล้ว แล้วแม่ก็มีชีวิตตามทางของเค้า”

เทซกเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นทันที

“เย็นนี้ผมมีนัด ... ขอตัวก่อนนะครับ”

“เทซก...คิดให้ดีนะ เจ้าโตแล้ว พ่อไม่อยากบังคับ”

ชายหนุ่มกัดฟัน เดินออกจากห้องของบิดามาด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น เหมือนๆกัน! ไม่ว่ากับใคร ไม่เคยคุยได้นานเลยสักครั้ง!


เทซกกลับมาเดินพล่านในห้องพัก อยากทำลายข้าวของเหมือนอย่างที่เคยทำ ทุกครั้ง ที่มีเรื่องของผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิต ผู้หญิงที่รักกับพ่อด้วยความสนุก แล้วจากไปพร้อมกับทิ้งเขาไว้กับความโดดเดี่ยว นี่แหล่ะที่ทำให้เขาเกลียดและเหยียดหยามผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาในชีวิต ยกเว้นคนเดียว สาวน้อยที่น่าสงสารคนนั้น...อึนโซ

เทซกรู้สึกเดียวดายเกินที่จะอยู่ตามลำพังได้อีกต่อไป ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาเพื่อนหญิงที่อยู่ในโซล ใครก็ได้ที่พอใจจะรักสนุกด้วยกัน ไม่ผูกพัน และพร้อมจากกันเมื่อรุ่งอรุณมาถึง

****************

เทซกนัดกับคู่เดทที่ห้างสรรพสินค้า เป็นที่รู้กันเขาจะต้องพาเจ้าหล่อนไปช้อปปิ้งจนหนำใจก่อนที่จะไปดื่มและจบลงที่ไหนสักที่ ตามแต่อารมณ์จะพาไป ชายหนุ่มเลือกการเดินฆ่าเวลาก่อนถึงเวลานัด เพราะความอ้างว้างที่ทำให้เขาชอบฝังตัวเองอยู่ตามสถานเริงรมย์ต่างๆ มากกว่าที่จะอยู่บ้านพัก เขามีเพื่อนไม่น้อย หากก็มีหลายประเภทเกินไป เพื่อนที่เขาต้องการที่แท้จริงคือ...จุนโซ ผู้จากไป

เทซกเดินที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโซลบ่อยครั้งจนแทบจะจำได้หมดว่ามีร้านอะไรบ้าง ชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปในร้านขายเพลงต่างๆฆ่าเวลา แต่สายตาเหลือบไปเห็นบางคนในร้านหนังสือเสียก่อน

ร่างสูงชะงัก ขยับแอบด้านข้างของร้าน คอยจับจ้องคนที่กำลังก้มเงยกับหนังสือ ธิชากรมีพรสวรรค์ในการใช้ภาษา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เคยเห็นชั้นหนังสือหลากภาษาของหล่อน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้านหนังสือ แต่คนละด้านกับหญิงสาว พร้อมกับขยับไปให้ใกล้ที่สุด คนที่กำลังก้มเลือกหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเหลียวมองหาอะไรสักอย่าง คงเป็นสัญชาตญาณ เวลาถูกคนมอง

เทซกนึกสนุก โทรศัพท์หามูนจุง ถามถึงเบอร์ติดต่อ ธิชากร

“จะติดต่อเรื่องอะไรคะ วันนี้เป็นวันหยุดของธิชา”

มูนจุงกางปีกกันไว้เต็มที่ ไม่ค่อยอยากบอกนักหรอก แต่เขาอ้างว่าเกี่ยวกับเรื่องงาน หล่อนจึงบอกอย่างเสียไม่ได้

“มูนจุง คุณกับพี่จีวันอยากได้อะไรเป็นของฝากจากโซลบ้างล่ะ?”

นัยน์ตาของชายหนุ่มพราวระยับ จ้องจับอยู่กับคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ

“ไม่ล่ะ กลับมาโดยปลอดภัยก็แล้วกันค่ะ”

เทซกวางสายจากมูนจุงแล้วกดหาคนที่อยู่ในร้านหนังสือทันที

“สวัสดีค่ะ”

ที่จริงธิชากรไม่ค่อยกล้ารับสายแปลกๆสักเท่าไหร่ บางครั้งหล่อนก็จะปล่อยผ่านไม่ยอมรับ แต่ก็กลัวว่าจะมีใครในหมู่เพื่อนฝูงติดต่อมา เสียงที่วิ่งตามสายทำให้หญิงสาวนึกเสียใจที่ตัดสินใจผิด ไม่น่ารับเลย ไม่ทราบว่าจะมีเรื่องสั่งอะไร ถึงได้โทรศัพท์มาในวันหยุด หนำซ้ำไม่ใช่เวลางานด้วย

“คุณอยู่ที่ไหน?” เทซกอาจจะหาเรื่องแกล้งหล่อนอีกก็ได้

“อยู่ที่ร้านหนังสือค่ะ”
จะโกหกก็คงไม่ได้เพราะเพลงในร้านบอกเอาไว้ว่าไม่ได้อยู่บ้าน

“ว่างไหม?”

“ไม่ว่างค่ะ”

“ทำอะไร?”

“กำลังดูหนังสือสิคะ ผู้อำนวยการมีธุระอะไรหรือคะ?”

ถ้ามี....ธิชากรจะได้เตือนเขาว่าวันนี้เป็นวันหยุดของหล่อน

“มีงานจะให้ทำ”

“ขอโทษด้วยค่ะ บังเอิญฉันไม่ได้อยู่ที่ซกโซ”

“ไปโซลหรือ?”
“...ค่ะ” ธิชากรไม่ค่อยแน่ใจว่าผู้อำนวยการจะมาไม้ไหน

“ถ้าอย่างนั้นซื้อหนังสือมาฝากสักเล่มสิ”

ชายหนุ่มบอกชื่อหนังสือ ที่บังเอิญเป็นเล่มที่หญิงสาวกำลังถืออยู่พอดี หากไม่ใช่หนังสือที่จะทราบกันง่ายๆว่ามีขาย ถ้าไม่ใช่คนที่รู้เรื่องนี้ในเนื้อหาจริงๆ

แรงสังหรณ์ที่มีมาตั้งแต่เมื่อครู่ คล้ายกำลังถูกคนมอง อีกทั้งได้ยินเสียงเพลงที่เหมือนกับที่เปิดอยู่ในร้าน ทำให้ธิชากรมองหา หล่อนเดินอ้อมไปยังชั้นวางหนังสือด้านหลัง ร่างสูงกำลังพิงชั้นหนังสือหันหลังให้ ร่างสูงในชุดลำลองสีเข้มกำลังพูดใส่โทรศัพท์ ...ทราบแล้วว่าเป็นใคร?

“ผู้อำนวยการอยู่ไหนค่ะ?”

“ผมหรือ? เอ้อ...อยู่บ้าน”
ดูเถอะโกหกหน้าตาย ธิชากรจึงเดินไปให้เห็น ยื่นหนังสือที่ถืออยู่ให้

“แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่โซลเร็วนัก พอดีเลย ฉันจะได้ไม่ต้องไปส่งให้ที่ซกโซ”

เทซกสะดุ้ง ยิ้มกว้าง เลิกคิ้ว ทำเป็นแปลกใจ
“บังเอิญจังเลยนะ”

“เมื่อกี้อยู่ที่บ้าน ตอนนี้อยู่ที่ร้านหนังสือ แปลกดีนะคะ”

“อ้าว! ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นจะมาเจอคุณได้อย่างไร?” เขาต่อเรื่องหน้าตาย

“ฉันจำได้แล้ว วันนี้ผู้อำนวยการมาประชุมที่นี่คะ แล้ว....มาทำอะไรที่นี่?”

“ใช่ ประชุมเสร็จแล้ว .... ผมอยากได้เสื้อใส่สักชุดสองชุด” เขาเหมาชอบกล

“ฉันจะดูหนังสือค่ะ เชิญผู้อำนวยการตามสบายเลยค่ะ”
หล่อนโค้งตัวเตรียมลา

“ไปช่วยเลือกหน่อยสิ” ชายหนุ่มไม่ยอมให้ไปง่ายๆ

“ขอตัวค่ะ...ฉัน...ไม่อยากถูกเข้าใจผิดนี่นา”

“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และคุณไม่ใช่ ...สเปค”
ท้ายประโยคถูกทำให้เน้น

“ฉัน....” ธิชากรอ้าปากจะเถียง หากคนตัวสูงก้มลงมาหาจนเกือบชิด

“คนอะไร แล้งน้ำใจชะมัด คราวก่อนผมอุตส่าห์เฝ้าไข้คุณทั้งคืน ว่าไงล่ะ เค้าว่าคนไทยเป็นคนมีน้ำใจไม่ใช่หรือ? อยากถูกแกล้งอีกไหม? อยากลองก็เชิญ”

เทซกเลิกคิ้วท้าทาย ก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้าอย่างมั่นใจ

หญิงสาวถอนหายใจ เดินตามคนที่ไม่ยอมรอฟังคำตอบ ไม่ได้กลัวหรอก แต่หล่อนไม่ใช่คนชอบหักหาญน้ำใจคนเสียด้วย หากที่แน่ๆ คนที่เดินนำหน้ารับโทรศัพท์ที่ดังเรียกพร้อมกับพูดรัวเร็วกับปลายสาย

“เสียใจ คุณมาช้าไปเสียแล้ว ผมรอไม่ไหวหรอก เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ตอนนี้ผมไม่ว่างแล้ว อยากจะมาดูหรือ? ตามใจสิ”

เทซกลดฝีเท้าลงมาเคียงคู่กับธิชากร เพียงไม่กี่ประโยคก็พอทราบความหรอก คนอย่างนี้....ตัดรอนคนอื่นอย่างไร้เยื่อใย น่ากลัวเหลือเกิน ชายหนุ่มพาหล่อนไปยังร้านขายเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ

“ฉันเลือกไม่เป็นหรอกค่ะ ไม่ถนัดเรื่องแฟชั่นเลย”

“ก็หยิบมาสักตัวก็ได้ ผมจะใส่ให้ดู อยากให้ผู้อำนวยการแต่งตัวไร้รสนิยมก็ตามใจ”

เขาทราบว่าธิชากรได้ยินว่าเขาบอกอะไรไปในโทรศัพท์ และไม่แยแสต่อการต่อต้านจากหล่อน หยิบเสื้อมายัดใส่มือ พร้อมกับยืนรอให้หล่อนปรนนิบัติ

“ทำไมต้องบังคับกันนักนะ!”
ธิชากรหน้ามุ่ย ร้องอย่างเหลืออดจริงๆ

“ไม่รู้!”

หญิงสาวยังไม่เคยเห็นใครหน้าตายอย่างนี้มาก่อน ท่าทางของเทซกพร้อมที่จะหาเรื่องได้ตลอดเวลา

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญผู้อำนวยการเถอะค่ะ เพราะบังเอิญฉันเป็นคนไม่มีรสนิยม และฉันจะไปธุระของฉัน”

“ลองดูสิ...ถ้าไม่กลัวขายหน้าก็ลอง เคยได้ยินหรือเปล่าว่าผมทำได้ทุกอย่าง?”

เรื่องนั้นไม่ต้องบอกธิชากรก็ซึ้งอยู่แก่ใจ

“จะไล่ฉันออกหรือ?”

“ผมทำได้ดีกว่านั้นเยอะ”

“คุณเทซก!”

สองคนตั้งท่าจะชกกันอีกตั้ง แต่...สายตาของชายหนุ่มไร้แวววาวระยับอย่างเดิม นิ่งและเงียบ หล่อนยืนกำหมัดวัดใจกัน ที่ไม่มั่นใจคือทำไมถึงได้ดูเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจอย่างนั้น

“เทซกคะ!”
ร่างแบบบางสูงเพรียวปรากฏตัว ธิชากรคิดว่าผู้มาใหม่เป็นคนที่สวย สวยมาก
ทั้งคุ้นตาว่าน่าจะเคยถ่ายแบบอยู่ในนิตยสารแฟชั่น

“สวัสดี จุงฮา” เทซกยกมือทักเฉยเมย ไม่มีอาการตกใจใดๆทั้งสิ้น แต่ธิชากรกำลังเจอลูกหลงกับการตัดรอนครั้งนี้นะสิ สายตาของหญิงสาวที่ชื่อจุงฮาตวัดฉับมาที่หล่อน มีแววดูแคลน ก็แน่ล่ะ เทียบกันไม่ได้เลย ธิชากรตัวแข็ง หน้าร้อน เมื่อถูกพินิจ ก็หล่อนแต่งตัวด้วยยีนส์สีซีด เสื้อเชิ้ต รองเท้าผ้าใบราวกับเด็กกะโปโลจากไหนก็ไม่ทราบ ในขณะที่อีกคนถอดแบบมาจากแคตตาล็อกต่างประเทศ โชว์หุ่นที่เหมือนกับพระเจ้าเสกสรรบรรจงปั้นแต่งอย่างตั้งใจ

“คนนี้เองหรอกหรือ ที่ทำให้คุณเลิกนัดจากฉัน?”

“นี่นะหรือ....เด็กที่บ้าน เอามาช่วยถือของ”
เขายักไหล่ ทำเอาธิชากรอยากทิ้งเสื้อผ้าที่เขาเลือกเอาไว้ลงพื้นที่ตรงนั้น

“แล้วทำไม?”

“ไม่มีเหตุผล”

ชายหนุ่มเสียอีกที่หน้าตาเฉย และเยือกเย็น จากนั้นสองคนก็พูดอะไรกันไม่ทราบ และไม่ทันที่จะคาดคิด ทุกคนในรัศมี 2 เมตรในร้านก็ต้องตกใจ เมื่อมือของสาวสวยคนชื่อจุงฮา กระทบกับใบหน้าของฮันเทซก เสียงดังฟังชัดไปทั้งร้าน "เพี๊ยะ!!"

ธิชากรคอหดหน้าจืดสนิท คนถูกตบเสียอีกที่ไม่สะทกสะท้าน ชายหนุ่มลูบใบหน้าตนเองตรงรอยที่โดนตบซึ่งบัดนี้แดงชัดเป็นรอยนิ้วยาว ยิ้มเหี้ยมเกรียมแต่ไม่พูดอะไร ความเงียบปกคลุมทั้งร้าน ราวกับกำลังมีละครตอนไคลแมกซ์ ในที่สุด เมื่อทำอะไรไม่ได้ จุงฮาก็กระทืบเท้าปล่อยโฮและสะบัดหน้าจากไป

“เอ้า! เลือกกันต่อเถอะ”

เทซกกลับทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเพียงไม่นานทุกคนในร้านต่างก็กลับไปสนใจเรื่องของตนต่อตามประสาคนกรุง

“น่ากลัวจริงๆ”

ธิชากร ไม่ยอมขยับเบิ่งตามอง ไม่ใช่เพราะกลัวถูกตบ แต่เพราะในตัวของเทซก มีความโหดเหี้ยมแม้กระทั่งกับตนเอง รอยตบยังเป็นปื้นอยู่บนใบหน้าขาวนั้นยังชัดเจน ยังไม่สะทกสะท้าน

“ใคร? น่ากลัว”

“คุณนะสิ!” หล่อนตัวสั่น เขาเลือดเย็นเกินไปแล้ว ทำร้ายตัวเองได้หน้าตาเฉย ที่จุงฮาตบเขานั่นก็เพราะตัวเขาเอง หาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ เพื่ออะไรกัน!

“คุณรู้จักจุงฮาน้อยไปเสียแล้ว อีกไม่กี่วัน เขาก็จะโทรศัพท์มาหาผม และอ้อนวอนให้ผมยกโทษให้ แล้วทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนเดิม คุณคิดว่าเค้าจะไม่ง้อผมหรือ ไม่หรอก ตราบใดที่ผมมีเงิน มีอะไรมากมายพอที่จะตอบสนองความต้องการของเขาได้ ฮึ.. ที่จริง...ผู้หญิง เหมือนกันหมด”

เขาหยิบเสื้อมายัดใส่ในมือ แต่หญิงสาวยังไม่ขยับเช่นเดิม ต่อต้านการกระทำ ถึงจะเป็นผู้อำนวยการที่มีอำนาจจะไล่หล่อนออกเมื่อไหร่ก็ได้ก็ตาม

“ฉันจะไม่อยู่ให้คุณบังคับหรือดูถูกหรอก คุณมันคนใจร้าย เลือดเย็น เห็นผู้หญิงเป็นอะไร ถึงมาทำกันอย่างนี้?”

ทั้งๆ ที่ถูกสอนมา ทั้งๆ ที่วรวรรณคอยเตือน จะอยู่ที่ไหนให้อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ อย่าไปทำอะไรให้ตกงานง่ายๆ หาก....นี่มันสุดจะทน!

หญิงสาวจะผละจากเขาโดยไม่ใส่ใจ ไม่สน ในเมื่อเขาแล้งน้ำใจก่อน คงไม่แปลก ถ้าหล่อนจะเป็นบ้าง แต่..ไม่ง่ายเลย เทซกจับข้อมือของธิชากรเอาไว้ ไม่มีใครเห็น แต่ความรุนแรงรับรู้ด้วยใจ

“อย่างคุณ จะรู้อะไร? ผมนะ.... รู้ดี ว่าผู้หญิงต้องการอะไรจากผม?”

“แล้วคุณรู้จักมากพอที่จะทำอย่างนี้ได้อย่างนั้นหรือ? คิดว่าผู้ชายอย่างคุณดีนักหรือ? พวกสร้างปัญหาให้สังคม!”

ริมฝีปากของเขาเป็นเส้นตรง มือที่เหมือนคีมบีบแรงขึ้นจนแทบจะทำให้ข้อมือแตก อีกแล้ว ทำไมหล่อนต้องถูกผู้ชายคนนี้ทำร้ายด้วยนะ ไม่ยุติธรรมเลย! ว่าคนอื่น ทำคนอื่นได้เจ็บแสบ พอคนอื่นว่าให้บ้างกลับทนฟังไม่ได้!



“เทซกจ๊ะ”
เสียงดังมาจากข้างหลังของชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง แววตาของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่หล่อนเองก็แปรไม่ออก หากแรงบีบในมือคลายลง เทซกหมุนตัวกลับไปช้าๆ อย่างคนกำลังรวบรวมสมาธิ คนที่เรียกนั้นเป็นหญิงวัยกลางคน สง่าและแต่งตัวอย่างมีรสนิยม เสียงที่ใช้นั้นเรียบและนุ่มนวล

อุปาทานหรือเปล่านะ? ธิชากรเห็นเค้าความเหมือนระหว่างเทซกกับสตรีผู้นี้ ที่เหมือนกันจนน่าตกใจ ดังนั้น จึงไม่แปลกแม้แต่น้อยถ้าจะมีคนบอกว่าทั้งสองคนที่เผชิญหน้ากันมีส่วนเกี่ยวดองกันทางสายเลือด และทำไมผู้อำนวยการของซกโซรีสอร์ทจึงจัดได้ว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิดแผกจากกลุ่มคณะบริหารที่เป็นเหล่าพี่น้องต่างมารดาทั้งหลาย

“มาซื้อของหรือลูก?”

ธิชากรไม่อยากหัวใจวายเพราะเจอเรื่องตื่นเต้นซ้ำสองซ้ำสามอย่างนี้ เทซกเสียอีกที่เพียงแค่พยักหน้า ไม่สบตากับคนถาม หญิงสาวลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้าง ชายหนุ่มกำลังขบกรามจนเป็นสัน

“นี่เพื่อนหรือจ้ะ? จะไม่แนะนำให้แม่รู้จักบ้างหรือ?”

ชายหนุ่มคล้ายจะพยายามจะถอยห่างจากคนที่ก้าวเข้ามา แต่ทำไม่ได้ และโดยมารยาทธิชากร จำเป็นต้องโค้งศีรษะ

“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็น...”

“ธิชา...คนรักของผม เป็นคนที่ผมจะแต่งงานด้วย”

หญิงสาวอ้าปากค้าง ที่ถูกชิงตัดหน้า หันไปมองคนโน้นที คนนี้ที เมื่อครู่เป็นคนรับใช้... ตอนนี้ได้เลื่อนขั้น ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที

“อ้อ หรือจ้ะ จะมีข่าวดีเมื่อไหร่? เทซก แม่พยายามติดต่อลูกอยู่หลายวัน ลูกว่างไหมจ้ะ วันนี้ทานข้าวกับแม่หน่อยไหม หนูด้วยนะจ้ะ”

“ผมมีนัด!”

ชายหนุ่มตัดใยที่มีอยู่เพียงเบาบางนั้น

“ถ้าอย่างนั้น...ลูกพอจะสละเวลาให้แม่ได้ไหม พรุ่งนี้ แม่จะกลับอเมริกาแล้ว กาแฟสักแก้ว....”

หล่อนได้รับแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์อย่างแรงจากคนข้างๆ รู้สึกและรับรู้ได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ธิชากรอยากช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้นจากเขาเหลือเกิน

ความเจ็บช้ำบางอย่างถ่ายทอดเข้าสู่หัวใจของหล่อนอย่างไม่รู้ตัว ร่างของเทซกสะท้าน มีการตอบสนองอยู่ 2 ทางที่จะเกิดขึ้น หากโชคยังดีชายหนุ่มยังเลือกที่จะพยักหน้า

“ขอบใจนะจ๊ะ”

“ขอ ขอ ผมไปจ่ายเงินก่อน”

ร่างสูงเดินหันหลังให้ไปที่เคาท์เตอร์ ฝีเท้าไม่มั่นคงผิดกับทุกครั้ง ท่าทียโสและเย็นชาหายไปจนธิชากรต้องเข้าไปยืนอยู่เคียงข้าง มือของชายหนุ่มที่กำลังหยิบบัตรเครดิตนั้นสั่นเทาหยิบผิดหยิบถูก จนหล่อนอดไม่ได้ที่จะคว้ามาจัดการเสียเอง เขามีหน้าที่บังคับตัวเองให้เซ็นต์ชื่อเท่านั้น

***********

ร้านอาหารฝรั่งเศสที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ จัดได้ว่าตกแต่งอย่างหรูหรา ในขณะที่ธิชากรอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคือมารดาที่แท้จริงของเทซก แต่ดูเหมือนว่าเทซกจะไม่ได้ให้ความสนใจ สายตาของชายหนุ่มแม้มองดูคนตรงหน้าที่เรียกว่าแม่ หากเหมือนลอยไปไกลแสนไกล เขากุมมือธิชากรเอาไว้ตั้งแต่เดินมาด้วยกัน ไม่ยอมปล่อยแม้จะมีเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือ
หญิงสาวบีบมือใหญ่เอาไว้เป็นการบอกโดยนัยว่าไม่ว่าอย่างไรจะอยู่เคียงข้าง เทซกถึงได้หันมาฝืนยิ้มให้ แล้วคลายแรงออก เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า เทซกมีปัญหาเรื่องเป็นลูกของภรรยาน้อยของคุณฮัน เขามีปัญหากับทางบ้านใหญ่ ด้วยความเจ้าอารมณ์ หนำซ้ำยังมีเรื่องกับนักข่าวในการแข่งขันกอล์ฟ จนต้องถูกส่งตัวไปที่ซกโซ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความลับเลย ไม่ว่าจะอยากทราบหรือไม่ก็ตาม วันแรกที่ทำงานที่ซกโซ พวกพนักงานต่างพยายามให้ข้อมูลการทำงานร่วมกับเจ้านายให้ทั้งด้วยความหวังดีและด้วยคามหวังร้าย
การที่ชอบดูถูกผู้หญิงและชอบทำร้ายตัวเอง สาเหตุส่วนหนึ่งก็คงเนื่องมาจากมารดาผู้สวยสง่าคนนี้

“ลูกสบายดีหรือจ้ะ?” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าเหมือนเดิม

“ลูกยังดูเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย เขายังพูดน้อยกับฉันเหมือนเดิม”

ประโยคหลังมารดาของเทซกหันมาพูดกับหล่อน ธิชากรเองก็ยิ้มให้กำลังใจ ไม่อยากทำเป็นทราบเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่สิ่งที่กำลังเห็นอยู่ ไม่ใช่การพบกันของแม่กับลูกโดยปกติ เทซกเหินห่าง เย็นชาจนอีกฝ่ายน่าเห็นใจมากกว่า เพราะคนเป็นลูกใช่ว่าจะร้ายน้อยไปเสียเมื่อไหร่

“ใช่ ผมไม่เคยเปลี่ยนหรอก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่”

“ที่จริงก็ดีแล้วที่คิดจะมีครอบครัว อายุของลูกก็เหมาะสมแล้ว ว่าแต่ วางแผนจะแต่งกันเมื่อไหร่?”

ธิชากรหน้าจืด อยากปฏิเสธใจจะขาด “เอ้อ...”

“คงไม่นาน....”

ชายหนุ่ม รับหน้าตาเฉย หญิงสาวกระตุกมือเป็นการทักท้วง แต่ ไม่มีประโยชน์

“ลูกต้องบอกแม่ด้วยนะ แม่จะได้มางานของลูก”

“ในฐานะอะไรล่ะครับ?” เขาตวัดสายตา ยิ้มเหยียด รอยยิ้มประจำตัวจากริมฝีปากหยักหนา
ธิชากรเห็นแววสะเทือนใจบนใบหน้างดงามที่บรรจงตกแต่งอย่างประณีต

“แม่เป็นแม่ของลูก นะเทซก เป็นเรื่องธรรมดา ย่อมต้องอยากมาแสดงความยินดีกับลูก ถึงจะ...ไม่สามารถทำได้อย่างเป็นทางการก็เถอะ”

“ขอโทษนะครับ ในประวัติทางกฎหมาย แม่ของผมคือมาดามฮัน ตอนนี้อยู่ที่บ้าน”

เอาอีกแล้ว คนที่พูดแบบนี้คือคนที่มีปัญหา

“เทซก...ลูก” มารดาของเขาทอดตามองชายหนุ่มอย่างเสียใจ

“ลูกจะมองแม่ในแง่ดีบ้างจะไม่ได้เชียวหรือ? แม่อยากเจอกับลูกจนต้องบากหน้าไปขอร้องคุณพ่อ ถ้าไม่บังเอิญแบบนี้ เราคงไม่ได้เจอกัน ที่ผ่านมา แม่เสียใจ แต่... แม่รักลูกนะลูก”

เทซกหัวเราะเสียงเบา แววตาวาวโรจน์ ถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่ธิชากรเคยเห็นแววตาแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน ระเบิดลูกใหญ่!

“ผมเกลียด เวลาที่มีคนบอกว่ารักผม ....ไม่จริงหรอก คุณไม่เคยรักใคร มาดามชาง ถ้าผมจำไม่ผิดนี่เป็นนามสกุลใหม่ของคุณ”

เทซกจงใจเน้นเสียงหนักตรงนามสกุล หนำซ้ำยังมีรอยสะใจเล็กๆ เมื่อผู้เป็นแม่มีรอยสะท้าน มาดามชางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ลูกไม่เข้าใจหรอก ลูกยังคงทำโทษแม่ ที่แม่ทิ้งให้ลูกอยู่กับคุณพ่อ แต่แม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกในตอนนั้น”

“จริงหรือ? ......การที่ผมต้องอยู่อย่างกาฝาก แล้วมีชีวิตอย่างที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณมอบให้ ผมต้องขอขอบคุณคุณสินะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เหมือนกับสิ่งที่เขากำลังถามเป็นเรื่องธรรมดา หยิบแก้วน้ำมาจิบสบายอารมณ์

“แล้วถ้าการที่คุณบอกว่าจะมาแสดงความยินดีในงานแต่งงานของผม พนันกันไหม? คุณก็จะไม่มาพูดอย่างนี้ บอกอย่างนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง แล้วเคยไหม? ที่จะทำตามสัญญา””

รอยยิ้มจากเขาบอกกำลังยิ้มเยาะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีรอยสะเทือนใจ

“แม่พยายามอธิบายเรื่องนี้ให้ลูกเข้าใจนะเทซก แม่ไม่มีทางเลือก”

“ผมเข้าใจสิครับ คุณอธิบายให้ผมฟังแล้วเมื่อตอนที่อยู่อเมริกาแล้ว อธิบายเรื่องซ้ำซากทุกครั้งที่พบกัน หลังจากนั้น คุณก็แต่งงานใหม่อีก และ...อีกครั้ง สุดท้ายนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็ขี้เกียจจำ ตอนนี้ผมอายุไม่น้อยแล้ว ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันเป็นเรื่องเสียเวลามาก ถ้าผมจะต้องมานั่งคุยกับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ในขณะที่ผมสามารถทำประโยชน์จากเวลาที่สูญเปล่าเหล่านี้ได้”

ชายหนุ่มกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะ คนอย่างเขา เคยทนรักษามารยาทกับใครเขาที่ไหน ถ้าคิดจะหาเรื่อง

“เทซก! ลูกไม่เคยฟังแม่เลย....” เทซกโบกมือ

“พอทีเถอะมาดามชาง ผมไม่เคยเปลี่ยน คุณก็ไม่เคยเปลี่ยน ดังนั้นจำเป็นด้วยหรือที่ผมจะต้องใส่ใจกับคนที่ไม่เคยใส่ใจผมตลอดมา ผมมีธุระ ต้องไปแล้ว ลาก่อน”

เทซก คว้าข้อมือธิชากรให้ลุกขึ้น ความอดทนของชายหนุ่มสั้นเสียจนน่าตกใจ ธิชากรอยากให้เขารับฟังคนอื่นบ้าง อย่างน้อยก็กับแม่ของตัวเอง

“เทซก!” มารดาลุกขึ้น มองด้วยสายตาที่วิงวอน หาก ชายหนุ่มไม่นำพา

“เทซก! ฟังแม่ก่อน ได้โปรด!”

คุณนายชาง ร้องเรียกด้วยหัวใจที่แตกสลาย ธิชากรอยากจะค้านรั้งชายหนุ่มไว้แต่เขาไม่ให้โอกาส หล่อน จึงทำได้แต่โค้งคำนับอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกลากออกห้องอาหาร

“คุณเทซก เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว ผู้อำนวยการคะ หยุดก่อนได้ไหม? แขนของฉันจะหลุดแล้ว!”

หล่อนปวดแสบปวดปวดร้อนตรงที่เขาบีบ แย่ที่ยังยอมปล่อยให้เขาลากจนตัวปลิว พลางคิดว่า...ทำไมต้องใส่ใจกับความทุกข์ร้อนของเขา ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่เคยเห็นใจใครและเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ ทำไมจู่ๆถึงอยากเคียงข้างยามที่ทราบว่าความเจ็บปวดกำลังรุกล้ำ ธิชากรควรจะเดินหนี เพราะที่จริง
เขาเพียงต้องการใครสักคน...ซึ่งเป็นใครก็ได้...เท่านั้น




<< Previous

Next >>




Create Date : 05 กรกฎาคม 2554
Last Update : 8 สิงหาคม 2554 19:34:14 น. 0 comments
Counter : 838 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ปันนที
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




สวัสดีทุกท่าน
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยม ถ้ามีอะไรช่วยติชม วิจารณ์ได้เลยนะคะ
[Add ปันนที's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com