ทำทุกอย่างด้วยใจรัก

<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 สิงหาคม 2555
 

ปรารถนารัก...ชั่วนิรันดร์: ตอนที่ 14 ความรักของตนเอง

14 ความรักของตนเอง


ประกาศจากท่านรองประธานฮัน ทำให้พนักงานระดับสูงอ่านแล้วอดวิจารณ์ไม่ได้ คนที่อยู่ก่อนหน้าธิชากรเล่าว่า นานแล้วที่ไม่มีเรื่องแบบนี้ ส่วนมูนจุงให้คำตอบที่กระจ่างชัดกว่า
“ตอนคุณเทซกหายไป เป็นทีของท่านรองประธานโจมตีเอาในที่ประชุมนะสิ ท่านประธานฮันก็พูดอะไรมากไม่ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องคุณแม่ของคุณเทซกเป็นความลับ”
“แต่ก็น่าจะปกป้องได้”
“อย่าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวผู้บริหารเลย บางอย่างเราไม่ควรไปพูดมากนักหรอกนะ เพราะเราไม่ทราบอย่างแท้จริง”
ผู้อาวุโสกว่าเตือน ทำให้หญิงสาวต้องเงียบแม้ในใจไม่ค่อยเห็นด้วย แต่คนส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อน ตราบใดที่ยังได้เงินเดือนครบเดือน อีกอย่างคนเป็นเจ้าของเรื่องก็ยังคงเฉยไม่มีปฏิกิริยาเกรี้ยวกราดใดๆ เมื่อท่านรองฯส่งคนมาอยู่ที่ซกโซเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินจากโซล หนำซ้ำยังเป็นลูกชายและนับเป็นหลานของเทซกเสียด้วย
“อาทิตย์หน้าจะมีผู้จัดการใหญ่จากโซล มาดูแลระบบการเงินที่นี่ บางคนอาจจะรู้จักแล้ว คุณฮันกีเท ขอให้ทุกคนต้อนรับด้วย”
ชายหนุ่มแจ้งในที่ประชุมซ้ำอย่างเป็นทางการ
“เขาอยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ให้ความร่วมมือ”
เขาบอกสั้นๆ แล้วพูดเรื่องอื่น พักนี้เขางอนธิชากรอีกแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากบ้านลุงของซองอึนก็ไม่ค่อยพูดด้วย แต่...ไม่ทราบสิ ความรู้สึกบอกเอาไว้ว่ายังอยู่ใกล้กันอยู่ดี
“ผู้อำนวยการคะ....”
มูนจุงเรียกเขาขณะเดินออกมาจากห้องประชุมแล้วคุยอะไรกันไม่ทราบ ธิชากรเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง กลับไปทำงานของตัวเอง หลายเรื่องต้องสะสาง คังฮีบอกว่าตอนแรกใจหายนึกธิชากรจะไปแล้วไปลับ ซึ่งนั่นคงจะจริงถ้า...ไม่มีคนไปรับ
ก่อนหมดเวลาเลิกงานนั่นแหละ มูนจุงถึงมาบอกว่าให้ไปแกลอรี่ด้วยกัน จีวันจะทำอาหารเย็นรับประทานต้อนรับการกลับมาของหล่อน
“เซอร์ไพรซ์นะ ไม่ไปไม่ได้”
หญิงสาวถูกดักคอเอาไว้แต่แรก และยิ่งเซอร์ไพรซ์มากขึ้นไปอีก เมื่อไปถึงเกลอรี่พบว่ามีรถอีกคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า
“แหม...มาถึงเร็วจริง...เราไปซื้อกับข้าวเดี๋ยวเดียวเอง”
มูนจุงไม่แปลกใจสักนิด คงชวนกันเอาไว้ก่อนแล้ว ธิชากรจึงไม่พูดอะไร เพราะก็ดีใจเหมือนกันที่ได้อยู่เป็นส่วนตัวด้วยหลังจากที่ไม่มีโอกาสมาหลายวัน
หญิงสาวถือโอกาสหยิบจานขนมเอาไปที่ห้องของจุนโซ
ชายหนุ่มนอนยาวบนโซฟาแล้วหลับตา ธิชากรไม่อยากกวน แต่ อากาศเริ่มจะเย็น ทำให้ต้องเขย่งเท้าไปปิดหน้าต่างให้
“ใครมายุ่งในห้องนี้อีกเล่า?”
น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายไม่ทำให้รู้สึกกลัวเหมือนตอนแรกๆ
“ก็อากาศเย็นแล้วนี่คะ เดี๋ยวก็มืด ฉันเลยปิดหน้าต่างให้ ผู้อำนวยการก็นอนไปสิคะ ถ้าพี่จีวันทำกับข้าวเสร็จแล้วจะมาเรียก”

“คนจุ้นจ้าน....” เขาแดกดัน
หล่อนทวนคำแล้วยักไหล่ ไม่สนใจ “ผู้อำนวยการสบายดีแล้วหรือคะ?”
“อะไรล่ะ ใจ...หรือกาย?... ถ้าเป็นใจน่ะ ไม่มีวันหายหรอก แต่ถ้าเป็นกาย...”
เขาชี้ที่แก้ม พร้อมกับเดินมายื่นให้ดูรอยแผลเล็กๆเพราะรอยมีดโกนฝีมือหล่อน
“นี่ไง แม่คนเก่ง ไหนว่าชำนาญ? ไหนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ?”
“ก็....”
หญิงสาวยิ้มแหยไม่อยากเถียง ได้แต่ค้อนที่โดน! เข้าให้อีกแล้ว หาก....ถ้าสามารถแสดงความรู้สึกอะไรก็ได้คงดีสินะ จะได้รีบเอาแก้มไปแนบอกกว้างๆ กอดแรงๆสักที แต่ที่พูดออกไป...ตรงกันข้ามทั้งหมด!
“ผู้อำนวยการน่าจะหาใครสักคน...” หล่อนทิ้งประโยคแล้ว สังเกตดูสีหน้าของคนฟังก่อน ว่าเริ่มแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมาหรือไม่
“แผลใจ…จะได้หายบ้างนะคะ”
“อย่างนั้นหรือ... น่าสนใจนะ” ผิดคาด ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด
“แล้วคุณหล่ะ...ถ้าคุณต้องมีสภาพอย่างผม คุณจะหาคนมาทดแทนไหม?”
คำถามที่ต้องการคำตอบ ธิชากรไม่อยากโกหก จริงสิ พวกหล่อนเพียรพยายามให้เขาหาคนอื่นมาชดเชยความสูญเสีย ถ้าเป็นคนทั่วไปคงทำอย่างนั้น หญิงสาวไม่ทราบว่าเทซกจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่สำหรับหล่อน....
“ฉันนะหรือ?...กรณีของฉันมันแตกต่างจากคุณนี่คะ...สำหรับฉัน การสูญเสียคนที่รัก ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญเสียความรักไปด้วย สิ่งที่อยู่ในใจนี้ยังคงอยู่ ดังนั้น...ฉันไม่สามารถหาคนมาทดแทนโดยที่ไม่ได้รักเขาคนนั้นหรอกค่ะ ฉัน...”
กำลังจะพูดต่อ หากรอยยิ้มละมุนนั่นทำให้ต้องหยุด
ธิชากรหน้าร้อน รีบขยับลงจากขอบหน้าต่างที่มีไว้สำหรับวางกระถางดอกไม้
“ฉันไปช่วยพี่จีวันทำกับข้าวดีกว่าค่ะ”
หญิงสาวบอกแต่ถูกรั้งเอาไว้ “จะไปกวนเขาทำไม อยู่ที่นี่ก่อนดีกว่า ถ้าจะให้ดี ที่นี่ก็มีฝุ่นมากมาย มาช่วยกันดีกว่า” คนพูดตาพราว หาเรื่องแกล้งกันจนได้สินะ
“นี่ ผู้อำนวยการคะ ใช้งานที่ทำงานยังไม่พอ ยังมาใช้กันแบบนี้ด้วยหรือ?”
“ช่วยไม่ได้ ห้องนี้มีแต่ฝุ่นขึ้นจับอีกแล้ว คุณไม่ได้มานานเท่าไหร่แล้วหล่ะ ดีแต่เผ่นหนีไปเมืองไทย? ในเมื่อเจ้ากี้เจ้าการมาจัดแต่งห้องใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ควรจะรับผิดชอบให้ต่อเนื่องหน่อยสิ” พูดเสร์จก็กลับไปนั่งที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์ตามเดิม
“ผู้อำนวยการ!”
ธิชากรบ่นอุบ ค้อนคนกลับไปนั่งเอกเขนกที่เดิมตาเรียวยาวมองมาอย่างท้าทายดูว่าหล่อนจะทำอย่างไรอีกต่อไป
เฮ้อ! หญิงสาวแอบไปยิ้มกับหน้าต่างหยิบไม้กวาดกับผ้ามาสักพักคนที่เป็นเจ้านายเสมอก็มาช่วยหยิบจับนั่นจับนี่ ก็ดีเหมือนกัน จะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง สักนิดก็คงจะดี

**********
ถึงเวลาจริงๆพวกมูนจุงกับพนักงานระดับบริหารรวมทั้งคนที่ไม่ได้มีตำแหน่งพิเศษอย่างธิชากร มาพร้อมหน้ากันเพื่อต้อนรับและแนะนำตัวเองกับผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน ฮันกีเทมีหน้าที่ควบคุมการเงินของทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับฮันกรุ๊ปรองลงมาจากผู้อำนวยการฝ่ายการเงินที่ท่านรองประธานเป็นผู้รักษาการอยู่ คนที่รู้จักเขาดีน่าจะเป็นชินเน่กับมูนจุง ส่วนธิชากรไม่เคยทราบมาก่อนว่าฮันกีเทจะดูหนุ่มมากอย่างนี้
ฮันกีเทเขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมเพรียวกว่าเทซก โครงหน้าของเขาแม้ไม่ดูสะดุดตา แต่แววตาภายใต้แว่นสายตานั้นดูมีความเอื้ออาทรและท่าทีที่นอบน้อมนั้นไม่เหมือนกับคนตระกูลฮันส่วนใหญ่ที่เคยเห็น แต่แน่นอน ปริญญาเอกทางด้านการเงินและการธนาคารและประสบการณ์จากบริษัทการเงินต่างประเทศย่อมประกันว่าเขาไม่ใช่คนที่ด้อยประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องงานแน่ๆ
“ส่วนใหญ่ผมคงประสานงานกับผู้จัดการฝ่ายการเงินมากกว่า แต่ก็อาจมีบ้างที่ต้องขอคุยรายละเอียดทางด้านงบประมาณกับแผนกต่างๆ”
กีเทแนะนำตัวพร้อมกับเอ่ยถึงบทบาทหลัก ทั้งๆ ที่ทราบกันดีว่าส่วนหนึ่งคือการเข้ามาเจาะหัวใจสำคัญของการบริหารงาน
และตลอดเวลา นอกจากแนะนำพนักงานและกล่าวคร่าวๆ แล้ว เทซกก็ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เรื่องของมารดาของเขาแล้ว ดูชายหนุ่มจะเฉยชาต่อเรื่องเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว ไม่มีใครเคยคิดว่าชายหนุ่มจะยอมให้ใครมาก้าวก่ายงานมาตั้งแต่เขาจัดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน เขาได้ตัดตำแหน่งบางตำแหน่งออกไปเพื่อลดความซ้ำซ้อน แล้วเปลี่ยนนิสัยจากการเซ็นเอกสารโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้นมาเป็นทำงานเองทุกอย่าง เรียกได้ว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนศักราชของซกโซรีสอร์ทให้คนรู้ว่าว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ทันสมัยและสวยงาม และก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดนิ่ง
ธิชากรทราบว่าเป็นเพราะอะไร ความสำเร็จนี้ได้มาจากการเปลี่ยนความเจ็บช้ำมาเป็นพลังที่สร้างสรรค์ ความสูญเสียเพื่อนรักและคนที่รัก ทำให้เขาไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวนกจากการทำงาน แล้วคราวนี้ ความอ่อนล้า...ทำให้เขากลับยอมให้คนที่มักจะคอยกล่าวร้ายเขาเสมอส่งคนเข้ามามีบทบาทในซกโซรีสอร์ทแม้กระทั่งจางซงหยวนยังต้องแอบมานั่งที่ห้องของธิชากรในระหว่างพักกลางวัน
“ไม่ทราบว่าเจ้านายคิดอะไรอยู่ ถึงให้คุณกีเทนั่งในห้องทำงานด้วย จะเรียกว่าคุมเชิงก็ไม่น่าใช่ เพราะก็สั่งผมว่าคุณกีเทต้องการข้อมูลอะไรให้จัดการให้หมด ไม่ต้องปิด คุณเทซกไม่เคยกลัวใคร คราวก่อนท่านไล่พี่สาวคนที่สี่ออกจากห้องแทบไม่ทัน ผมยังเคยเห็น”
การวิจารณ์เจ้านายไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่พออภัยให้ได้สำหรับกรณีนี้
“แล้วคุณกีเทว่าอย่างไร?”
“ก็...มีโต๊ะทำงานที่ห้องคุณเทซกอีกชุด ส่วนอีกชุดเขาขอไปทำงานที่ห้องการเงิน บอกว่ามาจัดระบบให้เหมือนกับส่วนกลางที่เพิ่งเปลี่ยน ต้องคุยกับผู้จัดการฝ่ายการเงินมากหน่อยเท่านั้นเอง”
“แล้วเป็นอย่างไร? เห็นเขาว่าคุณกีเทเรียกผู้จัดการแต่ละฝ่ายเข้าไปพบ” ธิชากรสนใจตามประสาคนอยากรู้ นอกเหนือจากนั้น เรื่องการไม่ถูกกันภายในครอบครัวไม่มากก็น้อยต้องทราบกันดีอยู่แล้วไม่รู้สิ ถ้าต้องแบ่งพวก หล่อนต้องโดดไปยืนอยู่อยู่ข้างเทซกร้อยเปอร์เซ็น
“ไม่ทราบเหมือนกัน คงเรื่องการทำงานทั่วๆไป ตอนนี้ก็คุยเกือบหมดแล้ว ที่เหลือกลุ่มผู้จัดการก็คือคุณมูนจุง ส่วนคนอื่นที่อยู่ในรายการเพิ่ม ก็มีหัวหน้าเชพกวง แล้วก็คุณธิชา”
“โอ้โฮ! ทำงานเร็วจริง ไม่กี่วันก็คุยเกือบหมดแล้วหรือนี่”
“เขาฉลาดและไวมากทีเดียว แล้วยังเอาจริงเอาจังอีกด้วย”
หล่อนพยักหน้าหงึกๆ ธิชากรไม่โง่ไม่ทราบว่าพวกที่เหลือนี่เป็นพวกที่จัดได้ว่าสนิทสนมกับเทซกและคนเก่าของท่านประธานเสียด้วย คงมีคนจัดรายชื่อให้สินะ แล้วนี่เทซกต้องเผชิญกับอะไรอีกบ้างนะ... หญิงสาวถอนหายใจอย่างกังวล
เสียงฝีเท้าดังมาทางห้องของหล่อนทำให้ทั้งซงหยวนและหญิงสาวต้องหยุดการสนทนา กีเทเดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้ม สองคนในห้องลุกขึ้นแทบไม่ทัน
“อยู่นี่เองห้องทำงานของคุณธิชา ถ้าไม่มีคนบอกทางมาคงหาไม่เจอ” จากนั้นเขาจึงหันไปที่เลขาหนุ่มของเทซก
“คุณจาง ผมขอบคุณนะที่สั่งอาหารกลางวันให้ แต่วันนี้....ห้องอาหารผู้บริหารค่อนข้างจะเงียบเหงา ผมเลยต้องขอลงไปรับประทานที่ห้องอาหารกลาง”
ซงหยวนกับธิชากรสบตากันแล้วยิ้มแห้งๆ เลขาของเทซกขอตัวกลับไปที่ทำงานเพราะได้เวลางานพอดี
“คุณกีเทมีอะไรจะให้ฉันรับใช้คะ? ถึงเดินมาถึงที่นี่ ที่จริงโทรศัพท์เรียกฉันก็ได้”
หญิงสาวไม่เห็นเขาถือเอกสารหรือสมุดจดมาด้วยสักฉบับ
“อ้อ... ก็ทั่วไปนะครับ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็อยากให้คุณพาชมที่นี่สักหน่อย ผมมาอยู่หลายวันแล้วยังไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากห้องทำงานแล้วก็ที่พัก ปกติ เวลามีแขกมา คุณก็ช่วยพาชมสถานที่ด้วยไม่ใช่หรือ?”
“ค่ะ” ธิชากรรับคำแบบงงๆ แปลกเหมือนกันที่เขาทราบเรื่องนี้ด้วย
หญิงสาวพากีเทออกมาดูบริเวณรอบๆ รวมทั้งสนามกอล์ฟ ซึ่งต้องใช้รถกอล์ฟขับไปตามทาง
“ที่จริงผมไม่มีอะไรจะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องงานหรือตัวเลขหรอก งานของคุณส่วนใหญ่เป็นงานโครงการที่ต้องอนุมัติเป็นคราวๆไปอยู่แล้ว”
ระหว่างที่เดินหรือนั่งรถไปด้วยกันต่างคนต่างแลกเปลี่ยน ส่วนใหญ่หญิงสาวเป็นฝ่ายถูกถาม
“ฉัน ก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่ก็แฝงกับแผนกการตลาด”
“ผมเข้าใจ อือม์...ที่นี่น่าอยู่นะ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นช่วงๆ
“ค่ะ...ถ้าเป็นฤดูหนาว ก็จะสามารถเล่นสกีหิมะได้”
“นั่นสินะ อากาศดีจัง ตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษ ผมยังไม่เคยรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนอย่างนี้มาก่อน” ชายหนุ่มหันไปรอบๆ
หล่อนยิ้มในหน้า รู้สึกว่าฮันกีเทไม่น่ากลัวอย่างที่เคยวาดภาพเอาไว้ ชายหนุ่มก็เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างธรรมดา สุภาพกว่าผู้ชายเกาหลีทั่วไป อาจเป็นเพราะเขาเล่าว่าเขาอยู่อังกฤษมาตั้งแต่เด็ก นานๆจะได้กลับบ้านสักที
“ครอบครัวของผม ส่วนใหญ่คุณปู่จะให้ไปอยู่อังกฤษ ไม่เหมือนอาเทซก อาเป็นคนเดียวที่แยกออกไปอยู่อเมริกา”
หญิงสาวรับฟัง และเข้าใจในเหตุผลโดยปริยายว่าทำไมเทซกถึงได้ไปพบจุนโซที่อเมริกา เป็นเรื่องของโชคชะตาจริงๆ
หล่อนพากีเทไปจนสุดเขตของรีสอร์ท แล้วพากลับมาที่ห้องทำงาน
“ขอบคุณมากนะธิชา...ที่สละเวลาพาผมเที่ยว ค่อยยังชั่วหน่อย จะได้กลับไปนั่งดูตัวเลขอีกที” ฮันกีเทคลึงที่หัวคิ้วท่าทางตลกจนอดหัวเราะไม่ได้
“ถ้าต้องการข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับงานของฉัน คุณกีเทก็เรียกได้เลยนะคะ ฉันจะจัดให้”
“มีแน่ แต่คงไม่มากนักหรอก ถ้าเกี่ยวกับเรื่องงาน”
เขาโบกมือ ก่อนจะเดินกลับออกไป ทิ้งให้ธิชากรนั่งทบทวนบทสนทนา นับว่ากีเทไม่ใช่คนไม่ทันคนอย่างบุคลิกภายนอก ชายหนุ่มสอบถามอะไรเรื่องเรื่อยเปื่อย แต่ก็เก็บข้อมูลของซกโซรีสอร์ทไปได้มากทีเดียว แต่มานึกๆดี หล่อนก็พูดแต่ความจริงนี่นา และเป็นความจริงที่สามารถตรวจสอบได้ด้วย ถึงกระนั้นหล่อนก็อดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์บอกมูนจุง
“เขาคงมาสืบอะไรตามที่ท่านรองประธานสั่งนั่นแหละ แต่เราไม่มีอะไรนี่ ไม่เห็นต้องกังวล”
“ฉันกลัวว่าจะมีคนจงใจให้ข้อมูลผิดๆ หรือคุณกีเทจะให้ข้อมูลไปที่โซลผิดๆนะสิ”
“อย่ากังวลไปหน่อยเลย เจ้าตัวน่ะ ยังไม่เดือดร้อนเลย ซองอึนยังมาบอกว่าเมื่อคืนยังเรียกหาเหล้าไปดื่มที่บ้านพัก ถ้าระวังตัวกว่านี้สักนิดก็ต้องทำตัวดีกว่านี้สิ”
“แหม...ไม่น่าห่วงจริงๆด้วยสิ”
ธิชากรย่นจมูก นึกถึงใครบางคน เทซกไม่เคยกลัวใครเขาว่าให้เสียหาย แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นห่วงนี่สิ เตรียมกำแพงให้ไม่หวาดไม่ไหว หากกีเทเองก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนี่นา เท่าที่ได้สนทนาด้วยก็เห็นว่าเขาเองไม่ได้ถูกครอบงำอะไร ภายใต้ท่าทางสบายๆก็คงจะมีความเป็นตัวของตัวเองพอสมควรทีเดียว แต่ว่า...ของอย่างนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ท่าทางแบบนั้นบางทีอาจซ่อนคมเอาไว้

************

การที่ฮันกีเทมาที่ซกโซและมาทำงานที่ฝ่ายการเงินไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุผล เทซกได้รับแจ้งในที่ประชุมตั้งแต่แรก เขาทราบว่ากีเทเรียนจบปริญญาเอกทางด้านการเงิน และทำงานกับสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างประสบการณ์มาได้สองสามปี ก่อนที่จะกลับมาอยู่ที่โซล และได้รับการวางตัวให้เป็นทายาทกิจการของตระกูลฮันอันดับที่สอง
เรื่องนี้เทซกรับฟังและรับทราบมานานมากแล้ว และพอทราบว่าสักวันกีเทต้องได้มาอยู่ที่ซกโซ การที่เขาขาดการทำงานยิ่งทำให้คนที่โซลคิดว่าเขาเสเพลเชื่อถือไม่ได้ และเป็นโอกาสให้พี่ชายคนโตใช้จุดอ่อนนี้เสนอให้มีการปรับปรุงระบบบัญชีให้สอดคล้องกับส่วนกลาง
นอกเหนือจากนั้นเหตุผลที่แท้จริงมีถึงสองประการ อย่างแรกคือให้กีเทมาตรวจสอบการทำงาน อีกอย่างคือเพื่อเตรียมเข้ามาดูแลซกโซรีสอร์ท หากวันใดที่เทซกเกิดทำงานพลาดหรือล้มเหลวอีก กีเทจะก้าวเข้ามาเป็นผู้อำนวยการของที่นี่ทันที
ตอนแรกชายหนุ่มแทบจะประกาศในที่ประชุมในทันทีว่าเขายินดีลาออกและไปจากวิถีของตระกูลฮัน หากเมื่อมองตาผู้เป็นบิดา ชายหนุ่มต้องกล้ำกลืนแบกความขมขื่นเอาไว้ เขาเป็นห่วงพนักงานที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน และทุกอย่างกำลังไปด้วยดี เขาไม่ควรละทิ้งกลางคันด้วยความรู้สึกเหล่านี้ และไม่ควรทำให้ทุกคนเสียขวัญด้วยการแสดงการต่อต้าน
ในความรู้สึกที่แท้จริงนั้น เทซกค่อนข้างชอบหลานชายคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กีเทยามเป็นเด็กชอบวาดรูปเหมือนกับเขา แต่ต้องหันเหไปเรียนทางการเงินเสียก่อน ในขณะที่เทซกยืนหยัดมาได้จนจบปริญญาตรี เมื่อนึกถึงอย่างนี้แล้วเทซกก็ปล่อยและพร้อมที่จะถ่ายทอดทุกอย่างให้หลานชาย ถ้ากีเท อยากได้จริง เขาตั้งใจว่าจะไม่คัดค้านและจะยอมจากโซรีสอร์ทไปแต่โดยดี

การกระทำของชายหนุ่มยังความกังขาให้กับคนใกล้ชิด แต่ไม่มีใครกล้าถาม คนที่หมดความอดทนก่อนใครเพื่อนน่าจะเป็นยุนชินเน่ หญิงสาวกดโทรศัพท์ส่วนตัวมาหาหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน
“พี่เทซก ทำอะไรอยู่หน่ะ?” ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงตอบกวนหนักๆกลับไป
“อยู่บ้าน ดูทีวี...”
“พี่ยังมีแก่ใจดูทีวีอีกหรือนี่ กีเทน่ะจะมานั่งเก้าอี้ถึงที่แล้วนะ”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “อย่าตื่นตูมไปหน่อยเลยน่าชินเน่ กีเทก็ดูไม่มีอะไร อีกอย่างเราไม่มีอะไรปิดบังนะ”
“พี่เทซกก็... ถ้าพี่ไม่ขาดงานหลายวันอย่างนั้น มีหรือที่ท่านรองจะส่งกีเทมา”
ชายหนุ่มถูกหญิงสาวต่อว่าตั้งแต่กลับมา หนำซ้ำยังต้องไปรายงานตัวกับคุณและคุณนายยุนให้หายห่วงอีก เทซกเข้าใจในความเป็นห่วงของหล่อน จึงต้องอธิบายอย่างใจเย็น
“แล้วถ้ากีเทไม่มา อะไรที่ค้างคาใจพี่ๆในตระกูลหรือผู้ถือหุ้นคนอื่นๆคงไม่ได้รับการคลี่คลาย กีเทเป็นคนถึงลูกชายของพี่ใหญ่ ถ้าเขาพูดและมีหลักฐานทุกอย่างก็คือความจริงที่ทุกคนพร้อมที่จะยอมรับ จะได้ไม่มีใครมากวนพี่อีก”
งานนี้เรียกว่าถ้าดีจะเสมอตัว แต่ถ้าชั่วคงถูกเหยียบจมดิน
“แล้วถ้ากีเทหรือคนบางคนเกิดให้ข้อมูลผิดๆล่ะ”
“ท่านประธานก็จะเป็นผู้ตัดสินใจเอง บางทีพี่คิดว่ามันก็ดีนะจะได้ทำอะไรที่อยากจะทำเสียที”
“เป็นจิตรกรหน่ะหรือ?” ชินเน่ไม่อยากจะเชื่อ เทซกเริ่มต้นช้าไปหน่อยกระมัง
“ทำนองนั้น...”
“พี่ยังคิดถึงพี่จุนโซอยู่หรือ?” คำถามของชินเน่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
“ใช่ คิดถึงมากเลยหล่ะ จะว่าไหม? ถ้าจะบอกว่าคิดถึงอึนโซด้วย”
แทนที่จะได้รับเสียงกรีดมาตามสาย หญิงสาวกลับส่งเสียงถอนหายใจมาแทน
“ฉันก็เหมือนกับพี่นั่นแหละ แล้วฉันก็เป็นห่วงพี่มากนะ” น้ำเสียงของหล่อนอ่อนโยนลง
“ชินเน่... พี่รู้ ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ”
“แต่ฉันไม่ทราบว่าคนอื่นจะเป็นห่วงพี่เหมือนฉันหรือเปล่านะ?”
“ใครหล่ะ?”
“คุณมูนจุงกับแม่ธิชานะสิ เมื่อตอนบ่ายฉันเห็นธิชาพากีเทขับรถชมโรงแรมเสียทั่ว ดูสนิทสนมกันมากนะ แล้วนี่ก็ได้ยินมาว่าจะให้คุณมูนจุงพาไปข้างนอกในวันหยุด”
“ก็ไม่แปลกนี่”
ปากก็ว่าอย่างนั้น แท้ที่จริงความริษยาแล่นปราดไปทั่ว ทำนอกเหนือหน้าที่นี่นา! นอกเหนือคำสั่งด้วย เทซกไม่โทษมูนจุงเพราะเห็นว่าคงเป็นเรื่องทั่วไป มูนจุงเป็นคนเก่าแก่ อย่างไรก็ไม่น่าเกลียด แต่อีกคนนี่สิ!
“แหม....แต่พูดคุยกันสนิทสนมกันทีเดียว ไม่กี่วันแท้ๆ”
“เอาเถอะน่า กีเทก็สมควรได้เห็นอะไรรอบๆบ้าง เธอเองก็น่าจะพาเขาไปพบลูกค้าบ้างนะ อย่างน้อยเขาจะได้เห็นว่าเราทำงานกันอย่างไร? ถ้าอะไรอะไรก็เป็นพี่ไปหมด จะกลายเป็นการจัดฉากไป”
“ก็ได้ พี่ก็อย่าวางใจนักก็แล้วกัน”
ชินเน่คุยเรื่องอื่นต่อไปอีกสองสามเรื่อง เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่คุยกันได้นานแบบนี้ โดยเฉพาะตอนไม่เห็นหน้านี่ดูจะคุยกันถูกคอเป็นพิเศษ ตราบใดที่หญิงสาวไม่แตะต้องอึนโซหรือเรื่องลึกภายในหัวใจ เขาก็สามารถคุยกับหล่อนได้เสมอ เหมือนน้องเหมือนคนที่รู้จักกันมานานแสนนาน เหมือนคนที่เจ็บและทุกข์ด้วยกัน
หากหลังจากจบการสนทนากับชินเน่ เทซกแทบจะกดโทรศัพท์ไปหาต้นเรื่องโดยทันที แต่พอคิดถึงสาเหตุที่จะต่อว่าก็ดูเหมือนจะหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้ ชายหนุ่มนอนนิ่งทั้งๆที่ในอกร้อนเป็นไฟ เอาเถอะ....จะทำอะไรก็ตามใจ รอให้เขาจัดการอะไรบางอย่างให้เสร็จก่อนเถอะแม่ตัวดี จะเป็นทีของเขาบ้าง!

********************

พวกผู้บริหารโรงแรมและธิชากรค่อนข้างแปลกใจเมื่อเทซกมีหัวข้อแจ้งในที่ประชุม หลังจากที่ทราบข่าวว่าเขาไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดกังวอนมา เมื่อพร้อมเพรียงกัน
ชายหนุ่มก็บอกเล่าถึงแผนซึ่งไม่มีใครเลยทราบเรื่องนี้มาก่อน

“เรื่องนี้เริ่มมาจากการที่ผมได้ไปดูงานที่ประเทศไทย ผมเห็นว่าที่ซกโซกับจังหวัดกังวอนขาดกิจกรรมที่มีสีสันมานาน รวมทั้งผลจากโรคระบาดที่ทำให้การท่องเที่ยวซบเซา ผมจึงคิดว่าเราควรจะทำกิจกรรมอะไรซักอย่างที่ทำให้ซกโซมีชีวิตชีวา ให้เรามีรายได้ และคนที่นี่ก็มีส่วนร่วม นอกจากนั้นผมยังอยากให้งานนี้เป็นการคืนบางอย่างให้กับสังคม
เมื่อวิเคราะห์ถึงศักยภาพและความถนัดขององค์กรแล้วผมจึงคิดว่าเราน่าจะจัดกอล์ฟการกุศลจึงนำเรื่องนี้ไปคุยกับท่านผู้ว่าในหลักการ ซึ่งทางราชการก็เห็นดีด้วย ผมถึงกลับมาแจ้งให้กับทุกคนเพื่อที่จะช่วยกันเขียนแผนงานนำเสนอราชการอีกที
“แล้วทางโซลทราบแล้วหรือยังครับ?”
ผู้จัดการหน้าฟร้อนยกมือขึ้นถามราวกับจะเป็นการตรวจสอบ คนเก่าหลายคนทราบมาว่าเขาเป็นคนของท่านรองประธานฮัน เขาถือว่าเป็นคนเก่าแก่ อาวุโสกว่าเทซก การทำงานของเทซกมักถูกรายงานโดยตรงถึงท่านรองประธานโดยคนผู้นี้เสมอ
“ผมคิดว่าเราต้องเขียนแผนให้มันเป็นรูปเป็นร่างก่อน เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้อย่างเป็นเอกเทศ”
“แต่ผมว่า...”
ทุกคนหันไปมองผู้จัดการหน้าฟร้อนเป็นตาเดียว ทำให้คนที่ตั้งใจพูดเริ่มรู้ตัวหยุดพูดตัวลีบ คราวนี้ธิชากรเห็นกีเทก้มหน้าซ่อนยิ้มแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาใหม่ด้วยท่าทีที่สงบเช่นเดิม
หญิงสาวเห็นว่าผู้จัดการคนนี้ติดตามกีเทอยู่หลายวันทีเดียวเพื่อแสดงความสนิทสนมนี่นา
“ผมอาจจะคิดเริ่มคนเดียวก็จริง แต่ก็อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสานต่อและพยายามช่วยกันให้สำเร็จ ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยผมก็อยากให้ยกมือ เราจะได้โหวตกัน ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยเกินครึ่ง ผมจะล้มเลิกไอเดียนี้”
พอฮันเทซกพูดจบ คนที่ยกมือเป็นคนแรกคือฮันกีเท พวกที่เหลือจึงยกมือขึ้นตามไม่เว้นแม้แต่คนที่ทำท่าจะค้านตั้งแต่ตอนแรก
ในที่สุดมติจึงเป็นเอกฉันท์ ทุกคนถูกแจงงานให้ตามหน้าที่และบทบาทของตน ธิชากรแย่หน่อยเพราะถูกสั่งให้ทำงานกับชินเน่และกีเทเรื่องแผนการตลาดและงบประมาณ เทซกวางรูปแบบมาอย่างดี เขาถึงสามารถจัดการได้อย่างมีระเบียบ
หลังจากจบการประชุม ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปทำงานต่อ กีเทรั้งท้ายเพื่อรออาคนเล็ก
“นายมีอะไรจะเสนออาหรือกีเท?”
ที่จริงวัยของพวกเขาไม่ต่างกันมากนัก เพราะเทซกเป็นลูกหลงคนเล็กสุด จากภรรยาที่สาวที่สุดทำให้พวกเขาเติบโตไล่เลี่ยกัน หากความสัมพันธ์นั้นห่างเหินเพราะต่างถูกกีดกันไม่ให้สนิทสนมเกินไปกว่าคนรู้จัก
“ไม่หรอกครับอา ผมว่าโครงการของอาน่าสนใจดีอยู่แล้ว”
“ก็ดี...ถ้ามีอะไรจะเสนอก็บอกอาได้”
“ครับ…เอ้อ...อาเล็ก”
กีเทเรียกอาอย่างไม่มั่นใจนัก ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าการมาของเขาสร้างความลำบากใจให้ใครต่อใครอีกหลายคน แต่คนที่ไม่แสดงออกหรือต่อต้านคือเทซก ทำให้ไม่ใครกล้าแสดงออกหรือขัดขวางงานขอเขา แต่การที่ไม่ได้พบกันมานาน รวมทั้งการที่ถูกมองว่ายืนอยู่คนละพวกทำให้กีเทต้องอยู่ห่างผู้เป็นอาโดยปริยาย
“อะไรหรือกีเท? นายมีอะไรจะพูดกับอา?”
“คือ...อายังวาดรูปอยู่อีกหรือเปล่า?”
กีเทถามอย่าไม่มั่นใจนักผิดไปจากท่าทางแข็งแกร่งและสุขุมอย่างเคย
คำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานของหลาน ทำให้เทซกมองคู่สนทนาอย่างพินิจ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเห็นเงาของกีเทยามเป็นเด็กผู้ชายเมื่อหลายปีก่อน
“ก็มีบ้าง นานๆครั้ง แต่น้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะ น้อยกว่ามาก แล้วนายล่ะ...ทิ้งพู่กันแล้วจริงหรือ?”
“ครับ...ผมไม่สามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ ตอนนี้ก็ได้แต่ชื่นชม”
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ด้วยความที่อยากผูกมิตรกัน เทซกได้มอบชุดสีน้ำและพู่กันให้หลานชายเป็นของขวัญวันเกิด หากไม่กี่วันกีเทก็เอาของมาคืนพร้อมกับน้ำตา
“คุณพ่อบอกให้ผมทิ้งมันไปเสีย แต่ผมทำไม่ลงก็เลยเอากลับมาคืนอา เพราะถ้าเป็นอา ก็คงใช้ประโยชน์จากมันได้”
และไม่นานเทซกก็เดินทางไปอยู่อเมริกา แทนที่จะไปอยู่กับหมู่ญาติที่อังกฤษ เขาไม่อยากไปเผชิญกับความรู้สึกเดิมๆเหมือนอยู่ที่บ้าน ที่อเมริกา เป็นโลกเสรีที่เขาสามารถเลือกได้ และได้พบกับจุนโซและจีวัน
“แต่ที่นายเลือกเส้นทางนี้ ก็เหมาะกับนายแล้วนะ”
กีเทยิ้มรับ อาจจะเหมาะก็จริง แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ชายหนุ่มยังโหยหาอิสระที่ไม่เคยได้รับ
“กีเท...ถ้านายอยากจะวาดภาพ ในช่วงที่อยู่ที่ซกโซนี่ อาก็จะให้ยืมอุปกรณ์ ที่นี่มีที่สวยๆมากมาย อีกอย่าง อยู่ที่นี่ เรามีเวลาเหลือจากการอยู่บนถนนที่รถติดแสนสาหัส คงพอให้ใช้เวลาว่างได้”
สายตาหลังกรอบแว่นเป็นประกาย “ขอบคุณครับอา แต่ ...อย่าบอกพ่อนะ”
“พูดกันดีๆยังไม่เกินสามคำเลย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปบอกกันล่ะ”
เทซกไม่ได้ปฏิเสธแต่เป็นที่รู้กัน ความสัมพันธ์อันเป็นใยบางๆเริ่มชัดขึ้น อาจจะแค่กีเท แต่เทซกก็อยากให้หลานชายเป็นญาติอีกคน แลกกับสมบัติอะไรก็ยอม เขาอยากได้ญาติอีกคน จริงๆ
“ว่าแต่เมื่อกี้ นายหัวเราะอะไรหรือ?”
“อะไรครับ?”
แววตาหลังกรอบแว่นเป็นประกาย รู้ทันว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร? เทซกชอบลับสมองกับคนฉลาดเสียด้วยสิ
“ฉันเห็นนายหัวเราะกวานซังอึน เขาเป็นคนสนิทของพ่อนายนะ” ผู้อ่อนวัยกว่าพยักหน้ารับ
“โช่ครับ! บอกตามตรง ผมรำคาญมากกว่า แต่ก็โอเคตรงที่ว่าเขาก็ดูแลผมดี ดีไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ที่หัวเราะ ...เขาไม่รู้ตัวเลยหรือว่าเป็นแกะดำของที่นี่ ผมเห็นคนตั้งกว่าครึ่งพร้อมที่จะปกป้องอาทันที โดยที่อาไม่ต้องทำอะไรเลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“ผมก็ว่าไปในฐานะที่ผมเป็นพนักงานของฮันกรุ๊ป และตอนนี้ ผมก็ประจำสาขาที่ซกโซรีสอร์ทครับ”
เทซกเข้าใจความหมายโดยนัย ตบบ่าหลานชายที่เตี้ยกว่าเขาเพียงเล็กน้อยและผอมบางกว่า
“เอาล่ะ วันนี้จะพาออกไปกินเหล้าข้างนอก แต่ไม่ใช่ร้านอาหารชั้นดีหรอกนะ เป็นเพิงข้างถนนแต่กับแกล้มกับเหล้าใช้ได้ทีเดียว”
“อาอย่าคิดนะว่าผมจะคออ่อนยอมแพ้อาง่ายๆ”
กีเทกระฉับกระเฉงขึ้นมา
“เดี๋ยวก็รู้!”
ผู้เป็นอาเดินนำหน้าชายหนุ่มผู้เป็นหลาน

สองคนหลบหายไปหลังเลิกงาน ยามดึกของคืนนั้น เทซกต้องหิ้วปีกกีเทไปนอนด้วยกันที่บ้านพัก ทันทีที่ปล่อยร่างหนักอึ้งของหลายชายบนเตียง ชายหนุ่มก็เท้าเอวส่ายหน้า
“ไหนว่าคอแข็ง ไม่กี่แก้วก็พับเสียแล้ว อย่างนี้ นายยังต้องหัดอีกเยอะเลยนะกีเท”
เขาพูดกับอีกฝ่ายที่ไม่รู้สึกตัว นึกถึงเมื่อตอนเช้า เทซกได้รับโทรศัพท์จากคุณฮันเซจุง เกี่ยวกับเรื่องของหลานปู่คนโต
“พ่อฝากมาอยู่กับเจ้าชั่วคราวนะ ขืนอยู่ที่โซลมีแต่ถูกพี่ใหญ่แกกดดันให้ทำนั่นทำนี่แทบขยับไปไหนไม่ได้เลย อยู่ที่โซลเจ้ากีเทได้แรงต้านพอสมควร เพราะไม่ได้มีกีเทที่เป็นลูกของเจ้าใหญ่คนเดียว เจ้าเจอิน เจ้าวันซุก หรือเทฮาของพี่สองพี่สามก็มี พรรคพวกแต่ละฝ่ายก็เยอะไม่ยอมแพ้กันเหมือนกัน”
คงมีเทซกคนเดียวที่ไม่มีพรรคพวกหนุนหลัง
“แล้วทำไมคุณพ่อไม่บอกเสียตั้งแต่ทีแรกหล่ะครับ”
ชายหนุ่มพูดด้วยความน้อยใจ ท่านประธานฮันมักชอบลองใจเขาเสมอ
“ถ้าบอกเจ้า แล้วกีเทจะรู้จักตัวจริงของเจ้าได้อย่างไร? กีเทมันเป็นด็อกเตอร์ หน้าที่การงานของมันก็ใหญ่โต มันก็มีอีโก้ของมันเอง พ่ออยากให้มันยอมรับนับถือเจ้าด้วยตัวเขาเอง จนกระทั่งมันโทรมาบอกพ่อนี่แหละว่ามันเชื่อแล้วว่าแกไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆเขาว่า”
“ไม่เห็นต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลยนี่ครับ หลานผมทั้งคน เมื่อรับปากแล้วก็ต้องดูแล อีกอย่าง ผมไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังจริงๆ”
“ก็นั่นแหละ ช่วยทำให้มันแข็งกว่านี้อีกหน่อย กีเทจะได้เป็นพลังของตระกูลอีกแรงหนึ่ง พ่อต้องการคนรุ่นใหม่ ลำพังเจ้าคนเดียวคงไม่ไหว แล้วไอ้ที่มีส่วนใหญ่ก็ไม่ไหว ไม่อยากพูด คนรุ่นพ่อแม่มันตามใจกันจนเสียไปหมด เหลือที่ยังพอเข้าท่าอยู่ไม่กี่คน”
“ก็...นี่แหละ มีภรรยาหลายคนก็อย่างนี้แหละ ดูแลยาก”
ชายหนุ่มหัวเราะ เมื่อได้ยินประธานฮันโล้งเล้งมาตามสาย เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ชายหนุ่มกล้าที่จะหยอกเย้าผู้เป็นบิดา อาจเป็นเพราะได้ผ่านวันเวลาแห่งการสูญเสียมาร่วมกันก็เป็นได้ ความรักและความเข้าใจยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม

************

เขาดึงแว่นตาของหลานชายออกมาวาง เทซกไม่เคยมีใครให้ดูแล นอกจากผู้หญิงสองคนที่นอนบนเตียงพยาบาล แบบนั้น ช่างขมขื่นเหลือเกิน
กีเทพับไปแล้วแต่เขายังไม่ง่วง ชายหนุ่มหันรีหันขวางไปหาขวดอัลกอฮอล์ในครัวก่อนจะกลับออกมาด้วยความผิดหวัง เทซกจึงหยิบโทรศัพท์ไปยังห้องอาหารสั่งเหล้ามาใหม่อีกชุด รอกว่าครึ่งชั่วโมงจนเริ่มหงุดหงิด คนเสริฟก็โผล่หน้ามา
“อ้าว! ซองอึน วันนี้ไม่กลับบ้านหรอกหรือ? อ้อ! คังฮีอยู่เวรดูแลแขกล่ะสิ”
เทซกถามอย่างคนรู้ใจ ดูท่าคู่แค้นในวัยเยาว์จะกำลังหวานชื่น
“ครับ...” พี่ชายของอึนโซรับคำเขินๆ พลางถือถาดอุปกรณ์ออกมา ท่าทางกระมิดกระเมี้ยน
“นี่ ฉันไม่ได้สั่งอย่างนี้แน่ๆ นายเอามาผิดหรือเปล่า? ทำเหมือนไม่รู้ใจกันไปได้”
ชายหนุ่มมอง แก้วนมสดสองแก้ววางบนถาด ในขณะซองอึนปาดเหงื่อ
“ครับ คุณเทซกสั่งไม่ผิดหรอก ผมต่างหากที่เอามาผิด แต่...ผมเอากลับไปไม่ได้ หรือจะเป็นกาแฟก็พอไหวนะครับ”
“อะไร ทำไม?” ตามประสาคนเอาแต่ใจตัวเอง
“ก็คุณธิชาสิครับ ให้มาบอกว่าวันนี้ท่านดื่มมามากแล้ว ให้ดื่มนมดีกว่า แล้วให้เอามาเผื่อคุณกีเทด้วย”
“เดี๋ยวนี้พนักงานกล้ามาสั่งผู้อำนวยการให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้วหรือนี่?” เทซกถามเสียงฉุน
“ก็..ก็...เพื่อสุขภาพนะครับ ก็...รปภ.มันบอกว่าคุณเทซกกับคุณกีเทออกไปดื่มข้างนอกมาแล้ว” ซองอึนหัวเราะแห้งๆ
“แต่ถ้าเจ้านายไม่เอา ก็จะเอากลับไปเปลี่ยน” คนสนิททำท่าจะถอยออกมา
“เดี๋ยว ซองอึน” เทซกเรียกรั้งไว้ “วันนี้ธิชาอยู่เวรหรือ?”
“ครับ”
ชายหนุ่มหันรีหันขวาง หามือถือมากด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“นี่...เอามาเถอะ ขี้เกียจฟังเสียงโวยวาย ไม่อยากทะเลาะกับผู้หญิง แล้วนายต้องดื่มอีกแก้วที่เหลือด้วย เพราะกีเทหมดสภาพอยู่ข้างในแล้ว”
เขาคว้าแก้วนมมาดื่มรวดเดียว แล้วยังบังคับให้ซองอึนรับผิดชอบของกีเทด้วย คนรับคำสั่งก็ดื่มรวดเดียวเหมือนกันด้วยสีหน้าที่โล่งใจ
“กลับไปบอกแม่จอมจุ้นด้วยนะ ว่าพรุ่งนี้เตรียมตัวทำงานให้ดีก็แล้วกัน”
“ครับ ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
คนสนิทรีบรับคำก่อนที่จะออกไปจากห้อง เทซกมองตามตาขวาง จากนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
แปลกเหลือเกิน แทนที่เขาจะรู้สึกโกรธแล้วอาละวาดอย่างที่เคยเป็น กลับต้องมาทำตามคำบอกของผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง เขาเคยรู้สึกได้ถึงสายตาที่ทอดมองเวลาที่เขาดื่ม รู้สึกถึงความเอื้ออาทรที่สัมผัสได้ หลายครั้งที่เจ้าตัวพยายามจะเอื้อนเอ่ยอะไรออก แม้ในยามเมามายก็ยังเคยดูแล ถึงทำให้ยอม...ทำตามใจสักครั้ง
คอยดูเถอะนะอย่าได้ใจไป จะแกล้งให้เข็ดทีเดียว

*************
ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ได้เกือบสองปี ก็เพิ่งมีครั้งนี้ที่เรียกว่าเป็นงานใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะแค่ซกโซรีสอร์ท แต่ดูเหมือนจะเป็นงานช้างของเมืองซกโซด้วยพร้อมกันทีเดียว เพราะในขณะที่พวกโรงแรมที่มีสนามกอล์ฟเดินหน้าเรื่องกอล์ฟการกุศล โรงแรมอื่นๆก็เตรียมเคมเปญที่ต่อเนื่องกัน พวกหน่วยงานต่างๆก็เดินหน้าเรื่องงานประเพณีเพื่อเอามาเสริมให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โครงการของเทซกเรียกว่าดึงศักยภาพของเมืองซกโซทั้งหมดเลยทีเดียว
ธิชากรได้รับมอบหมายให้ทำงานทีมเดียวกับชินเน่ พวกหล่อนจึงยุ่งที่สุด ที่ดีคือชินเน่เป็นคนเก่ง เอาจริงเอาจังและหลักแหลม ดังนั้นเป็นโอกาสของธิชากรที่ได้ทำงานด้วย
หล่อนต้องเตรียมเอกสารให้กับคนที่เทซกและชินเน่จะเข้าพบกับคนสำคัญต่างๆ รวมทั้งประสานงานกับผู้รับเหมาต่างๆ ให้ได้ทุกอย่างทันเวลาตามที่ต้องการ มูนจุงกับกีเทช่วยดูแลเรื่องสถานที่และการอำนวยความสะดวก เรียกว่านอกจากงานประจำแล้ว เทซกยังจ่ายงานให้ทำกันโดยถ้วนหน้า พอได้พักรวมกันก็จะครึกครื้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในตอนเย็น
“ท่านประธานยังโดนคุณเทซกมอบหมายให้ไปเชิญนักกอล์ฟมือหนึ่งกับท่านรัฐมนตรีมาให้ได้เลย”
เรื่องนี้พวกเขาทราบจากกีเท ตอนนี้เวลามีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ เขามักจะมาที่มูนจุงเป็นประจำ ทำให้ธิชากรพลอยได้พูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนม ตามไปด้วย
“อาเล็กบอกว่า ถ้ามีอะไรให้ผมมาบอกคุณมูนจุง คุณมูนจุงจะจัดให้”
ชายหนุ่มบอกอย่างนั้น เรื่องนี้ทำให้มูนจุงและธิชากรหัวเราะขำขัน เพราะไม่เห็นเทซกบอกอย่างเป็นทางการเสียที แต่ถึงแม้ไม่บอก โดยหน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายบุคคลจะต้องจัดการให้อยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าระยะหลังจะเห็นกีเทออกมารับประทานอาหารเย็นกับพนักงานเวลาที่เทซกไม่อยู่ หรือที่จริงแล้วส่วนใหญ่ถ้าไม่ไปไหนกับเทซก ชายหนุ่มก็จะมาร่วมวงด้วยเสมอ เพราะทั้งมูนจุง ทั้งธิชากร ทั้งจางซงหยวน ต่างตัดสินใจพักชั่วคราวอยู่ที่หอพักพนักงานอย่างน้อยสัปดาห์ละสามวัน เนื่องจากไม่อยากกลับบ้านดึกแล้วต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานในช่วงนี้
“พี่จีวันคงเหงาน่าดู”
คนโสด ไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนแต่งงานแล้วนี่สิ ธิชากรแกล้งแซวมูนจุงแต่ผู้อาวุโสกว่ากลับตอบอย่างอารมณ์ดี
“อาจจะไม่นะ เพราะเห็นวันก่อน คุณเทซกไปอยู่เป็นเพื่อน พักนี้เขามีประชุมที่ยางยางตอนเช้าเลยไปค้างที่นั่น”
“อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง มิน่า เมื่อวันก่อนโทรตามพวกเราให้ไปที่แกลอรี่”
ธิชากรนึกถึงเสียงที่กึ่งขู่กึ่งบังคับเมื่อวันก่อน ท่าทางจะเคืองอยู่หน่อยๆด้วยซ้ำที่โดนพวกหล่อนปฏิเสธไม่ไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย ก็พวกหล่อนมีนัดกันระหว่างพนักงานด้วยกันและกีเทว่าจะไปที่อื่นแล้วนี่นา

และคงเป็นงานที่ฮันเทซกทุ่มเทให้สุดตัวและหัวใจ รายชื่อของผู้เข้าแข่งขันจึงมีชื่อของเขาเป็นผู้สมัครในอันดับแรกๆ หลังจากประกาศรายชื่อผู้สมัครเข้าร่วมรายการกอล์ฟการกุศลสู่สาธารณะชน พวกหล่อนต้องรับภาระอีกอย่างหนึ่ง คือการรับโทรศัพท์จากนักข่าวและจัดการเรื่องตารางการเข้าพบกับนักข่าวให้เทซก หัวข้อหนึ่งคืออยากสัมภาษณ์ฮันเทซก ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘แบดบอย’ จนต้องหายไปจากวงการเมื่อหลายปีก่อน
“ให้พวกเขามาพร้อมๆกันได้ไหม? ผมไม่ต้องการพูดหลายครั้ง อีกอย่างไม่ทราบว่าจะต้องพูดในฐานะอะไรเพราะตอนนี้ผมเป็นคณะกรรมการจัดงานด้วย ถ้าให้ข่าวตอนนี้โรงแรมอื่นต้องลำบากใจแน่”
ชายหนุ่มคืนตารางนัดให้กับซงหยวน ระหว่างการประชุมความคืบหน้าของงาน
“มันก็ได้นะครับ แต่ว่าพวกนักข่าวจะไม่พอใจนะครับ”
เลขาหนุ่มชี้แจงเสียงอ่อน ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากชินเน่
“ผู้อำนวยการคะ ที่นักข่าวอยากจะขอสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ก็อยากทราบเรื่องที่คุณลงสมัครเป็นผู้ร่วมแข่งขัน พวกเขาต่างก็ประหลาดใจ และคาดเดาไปต่างๆนานาว่าคุณจะกลับมาเข้าวงการอีก”
“แล้วก็รอสมน้ำหน้าถ้าจะแพ้ด้วยใช่ไหม? หรือจะเอาไปเดาว่านักข่าวหรือกรรมการคนไหนจะโดนชกอีก?”
คราวนี้เทซกหัวเราะ
“คงไม่ไหวแล้วกระมังคุณชินเน่” ในที่ประชุม ทั้งเทซกทั้งชินเน่ต่างเรียกขานกันเป็นทางการ
“ผมห่างหายไปจากวงการนานเกินกว่าที่จะมาเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้พวกโปรอายุน้อยๆมีมากมาย คุณตอบพวกเขาแทนผมไปได้เลยว่าผมแค่ต้องการร่วมสนุกด้วยและเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ร่วมเล่นกอล์ฟกับคนมีชื่อเสียงทั้งหลายเท่านั้น”
“แต่...พวกเราไม่อยากเป็นปัญหา พวกเขาอาจจะเขียนข่าวที่ไม่เป็นผลดีกับงานและที่โรงแรมของเรา”
มูนจุงช่วยอีกแรงในขณะที่ธิชากรเป็นคนที่ทราบเบื้องหลังของเรื่องน้อยที่สุด
“อาเล็กครับ ผมคิดว่าอาน่าจะเปิดตัวแล้วพูดอะไรบ้าง? ไหนๆก็ลงทุนลงแรงมาขนาดนี้แล้ว” กีเทช่วยพูดด้วยอีกคน ทำให้เทซกต้องถอนหายใจ
“แย่จัง! ตอนแรกคิดว่าจะลงเล่นให้สนุก ยังต้องระวังนักข่าวอีกหรือนี่?” เขาระบายลมออกจากปาก
“....เอาหล่ะ ก็ได้ บอกพวกเขาว่าผมขอจบเรื่องการแถลงข่าวงานของจังหวัดอย่างเป็นทางการก่อน แล้วเปิดห้องที่ซกโซรีสอร์ทให้สัมภาษณ์ ดูแลอย่างดี อธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าผมไม่อยากพูดอะไรก่อนที่ผู้ใหญ่จะพูด ได้ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ”
ซงหยวนค่อยยิ้มออก เก็บแฟ้มเรื่องของตัวเองเอาไว้ แล้วปล่อยให้คนอื่นเสนอต่อไป

เรื่องไม่ได้จบแต่เพียงเท่านั้น รุ่งขึ้น เช้าตรู่มากๆ ธิชากรก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ หญิงสาวงัวเงียหยิบมาดูก็เห็นชื่อฮันเทซกหราอยู่บนจอ ใจหนึ่งก็อยากจะทำเพิกเฉย อีกใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะรับ เผื่อว่ามีเรื่องสำคัญ
“ตื่นได้แล้ว!” คนที่โทรศัพท์มาปลุกไม่มีเลยที่จะรู้สึกผิดที่มากวนคนอื่นในเวลาแบบนี้
“ผู้อำนวยการมีอะไรจะให้ฉันรับใช้หรือคะ?”
“ผมมีแน่... รีบตื่นแล้วแต่งตัวลงมาข้างล่างด่วน ผมจะรออยู่ที่ลอบบี้สนามกอล์ฟ”
“สนามกอล์ฟ?” ธิชากรทวนคำ “ทะ...ทำไม ฉันต้องไปสนามกอล์ฟด้วยหล่ะค่ะ?”
“เอ๊ะ! นี่ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ เถียงอยู่ได้ รีบมาเร็ว ผมรออยู่”
เทซกปิดสายฉับไม่รอให้หญิงสาวทักท้วงอะไรอีก
ธิชากรพยายามสลัดความง่วงสโลสเลออกมาเทซกในชุดเล่นกอล์ฟยืนวอร์มอยู่ไม่ไกล ร่างสูงหยุดรอเมื่อหล่อนเข้าไปใกล้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะผู้อำนวยการ”
“อรุณสวัสดิ์ ธิชา พวกคุณมาอยู่ที่นี่ควรตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายนะ”
หญิงสาวแอบย่นจมูก หันซ้ายหันขวา
“มองหาอะไร?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“อ้าว! ผู้อำนวยการบอกว่าพวกคุณ ซึ่งก็ควรจะมีพี่มูนจุง ซงหยวน หรือแม้กระทั่งคุณชินเน่ แล้วทำไมมีแต่ฉันคนเดียวล่ะคะ?”
“อ้อ!...” คราวนี้ ชายหนุ่มท้าวเอว แยกเขี้ยว
“เดี๋ยวนี้รู้จักยอกย้อนผู้อำนวยการ? ก็เพราะว่าผม...จะให้คุณเป็นแคดดี้ให้ผมน่ะสิ เข้าใจหรือยัง? ถ้าอย่างนั้นก็อย่ารอช้าอยู่เลย ตามมา เดี๋ยวจะสาย”
คนสั่ง เชื่อมั่นว่าอีกคน ต้องทำตาม
“ผู้อำนวยการ! “ ธิชากรโอดครวญ “ไม่ยุติธรรมเลย”
“ตามมาเร็วเข้า!” คนที่เดินนำหน้าดูท่าจะเบิกบานเสียเต็มประดา
“แกล้ง กัน ชัดๆ” หล่อนบ่นเบาๆ ก่อนจะเดินลากขาตามไป ตลอดเช้าต้องทำตัวเป็นแคดดี้ให้ชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็กวนหล่อนแค่เช้าเดียว พอตกสาย จางซงหยวนถึงมาบอกว่า เทซกเปลี่ยนใจขอร้องให้เขาไปเป็นแคดดี้ให้ เนื่องจากเทซกนินทาแบบให้ได้ยินว่า “ถ้าให้ธิชาเป็นแคดดี้ ผมคงแพ้ตั้งแต่สนามแรก”
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้อยู่ใกล้เทซกแล้วหล่อนมีความสุขที่สุด!

ในช่วงเวลาวันแข่งขัน พวกหล่อนทั้งยุ่ง ทั้งหัวหมุน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี การเปิดตัวของเทซกในครั้งนี้ได้รับการจับตาจากของนักข่าวพอสมควร แน่นอน... สำหรับธิชากรแล้ว หล่อนให้กำลังใจเขาเกินร้อย
ยกเว้นอย่างเดียวคือการตามเขาเข้าไปในสนามนั่นแหละ เพราะนั่นจะทำให้แพ้เสียมากกว่าชนะอย่างที่เขาว่า
รอบแรกของการแข่งขัน เริ่มที่ซกโซรีสอร์ท ธิชากรนึกว่าชายหนุ่มเตรียมตัวที่สนามแล้วและเตรียมเก็บเอกสารบนโต๊ะที่แว๊บมาเคลียร์สักประเดี๋ยวก่อนจะออกไปเชียร์เทซก ตามที่นัดไว้กับทุกคน
แต่ธิชากรกลับต้องฉงนที่จู่ๆ ร่างสูงๆก็โผล่มาที่ห้องทำงาน
“ผู้อำนวยการ! มีอะไรหรือคะ? นึกว่าจะอยู่ที่สนามเสียอีก”
ในขณะที่ธิชากยืนงง เทซกกลับเดินไม่พูดอะไร นอกจากเดินไปเดินมาในห้องเล็กแบบนี้ ริมฝีปากของเขาเม้มตรง
“ผู้อำนวยการคะ! นี่ใกล้เวลาแล้วนะคะ”
หล่อนเตือน อย่างน้อยก็ใกล้เวลารายงานตัวที่สนามแล้ว
ชายหนุ่มยังไม่พูดอะไรนอกจากดึงหล่อนไปแอบ ในมุมดูลับตา ก่อนจะจ้องเขม็งมาที่หล่อน
“ขอกำลังใจหน่อยสิ ผมกำลังปอด”
หน้าตาของชายหนุ่มเหมือนเด็กจอมเกเรที่เจอทางตันทั้งหลาย
“อะไรกัน ? นี่คุณเป็นเจ้าถิ่นนะคะ”
คนที่เจนสนามอย่างฮันเทซก เป็นทั้งเจ้าของสนาม ซ้อมที่นี่มาตลอด
“ก็เพราะอย่างนั้นสิ อย่าลืมนะ พวกนักข่าวเขาอยากเห็นผมลงสนามอย่างเป็นทางการ บางคนก็รอสมน้ำหน้าอยู่ แย่ชมัด ...พวกเขายังไม่ยอมลืมสักทีว่าผมเคยชกใคร? แล้วถ้าผมแพ้ตั้งแต่รอบแรกล่ะ”
ชายหนุ่มบ่น ธิชากรก็เคยได้ยินได้ฟังมาเรื่องมีเรื่องกับนักข่าวมาบ้างเหมือนกัน แต่นั่นก็นานมากแล้ว
“ฉันเห็นแล้วค่ะ พวกนักข่าวตามติดเป็นพรวน ไม่บอกไม่ทราบหรอกว่าเป็นนักกอล์ฟเนื้อหอมของแมทช์นี้ ผู้อำนวยการก็อย่าทำหน้าบึ้ง อารมณ์เสีย เวลาพลาดก็ให้ยิ้มไว้.. ซงหยวนคงช่วยให้อารมณ์ดีหรอกค่ะ เขาไม่ใช่คนกวนโมโหผู้อำนวยการเหมือนฉัน”
หญิงสาวหัวเราะ เมื่อนึกภาพตัวเองทะเลาะกับเจ้านายตัวเองในเช้าวันที่ถูกเรียกตัวไปเป็นแคดดี้
“ผมไม่ต้องการให้คุณมากวนโมโหผมหรอก โดยเฉพาะเวลานี้!”
เทซกใช้ทั้งสองมือแตะบ่าธิชากร ก้มลงสบตากับหล่อนนิ่ง บังคับ... รอให้หญิงสาวอวยชัย ธิชากรทราบว่าชายหนุ่มต้องการอะไรดีๆสักอย่าง
หล่อนพยายามรวบรวมคำพูดดีๆ แต่ก็ได้เพียงแค่......
“...ขอให้ชนะค่ะ...”
หญิงสาวบอกอย่างจริงใจ เชื่อว่าเขาทำได้ เพราะเคยมีคนบอกว่าถ้าไม่ต้องมาบริหารโรงแรม เขาก็สามารถเป็นโปรกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดได้อย่างสบาย
“คุณทำได้แน่”
“ไม่พอ!” ชายหนุ่มสั่นหน้า
“อะไรอีกหล่ะคะ?”
หญิงสาวมองเคืองๆ อยากให้พูดอะไรก็ไม่บอก อย่างนี้จะเดาได้อย่างไร?
เทซกยิ้มมีเลศนัย ก้มลงแตะแก้มหล่อนรวดเร็ว ยิ้มจากริมฝีปากหยักทำให้หล่อนตาโตพูดไม่ออก ไม่ทันได้ตั้งตัวตั้งใจ เขาชอบเอาเปรียบกันอีกแล้ว สัมผัสเพียงแผ่วเบาแต่ทำให้สมองมึนงงไปชั่วขณะ
“อย่าลืมไปดูด้วยนะ”
เขาเอามือมาแตะแก้มเนียน ผิวปากหวือ ก่อนจะเดินกลับไปที่สนาม ทุกอย่างรวดเร็วจนนับเป็นวินาทีได้
พอได้สติ ธิชากรก็แตะแก้มของตัวเอง หน้างอ
“อะไรกัน? ผิดคำสัญญานี่ “
หญิงสาวบ่นกำหมัดชกลมดูเถอะ เอาเปรียบ! แล้วอย่างนี้ จะพาหัวใจให้ออกห่างได้อย่างไรกัน?
ธิชากรหน้ามุ่ยตามไปสมทบกับพวกมูนจุงบริเวณที่จัดเอาไว้ให้คนมาดู ตลอดการแข่งขันฮันเทซกทำได้ดีและชนะทำให้พวกหล่อนอดดีใจกระโดโลดเต้นไม่ได้ และตลอดเวลาของการแข่งขัน ชายหนุ่มเป็นที่จับตาของสื่อมวลชนทุกแขนงตลอดเวลา

***************

ฮันกีเทจิบเครื่องดื่ม เขามองไปโดยรอบ ชายหนุ่มเห็นอาคนเล็กคุยกับผู้แข่งขันกอล์ฟ มีนักข่าวหลายคนพยายามขอสัมภาษณ์เทซกทั้งๆที่ไม่ใช่แชมป์ในรายการนี้ แต่ถูกจางซงหยวนเลขาของชายหนุ่มกันเอาไว้ก่อน เทซกยังคงสงวนคำพูดกับนักข่าวและเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้น่าสนใจโดยที่นักข่าวไม่เอาไปเขียนให้เสียหาย
พรุ่งนี้เทซกจะอนุญาตให้นักข่าวสัมภาษณ์พิเศษให้จุใจก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับ ในขณะเดียวกันก็ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมคอยต้อนรับอย่างดีในระหว่างที่เขายังให้มัมภาษณ์ไม่ได้ ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการจัดงาน อาคนเล็กของงกีเทก็สามารถสร้างคุณวุฒิให้เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือในวงการธุรกิจโรงแรมของซกโซ และในฐานะนักกีฬา
ถึงจะแพ้แต่ก็ได้รับคำชมมากมายว่าฝีมือไม่ตก หนำซ้ำยังเป็นนักกอล์ฟที่น่าชื่นชมคนหนึ่งในแมทซ์นี้ทีเดียว ชื่อฮันเทซกคงอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ไปอีกระยะหนึ่ง และตอนนี้น้อยคนในซกโซที่จะไม่รู้จักฮันเทซก ...ไม่ใช่ในฐานะบุตรชายคนเล็กของประธานฮันเซจุงแห่งฮันกรุ๊ปอีกต่อไป
หากแต่...ในฐานะผู้อำนวยการบริหารซกโซรีสอร์ท นักธุรกิจอนาคตไกลคนหนึ่ง

กีเทกำลังทบทวนว่าตั้งแต่เด็กจนโต เขาถูกคุณย่าใหญ่กรอกหูเสมอถึงความไม่เอาไหนของอาคนเล็ก หลานๆซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาหลายคนตั้งข้อรังเกียจว่าฮันเทซกเป็นกาฝากของที่บ้าน รวมทั้งเรื่องความเสเพลที่คอยแต่จะมีเรื่องกับคนนั้นคนนี้จนต้องถูกส่งมาที่ซกโซ ถ้าคุณย่าใหญ่มาเห็นผลงานของเทซก ท่านอาจจะพูดไม่ออกไปนาน
กีเทมีนิสัยชอบอยู่ตามลำพัง เขาพอใจที่จะวาดรูปและอยู่กับศิลปะมากกว่าที่จะมาเตรียมตัวสืบทอดธุรกิจอย่างนี้ ชายหนุ่มทราบดีถึงวัตถุประสงค์ลับๆว่าเขาถูกส่งมาทำอะไร? หากเมื่อเห็นทีมงานที่ทำงานให้อย่างตั้งใจจริง รวมทั้งการได้สัมผัสตัวตนของอาคนเล็ก ทำให้เขากลับชื่นชมเทซกมากขึ้น
“คุณธิชา” กีเทเรียกธิชากรเมื่อหล่อนเดินผ่าน
“คุณกีเท ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ล่ะคะ”
หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหา เขาเห็นหล่อนวุ่นอยู่กับการดูแลแขก VIP ร่วมกับผู้จัดการชินเน่มาตลอดทั้งงาน
“ผมเหนื่อย อยากออกไปรับลมข้างนอก”
ชายหนุ่มไม่เสแสร้ง เขาถึงเข้ากันได้ดีกับคนในโรงแรม คนที่มีวัยใกล้เคียงน่าจะเป็นธิชากรกับชินเน่ แต่ฝ่ายหลังดูเอาจริงเอาจังและมุ่งมั่น เสียบางครั้งเขายังเผลอคิดว่าเธอเป็นอาสะใภ้จริงๆเสียด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับฉันไหมล่ะค่ะ ? แต่ว่า...จะดีหรือเปล่าก็ไม่ทราบ? เพราะคุณอาจต้องอยู่ที่นี่ คอยต้อนรับแขก VIP”
หล่อนรำพึงอย่างไม่แน่ใจ
“ให้ผมออกไปกับคุณเถอะ ว่าแต่จะไปไหน?”
“ห้องครัวค่ะ เพราะพ่อครัวจะทำอาหารพิเศษให้ คนอื่นเค้าไปรับประทานกันหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ไปเลย”
“อ้าว! แล้วที่นี่ล่ะ”
เขาหันซ้ายหันขวา ส่วนใหญ่กำลังดูการแสดงที่จัดโดยการนำนักเรียน นักศึกษาในเขตนี้มาแสดง
“ให้พี่มูนจุงกับคุณชินเน่จัดการไปก่อนก็แล้วกัน คุณเลขาก็อยู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย”
กีเทแตะแขนหญิงสาวแล้วพากันเลี่ยงออกมา อากาศข้างนอกโล่ง มีลมเย็นพัดพอให้หายอึดอัด
“คุณพ่อหน้าบานเป็นดอกทานตะวัน”
“ท่านรองประธานนะหรือคะ?”
หญิงสาวนึกถึงฮันกีอัน ท่านรองประธานก็ได้รับคำชมเรื่องนี้เหมือนกัน ตามสายงานบังคับบัญชา
ทั้งสองคนเดินไปตามทางถนนโรยกรวดที่อยู่ทางด้านหลัง เป็นห้องครัวใหญ่ รองรับห้องอาหารกลางของโรงแรมที่มีคนนิยมมากที่สุด ซึ่งทางเข้าของพนักงานจะอยู่ทางด้านหลัง เสียงสรวลเสเฮฮาดังลอดออกมาเป็นระยะ พอเปิดประตูเข้าไป เสียงที่เซ็งแซ่นั้นก็เงียบสนิทโดยอัตโนมัติ
ฮันกีเทอดไม่ได้ที่จะดันแว่นตาขึ้นเพื่อลดอาการเก้อเขิน สายตาทุกคู่มองมาทางเขาและมีกิริยาสำรวมมากขึ้น
“เอ้อ...ตามสบายเถอะครับ ผมแค่จะมาขอลองชิมฝีมือเชพสักหน่อย”
ชายหนุ่มพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้นโดยเข้าไปนั่งตรงโต๊ะที่อยู่ตรงกลาง มองดูอาหารจานใหญ่ที่ถูกนำมาวาง
“น่าทานจัง ขอผมชิมหน่อยนะครับ”
เขาถือวิสาสะตักมาชิม แล้วต้องปากพองเพราะความร้อน คนในห้องหลายคนหัวเราะคิกคัก ส่วนพวกผู้ชายอมยิ้ม คนที่เป็นคนขับรถ ประจำของเทซกซึ่งเป็นคนไปรับเขาที่สนามบินรินน้ำให้ ที่นี่ห้ามพนักงานดื่มขณะที่อยู่ในหน้าที่ โดยมีเชพกวงผู้อาวุโสสุดเป็นผู้ควบคุมอย่างเคร่งครัด กีเทเชื้อเชิญทุกคนให้ทำตัวตามสบาย โชคดีที่ธิชากรช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้น เชพผู้อาวุโสสุด ต้อนพวกพนักงานที่กล้าๆกลัวๆเข้ามานั่ง
“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมต่างหากต้องเกรงใจพวกคุณที่มารบกวน”
“โอ้ย! ไม่รบกวนเลยครับ” ชอยซองอึนหัวเราะร่า
“คุณธิชา ยังมาออกบ่อย บ่อยมาก จนตัวพองไปหมดแล้ว”
คนพูดแกล้งขยายความให้เกินความจริง
“พูดดีไปเถอะ ขอให้มีคนเรียกไปส่งแขกทีเถอะ”
ธิชากรอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบบ้าง แต่ไม่ถือกัน กับซองอึน ใครๆก็พอรู้ว่าคนที่กำหราบเขาได้อย่างอยู่หมัดมีอยู่คนเดียวคือท่านผู้อำนวยการ และคนที่คอยวิ่งส่งเหล้ากับกับแกล้มให้ผู้อำนวยการก็คือซองอึน และเมื่อไหร่ที่นายมีปัญหาซองอึนจะออกรับก่อน กีเทจึงรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ที่โซล หากมีคนเจอเขาอยู่ที่ห้องครัว นั่งรับประทานอาหารกับพนักงาน คงต้องถูกอบรมยกใหญ่
เชฟกวงแวะมาคุยด้วยบ้างแต่ส่วนใหญ่จะง่วนอยู่กับการทำอาหารส่งไปที่ห้องจัดเลี้ยง
“ดีเหมือนกันนะธิชา เราไม่ต้องไปยืนขาแข็งก็ได้ชิมอาหารอย่างเดียวกัน”
“ปกติผู้อำนวยการมาที่นี่บ้าง แต่ไม่ค่อยบ่อยหรอกครับ ท่านเป็นคนริเริ่มปรับปรุงห้องครัวให้ทันสมัยและมีอาหารแปลกๆมานำเสนอให้แขกไม่เบื่อ เรื่องอาหารที่เลี้ยงพนักงานหรือพวกกะดึก ท่านก็เป็นคนอนุญาตเอง เพียงแต่ห้ามนำออกไปนอกห้องหรือเอากลับบ้านเท่านั้น ”
เชพคอยตอบคำถามกีเทในฐานะเป็นผุ้อาวุโสสุด อาจเป็นเพราะเขาดูอ่อนเยาว์ไม่ค่อยมีพิษสงอะไรกับใครก็เป็นได้
“นักธุรกิจในเมืองส่วนใหญ่มักพาแขกมาที่นี่ค่ะ เพราะนอกจากสนามกอล์ฟแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารด้วยนะคะ”
ธิชากรคอยอธิบายต่อให้กระจ่างขึ้นอีก กีเทตั้งใจฟังเป็นอย่างดี คนที่สั่งให้หล่อนอำนวยความสะดวกให้กีเทดูเหมือนจะทราบเหตุผลที่หลานชายถูกส่งมาที่นี่ดี แต่ไม่ได้หวงห้ามและยังสนับสนุนเรื่องข้อมูลเต็มที่ เขาชอบท้าทายโชคชะตาอยู่เสมอ

พวกเขาอยู่ที่ห้องครัวพักใหญ่จนได้เวลาที่คิดว่าการแสดงต่างๆคงจบแล้วและคนจะเริ่มทยอยกันกลับ หญิงสาวจึงชวนกีเทออกมา
“ผมมาอยู่นี่ไม่นาน รู้สึกว่าที่นี่อบอุ่นดีนะ”
ชายหนุ่มค่อยๆเดินช้าๆ จากนั้นจึงแล้วหันมาหาธิชา “ไม่กลัวหรือ? ธิชา”
“กลัวอะไรคะ?” ธิชากรเข้าใจในความหมายของเขา หากหล่อนสุดวิสัยที่จะทำเป็นฉลาด
“ไม่กลัวว่าผมมาล้วงจุดอ่อนของของอาเทซกหรือ? คุณก็รู้ว่าที่โซลส่งผมมาทำอะไร? อีกอย่าง ถ้าอาเล็กเกิดบริหารงานพลาด ผมก็จะเป็นคนมาทำงานที่นี่ต่อ”
“อือม์... จะให้บอกว่าอย่างไรดีหล่ะคะ? ฉันคงไม่สามารถคิดไกลไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรอกค่ะ อีกอย่าง คนอย่างผู้อำนวยการ ไม่กลัวเรื่องจุดอ่อนพวกนี้หรอกค่ะ”
ธิชากรคิดอย่างมองในแง่ดี เทซกมีจุดอ่อนมากกว่าคนทั่วๆ ถึงไปปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด ส่วนเจ้าตัว...ไม่เคยคิดจะปิดบังใคร และนั่นกลายเป็นจุดแข็งที่สุดของชายหนุ่ม
“ที่ผมเห็นการทำงานของพวกคุณในช่วงที่ผ่านมา พวกคุณร่วมใจกันทุ่มเทให้กับเป้าหมายของงาน จนผมไม่คิดว่าคนที่โซลจะเชื่อว่าคนที่ใครๆมองเห็นแต่ภาพลบอย่างอาเล็ก จะทำให้พวกคุณเกิดพลังในทำงานใหญ่ๆอย่างนี้ได้ ตอนนี้เชื่อแล้วว่าอาของผมเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่ง และได้เลือดของคุณปู่ไปไม่น้อย บางทีอาจจะมากกว่าคุณพ่อและพวกอาคนอื่นๆเสียอีก”
ธิชากรบอกกับตัวเองว่าจะขอไม่วิจารณ์คนในตระกูลฮัน ยกเว้นคนเดียวที่ทำให้เหลืออดจริงๆ หล่อนคิดว่ากีเทเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง และจะประสบความสำเร็จในชีวิตข้างหน้าได้ไม่ยากเนื่องจากความถ่อมตนและแรงสนับสนุนของครอบครัว เรื่องอากับหลานเป็นเรื่องที่ต้องชมกันเอง หล่อนขอเป็นคนนอก
“รักอาเทซกใช่ไหม?”
จู่ๆกีเทกลับถามขึ้นมาลอยๆ ทำเอาธิชากรแทบสะดุดขาตัวเองหกล้ม หญิงสาวหน้าแดงใจเต้น โชคดีที่แสงไฟไม่สว่างนัก ไม่อย่างนั้น..ขายหน้าแย่
“พวกคุณน่ะ พนักงานทุกคนรักอาเล็กใช่ไหม ถึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างนี้”
ชายหนุ่มเหมือนไม่รู้ความ ถามซ้ำ หญิงสาวแอบถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องโกหก พยักหน้ายิ้มๆ นึกขำตัวเองที่คิดไปไกลตามประสาคนมีชนักติดหลัง

ที่หน้าห้องจัดเลี้ยง แขกผู้มีเกียรติ โปรกอล์ฟ และนักข่าวต่างทยอยกันกลับ ทั้งสองรีบสาวท้าวเข้าไปช่วยเหลือผู้บริหารโรงแรมที่มีอยู่ในตอนแรก ธิชากรพยายามที่จะไม่ไปมองเจ้านายให้ใจสั่น แต่ไม่นานหรอก ร่างสูงๆขยับเข้ามาใกล้ ตาขวางชอบกล
“ไปไหนกันมาตั้งนานสองนาน?” ปลายเสียงฟังดูแปร่งๆ
“พาคุณกีเทออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ แล้วก็ไปที่ห้องครัว” หล่อนรายงานตามจริง
“ดีจริงนะ แอบไปกันสองคน” หญิงสาวชักเอะใจ เหลือบตาขึ้นมอง
เทซกไม่ได้ก้มลงมา หากยิ้มและอำลาแขกตามธรรมเนียม รับรู้และสัมผัสได้ว่ากำลัง...หาเรื่อง
“ฉันทำตามที่ผู้อำนวยการสั่ง”
“ไม่หรอก ส่วนตัวด้วยมากกว่า กีเทน่ะ หน้าตาดี ท่าทางภูมิฐาน อีกอย่าง วัยของเขาก็ใกล้เคียงกับคุณ อ้อ! เป็นหลานสายตรงของประธานฮันด้วยนะ”
ธิชากรรู้สึกไม่ค่อยดีกับแค่ละคำพูด จึงไม่ตอบโต้
“คุณชอบเขาหรือ?”
คราวนี้ธิชากรเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว หากไม่ทราบจะตอบอย่างไรที่จะตรงใจ เจ้านาย
“ค่ะ...ชอบ ชอบมากๆด้วย” หล่อนแล้วนิ่งเงียบตวัดสายตาไปทางอื่น แล้วเดินหลีกจากชายหนุ่มไปที่มูนจุง ให้ลืมไปเลยที่ห้องทำงานเมื่อวันก่อน! เขาก็แค่อยากเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อารมณ์อ่อนไหวปลาบปลื้มลดทอนลงอย่างรวดเร็ว เอาไว้ไม่พูดกันไม่มองหน้ากันสักพักดีกว่า จะได้เลิกกวนเสียที
ถึงจะหลีกเลี่ยงมาแต่จิตใจไม่ค่อยสงบ หญิงสาวพยายามที่จะไม่สนใจร่างสูงเพรียวที่ยืนอยู่ไม่ไกล กับหล่อนเขาไม่ค่อยถนอมน้ำใจเลย เห็นเป็นเพื่อนเล่น เป็นคนที่คิดจะง้อเมื่อไหร่หล่อนก็จะยอมคืนดีด้วยเสมอ
ช่างเขาเถอะ ช่างเขา! ธิชากรบอกตัวเอง ก็ทำได้เท่านี้นี่นา แต่..ทำไม ถึงอยากอยากไปอยู่ที่ไหนเงียบๆตามลำพังแล้วร้องไห้นักนะ






Create Date : 11 สิงหาคม 2555
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 18:36:29 น. 0 comments
Counter : 892 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ปันนที
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




สวัสดีทุกท่าน
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยม ถ้ามีอะไรช่วยติชม วิจารณ์ได้เลยนะคะ
[Add ปันนที's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com