......Romancini......
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ย้อนตำนานอินทรีเหล็ก ร่วมฉลอง100 ปีของทีมชาติเยอรมัน ( ตอนที่ 7 Viva Mexico 70 )









ความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวัง จากเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1966
ต่อทีมอังกฤษชาติเจ้าภาพ
ที่ทีมอินทรีเหล็กต้องเสียประตูปริศนาที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า
ลูกที่มาจากการยิงของเจฟฟ์ เฮิร์ท
นั้นมันได้ข้ามเส้นประตูไปแล้วหรือยัง
เหล่าพลพรรคขุนพลอินทรีเหล็ก ก็ได้แปรเปลี่ยนมันให้กลายมาเป็น
ความมุ่งมั่นและต้องการวันเวลาที่จะได้มีโอกาสถอนแค้น
ทวงคืนจากทีมสิงโตคำรามอังกฤษ มาโดยตลอด




[ เฮลมุต เชิร์น บุนเดสเทรนเนอร์ของทีมเยอรมันตะวันตก ]



ขุนพลอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตกชุดที่เตรียมไว้เล่นในรอบคัดเลือก
ฟุตบอลโลกปี ค.ศ.1970 ที่ประเทศเม็กซิโกรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพนั้น
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง..............




[ ทีมเยอรมันตะวันตกในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1970 ]



ได้มีการปรับเปลี่ยนทีมในหลายตำแหน่งที่ช่วยยกระดับของทีมขึ้นมาอีก
เริ่มจากผู้รักษาประตูบุนเดสเทรนเนอร์เฮลมุต เชิร์น ได้ให้โอกาสแก่
นายทวารหนุ่มชาวบาวาเรีย ที่มีความแข็งแกร่งและว่องไว
ที่แสดงผลงานในบุนเดสลีก้าอย่างโดดเด่นให้กับทีม บาเยิร์น มิวนิค
นาม เซปป์ ไมเออร์ เจ้าของฉายา.... “ ไอ้แมวป่าแห่งอันท์ซิ่งส์ ”
ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วเป็นตัวสำรองของ ฮันส์ ทีสค๊อฟสกี้ มาก่อน




[ “ ไอ้แมวป่าแห่งอันท์ซิ่งส์ ” เซปป์ ไมเออร์ ผู้รักษาประตูอินทรีเหล็ก ]



ตำแหน่งสต๊อบเปอร์ของแผงหลังนั้น
ทีมอินทรีเหล็กได้เพชรน้ำงาม ที่อุดมไปด้วยความแข็งแกร่ง
สวนทางกับรูปร่างที่เล็กบอบบาง แต่ใจแกร่งดังเพชร
ถนัดในการเล่นประกบตัวกองหน้าฝั่งตรงข้ามชนิดกัดไม่มีปล่อย
จนได้รับฉายาว่า “ ไอ้เทอร์เรีย ” นามแบร์ตี้ โฟ้กท์ส
จากสโมสร โบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค




[ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส แบ็คใจเพชรจากทีมโบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค ]



แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆในทีมอินทรีเหล็ก
ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่วงการฟุตบอลของเยอรมันตะวันตก
ได้ค้นพบดาราดาวรุ่งจอมถล่มประตูคนใหม่วัยเบญจเพศ
“ ไอ้ลูกระเบิด ” เกิร์ด มุลเลอร์
ที่พังสถิติยิงประตูในบุนเดสลีก้าอย่างถล่มทลาย
เป็นสมาชิกสามประสานในทีมบาเยิร์น มิวนิค
ร่วมกับ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ และ เซปป์ ไมเออร์
ที่ร่วมกันพาสโมสรบาเยิร์น มิวนิค จากทีมในลีเจียนาลิก้าใต้
ให้ก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดทีมชั้นแนวหน้าของบุนเดสลีก้า
ได้อย่างน่าทึ่ง....



[ " Dar Bomber " เกิร์ด มุลเลอร์ ]



มุลเลอร์ นั้นมีรูปร่างที่เตี้ยตันแต่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ
ที่แข็งแกร่ง การที่เป็นคนมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำนี้
ส่งผลดีกับการเล่นของเขามาก
เพราะมันทำให้เขาเป็นคนที่ล้มยาก
หากกองหลังไม่สกัด ชนิดถอนรากถอนโคนแล้วนั้น
ก็เป็นงานยากที่จะจัดการกับไอ้ลูกระเบิดลูกนี้ได้




[ ไมเออร์ , เบ็คเคนบาวเออร์ , มุลเลอร์ 3ประสานแห่งทีมบาเยิร์น มิวนิค ]



ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกค.ศ 1970 นั้น
ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก ต้องลงเล่นในกลุ่มที่ 7
ที่มี ออสเตรีย , ไซปรัส และ สก๊อตแลนด์ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม
โดยอินทรีเหล็กเปิดงานปูทางสู่เม็กซิโกด้วยการยกพล
ออกไปดับเมืองน้องอย่างออสเตรีย ถึงเวียนนา 2 ต่อ 0
ต่อด้วยการเฉือนหมูน้อยไซปรัสไป 1 ต่อ 0 ที่เมืองนิโคเซีย
ก่อนที่จะต้องไปเจองานยากกับขุนพลตาร์ตันส์ สก๊อตแลนด์
ที่ กลาสโกว์ ซึ่งเหล่าขุนพลอินทรีเหล็กก็สามารถที่จะประคองตัว
เก็บ 1 แต้ม ออกมาได้ด้วยผลเสมอ 1-1




[ เกิร์ด มุลเลอร์ ซัลโวประตูดับออสเตรียถึงเวียนนาในรอบคัดเลือก ]




หลังจากทำผลงานเยี่ยมในเกมเยือนแล้ว
กลุ่มนี้ก็อยู่ในกรงเล็บของอินทรีเหล็ก
เมื่อการเล่นเกมในบ้านกับออสเตรียที่ นูเรมเบิร์ก
ลูกทีมของเฮลมุต เชิร์นก็จัดการทีมจากแดนดนตรีคลาสสิคไปนิ่มๆ 1 ต่อ 0
และจัดการมอบโหลไปใส่ประตูให้หมูน้อยไซปรัสไป 12 ต่อ 0
ที่เอสเซ่น เมื่อ 21 พฤษภาคม 1969




[ ไอ้ลูกระเบิดยังคงฮ็อทไม่เลิกในเกมถล่มสก๊อตแลนด์ที่ฮัมบรูก์ ]



ก่อนที่จะคว้าตั่วเครื่องบินไปดินแดนจังโก้
เมื่อเกมสุดท้ายเล่นในโฟ๊ลก์ปาร์คสเตเดี้ยม ของเมืองฮัมบู๊รก์
เฉือนเหล่าทัพตาร์ตันส์ สก๊อตแลนด์ไป 3 ประตูต่อ 2
ภารกิจตามทวงแค้นสิงโตคำราม จึงเริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง....


.......................................................................................................



1970 ฟุตบอลโลกที่ประเทศเม็กซิโก ( วีว่า เม็กซิโก )



ในการประชุมของฟีฟ่าเมื่อปี ค.ศ 1964
เหล่าประเทศสมาชิกได้มีมติเลือกให้ประเทศเม็กซิโก
รับหน้าเสื่อเป็นโต้โผจัดศึกฟุตบอลโลกในปี 1970
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลก
ไม่ได้ถูกจัดขึ้นในผืนแผ่นดินยุโรปและอเมริกาใต้
การแข่งขันในผืนแผ่นดินของประเทศที่เก่าแก่แห่งทวีปอเมริกากลางนี้
ประเทศเม็กซิโกมีความกระตือรือล้นอย่างมากมาย
เจ้าภาพใช้เมืองใหญ่ 5 เมืองเป็นสังเวียน
แห่งสงครามแข้งของ16 สุดยอดทีมที่มาร่วมในครั้งนี้




[ ฮวนนิโต้ มาสค๊อตของฟุตบอลโลกเม็กซิโก 1970 ]



และที่สำคัญเกมในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ นั้น
ใช้สุดยอดแห่งสนามในเวลานั้น
อัซเตก้า สเตเดี้ยม ที่ทันสมัยและใหญ่โต
สามารถจุผู้ชมได้เป็นแสนคน ที่ประเทศเม็กซิโกเพิ่งจะเปิดใช้
ในการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเมื่อปี ค.ศ. 1968 มาหมาดๆ




[ อัซเตก้า สเตเดี้ยม กรุงเม็กซิโก ซิตี้ ]



เรื่องใหม่อีกอย่างก็คือฟุตบอลโลก 1970 นี้
จะเป็นหนแรกที่มีการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันออกไปให้ผู้ชม
ทั่วโลกได้ชมในรูปแบบ “ สีธรรมชาติ ” ที่เป็นเรื่องใหม่ในเวลานั้น
เลยทำให้การถ่ายทอดสดเข้ามามีอิทธิพลกับเวลาการแข่งขันเป็นครั้งแรก
เจ้าภาพต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาการแข่งขันกันใหม่
เพื่อให้ไปตรงกับช่วงเวลาค่ำของทางทวีปยุโรป
ส่งผลให้เกมแข่งขันในบางคู่ต้องลงฟาดแข้ง
ท่ามกลางแสงแดดและอุณหภูมิอันร้อนระอุ ตอนเที่ยงวัน !!!




[ ลูกฟุตบอลอดิดาสรุ่น Telstar 70 ]



เพื่อให้เป็นการรับกับการก้าวเข้ามามีบทบาทของโทรทัศน์สี
อดิดาส ที่ได้รับเลือกจากฟีฟ่าให้เข้ามารับผิดชอบ
ในเรื่องของลูกฟุตบอลที่จะใช้ในการแข่งขัน
ก็ได้มีการปรับปรุงปฏิวัติเปลี่ยนแปลง ลวดลายสีสรรของอุปกรณ์สำคัญนี้ใหม่
โดยอดิอาสได้ออกแบบลูกฟุตบอลแบบใหม่เพื่อ เวิล์ดคัพ 70 นี้โดยเฉพาะ
ให้ชื่อว่า “ Telstar 70 ” มีการใช้ลายสีดำเข้ามาใส่ในลูกบอลเพื่อทำให้
ผู้ชมที่ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์มองเห็นลูกบอลได้ดียิ่งขึ้น....




[ ดาราสำคัญของทีมเยอรมันตะวันตก ในฟุตบอลโลก 1970 ]



ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมอินทรีเหล็กถูกจับให้อยู่ในกลุ่มที่ 4
โดยมี 3 ทีมร่วมกลุ่มได้แก่....
เปรู ขุนพลขาวแดงน้องใหม่จากอเมริกาใต้ ,
บัลแกเรีย ทีมจอมเทคนิคจากยุโรปตะวันออก
และ ทีมจากทวีปอาฟริกาเหนือโมร็อคโค
ที่ฝีเท้ายังเป็นปริศนาต่อเหล่าขุนพลอินทรีเหล็ก
เจ้าภาพเม็กซิโกได้ใช้สนามนู แคมป์ ของเมืองลีออง
เป็นสังเวียนดวลแข้งของกลุ่มนี้....




[ สนามนูแคมป์ ในเมืองลีออง สังเวียนแข้งของทีมอินทรีเหล็ก ]



เกมแรกของอินทรีเหล็กในฟุตบอลโลก 70 นี้
มีขึ้นในตอบบ่ายของวันที่ 3 มิถุนายน
ท่ามกลางผู้ชม 12,942 คน ในสนามนูแคมป์ของเมืองลีออง
โดยคู่ดวลแข้งของอินทรีเหล็กก็คือ
โมร็อคโคสิงห์ทะเลทรายจากอาฟริกาเหนือ นั่นเอง
โดยมีกรรมการจากเนเธอร์แลนด์ นายโรล็องค์ ฟอน ราเวนส์ เป็นผู้ตัดสิน




[ ขุนพลทีมเยอรมันตะวันตกในเกมนัดแรกฟุตบอลโลกเม็กซิโก 70 ]



ทีมอินทรีเหล็กวันนี้ บุนเดสเทรนเนอร์เฮลมุต เชิร์น
ส่งขุนพลชุดใหญ่ลงเล่นเต็มอัตราศึก
นำทีมโดย อูเว่ เซเลอร์ กับตันทีมจอมเก๋า
ที่จะใช้เวิล์ดคัพหนนี้เป็นการสั่งลาการรับใช้ชาติ
หลังจากลงเล่นในฟุตบอลโลกมา 3 สมัย ตั้งแต่ที่สวีเดนในปีค.ศ. 1958




[ โมร็อคโค ยอดทีมแห่งแอฟริกาเหนือ ]



เมื่อเกมการแข่งขันเริ่มขึ้น
ขุนพลอินทรีเหล็กไม่ผลีผลามบุกมากนัก
เหตเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนแห้งของประเทศเม็กซิโก
ที่เหล่าขุนพลอินทรีเหล็กไม่คุ้นเคย
เป็นอุปสรรคสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นฝ่ายเยอรมัน
ที่พาลูกเข้าไปป้วนเปี้ยนในแดนของขุนพลจากอาฟริกามากกว่า
เยอรมันทักทายก่อนเมื่อมุลเลอร์ได้บอลที่กลางสนาม
แล้วไหลบอลต่อไปให้กับเฮลมุต ฮัลเลอร์ทางด้านซ้าย
ยอดดาวยิงเท้าหนักเลี้ยงบอลจี้เข้าหากรอบเขตโทษของโมร็อคโค
เมื่อได้จังหวะก็ซัดด้วยขวาเต็มแรง ลูกพุ่งอย่างกับลูกปืนเข้าหาประตู
แต่อัลลาห์ คลาสซู ผู้รักษาประตูของโมร็อคโค
พุ่งปัดลูกนี้ออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด.....




[ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส ประทะกับผู้เล่นของทีมโมร็อคโค ]



ต่อมาแบร์ตี้ โฟ้กท์ส ก็ชวดการทำประตู
ให้อินทรีเหล็กออกนำไปได้อย่างน่าเสียดายที่สุด
เมื่อฮัลเลอร์ได้บอลทางด้านกราบขวา
และจิ้มบอลส่งมาให้โฟ้กท์ส ที่วิ่งเติมขึ้นมาสูงในเขตโทษของโมร็อคโค
แบ็คจอมลุยจัดการซัดลูกเต็มแรงยัดเข้าไปที่ประตู
แต่คลาสซู นายทวารของโมร็อคโคที่วันนี้ต้องออกแรงหนัก
พุ่งมาขวางบอลออกไปได้อีกครั้ง




[ อูเว่ เซเลอร์ เจอลูกหนักจากกองหลังโมร็อคโค ]



เยอรมันตะวันตกบุกกดดันเพื่อต้องการประตูขึ้นนำให้ได้
และก็เป็นโวลฟ์กังค์ โอเวอร์รัธ ที่ได้ลูกจ่ายจากเฮลมุต ฮัลเลอร์
ที่ตัดแผงหลังของโมร็อคโคมาให้ดวลเดี่ยวๆกับอัลลาห์ คลาสซู
ผู้รักษาประตูจอมหนึบ
โอเวอร์รัธ ซัดทันทีแต่ก็ยังถูกคลาสซู ป้องกันเอาไว้ได้อีกครั้ง
พร้อมกับที่ผู้กำกับเส้นยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าด้วย....




[ อัลลาห์ คลาสซู พุ่งตัดบอลก่อนเกิร์ด มุลเลอร์จะเข้าถึง ]



แล้วเรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อเยอรมันที่บุกอยู่เพลินๆ ดันมาโดนทีเด็ดของนักเตะโมร็อคโค
ที่ตัดบอลที่โอเวอร์รัธจ่ายพลาด
ที่หน้าปากประตูของตนเองดาร์ริส บาร์มูตกับตันทีมเลี้ยงบอล
จี้เข้าไปในแดนของเยอรมันก่อนที่จะปิดไปที่ปีกขวาให้การ์ซูอานี่
และ เปิดบอลโด่งมาที่หน้าประตูเยอรมันตะวันตกทันที
แต่ลูกกลับเลยไมเออร์ไปถึงฮ็อจเจ้ทท์
ที่กระโดดขึ้นโหม่งหมายจะให้ออกไป
แต่บอลกลับผิดเหลี่ยมลอยย้อนกลับมาที่หน้าปากประตูตัวเอง
พร้อมกับที่เซปป์ ไมเออร์เสียหลักไปแล้ว
หน้าประตูมีแค่มูฮัมมัด จาร์รี่ อยู่เพียงคนเดียว
ส้มหล่นอย่างนี้ไม่มีทางพลาด
1 ต่อ 0 โมร็อคโคพลิกกลับขึ้นมานำอินทรีเหล็กไปแล้ว ในนาทีที่ 21
หรือวิญญาณของจอมพลิกล็อคเกาหลีเหนือในปี 1966
จะมาเข้าสิงร่างของพยักฆ์ร้ายแห่งกาฬทวีป อีกครั้งหนึ่งแล้ว.....




[ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ดวลกับ โมฮัมเหม็ด อัลฟิอารี่ ของโมร็อคโค ]



จู่ๆมาเสียประตูไปก่อน ก็เหมือนกับถูกตบหน้า
นักเตะเยอรมันก็ลุยแหลก แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอาประตูที่เสียไปคืนมาได้ง่ายๆ
เพราะโมร็อคโคก็ได้ใจคอยบุกสวนโต้กลับอยู่ตลอดเหมือนกัน
ก่อนที่จะจบครึ่งแรก
โอกาสที่ใกล้เคียงกับการได้ประตูตีเสมอที่สุดก็มาถึงเมื่อ
วิลลี่ ชูลส์ ได้จังหวะเปิดบอลยาวมาที่หน้าประตูของโมร็อคโค
แผงหลังของนักเตะกาฬทวีปสกัดไม่ดี
ลูกมาถึงเกิร์ด มุลเลอร์ที่รออยู่ที่หน้าประตู
ไอ้ลูกระเบิดพักบอลด้วยอก และวอลเล่ย์ด้วยอีซ้ายทันที
ลูกพุ่งผ่านการป้องกันของ คลาสซู ไปแล้ว
แต่บอลดันพุ่งไปกระแทกกับคานบนเสียงดังสนั่น
กระดอนออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
และครึ่งแรกก็จบลงไปพร้อมกับความตื่นเต้นและไม่คาดฝันของผู้ชม
ที่ได้เห็นรองแชมป์โลกโดนทีเด็ดของทีมโนเนมจากทวีปแอฟริกา
กระตุกหนวดแบบนี้.....




[ " ไอ้ลูกระเบิด " เกิร์ด มุลเลอร์ ทุ่มสุดตัววันประทะโมร็อคโค ]



เกมในครึ่งเวลาหลัง
เหล่าขุนพลอินทรีเหล็กที่โดนเทศนาชุดใหญ่
จากเฮลมุต เชิร์นบุนเดสเทรนเนอร์
ก็ ตั้งใจเล่นเพิ่มมากขึ้น
ต่างลุยแหลกเปิดเกมสาดบอลยาวทั้งบนพื้นและอากาศ
เข้าใส่เกมรับของโมร็อคโคทันที
และใช้เวลาเพียง 6 นาทีเท่านั้นอินทรีเหล็กก็ทำสำเร็จ
เมื่อซิคกี้ เฮลด์ ลากเลี้ยงมาจากด้านซ้ายของสนามมาที่หน้ากรอบเขตโทษ
ก่อนที่จะจ่ายไปให้กับมุลเลอร์ที่รออยู่ในเขต
แต่เกิร์ด มุลเลอร์ที่โดนกองหลังของโมร็อคโคประกบสองอยู่ไม่มีจังหวะยิง
จึงจิ้มบอลต่อมาเข้าทางปืนของ อูเว่ เซเลอร์
ที่กดเลียดด้วยขวาเสียบมุมประตูเข้าไปอย่างงดงาม
สุดปัญญาที่อัลลาห์ คลาสซู จะป้องกันเอาไว้ได้ 1 – 1 ในนาทีที่ 56
ของครึ่งหลัง....




[ อัลลาห์ คลาสซู นายทวารโมร็อคโคออกมาตัดลูกได้ก่อนเกิร์ด มุลเลอร์ ]



หลังจากตีเสมอได้สำเร็จ
เยอรมันก็ยังเดินหน้าเพื่อจะหาทางทำประตูต่อไปอีก
โดยที่เหล่าขุนพลโมร็อคโค เริ่มที่จะไม่บุกเหมือนกับในครึ่งเวลาแรกแล้ว
แต่กลับมาแพ็คเกมรับแน่นเพื่อหวังผลเสมอไว้ให้ได้
ล่วงมาถึงนาทีที่ 78
ความพยายามของอินทรีเหล็กก็สำฤทธิ์ผลอีกครั้ง
เมื่อซิคกี้ เฮลด์ โยนยาวจากทางด้านขวามาที่หน้าประตูโมร็อคโค
เฮอร์เนส โลร์ ตัวสำรองที่เพิ่งโดนเปลี่ยนลงมาเสริมเกมบุกได้เพียงนาทีเดียว
ก็พุ่งโหม่งลูกย้อนไปที่หน้าประตูแต่บอลดันไปกระดอนคานบน
ตกลงมาที่หน้าเส้นประตู
เกิรด์ มุลเลอร์วิ่งเข้าไปโหม่งลูกสวนเข้าประตูไป
โดยที่อัลลาห์ คลาสซู ผู้รักษาประตู
และ ไอดริส กองหลังของโมร็อคโคสกัดไม่ทันทั้งคู่
2 ต่อ 1 เกมจบลงด้วยสกอร์ที่ไม่น่าเชื่อสำหรับแฟนบอลชาวเยอรมัน
ที่คาดกันก่อนหน้าว่า
ทีมอินทรีเหล็กของพวกเขาน่าที่จะถล่มทีม
โนเนมอย่างโมร็อคโคเล่ะเทะได้อย่างไม่ยากเย็นนัก..........




[ ประตูชัยของอินทรีเหล็กจากการพุ่งโหม่งของเกิร์ด มุลเลอร์ ]



เยอรมันตะวันตกลงสนามในนัดที่สอง พบกับทีมบัลแกเรีย
ที่ในนัดแรกแพ้ให้กับทีมเปรูมา 2 ประตูต่อ 3 อย่างเจ็บแสบ
หลังจากที่ในครึ่งเวลาแรกสามารถทำประตูนำเปรูไปก่อนถึง 2 -0
แต่ครึ่งเวลาหลังกลับมาโดนยิงคืนสามลูกรวด
นัดนี้จึงแพ้ไม่ได้อีกแล้ว




[ บัลแกเรียยอดทีมจากยุโรปตะวันออก ]



ท่ามกลางผู้ชม 12,710 คน ที่เข้ามาชมเกมในที่เตะกันในเวลาเที่ยงวัน
ที่แดดเจิดจ้าและอากาศร้อนระอุ
สร้างความลำบากให้กับทีมจากยุโรปทั้งสองฝั่งเป็นอย่างมาก
นัดนี้บุนเดสเทรนเนอร์เฮลมุต เชิร์น มีการเปลี่ยนแปลงทีมในหลายตำแหน่ง
โดยให้ คาร์ล ไฮนซ์ ชเนลิงเจอร์ ลงมาเล่นแทนวิลลี่ ชูลส์
ที่มีอาการล้าจากเกมนัดแรก
และส่ง เฮอร์เนส โลร์ มาลงเล่นแทน เฮลมุต ฮัลเลอร์ ที่เกิดอาการบาดเจ็บ
พร้อมกับที่ให้ ไรน์ฮาร์ด ลิบูด้า ปีกร่างเล็กที่มีความเร็วสูง
ลงมาเล่นแทนจอมขยัน ซิกกี้ เฮลด์




[ 11 ขุนพลเยอรมันตะวันตกในเกมนัดที่สองที่ต้องพบกับบัลแกเรีย ]



เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดให้สัญญาณเริ่มเกม
จากกรรมการโจเซ่ มาเรีย เดอ มานดิบิลด์ชาวสเปนแล้ว
เกมที่ทุกคนรอคอยก็เริ่มต้นขึ้น...
และเพียงในนาทีที่ 12 ของการแข่งขันประตูแรกของเกมก็มาถึง
ไม่ใช่ของฝั่งอินทรีเหล็ก
แต่กลับเป็นของทางด้านบัลแกเรีย
เมื่อได้ลูกโทษสองจังหวะนอกเขตโทษ นักเตะบัลแกเรียฉวยโอกาส
ที่กำแพงของเยอรมันยังตั้งตัวไม่ดี นิโคดิมอฟ
มิดฟิลด์เท้าหนักซัดไกลด้วยเท้าซ้าย
พุ่งเลียดเสียบมุมประตูเข้าไปอย่างงามหยด
ให้บัลแกเรียออกนำอินทรีเหล็กไปก่อน 1-0 อย่างรวดเร็ว




[ ไรน์ฮาร์ด ลิบูด้า อาวุธลับของเยอรมันวันดวลบัลแกเรีย ]




แต่บัลแกเรียดีใจกันได้เพียงแค่ 8 นาที
เยอรมันตะวันตกก็แก้ประตูคืนมาได้ทันควันแบบมีโชคนิดๆ
เมื่อ ไรน์ฮาร์ด ลิบูด้า เลี้ยงบอลอย่างรวดเร็วไปทางกราบขวาของสนาม
ก่อนที่จะเปิดลูกผ่านมาที่หน้าปากประตู
ซิเมี่ยน ซิมีโอนอฟ นายทวารของบัลแกเรีย
ดันรับบอลพลาดปลิ้นเข้าประตูตัวเองไป
1 – 1 เยอรมันกลับมาแล้ว....




[ ซิเมี่ยน ซิมีโอนอฟ นายทวารบัลแกเรียเจอพายุการบุกจากทีมอินทรีเหล็ก ]




แผนการของเฮลมุต เชิร์นในการที่ส่งลิบูด้า
ที่มีความเร็วสูง มาป่วนแผงหลังของบัลแกเรียได้ผลอีกครั้ง
ในนาทีที 27
เมื่อ แผงหลังของบัลแกเรียไล่ตามปีกจรวดผู้นี้ไม่อยู่
ปล่อยให้ลิบูด้า พาทัวร์ทางด้านขวาก่อนที่จะเปิดมาให้
เกิรด์ มุลเลอร์ วอลเล่ย์ด้วยอีขวาผ่าน ซิมีโอนอฟ
นายทวารของบัลแกเรียเข้าไป
ส่งให้อินทรีเหล็กออกบินหนีห่างบัลแกเรียไปเป็น 2 ประตูต่อ 1
ก่อนที่เกมในครึ่งเวลาแรกจะจบลงไปอย่างสุดมันด้วยสกอร์นี้...




[ เกิร์ด มุลเลอร์ ระเบิดตาข่ายบัลแกเรียอย่างสวยงาม ]



ครึ่งเวลาหลัง ความคล่องแคล่วของลิบูด้า
ยังสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่แผงหลังของบัลแกเรียอยู่ต่อไป
และในนาทีที่ 52 เท่านั้น
บอริส กากาเยนอฟ แบ็คซ้ายของบัลแกเรียก็พลาดไปเตะตัดขาของลิบูด้า
ล้มลงไปในเขตโทษอีก กรรมการเดอ มานดิบิลด์ชาวสเปนไม่มีลังเล
ชี้ให้เป็นลูกโทษที่จุดโทษให้แก่เยอรมันทันที
และก็เป็น เกิร์ด มุลเลอร์ที่รับหน้าที่เพชรฆาตสังหาร
ไอ้ลูกระเบิดซัดด้วยขวาพุ่งเสียบมุมบนขวามือของซิมีโอนอฟ
นายทวารของบัลแกเรียเข้าไป
เป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ และรวมเป็นลูกที่สามในทัวนาเม้นท์นี้
ที่ไอ้ลูกระเบิดทำได้แล้ว....




[ ช็อตสังหารจุดโทษของเกิร์ด มุลเลอร์ ]



จากนั้นเยอรมันก็ยังไม่เพลาการบุก
หลังจากที่ซัดไปสองแล้ว คราวนี้ไอ้ลูกระเบิดเกิร์ด มุลเลอร์
ขอจ่ายให้คนอื่นทำสกอร์บ้าง
ในนาทีที่ 67 มุลเลอร์เปิดบอลจากด้านซ้ายเข้ามาให้อูเว่ เซเลอร์
เหยียดขาสไลด์ลูกเข้าประตูบัลแกเรีย เป็นประตูที่ 4 ของทีม
ให้อินทรีเหล็กหนีห่างบัลแกเรียออกไปเป็น 4 ประตูต่อ 1




[ อูเว่ เซเลอร์ เหยียดขาจิ้มลูกเข้าประตูบัลแกเรียไปอย่างยอดเยี่ยม ]



ในนาทีที่ 88 จากลูกตั้งเตะ ไรน์ฮาร์ด ลิบูด้าเปิดบอลมาที่หน้าประตู
ให้ เกิรด์ มุลเลอร์กระโดดขึ้นขวิดบอลเสียบตาข่าย
บัลแกเรียเข้าไปอย่างสวยงาม
เป็นลูกที่ 5 ของทีมเยอรมันตะวันตก
และเเป็นแฮทริกของไอ้ลูกระเบิดในวันนี้อีกด้วย…
ถัดมาอีกเพียงนาทีเดียว โทรดอร์ โกเลฟ มิดฟิลดิ์ของบัลแกเรียก็ได้จังหวะ
ซัดไกลด้วยขวา ไซด์โค้งหนีมือของเซปป์ ไมเออร์เสียบมุมเข้าประตู
ให้บัลแกเรียเป็นประตูปิดท้าย




[ กองเชียร์เยอรมันเข้ามาแสดงความยินดีกับมุลเลอร์และเซเลอร์หลังจบเกม ]




เมื่อครบ 90 นาที อินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตกก็เอาชนะทีมบัลแกเรียไปได้
อย่างท่วมท้น 5 ประตูต่อ 2
ติดปีกโบยบินเข้ารอบควอเตอร์ไฟนัล ต่อไปอย่างแน่นอน
หลังจากลงสนามสองนัด เก็บชัยชนะรวด
และในนัดสุดท้ายต้องลงเล่นเพื่อเป็นการแย่งตำแหน่งที่ 1 ของกลุ่มนี้
กับเปรู ที่ชนะมาสองนัดรวดเช่นกัน
ว่าใครจะได้เป็นทีมที่ปักหลักลงเล่นที่สนามนู แคมป์
ในเมืองลีอองแห่งนี้ในรอบควอเตอร์ไฟนัลต่อไป.....




[ ทีมชาติเปรูหนึ่งในทีมสุดแกร่งของฟุตบอลโลก 1970 ]




10 มิถุนายน 1970 เกมในนัดสุดท้ายของรอบแรก
แฟนฟุตบอลกว่า 17,875 คน เข้ามาเป็นสักขีพยาน
การชิงความได้เปรียบ
ระหว่างอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตกกับทีมดาวรุ่งเปรู
ทั้งสองทีมชนะมารวดทั้งสองนัด มี 4 แต้มเท่ากัน
นัดนี้ใครชนะจะได้เป็นที่ 1 ในสายนี้
ซึ่งจะได้ปักหลักลงเล่นที่สนามนี้ต่อไป ในรอบควอเตอร์ไฟนัล
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ จะไม่ต้องไปพบกับทีมเต็งอย่างบราซิล
ที่เป็นที่ 1 ของอีกสาย เมื่อทีมแซมบ้าได้ผ่านเข้ารอบมาเป็นที่ 1
จากการเอาชนะเชคโกสโลวาเกีย ก่อนมาเฉือนอังกฤษ 1 – 0
และจัดการเชือดโรมาเนียมา 3 – 2
ปล่อยให้แชมป์เก่าอังกฤษ ต้องเข้ารอบมาเป็นที่ 2
ดังนั้น หากอินทรีเหล็กเป็นที่ 1 ได้
จะเป็นโบนัสสองต่อ.....
“ ไม่ต้องเจอบราซิล และ ได้ถอนแค้นอังกฤษ ”




[ ลิบูด้า , โอเวอร์รัธ และ ฮ๊อทเจ๊ทส์ ก่อนเกมดวลกับเปรู ]



เหล่าขุนพลอินทรีเหล็กทุกคน จึงมุ่งมั่นกับนัดนี้เกินร้อย
หลังจากกรรมการ อเบล อิลิซาลเด้ ชาวเม็กซิกันให้สัญญาณเริ่มเกม
ทั้งสองทีมก็เปิดเกมบุกแลกหมัดกันอย่างน่าดู
ผลัดกันรุกและรับ มีลูกหวาดเสียวให้ดูเป็นระยะ....




[ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ดวลกับโรเบอร์โต้ ชาลเล่ย์ของเปรู ]



และก็เป็นอินทรีเหล็กที่ฉวยโอกาสขึ้นนำไปก่อน
เมื่อกองหลังเปรูพลาดสับสนกับผู้รักษาประตูในกรอบเขตโทษ
ก็ถูก เกิร์ด มุลเลอร์ ที่กำลังฮ็อต ลงโทษทันที 1-0
เยอรมันออกนำไปอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 19
เกมวันนี้ แผงมิดฟิลด์ของอินทรีเหล็กต่างเล่นกันได้เยี่ยมทุกคน
ทั้ง โอเวอร์รัธ , ลิบูด้า และ เฮอร์เนส โลร์ ร่วมกันปั่นหัวแนวรับของเปรู
จนรวนไปมาตลอดครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
เยอรมันอาศัยความเร็วของปีกทั้งสองด้าน ขึ้นเกมทางกราบได้ผลตลอด




[ ไอ้ลูกระเบิดจิ้มบอลสวนทางหลุยส์ รูบินอสนายทวารเปรูเป็นประตูแรกของเกม ]




ในนาทีที่ 26 ประตูที่สองก็ตามมา
เมื่อ เฮอร์เนส โลร์ เลี้ยงบอลกระชากผ่าน
ออเลนโด้ เดอลาทอเร่ แบ็คของเปรูที่มีสปีดช้ากว่า
ทางด้านกราบซ้าย และเปิดบอลเข้ามาที่หน้าประตูของเปรู
เหมือนฉลามร้ายที่ได้กลิ่นเลือดเกิร์ด มุลเลอร์
โฉบตัดหน้ากองหลังของเปรูซัดบอลผ่านมือของ หลุยส์ รูบินอส นายทวารเปรู
เข้าไปนอนสงบนิ่งที่ก้นตาข่าย
ให้อินทรีเหล็กขยับหนีออกไปอีก และถึงตอนนี้
ไอ้ลูกระเบิด มุลเลอร์ขึ้นนำดาวซัลโวของศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้แล้ว
เมื่อซัดไปทั้งสิ้น 6 ประตู.....!!!




[ ประตูที่สองของ เกิร์ด มุลเลอร์ วันอินทรีเหล็กถล่มเปรู ฟุตบอลโลก 1970 ]



แต่ เกิร์ด มุลเลอร์ ยังไม่หมดแม็คเพียงเท่านี้
ในนาทีที่ 39 จากด้านขวา
ไรน์ฮาร์ด ลิบูด้าใช้ความเร็วโจมตีแผงหลังของเปรูอีกครั้ง
เมื่อ เขาลากไปสุดเส้นหลังก่อนที่จะเปิดบอลโด่งมาที่หน้าประตู
จากลูกที่ดูเหมือนกับว่าจะโด่งเกินไปนั้น
มุลเลอร์ กับโชว์ให้เห็นถึงสปริงข้อเท้า กระโดดสุดเหยียด
โหม่งบอลย้อนกลับผ่านมือของรูบินอส นายทวารเปรู
ที่เหินสุดตัวแต่ไม่ถึง เข้าประตูไป 3 – 0
และเป็นการซัดแฮทริก ( 3 ประตู ) สองนัดซ้อน
ของเกิร์ด มุลเลอร์ อย่างเหลือเชื่อ !!!




[ คูบิยาส ดาวรุ่งของเปรูดวลกับ ชเนลิงเยอร์ และ เบิร์น พาสเก้ ของเยอรมัน ]



ก่อนที่เวลาในครึ่งแรกจะหมดลง 1 นาที
จากจังหวะลูกโทษนอกเขตของเปรู
ทรีโอฟิโล่ คูบิยาส ยอดดาวยิงสตาร์ประจำทีมเปรู
ซัดบอลแฉลบกำแพงของทีมเยอรมัน เปลี่ยนทางเข้าไป
ขณะที่ เซปป์ ไมเออร์ หลงไปอีกด้าน
เกมในครึ่งแรกที่เป็น “ มุลเลอร์โชว์ ” จบลงด้วยสกอร์
เยอรมันตะวันตก 3 เปรู 1..........!!!




[ หลุยส์ รูบินอส ผู้รักษาประตูเปรูออกมาตัดบอลก่อนหน้าเกิร์ด มุลเลอร์ ]




ครึ่งเวลาหลังทีมอินทรีเหล็ก เริ่มที่จะผ่อนเกมลงไป
เพราะนำไปห่าง และอากาศที่ร้อน
ทำให้นักเตะต้องถนอมแรงเอาไว้ในเกมต่อไปในรอบน๊อคเอ็าท์
เปรูพาบอลขึ้นมาในแดนของทีมเยอรมันได้มากขึ้น
แต่จังหวะสุดท้ายขาดความแม่นยำ จึงไม่สามารถที่จะทำประตูเพิ่มได้อีก




[ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์บัญชาการเกมให้กับเยอรมันอย่างองอาจ ]



เมื่อครบ 90 นาทีของเกม...
เหล่าขุนพลอินทรีเหล็ก ก็ทำสำเร็จสามารถเอาชนะเปรูไปได้ 3 ประตูต่อ 1
ส่งให้เปรูต้องไปเล่นเกมหนักกับ “ เต็งหนึ่ง ” บราซิลที่เมืองกัวดาลาฮาร่า
ส่วนอินทรีเหล็กได้ปักหลักที่ลีออง เพื่อเล่นนัดที่รอคอยมาตลอด 4 ปีเต็ม
ที่จะถอนความแค้นจากทีมสิงโตคำรามอังกฤษ แชมป์โลกนั่นเอง !!!




[ เกิร์ด มุลเลอร์ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่อินทรีเหล็กถล่มเปรู ]



14 มิถุนายน ค.ศ 1970 ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า
และอุณหภูมิที่พุ่งสูงจนปรอทแทบแตก
แต่ก็ยังไม่อาจที่จะหยุดยั้งคลื่นแฟนฟุตบอลชาวเม็กซิกันกว่า 23,357 คน
ที่หลั่งไหลกันเข้ามาจนเต็มแน่นความจุของสนามนูแคมป์ ในเมืองลีออง
เพื่อมาเป็นสักขีพยานเกมในรอบควอเตอร์ไฟนัล




[ " แชมป์โลก " ทีมชาติอังกฤษก่อนเกมล้างตากับเยอรมันตะวันตก ]



ที่เปรียบเสมือนเป็นการรีแมตช์ของนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ผ่านมา
ของสองยอดทีมจากยุโรป
สิงโตคำรามอังกฤษแชมป์เก่า และ อินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก
รองแชมป์โลกที่หวังจะมาถอนแค้นที่รอมานานถึง 4 ปีเต็ม




[ 11 ขุนพลอินทรีเหล็กวันรีแมตช์กับทีมสิงโตคำรามในเม็กซิโก 70 ]




และก่อนหน้าที่เกมนัดนี้จะเริ่มต้นขึ้น
บุนเดสเทรนเนอร์เฮลมุต เชิร์น ก็ได้รับทราบข่าวดีมาว่า…
เกมในวันนี้ทางฝั่งของทีมชาติอังกฤษจะไม่มี
กอร์ดอน แบงค์ส ผู้รักษาประตูมือกาว
ที่เพิ่งจะโชว์ผลงานระดับโลกในเกมที่พบกับบราซิล ในรอบแรก
ที่แบงค์ส โชว์ซูปเปอร์เซฟ ป้องกันลูกโหม่งที่สุดแสนจะสมบูรณ์แบบของเปเล่
ที่ต้องเป็นประตูชนิดร้อยเปอร์เซนต์
แต่ กอร์ดอน แบงค์ส กลับพุ่งตัวเหินเข้าหาบอล
และใช้มือชกลูกหลุดออกหลังไปได้อย่างมหัศจรรย์



[ ซุปเปอร์เซฟที่กอร์ดอน แบงค์ส ปฏิเสธสกอร์ของเปเล่ ]



แต่ก่อนหน้าที่เกมในรอบควอเตอร์ไฟนัลนี้จะเริ่มต้นขึ้นเพียง 1 วัน
กอร์ดอน แบงค์ส กลับต้องเทียวเข้าออกห้องน้ำ
เพราะเกิดอาการท้องเสียตลอดทั้งวัน
มิหนำซ้ำ ยังมีอาการอาเจียรอย่างรุนแรง
เมื่อแพทย์ประจำทีมอังกฤษตรวจอาการ
ก็พบว่ายอดนายทวารผู้นี้ เกิดอาการอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง
หลังจากให้ยาและพักผ่อนแล้ว
แบงค์ส ก็ยังคงมีอาการอ่อนเพลียอยู่อย่างมาก
ทำให้การแข่งขันในวันนี้
เซอร์อัลฟ์ แรมซีย์ ผู้จัดการทีมสิงโตคำรามต้องตัดสินใจ
ส่งปีเตอร์ โบเน็ตติ นายทวารมือสองจากสโมสรเชลซี
มาลงทำหน้าที่เฝ้าเสาประตูในเกมนัดสำคัญนี้แทน




[ สองนายทวารสิงโตคำราม กอร์ดอน แบงค์ส และ ปีเตอร์ โบเน็ตติ ]



นับเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อกำลังใจ
ของเหล่าพลพรรคสิงโตคำรามทุกคนอย่างมาก
เพราะฝีมือและประสพการณ์ของโบเน็ตติ ไม่สามารถที่จะเทียบเคียง
กับกอร์ดอน แบงค์ส ได้เลยในเกมระดับฟุตบอลโลกนี้...




[ สิงโตคำราม - อินทรีเหล็ก ศึกล้างตาจากนัดชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ]



ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อสิ้นเสียงสัญญาณนกหวีด
จากนายแองเจล คอร์เลซ่า กรรมการชาวอาร์เจนไทน์
ที่ลงทำหน้าที่ตัดสินในเกมนี้
เกมในช่วงแรกทั้งสองทีมเล่นกันแบบระมัดระวังตัวเต็มที่
เหตเพราะเกมน็อคเอาท์ของสองทีมที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกันแบบนี้
หากใครพลาดท่าเสียทีโดนนำไปก่อนแล้วนั้น
หมายถึงเรื่องยากในการที่จะตามทวงประตูคืนมาเลยทีเดียว




[ สองกับตันทีม บ็อบบี้ มัวร์ แลกธงกับ อูเว่ เซเลอร์ ก่อนเริ่มเกม ]



และอีกประการหนึ่ง และเป็นเรื่องที่สำคัญมากนั่นก็คือ
ความร้อนของอากาศ ที่คอยรีดน้ำออกไปจากร่างกาย
ของนักฟุตบอลทั้งสองทีม ที่ต่างก็ไม่คุ้นเคยที่ต้องลงมาเล่น
กลางแดดเจิดจ้าในเวลาเที่ยงวัน ของประเทศร้อนอย่างเม็กซิโกเลยนั่นเอง
ส่งผลให้นักเตะทั้งสองทีมต่างเล่นในรูปแบบประคองเกมเพื่อออมกำลัง
ให้มีเหลือรอดตลอดทั้งเกมนี้ไปให้ได้....




[ บ็อบบี้ ชาร์ลตั้นดวลกับ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ กลางแแดดจ้าของเม็กซิโก ]



เกมคู่คี่สูสีกันจนล่วงมาถึงนาทีที่ 31
จากในแดนของตัวเอง อลัน มัลเลอร์รี่ ตัดบอลได้
และเลี้ยงพาบอลขึ้นมาที่กลางสนาม
ก่อนที่จะส่งไปให้ ฟรานซิส ลี ทางด้านปีกขวา
ที่มี โวลฟกังค์ โอเวอร์รัธ ประคองอยู่
และ มัลเลอร์รี่ ก็ยังวิ่งตะบึงไปข้างหน้าต่อไป
จากลูกที่ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ นี้กลับเป็นประตูขึ้นนำของอังกฤษ
เมื่อ ลี เหลือบไปเห็นอลัน มัลเลอร์รี่
ที่วิ่งแลบเข้าไปถึงที่หน้าประตูของเยอรมันแล้ว
โดยที่ไม่มีกองหลังอินทรีเหล็กคนไหนไหวตัวไปประกบเลย
ฟรานซิส ลี ก็แทงบอลไหลทะลุมาให้ มัลเลอร์รี่ วอลเล่ย์ด้วยเท้าขวา
ตัดหน้าเซปป์ ไมเออร์ ที่ออกมาถึงบอลช้าไปเพียงเสี้ยววินาที
1 – 0
แชมป์เก่าออกนำอินทรีเหล็กไปแล้วอย่างง่ายดาย......




[ ประตูขึ้นนำ 1 ต่อ 0 ของทีมอังกฤษโดยอลัน มัลเลอร์รี่ ]



เมื่อเจอทีเด็ดของอังกฤษแบบนี้ อินทรีเหล็กก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว
เยอรมันเริ่มที่จะเปิดเกมบุกมากขึ้น
แบบไม่เกรงกลัวต่อความร้อนของอากาศ
แต่วันนี้แผงหลังของอังกฤษที่โดนบัญชาการจากบ็อบบี้ มัวร์กับตันทีมอังกฤษ
ต่างเล่นกันแบบมีวินัย ไม่มีความลังเลลนลานใดๆเลย




[ อูเว่ เซเลอร์ โดนแผงหลังของอังกฤษประกบแบบแซนด์วิชจนไปไม่เป็น ]



อินทรีเหล็กบุกเท่าไหร่ก็ไปติดอยู่ที่หน้ากรอบเขตโทษแทบจะทั้งหมด
เกิร์ด มุลเลอร์ แทบจะโดนตัดทิ้งออกไปจากเกมนี้เลยทีเดียว
เมื่อครบ 45 นาทีของครึ่งเวลาแรก
สิงโตคำรามก็ยังได้เปรียบเยอรมันตะวันตกอยู่ 1 ประตูเช่นเดิม




[ ปีเตอร์ โบเน็ตติ ออกมาตัดบอลได้ก่อนที่จะไปถึง เกิร์ด มุลเลอร์ ]



ในครึ่งหลัง เฮลมุต เชิร์น แก้เกมในทันที
โดยถอดเอา ฮ๊อทเจ๊ทส์ ที่เริ่มจะหมดแรงออก
และส่งวิลลี่ ชูลส์ กองหลังจอมเก๋าลงมาแทนทันที
เยอรมันเปิดเกมได้อย่างน่ากลัว มีโอกาสยิงไกลทักทายก่อน
ได้ยังไม่ใกล้เคียงกับการเป็นประตูตีเสมอ




[ อัลฟ์ แรมซีย์ ผู้จัดการอังกฤษเดินนำลูกทีมลงเล่นครึ่งหลังแบบสบายใจ ]




จนมาถึงนาทีที่ 49 บ็อบบี้ มัวร์ ตัดบอลได้ที่หน้าประตูในแดนของอังกฤษ
และผ่านบอลไปให้กับ อลัน บอลล์ ที่กลางสนาม
จากนั้นลูกจากบอลล์ก็ไปถึงเท้าของ เจฟฟ์ เฮิร์ท ในแดนเยอรมัน
เฮิร์ทอดีตฮีโร่จากปี 66 เห็น คีท นิวตัน แบ็คขวาจอมบุกวิ่งฉีกหนี
การประกบของ เฮอร์เนส โลว์ ไปได้ทางด้านปีกขวาของสนาม
จึงจ่ายลูกไปให้....




[ เจฟฟ์ เฮิร์ท พยายามซัดบอลผ่าน เซปป์ ไมเออร์นายทวารอินทรีเหล็ก ]



และทันใดนั้นเอง นิวตันก็บรรจงเปิดบอลด้วยเท้าขวา
ไปที่หน้าประตูของเยอรมันอย่างรวดเร็ว
บอลที่พุ่งเลียดเร็วและแรง ผ่านหน้าเซปป์ ไมเออร์นายทวารอินทรีเหล็ก
ไปถึงมาร์ติน ปีเตอร์ อีกหนึ่งดาวยิงของสิงโตคำราม
จ่อๆไม่ถึงสองหลา มาร์ติน ปีเตอร์ กดเข้าไปไม่มีเหลือ
2 ต่อ 0 อังกฤษแชมป์เก่าหนีห่างเยอรมันออกไปอีกแล้ว
หรือว่า ความแค้นจาก 4 ปีที่แล้วที่เหล่าอินทรีเหล็กหวังจะมาทวงคืน
จะมาถูกตอกย้ำให้รุนแรงลงไปอีกครั้งในวันนี้ !!!




[ ประตูขึ้นนำ 2 - 0 ของมาร์ติน ปีเตอร์ที่กำลังจะส่งอินทรีเหล็กลงสู่ก้นหลุม ]




จากจุดนี้ไม่มีอะไรที่จะให้เสียอีกแล้ว
เหล่าขุนพลอินทรีเหล็กไม่มีเวลาให้รั้งรออีกแล้ว
จึงเดินหน้าเปิดเกมบุกทุกรูปแบบ เข้าใส่สิงโตคำรามโดยทันที
ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ที่ต้องรับหน้าที่คอยตามคุม
บ็อบบี้ ชาร์ลตันอยู่ตลอดทั้งเกม
มาถึงเวลานี้ต้องดันสูงขึ้นมาช่วยในเกมรุกแล้ว




[ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ขยับขึ้นสูงมาเปิดเกมรุกอย่างเต็มตัว ]



และในนาทีที่ 68 เมื่อแบ็คเคนบาว์นที่ตอนนี้
แทบจะมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
เลี้ยงบอลหลบหลบผ่าน อลัน มัลเลอร์รี่ ไปได้
จากระยะหัวกระโหลก เบ็คเคนบาวเออร์ตัดสินใจกดเต็มแรง
ลูกพุ่งผ่านมือของ ปีเตอร์ โบเน็ตติ นายทวารมือสองของสิงโตคำราม
เข้าไปนอนสงบนิ่งที่ก้นตาข่าย
เป็นประตูที่ปลุกกระตุ้น
วิญญาณนักสู้ในตัวของผู้เล่นอินทรีเหล็กขึ้นมาแล้ว...




[ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ทำประตูให้อินทรีเหล็กไล่มา 1 ต่อ 2 ]



และแทบไม่มีใครจะเชื่อสายตา ว่า
ในอีกสองนาทีต่อมา อัลฟ์ แรมซีย์ กุนซือสมองเพชรของอังกฤษ
จะเปลี่ยนตัวของ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ดาวดังตัวอันตรายที่สุดของทีมออก
และแทนที่โดยนอร์แมน ฮันเตอร์ เพื่อมาเล่นเกมรับอย่างเต็มตัว
เมื่ออังกฤษไม่มี ชาร์ลตันให้แผงหลังของอินทรีเหล็กต้องพะวงอีกต่อไป
คราวนี้ พายุการบุกทั้งทางภาคพื้นดินและอากาศของเยอรมัน
ก็บอมบ์เข้าใส่แผงหลังของอังกฤษและปีเตอร์ โบเน็ตติ
อย่างเต็มรูปแบบแล้ว...




[ เซปป์ ไมเออร์ ป้องกันประตูจากการบุกหนักของผู้เล่นอังกฤษ ]



อังกฤษต้งป้อมป้องกันการบุกของอินทรีเหล็ก
มาได้จนถึงนาทีที่ 76 เขื่อนก็แตก
เมื่อคาร์ลไฮนซ์ ชเนลิงเจอร์ได้จังหวะเปิดลูกโด่งมาที่หน้าประตูของอังกฤษ
ปีเตอร์ โบเน็ตติ เห็นอลัน มัลเลอร์รี่
ประกบอูเว เซเลอร์อยู่จึงไม่ออกมาตัดบอล
ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่มีราคาแสนแพง




[ อูเว่ เซเลอร์ ทะยานกายขึ้นโหม่งลูกทั้งๆที่หันหลังให้กับประตูของอังกฤษ ]



เพราะจากเหลี่ยมมุมที่ไม่มีนี้
เซเลอร์ได้สร้างความตกตะลึงไปทั้งสนาม
เมื่อเขาใช้ด้านหลังศรีษะโหม่งลูกกลับหลังย้อยผ่านโบเน็ตติ
ที่ป้องกันได้แค่สายตาเข้าไปเสียบมุมประตู
เป็นลูกตีเสมอ 2 – 2
ได้อย่างไม่น่าเชื่อ !!!




[ บอลจากการโหม่งของเซเลอร์ลอยผ่านโบเน็ตติเข้าประตูไปอย่างเหลือเชื่อ ]




จากที่ขึ้นนำไปก่อนถึงสองประตู กลับต้องมาถูกตีเสมอ
เป็นเรื่องที่ช็อคความรู้สึกของนักเตะอังกฤษทุกคน
กล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าจากการวิ่งมาตลอดทั้งเกม
และความเหนื่อยจากการเสียเหงื่อเพราะอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับเตาอบ
กำลังเริ่มที่จะส่งผลต่อร่างกายของ 11 นักเตะสิงโตคำรามแล้ว
ผิดกลับขุนพลอินทรีเหล็ก ประตูตีเสมอเปรียบเสมือนกับยาชูกำลัง
ให้เกิดความฮึกเหิมทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ให้วิ่งกันอย่างลืมเหนื่อยเสียสิ้น




[ บ็อบบี้ มัวร์กับตันทีมอังกฤษใช้ตัวบังบอลไม่ให้มุลเลอร์เล่นลูกได้ ]



เกมในเวลาปกติ 90 นาทีจบลงไป
และเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องมีการต่อเวลาของการแข่งขันไปอีก 30 นาที
เฉกเช่นในวันชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีที่แล้วอีกครั้ง
แต่ผลของการแข่งขันจะเหมือนหรือเปลี่ยนไป
ก็ขึ้นอยู่กับความอึดของนักเตะทั้งสองทีม ในเวลาที่เหลืออยู่




[ บรรดานักเตะอังกฤษนั่งพักก่อนที่จะเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ ]



ในช่วงของการต่อเวลาพิเศษ
ความผิดพลาดของอัลฟ์ แรมซีย์
ในการที่รีบถอด ตัวทำเกมอย่างชาร์ลตันออกไป
ได้ส่งผลต่อการทำเกมรุกของอังกฤษ
เพราะชาร์ลตันคือนักเตะที่สร้างสรรเกม
เมื่อขาดเขาไปด้านหน้าของอังกฤษทั้งมาร์ตินปีเตอร์และเจฟฟ์ เฮิร์ท
ก็เหมือนกับถูกทิ้งให้อยู่นอกโลก




[ " ไอ้แดงไฟ " อลัน บอลล์ ออกลูกหงุดหงิดในเกมเจออินทรีเหล็ก ]



ผิดกับทางฝั่งของเยอรมันตะวันตก
ที่อาศัยความสดของนักเตะหนุ่มพรสวรรค์สูง
จากทีมสโมสรไอร์ทรั๊ค แฟร๊งค์เฟิร์ทนาม เจอร์เก้น กราบรอสกี้
ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาแทนไรท์ฮาร์ด ลิบูด้า ที่บาดเจ็บในครึ่งเวลาหลัง
จึงยังมีพละกำลังอย่างเหลือเฟือ
สร้างความปั่นป่วนให้กับแผงหลังของอังกฤษอย่างมาก




[ โคลิน เบลล์ ดวลกับ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ]



เข็มนาฬิกาเดินทางมาถึงนาทีที่ 108 ของการต่อเวลา
ความพินาศของแชมป์เก่าก็มาถึง...
เมื่อเทอร์รี่ คูเปอร์ ที่ล้าเกินกว่าที่จะไล่ตามประกบกราบรอสกี้อยู่ได้
ก็เปิดช่องว่างจากทางด้านปีกขวา
ให้ดาวรุ่งดวงใหม่โยนบอลเข้ากลางมาที่หน้าประตูของอังกฤษได้
ลูกเปิดที่สูงเลยมาจนถึงเฮอร์เนส โลว์ ที่พุ่งตัวโหม่งย้อนกลับไปที่หน้าประตู
สิ่งที่ปีเตอร์ โบเน็ตตินายทวารสิงโตคำรามจะต้องทำ
ก็คือการออกมาตัดบอล
แต่ เขาเกิดความลังเลจึงไม่ทำดังนั้น
มันจึงเป็นหายนะ.....




[ วินาทีที่ เกิร์ด มุลเลอร์ ลอยตัววอลเล่ย์ส่งแชมป์เก่ากลับบ้าน ]



เพราะตรงบริเวณหน้าประตูมีเกิร์ด มุลเลอร์ยืนจังก้ารออยู่
เมื่อบอลลอยมาถึง...
ไอ้ลูกระเบิดไม่มีจับเขากระโดดลอยตัววอลเลย์ด้วยเท้าขวาเต็มแรง
ลูกบอลพุ่งเข้าไปกระทบกับตาข่ายของอังกฤษดังสนั่น
จากโดนนำห่างสองประตู อินทรีเหล็กไล่ตามตีเสมอไม่พอ
เพราะในเวลานี้ ได้พลิกกลับขึ้นมาออกนำไปเป็นครั้งแรกของเกมนี้แล้ว !!!




[ ภาพอีกมุมของประตูถลกหนังสิงโต ของไอ้ลูกระเบิด ]




เวลาที่เหลืออยู่ผู้เล่นของอังกฤษพยายามที่จะกัดฟันวิ่ง
เพื่อตามตีเสมอให้ได้...
แต่เหล่าขุนพลอินทรีเหล็กไม่ยอมให้เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนั้นแน่
ครบ 120 นาที หลังเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้นมา
ตำแหน่งแชมป์โลกก็ลอยหลุดออกจากมือ
ของทีมสิงโตคำรามไปเรียบร้อยแล้ว




[ ไอ้ลูกระเบิด ฮีโร่ผู้ส่งให้สิงโตคำรามกลายเป็นอดีตแชมป์โลก ]



จากเงื้อมือของเหล่าขุนพลอินทรีเหล็ก
ที่ไล่ตามล่าตามล้างจนทวงความแค้น
จากความพ่ายแพ้ที่น่ากังขาเมื่อ 4 ปีที่แล้วได้สำเร็จ




[ บ๊อบบี้ มัวร์ นั่งหมดสภาพหลังถูกอินทรีเหล็กถอนแค้นสำเร็จ ]



และโบยบินเข้าไปรอเล่นในรอบรองชนะเลิศ ที่เม็กซิโก ซิตี้
ก่อนใครเพื่อน
โดยจะไปรอพบกับผู้ชนะระหว่างแชมป์โลก 2 สมัย อิตาลี่
หรือว่า เม็กซิโก ชาติเจ้าภาพต่อไป.................




[ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส ปลอบใจ อลัน บอลล์ หลังเกมจบลง ]




[ การที่ อัลฟ์ แรมซีย์ ถอด ชาร์ลตั้น ออกคือเหตแห่งความพ่ายแพ้หรือไม่ ? ]




[ อูเว่ เซเลอร์ กับความดีใจที่แตกต่างจากความเศร้าหลังเกมนัดชิงปี 66 ]



.....................................................................................................

~ พบกับย้อนตำนานอินทรีเหล็กตอนต่อไป
กับเกมที่เป็นตำนานของรอบรองชนะเลิศ เม็กซิโก 70
ในตอน Game of Century เร็วๆนี้ครับ................^_^





 

Create Date : 18 ตุลาคม 2551
19 comments
Last Update : 20 กรกฎาคม 2555 21:42:23 น.
Counter : 4373 Pageviews.

 

เจิมบล๊อก อิอิ ฤดูกาลที่ผ่านมาก็เชียร์เยอรมันเย้วๆ เหมือนกันเพราะ คนที่เขียนถึงในบล๊อกเค้าเรียนจบจากที่นั่น...ตอนนี้เห็นคำว่าเยอรมันเลยเจ๊บจี๊ดๆในใจ แหะๆ

 

โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) 19 ตุลาคม 2551 17:10:58 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณร๊อก

ปอ ป้า มอ มา ชอ ช้า อีกตามเคย ตามประสาผู้เฒ่า

อินทรีย์เหล็กชุดนี้ นับได้ว่า ครบเครื่อง จริง ๆ ถ้าเปรียบเป็นอาหาร ก็หลากรส แซ็บหลาย ๆ......

คุณฟรานส์ ฯ เธอก็ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ฝีเท้ายังฟิตปั๋ง
แล้วยังมีคุณมุลเลอร์ จอมยิงระเบิดอีกคน...ฮู้ สุดบรรยาย

เป็นความผิดพลาดอย่างแรง ของทีมสิงห์โตคำราม ที่ดันเอาหัวหอกอย่างคุณชาร์ลตัน ออกไปเสียก่อน..อย่างนี้จะ
โส น้า หน้า ดีมั้ย..ฮึ ไม่ดี ไม่ดี...ต้องสงสารในความผิดพลาดของเค้ามากกว่า ( จะได้สมกับที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมหน่อย..อิ อิ )

ป้าจะรอย้อนรอยความยิ่งใหญ่ของทีมอินทรีย์เหล็กในตอนต่อไป.. อัพเมื่อไร อย่าลืมส่งข่าวให้ปอ ป้า ด้วย...นะคะ

วันนี้ ขอขอบคุณ คุณร๊อก ที่กรุณานำความตื่นเต้นในอดีตมาย้อนรอยให้ได้ตื่นเต้นกันอีกครั้งหนึ่ง

ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ ทำงานหนักแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วย..นะคะ

 

โดย: พรหมญาณี 20 ตุลาคม 2551 16:20:27 น.  

 



สวัสดีค่ะ ไม่ไดเวะมาหาหลายวันเลยค่ะ
คงไม่ลืมกานไปแล้วนะคะ อิอิ

ปอแวะมาเสริฟกาแฟยามค่ำค่ะ งุงิ
มีความสุขมากๆ นะคะ ^ ^

 

โดย: Butterflyblog 20 ตุลาคม 2551 20:08:46 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณร๊อก

วันนี้ ก่อนนอน แวะไปบ้านปอ ป้า นะคะ

มีเรื่องราวเมืองมรดกโลก ไว้ให้อ่านค่ะ

หลวงพระบาง ในดวงใจของปอ ป้า รออยู่..นะคะ

มีความสุขมาก ๆ นะคะ...

 

โดย: พรหมญาณี 21 ตุลาคม 2551 15:01:24 น.  

 



สวัสดีวันฝนตกและลมแรงค่ะ งิงิ

ปอเอาโกโก้มาเสริฟค่ะ

มีความสุขในทุกๆ วันนะคะ งุงิ ^ ^

 

โดย: Butterflyblog 21 ตุลาคม 2551 16:50:42 น.  

 

เหรอ!!!

กลับมาแล้วนะร๊อกกี้บาบู

ไปดูที่บล็อกเค้าด้วยอ่านบรรทัดท้ายๆ อย่างละเอียดด้วยนะ

คิดถึงนะเว่ย!!!

 

โดย: HastaLaVista 21 ตุลาคม 2551 23:00:11 น.  

 

ตื่นได้แล้ว

มารายงานตัวด้วย

อย่าให้โมโห เดี๋ยวมี สับศอก นะเว่ย!!!!

 

โดย: HastaLaVista 22 ตุลาคม 2551 6:12:28 น.  

 

วันนี้ช่วยเจ้าหญิงเชียร์หงษ์ด้วยนะ มะงั้น...งอนนน

 

โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) 22 ตุลาคม 2551 12:51:54 น.  

 

คลื่นไส้หว่ะ

โอ๊กกกกกกกก!!!!

ขออ้วกหน่อยเห่อะ!!!

 

โดย: HastaLaVista 22 ตุลาคม 2551 21:06:20 น.  

 



สวัสดีค่ะ

วันนี้ปอมีชามะนาวหน้าตาน่าทานมาฝากค่ะ ^ ^

 

โดย: Butterflyblog 22 ตุลาคม 2551 22:11:04 น.  

 

HOLA

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

จุดจบของหงส์อยู่ตรงที่แต้มเดียว

รู้แล้วใช่มะว่าอ้วกอะไร!!!!

นี่ร๊อกกี้ขี้งก เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ วะ

เมื่อไหร่จะปกติ เหมือนเดิม เมื่อไหร่????

หรืออยากจะตาเขียวอีกรอบ จะได้จัดให้

เห้อ....แทนที่จะได้คุยกันดีๆ เซ็งเป็ดแต้มเดียวหว่ะ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ปล.ร๊อกกี้บาบู คุณรู้ตัวบ้างไหมว่าคุณโดน TAG

แล้วคุณต้องตอบ TAG น่ะ ไม่ใช่ว่าเข้ามาทักทาย

แล้วก็จากไป อันนั้นไปทำที่อื่นนะเว่ย!!!

แล้วถ้ายังไม่เห็นความคืบหน้าล่ะก็ หุ หุ หุ

บล็อกนี้ บอกได้คำเดียว เละ!!!!!!!!!!!!!

 

โดย: HastaLaVista 23 ตุลาคม 2551 7:11:00 น.  

 

พี่ร็อคตื่นเช้าม๊ากกกกกกกกกกกกกก

เกิดอะไรขึ้น

รึยังไม่ได้นอน ?

 

โดย: กิ๊กมืออาชีพ 23 ตุลาคม 2551 9:50:50 น.  

 

ก็ยังดีที่ไม่แพ้ รอลุ้นตอนไปบ้านเชลซีดีกว่า

 

โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) 23 ตุลาคม 2551 12:47:39 น.  

 



สวัสดีค่ะ
วันนี้เอากาแฟแบบมีวิปครีมมาฝากค่ะ

โกโก้น่ะ วันก่อนนะคะ
เมื่อวานเป็นชามะนาวตะหากคะ งุงิ ^ ^

 

โดย: Butterflyblog 23 ตุลาคม 2551 14:44:52 น.  

 

อ๋อ.. เจอคอห่าน

อืมมมมมมมมม

โอเค๊.............

เรามัน Red devil And Evil

เมื่อไหร่จะปกติ

กรุณารับ tag ด้วย รู้เรื่องหรือเปล่าว่าเค้าเล่นกันยังไง

 

โดย: HastaLaVista 23 ตุลาคม 2551 21:13:42 น.  

 

ขอบคุณคะ....ฝากเชียร์บอลวันเสาร์ด้วยคะ แล้วปาฏิหารย์จะมีจริง

 

โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) 24 ตุลาคม 2551 2:48:14 น.  

 

เอ้า ฮึ่ย!!!!

อาวุธครบมือแล้วนะ ว่าไง

ร๊อกออเยาะ!!! นี่เริ่มจะโมโหแล้วนะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

tag tag tag tag tag tag ซะโดยดี

ทำเสร็จแล้วเธอไม่มีสิทธิ์ส่งต่อให้ใคร

ชั้นสั่งเอง มีอะไรมั้ย??? ห๊ะ???

 

โดย: HastaLaVista 24 ตุลาคม 2551 5:34:27 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณร๊อก

ถ้าป้าหายไปจากบล๊อกสัก 3-4 วัน อย่าแปลกใจนะคะ
พอดีมีญาติลงมาจากดอยแม่กองมู
ป้า เลยต้องไปต้อนรับพาไปแอ่ว อ่ะค่ะ...

ขอให้คุณร๊อกมีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้นะคะ


ศุกร์........สุข สุข........ศุกร์ ศุกร์......สดชื่น รื่นเริง...บันเทิงใจ
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่

 

โดย: พรหมญาณี 24 ตุลาคม 2551 8:17:13 น.  

 

อยากโดนใช่มั้ย!!!!

 

โดย: HastaLaVista 24 ตุลาคม 2551 12:17:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Romancini
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายธรรมดา มีความฝันที่ยังไปไม่ถึง แต่ไม่เคยคิดท้อที่จะทำความฝันนั้น ให้เป็นจริง...

" SHINE ON YOU CRAZY DIAMOND "

Remember when you were young, you shone like the sun.
Shine on you crazy diamond.
Now there's a look in your eyes, like black holes in the sky.
Shine on you crazy diamond.
You were caught on the crossfire of childhood and stardom, blown on the steel breeze.
Come on you target for faraway laughter, come on you stranger, you legend, you martyr,
and shine!

You reached for the secret too soon, you cried for the moon.
Shine on you crazy diamond.
Threatened by shadows at night, and exposed in the light.
Shine on you crazy diamond.
Well you wore out your welcome with random precision, rode on the steel breeze.
Come on you raver, you seer of visions, come on you painter, you piper, you prisoner,
and shine!

Nobody knows where you are, how near or how far.
Shine on you crazy diamond.
Pile on many more layers and I'll be joining you there.
Shine on you crazy diamond.
And we'll bask in the shadow of yesterday's triumph, and sail on the steel breeze.
Come on you boy child, you winner and loser, come on you miner for truth and delusion,
and shine!

Totó and Alfredo - ENNIO MORRICONE
Friends' blogs
[Add Romancini's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.