1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
ย้อนตำนานอินทรีเหล็ก ร่วมฉลอง100 ปีของทีมชาติเยอรมัน ( ตอนที่ 12 TheFinal1974 )
ในเกมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1974 นั้น ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก ต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งปั๊ก นั่นก็คือทีม.........“ อัศวินสีส้ม ” ฮอลแลนด์ ทีมที่มีการเล่นที่สวยงามและสุดแข็งแกร่ง นักฟุตบอลทั้ง 10 คนในทีมไม่นับผู้รักษาประตู ต่างสามารถสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งการเล่นในทีม ได้อย่างไหลลื่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบนี้รู้จักกันในนามว่า...” โทลทั่ล ฟุตบอล ” นั่นเอง สไตล์การเล่นที่ล้าสมัยนี้ มาจากการวางระบบ ของกุนซือสมองเพชรนาม...ไรนุส มิทเชลล์ [ ฮอลแลนด์ สุดยอดทีมของศึกเวิล์ดคัพ 1974 ] เหล่าขุนพลฟรายอิ้ง ดัตซ์แมนชุดฟุตบอลโลก 1974 ก็อุดมไปด้วยนักเตะพรสวรรค์ และฝีเท้าสูง ทั้ง โยฮัน นีสเก้นส์ สุดยอดมิดฟิลด์เชิงสูง จากสโมสร อาร์แจ๊ค อัมส์เตอร์ดัมส์ รุ๊ด โคลล์ กองหลังอารมณ์ศิลปินจากทีมเดียวกัน และ วิลเล่ม ฟาน ฮานิเก้ม กองกลางพันธุ์ดุ นักเตะจอมโหดจากทีมเฟเยนู๊ดส์ บวกกับคู่หูคู่พระกาฬในแดนหน้าที่สุดอันตราย ทั้ง ร็อบ เรนเซนบริ๊งก์ จากทีม คลับ บรู๊ก์ ในเบลเยี่ยม และ จอห์นนี่ เรป ดาวยิงของอาร์แจ๊ค อัมส์เตอร์ดัมส์ [ ไรนุส มิทเชลล์ และ 2 ขุนพลคู่ใจ นีสเก้นส์ & ครอยฟ์ ] แต่นักเตะที่สำคัญที่สุด และถือว่าเป็นหัวใจของทีมชุดนี้ ก็คือ.....เจ้าของฉายาที่ไม่เกินเลยจากความจริง “ นักเตะ เทวดา ” โยฮัน ครอยฟ์ จอมทัพพรสวรรค์สูงที่มีการเล่นที่น่าตื่นตายิ่ง สามารถพาอาร์แจ๊ค อัมส์เตอร์ดัมส์ เป็นสุดยอดทีมของยุโรป โดยเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัยซ้อน ( 1971 , 72 , 73 ) [ โยฮัน ครอยฟ์ ยอดจอมทัพของทีมฮอลแลนด์ ] และในฟุตบอลโลกครั้งนี้นั้น เหล่าพลพรรคอัศวินสีส้ม ก็ยังคงเล่นได้อย่างสวยงามและสุดแข็งแกร่ง มีการเล่นที่ทั้งสวยงามและทรงอานุภาพ มาตลอด โดยในรอบแรกนั้น ฮอลแลนด์เข้ารอบมาได้แบบสบายๆ เมื่อทุบทีมจอมโหดอุรุกวัยจนหมดลายด้วยสกอร์ 2 – 0 ถล่มบัลแกเรียไปเล่ะเท่ะ 4 – 1 และเสมอสวีเดน 0 – 0 [ 3 ประสานดัตช์แมน... เรป , ครอยฟ์ และ นีสเก้นส์ ] ก่อนที่จะมาระเบิดฟอร์มสุดหรู ในรอบที่ 2 เมื่อจัดการสอนบอลทีมฟ้าขาวอาร์เจนติน่าไป 4 – 0 ต่อด้วยเชือดนิ่มๆเยอรมันตะวันออก ไปด้วยสกอร์ 2 – 0 และถอดมงกุฎแชมป์โลกออกจากทีมแซมบ้าบราซิล ชนิดบอลคนล่ะชั้นด้วยสกอร์ ...2 – 0 ผ่านเข้ามาจนถึงเกมสุดท้ายที่มิวนิคในวันนี้ เพื่อที่จะเป็นบททดสอบที่สุดยากของจริง ที่ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตกจะต้องเผชิญหน้าด้วย !!! [ แผนผังตัวผู้เล่นของคู่ชิงเวิล์ดคัพ 1974 ] วันที่ 7 กรกฏาคม 1974 นั้น ถนนทุกสายมุ่งตรงมาสู่โอลิมปิค สตาดิโอน เมืองมิวนิค ที่สวยงามด้วยสไตล์การออกแบบที่สุดแสนจะทันสมัย และรับหน้าที่เป็นสังเวียนชี้ขาด นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ปี 1974 นี้........ [ โอลิมปิค สตาดิโอน เมืองมิวนิค ] การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดเป็นที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบทำงานกันอย่างหนัก ถังขยะทุกใบ , หินทุกก้อน , ท่อน้ำทิ้งทุกแห่ง , ยอดตึกสูง ล้วนแต่ผ่านสายตาการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงเหมือนเมื่อโอลิมปิค 2 ปีก่อน ตั๋วหน้าสนามถูกขายหมดเกลี้ยงก่อนหน้านี้นานแล้ว แฟนฟุตบอลถูกจำกัดจำนวนอยู่ที่ 75,200 คน [ 2 ประธานฟีฟ่า สแตนลี่ย เราท์ ( ซ้าย ) ฮาเวลาจน์ ( ขวา ) ] แขกวีไอพีของทางฟีฟ่า มากันอย่างคึกคัก ทั้ง เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เจ้าชายเบิร์นฮาร์ด กษัตริย์ของเนเธอร์แลนด์ , เฮลมุต ชมิตต์ นายกรัฐมนตรีของเยอรมันตะวันตก เจ้าชายเรเนียร์ และเจ้าหญิงเกรซจากโมนาโค รวมไปถึง เปเล่ ที่อำลาทีมชาติบราซิลไปแล้ว และในวันนี้จะเป็นการอำลาตำแหน่งประธานฟีฟ่า ของเซอร์สแตนลี่ย เราท์ อีกด้วย โดยผู้ที่จะมาสานต่อตำแหน่งนี้ก็คือ โจฮัว ฮาเวลาจน์ ชาวบราซิลนั่นเอง.. [ ฮอลแลนด์ - เยอรมันตะวันตก คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1974 ] หลังจากการแสดงโชว์ขบวนแห่บรรดารถบัส ของทั้ง 16 ชาติที่มาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ และการแสดงดนตรีจากวงโยธวาทิต ” Swan on the Wing ” ของเมืองมอนทรีออล เจ้าภาพโอลิมปิคในปี1976 เสร็จสิ้นลงไป เวลาที่ทุกๆคนรอคอยก็กำลังเดินทางมาถึง เมื่อ 22 ขุนพลของสองทีมคู่ชิงชัยเดินเข้ามาสู่สนาม [ " ทีมอัศวินสีส้ม "ฮอลแลนด์ ในนัดชิงชนะเลิศ ] 11 นักเตะฟรายอิ้ง ดัตซ์แมน ของยอดกุนซือไรนุส มิชเชลล์ ก็ได้แก่....แจน จองโบลด์ เป็นผู้รักษาประตู , รุ๊ด โคลล์ , วิม ไรจ์เบอร์เก้น , วิม ซูเบียร์ , อาร์รี่ ฮานส์ , วิม เจนเซ่น , วิลเล่ม ฟาน ฮานิเก้มส์ , โยฮัน นีสเก้นส์ , ร็อบ เรนเซนบริ๊งค์ ,จอห์นนี่ เรป และ มีโยฮัน ครอยฟ์ เป็นกับตันทีม.... [ 11 ขุนพลอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก ] ส่วนทางทีมอินทรีเหล็ก เยอรมันตะวันตกนั้น บุนเดสเทรนเนอร์ เฮลมุต เชิร์น วางใจใน 11 ขุนพล ที่เชื่อกันว่าลงตัวที่สุดในแผ่นดินเยอรมันแล้ว ได้แก่..... เซปป์ ไมเออร์ เป็นผู้รักษาประตู , แบร์ตี้ โฟ้กท์ส , พอล ไบรท์เนอร์ ,จอร์จ ซวาเซ่นเบ็ค , ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ( กับตันทีม ) ,โวลฟกังค์ โอเวอร์รัธ , ไรเนอร์ บอนฮอฟ , เจอร์เก้น กราบรอสกี้ , เบิร์น โฮลเซนบายน์ , อูลี่ เฮอร์เนส และยอดดาวยิง.... เกิร์ด มุลเลอร์ [ 2 กับตันทีม โยฮัน ครอยฟ์ และ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ] กรรมการผู้ตัดสินในวันนี้คือ แจ๊ค เทย์เลอร์ จอมตรงฉินชาวอังกฤษ โดยมี รามอนด์ บาเรตโต้ ชาว อุรุกวัย และ อัลฟองโซ่ อาชูเดียของ เม็กซิโก ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับเส้น และเมื่อทุกอย่างพร้อม เกมแห่งศักดิ์ศรีก็เริ่มต้นขึ้น........ [ 2 จอมทัพแลกธงกัน ก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้น ] ฮอลแลนด์เป็นฝ่ายที่เริ่มต้นเขี่ยบอลก่อน และมันก็เป็นการเริ่มต้นที่เหมือนกับความฝัน เป็นเวลากว่า 1 นาที ที่นักเตะดัตซ์ส่งบอลกันไปมา โดยไม่มีนักเตะอินทรีเหล็กคนไหนมาแย่งบอลไปได้เลย และในการส่งครั้งที่ 15 ลูกบอลก็มายังเท้าของ โยฮัน ครอยฟ์ ที่ยืนอยู่ที่บริเวณกลางสนาม ทันใดนั้น นักเตะเทวดายอดจอมทัพของทีมดัตซ์ ก็ติดสปีด กระชากบอลลากเดี่ยวจากกลางสนาม เลี้ยงจี้อย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าสู่กรอบเขตโทษของเยอรมันตะวันตก “ ไอ้เทอร์เรีย ” แบร์ตี้ โฟ้กท์ส ที่จะต้องทำหน้าที่ประกบครอยฟ์ในวันนี้ มีสปีดช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด [ โยฮัน ครอยฟ์เลี้ยงผ่านโฟ้กท์สและเฮอเนสเข้าไปในเขตโทษ ] โยฮัน ครอยฟ์ เลี้ยงบอลเข้าไปในเขตโทษ ของเยอรมันอย่างน่ากลัว จอมขยัน อูลี่ เฮอเนส เห็นโฟ้กท์สปล่อยครอยฟ์หลุดมาแล้ว จึงเข้าไปช่วยเสริม แต่เขาดันไปแหย่ขาสกัดครอยฟ์ จนล้มกลิ้งลงไป เห็นตำตาอย่างนั้น แจ็ค เทย์เลอร์ ไม่มีลังเลใจ [ โยฮัน ครอยฟ์ถูกอูลี่ เฮอเนสสกัดล้มลงไปในกรอบเขตโทษ ] เขาเป่านกหวีดปรี๊ดยาว...... ชี้เป็นลูกโทษที่จุดโทษให้แก่ทีมฮอลแลนด์ทันที และเป็นลูกโทษครั้งแรก ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ซะด้วย [ แจ็ค เทย์เลอร์ เป่านกหวีดให้ลูกจุดโทษแก่ทีมฮอลแลนด์โดยไม่มีลังเลใจ ] โยฮัน นีสเก้นส์ จอมสังหารลูกโทษประจำทีมฮอลแลนด์ หยิบลูกมาตั้งที่จุด พร้อมเผชิญหน้ากับเซปป์ ไมเออร์ แฟนฟุตบอลทั้งสนาม และทั่วทั้งโลกนิ่งสนิท สายตาจับจ้องไปที่จุดวางลูกบอล โยฮัน นีสเก้นส์ วิ่งเข้ามาซัดลูกเต็มแรง เซปป์ ไมเออร์ ผวาพุ่งออกไปทางด้านขวามือของตัวเอง แต่บอลดันพุ่งมาตรงๆ ที่กลางประตู.......... 1 – 0 ฮอลแลนด์ออกนำเจ้าภาพ เยอรมันตะวันตกไปแล้วอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงแค่ 80 วินาทีเท่านั้นเอง และยังไม่มีนักเตะอินทรีเหล็กคนไหนได้สัมผัสกับลูกบอลเลย มันเป็นการเปิดฉากนัดชิงชนะเลิศที่น่าระทึกใจ เป็นที่สุด !!! [ วินาทีสังหารจุดโทษของโยฮัน นีสเก้นส์ ] สนามโอลิมปิค สตาดิโอน เงียบสนิท เสียงเชียร์ที่ได้ยินก็เป็นของทาง ฝั่งกองเชียร์ฮอลแลนด์ เท่านั้น ความกังวลและงุนงง ฉาบอยู่บนใบหน้าของนักเตะอินทรีเหล็กทุกคน โดยเฉพาะเกิร์ด มุลเลอร์ ที่ยังคงเถียงอยู่กับโอเวอร์รัธ จนถึงตอนเอาบอลมาวางเพื่อเริ่มต้นเล่นใหม่...... [ ฮอลแลนด์ขึ้นนำเจ้าภาพไปก่อนอย่างรวดเร็ว 1 - 0 ] แต่เมื่อเวลาของเกมเดินผ่านไปเรื่อยๆ เหล่านักเตะอินทรีเหล็กก็เริ่มที่จะตั้งเกมได้ การลำเลียงบอลขึ้นไปในแดนของทีมฮอลแลนด์ เริ่มมีมากขึ้น ทางด้านซ้ายของสนามนั้น อินทรีเหล็กมีเบิร์น โฮลเซนบายน์ ประจำการอยู่ แต่บางครั้งก็ยังได้ พอล ไบรท์เนอร์ ที่แอบแวปขึ้นมาจากตำแหน่งแบ็ค มาลองซัดไกลอยู่บ่อยๆ ส่วนทางด้านขวานั้น ” จอม พลิ้ว ” เจอร์เก้น กราบรอสกี้ ก็ปั่นป่วนแผงหลังของฮอลแลนด์ อย่างได้ผล [ 2 จอมทัพ ....ฟร๊านซ์ เบ็คเคบาวเออร์ และ โยฮัน ครอยฟ์ ] ยิ่งเกมผ่านไปเรื่อยๆ โอกาสของทางอินทรีเหล็กก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น ฮอลแลนด์เมื่อออกนำไปแล้ว ก็เล่นแบบตั้งรับเพื่อรอสวนกลับ โยฮัน ครอยฟ์ เริ่มที่จะไปไม่เป็น เมื่อเจอการเล่นลูกหนักทั้งในเกมและนอกเกม จากแบร์ตี้ โฟ้กท์สที่วันนี้เฮลมุต เชิร์น สั่งให้ลงมาทำหน้าที่ “ เงา ” ของครอยฟ์ โยฮัน ครอยฟ์ เจอลูกตุกติกทำลายสมาธิของโฟ้กท์สบ่อยๆ ก็ฟิลว์ขาด เอาเวลาสร้างสรรค์เกม มาถกถียงกับกรรมการแจ็ค เทย์เลอร์แทน เกมการเล่นที่เคยไหลลื่นของฮอลแลนด์ เริ่มมีปัญหา ทัพอัศวินสีส้มกำลังเดินเข้าสู่ กับดักมรณะที่เฮลมุต เชิร์น วางล่อเอาไว้แล้ว... [ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส งัดลูกตุกติกออกมาเล่นงานโยฮัน ครอยฟ์ ] เมื่อเกมตกอยู่กับฝั่งของอินทรีเหล็ก กองหลังดัตซ์ก็ต้องทำงานอย่างหนัก เกมการบุกของอินทรีเหล็กเริ่มเจอกับการตัดฟลาว์อยู่ตลอด ในที่สุดวิลเล่ม ฟาน ฮาเนเก้ม ก็น็อตหลุด ไปผลัก เกิร์ด มุลเลอร์ นอกเกมจนหัวทิ่ม กรรมการแจ็ค เทย์เลอร์ ต้องงัดใบเหลืองขึ้นมาแจก เพื่อเป็นการสงบสติอารมณ์นักเตะดัตซ์.... [ ความตึงเครียดทำให้อารมณ์ของเกมนี้เดือดพล่าน ] อินทรีเหล็กตั้งหน้าตั้งตาบุกเพื่อทวงประตูที่เสียไป คืนกลับมาให้ได้ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ เล่นได้สมกับเป็นยอดจอมทัพของทีม เขาเป็นเหมือนกับวาทยกรที่กำหนดการลื่นไหลของเกม ทั้งคุมแผงหลัง , บัญชาการบุกในแดนกลาง ความนิ่งและเยือกเย็นของเขา สร้างขวัญและกำลังใจให้ทีมมากทีเดียว [ เกิร์ด มุลเลอร์ ประทะกับ วิม ไรจ์เบอร์เก้น ของฮอลแลนด์ ] และในนาทีที่ 25 จากจังหวะที่โยฮัน นีสเก้นส์ ของฮอลแลนด์ พาบอลเลี้ยงหลบไรเนอร์ บอนฮอฟ มาทางด้านขวาในแดนเยอรมัน แต่ในจังหวะที่เขาเปิดบอลเพื่อเข้ามาตรงกลางนั้น กลับโดนเบ็คเคนบาวเออร์ตัดบอลมาได้ ที่หน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง ก่อนที่จะส่งบอลต่อมาให้กับจอมเก๋าโวลฟกังค์ โอเวอร์รัธ และเมื่อจอมทัพประสบการณ์สูง มองเห็นว่าเบิร์น โฮลเซนบายน์ ว่างอยู่ทางด้านซ้ายในแดนของฮอลแลนด์ โอเวอร์รัธจึงจ่ายบอลยาวอย่างแม่นยำไปให้ [ จังหวะที่เบิร์น โฮลเซนบายน์ ถูกวิม เจนเซ่นเสียบสกัดล้มกลิ้งลงไป ] เมื่อได้บอล โฮลเซนบายน์จึงเลี้ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษของฮอลแลนด์ เขาลัดเลาะหลบผ่านมาได้หมดจนเข้ามาถึงกรอบประตู ทันใดนั้นโฮลเซนบายน์ก็โดน วิม เจนเซ่นเสียบสกัด เหมือนรอจังหวะนี้อยู่แล้ว เบิร์น โฮลเซนบายน์จึงล้มกลิ้งลงไป ยอดกรรมการแจ็ค เทย์เลอร์ ก็ไม่มีลังเลอีก เป่าปรี๊ดยาว ส่งสัญญาณให้อินทรีเหล็กได้ลูกโทษทันที [ เยอรมันตะวันตกได้ลูกโทษที่จุดโทษ ] เพชฌฆาตหน้าเดิมอย่างอูลี่ เฮอเนส ที่พลาดลูกจุดโทษในเกมก่อนหน้านี้กับโปแลนด์มา ได้โดนบุนเดสเทรนเนอร์ เชิร์น ปลดกลางอากาศ ผู้ที่รับหน้าที่สังหารจึงเปลี่ยนมาเป็นพอล ไบรท์เนอร์ แทน จอมคนหัวเอียงซ้ายเอาลูกไปวางที่จุดอย่างใจเย็น ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปแปบอลด้วยเท้าขวา ส่งลูกวิ่งเลียดๆ เข้าประตูไปทางด้านซ้ายมือของตัวเอง ปล่อยให้แจน จองโบลด์ นายทวารดัตซ์ป้องกันได้เพียงสายตา 1 – 1 อินทรีเหล็กไล่กลับมาตีเสมอฮอลแลนด์ได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่กระหึ่มก้อง มิวนิคโอลิมปิค สตาดิโอน...........!!! [ พอล ไบรท์เนอร์ซัดลูกโทษให้อินทรีเหล็กตามมาตีเสมอ 1 - 1 ] จากนำไปก่อนกลับมาโดนตีเสมอ ทีมฮอลแลนด์ก็เหมือนกับช๊อตไปดื้อๆ การจ่ายบอลที่เคยแม่นยำมาตลอดก็กลายเป็นสะเปะสะปะ อินทรีเหล็กเดินหน้าเปิดเกมบุกกดดันอย่างหนัก เพื่อหวังสร้างสกอร์คว้าชัยให้ได้ต่อไป และก็ได้โอกาสสุดงาม เมื่อแบร์ตี้ โฟ้กท์ส ได้ลูกหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลตัวต่อตัว กับแจน จองโบลด์ ผู้รักษาประตูของฮอลแลนด์ในเขตโทษ แต่ลูกยิงของเขาดันไปติดบล็อก ของยอดนายทวารดัตซ์ ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย... [ ลูกจุดโทษตีเสมอของเยอรมันจากมุมหลังประตู ] ต่อมาจอมขยันอูลี่ เฮอร์เนสก็ทำสวย เมื่อได้บอลจากกลางสนาม ก่อนที่จะสปีดหนี อาร์รี่ ฮาน์ส ไปได้แล้วในกรอบเขตโทษ และบรรจงเปิดบอลถวายพานมาให้กับเกิร์ด มุลเลอร์ ที่ยืนจังก้ารออยู่ที่หน้าปากประตูดัตซ์ แต่โชคของฮอลแลนด์ยังคงดีอยู่..... เพราะก่อนที่บอลจะมาถึงเท้าของไอ้ลูกระเบิดนั้น ดันมีขาของวิม ไรจ์เบอร์เก้น มาสกัดเอาไว้ได้ก่อนอย่างฉิวเฉียด เหล่าพลพรรคฟรายอิ้งดัตซ์แมน จึงยังคงรักษาสกอร์เสมอได้อยู่....... [ วิม ไรจ์เบอร์เก้น สกัดบอลได้ก่อนที่จะถึงเท้าของมุลเลอร์ ] นักเตะของฮอลแลนด์นั้นยิ่งเล่นยิ่งล้า ผลของการดวลเกมหนักกับบราซิลก่อนหน้านี้เริ่มปรากฏแล้ว เกมการเล่นของทีมดัตซ์เมื่อมาเจอการบีบพื้นที่ ตั้งแต่ในแดนของตัวเองที่ทางอินทรีเหล็กงัดขึ้นมาใช้ ได้ทำลายการสร้างสรรค์เกมของฮอลแลนด์ไปหมดสิ้น โยฮัน ครอยฟ์ เจอลูกหนักของโฟ้กท์สเล่นงานจนน่วม เดินเหินแต่ล่ะก้าวด้วยความลำบาก [ เซปป์ ไมเออร์ เซฟบอลก่อนที่โยฮัน ครอยฟ์จะเข้าถึง ] ผิดกับทางฝั่งของอินทรีเหล็ก ที่ยิ่งเวลาผ่านไป ความคึกยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เจอร์เก้น กราบรอสกี้ ที่ขึ้นทางซ้ายที , ขวาที สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับแผงหลังดัสต์ตลอดเกม เมื่อตามกราบรอสกี้ไม่ทัน รุ๊ด โคลล์ ก็เลยเสียบสกัดจนล้มทั้งยืนที่หน้ากรอบเขตโทษ และฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ก็เกือบยิงลูกชิพลักไก่ได้ผล ดีที่แจน จองโบลด์ นายทวารดัตซ์ยังไวทายาท เหินกายพุ่งปัดบอลจากฟรีคิ๊กนี้ ออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด.... [ ฟรีคิ๊กชิพช๊อตสุดเสียวของไกเซอร์ฟร๊านซ์ ] และในนาทีที่ 43 จากหน้าประตูของทีมเยอรมันตะวันตก เซปป์ ไมเออร์ ขว้างบอลมาให้กับอูลี่ เฮอเนส ก่อนที่จอมขยันจะผ่านบอลต่อมาให้กับ เจอร์เก้น กราบรอสกี้ ที่ยืนอยู่ริมสนามทางด้านขวา กราบรอสกี้ ดึงจังหวะเพื่อให้ไรเนอร์ บอนฮอฟ วิ่งสปีดหนีการประกบตัวของแผงหลังฮอลแลนด์ ก่อนที่จะจิ้มบอลส่งต่อไปให้อย่างสุดสวย ไรเนอร์ บอนฮอฟ ได้บอลทางด้านขวาของสนาม หน้ากรอบเขตโทษของฮอลแลนด์ เขากระชากบอลหลบการประกบของ อาร์รี่ ฮาน์ส มาได้ และเปิดลูกเลียดมาที่หน้าปากประตูของทีมฮอลแลนด์ เป้าหมายอยู่ที่เกิร์ด มุลเลอร์ ..... [ จังหวะซัลโวประตู 2 - 1 ของเกิร์ด มุลเลอร์ ] ไอ้ลูกระเบิดจับบอลได้ไม่ดีในจังหวะแรก ตัวของเขาถลำออกไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้น เกิร์ด มุลเลอร์ ก็ใช้สปริงข้อเท้า ดีดตัวกระโดดถอยหลังกลับมาปักหลักหวดตะวัดลูกเต็มแรง ส่งบอลพุ่งเลียดผ่านแผงหลังดัตซ์ และการป้องกันของแจน จองโบลด์ เข้าประตูไปอย่างงดงาม เสียงเชียร์กระหึ่มกึกก้อง จนพื้นสนามสะเทือน เยอรมันตะวันตกได้ประตูสุดสำคัญ พลิกกลับขึ้นมานำฮอลแลนด์ไปแล้ว 2 – 1 เมื่อเหลือเวลาในครึ่งแรกอีกเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น !!! [ ประตูสุดสำคัญในชีวิตของเกิร์ด มุลเลอร์ ] พอโดนขึ้นนำ อารมณ์ของนักเตะดัตซ์ก็เดือดพล่าน เมื่อกรรมการแจ็ค เทย์เลอร์ เป่านกหวีดหมดครึ่งเวลา ฟาน ฮาเนเก้ม ก็เตะบอลส่งคืนไปที่แจ็ค เทย์เลอร์อย่างสุดแรง ทำให้กรรมการจอมเฮี้ยบก็มีลูกเดือดขึ้นมาเหมือนกัน และเมื่อโยฮัน ครอยฟ์ ดันเดินเข้ามาบ่นกับเขาอีก ก็เลยมีการถกเถียงกันขึ้น และยอดนักเตะเทวดา ก็ต้องรับใบเหลืองไปอีกคน เมื่อต่อล้อต่อเถียง แบบไม่ลดละ แถมท้ายยังบอกให้แจ็ค เทย์เลอร์ เอาใบเหลืองใบนั้น... “ ยัดปากตัวแกเองซะ ” เข้าให้ซะอีกอย่างสุดแสบสันต์ !!! [ แจ็ค เทย์เลอร์ แจกใบเหลืองดับอารมณ์ของโยฮัน ครอยฟ์ ] เมื่อครึ่งเวลาหลังเริ่มต้นขึ้นมา ทีมฮอลแลนด์ ที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลืออยู่อีกแล้ว จึงจำเป็นต้องก้มหน้าก้มตาบุก เพื่อติดตามทวงเอาประตูที่เสียไปคืนกลับมาให้ได้โดยเร็ว ทำให้ภาระหนักต้องมาตกลงบนบ่าของ เซปป์ ไมเออร์ นายทวารเยอรมัน ที่ต้องรับการคลื่นการบุกกระหน่ำของกองหน้าดัตซ์ เซปป์ ไมเออร์ ต้องลงทุนเสี่ยงตาย พุ่งรับลูกบอลสวนกับเท้าที่สวนเข้ามาของโยฮัน ครอยฟ์ จนได้รับบาดเจ็บไปพักใหญ่ แจ็ค เทย์เลอร์ ต้องเรียกนักเตะเทวดาเข้ามาตักเตือน แต่คราวนี้ยอดจอมทัพดัตซ์แมนมามาดใหม่ ยินยอมรับฟังคำเตือนจากโจทย์เก่า อย่างสงบนิ่ง ผิดกับครึ่งแรกราวกับเป็นคนละคน...... [ เซปป์ ไมเออร์ ออกมาตัดบอลจากการบุกของฮอลแลนด์ ] ยิ่งเวลาเดินไปเรื่อยๆ ความตึงเครียดก็เข้ามาเกาะกุมนักเตะทั้งสองทีม ฮอลแลนด์บุกกดดันเยอรมันขนานหนัก จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จอห์นนี่ เรป เตะเปิดมาที่หน้าปากประตูเยอรมัน เซปป์ ไมเออร์ เจอผู้เล่นดัสต์กดดันเลยออกลูกเฟอะฟะ ชกลูกผิดเหลี่ยมเกือบลอยเข้าประตูตัวเอง โชคยังดีที่ยังมีพอล ไบร์ทเนอร์ ยืนคุมเสาอยู่ โหม่งสกัดบอลออกมาได้อย่างหวุดหวิด..... [ เบ็คเคนบาวเออร์ลงมาช่วยไมเออร์สกัดการบุกของครอยฟ์ ] ในนาทีที่ 74 ฮอลแลนด์มีโอกาสอีกครั้งเมื่อได้ฟรีคิ๊กทางปีกขวา ฟาน เฮนเนเก้ม เปิดบอลมาที่หน้าปากประตู เยอรมันอย่างสุดสวย แต่ ธีโอ เดอ จ็อง ตัวสำรองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมา ดันพุ่งโหม่งเดี่ยวๆพลาด ทำให้ลูกไปเข้าซองของเซปป์ ไมเออร์อีกครั้งหนึ่ง ยิ่งเวลาคืบคลานไป นักเตะดัตซ์ยิ่งร้อนรน พยายามทำทุกวิถีทางที่จะส่งบอล ไปสู่ก้นตาข่ายของเยอรมันให้ได้ [ เซปป์ ไมเออร์ยอดนายทวารอินทรีเหล็กงัดซุปเปอร์เซฟออกมาโชว์ ] แต่บุกไปบุกมาอยู่ดีๆ ก็โดนสวนกลับ เมื่อเจอร์เก้น กราบรอสกี้ ที่วันนี้เล่นแบบเป็นพระเอก ได้จังหวะพาบอลขึ้นมาทางด้านขวาของสนาม ก็ที่จะจ่ายบอลตัดแผงหลังแนวรับของฮอลแลนด์ ไปสู่เท้าของเกิร์ด มุลเลอร์ เมื่อจับบอลได้ ไอ้ลูกระเบิดตวัดตัววอลเล่ย์ทันที บอลพุ่งผ่านมือของจองโบลด์ เข้าไปนอนสงบนิ่งที่ก้นตาข่ายอีกหน [ เกิร์ด มุลเลอร์ หลุดเข้าไปซัดประตูแต่กรรมการไม่ให้ ] แต่ผู้ตัดสินไม่ให้เป็นประตู เพราะไลน์แมนดันมือเร็วยกธง ให้เป็นลูกล้ำหน้าไปซะก่อน ทั้งๆที่ ถ้าดูจากภาพช้าแล้ว จะเห็นว่าในจังหวะที่ลูกออกจากเท้าของกราบรอสกี้นั้น ไอ้ลูกระเบิด ยังอยู่ในไลน์แบบใสสะอาด อินทรีเหล็กชวดได้ประตูตอกฝาโลง ส่งฟรายอิ้งดัตซ์แมน ลงสู่ก้นหลุมแบบน่าเสียดายสุดๆ... [ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ช่วยเซฟประตูให้กับทีมอินทรีเหล็ก ] เหล่านักเตะดัตซ์แมนพยายามทำทุกอย่าง แต่ความหวังก็ต้องไปหยุดอยู่ที่มือของเซปป์ ไมเออร์หมดสิ้น เพราะไม่ว่าลูกจะมาจากทิศทางไหน ก็ไม่สามารถที่จะหลุดรอดการป้องกัน ของไอ้แมวป่าแห่งอันซิ่งส์ ผุ้นี้ไปได้เลย ขนาดโยฮัน นีสเก้นส์ ได้โอกาสซัดจ่อๆที่หน้าปากประตู ลูกยิงที่ดูอย่างไรก็ต้องเป็นประตูตีเสมอของฮอลแลนด์ 1000 % แต่ก็ยังต้องยอมสยบให้กับฟอร์มที่สุดเหนือชั้น ของเซปป์ ไมเออร์ ยอดนายทวารอินทรีเหล็ก [ ลูกซัดแบบหวังผลของนีสเก้นส์ ก็ไม่ผ่านมือของไมเออร์ ] เมื่อเวลาของเกมเดินทางมาจนเหลืออยู่อีกไม่เกินสิบนาที ความเครียดได้เข้าไปเกาะกุม จิตใจผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายจนหมดสิ้น ฮอลแลนด์บุกกระหน่ำอย่างหนัก อินทรีเหล็กเปรียบได้กับนักมวยที่ยืนหลังพิงเชือกชกแล้ว รอให้เวลาครบ 90 นาทีที่สกอร์ 2 – 1 นี้แต่เพียงอย่างเดียว ฮอลแลนด์โยนโอกาสทองที่ได้มาทิ้งไปจนหมด จอห์นนี่ เรป ซัดลูกที่โยฮัน ครอยฟ์ ถวายพานมาให้ ออกหลังไปอย่างน่าตาเฉย [ จอห์นนี่ เรป ซัดบอลถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ] โยฮัน นีสเก้นนส์ หลุดเข้ามาเผชิญหน้าเดี่ยวๆกับไมเออร์ ก็ยังอุตส่าห์ซัดลูกผ่านหน้าประตูออกหลังไปอย่างน่าตาเฉย และลูกยิงไกลของจอห์นนี่ เรป ที่พุ่งอย่างกับจรวดแต่ดันเฉี่ยวเสาออกหลังไปอีก ก็เป็นสัญญาณว่า... วันนี้คงไม่ใช่วันของฮอลแลนด์อย่างแน่นอน [ วิม ฟาน ฮาเนเก้ม พยายามพังประตูตีเสมอให้ได้ ] ในนาทีสุดท้ายของเกม เยอรมันตะวันตกได้ลูกโต้กลับมา อูลี่ เฮอเนสจ่ายให้เบิร์น โฮลเซนบายน์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษของฮอลแลนด์ อีกครั้ง และโฮลเซนบายน์ก็ถูกโยฮัน นีสเก้นส์ขัดขาล้มลงไป ลูกนี้ควรจะเป็นจุดโทษของอินทรีเหล็ก มากกว่าลูกแรกเสียอีก แต่หนนี้กรรมการแจ็คกี้ เทย์เลอร์ กลับใจแข็ง ไม่เป่าให้เป็นลูกฟลาว์แต่อย่างใด..... [ โฮลเซนบายน์ โดน โยฮัน นีสเก้นส์ขัดขาล้มแต่กรรมการกลับเฉย ] เมื่อครบ 90 นาที สกอร์บอร์ดก็ยังคงอยู่ที่สกอร์ 2 – 1 เช่นเดิม มันได้ทำให้การรอคอยตลอด 20 ปี ของแฟนฟุตบอลเยอรมันตะวันตกก็ถึงเวลาสิ้นสุดลง นับตั้งแต่ปาฏิหาริย์มหัศจรรย์ที่เมืองเบิร์น ในฟุตบอลโลกปี 1954 ที่อินทรีเหล็กเป็นแชมป์โลกครั้งแรก [ ความดีใจของบุนเดสเทรนเนอร์เฮลมุต เชิร์นเมื่อเยอรมันเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ] บัดนี้ที่สนามโอลิมปิค แห่งเมืองมิวนิค ทีมชาติเยอรมันตะวันตก รุ่นลูกก็ทำได้สำเร็จ เอาตำแหน่งแชมเปี้ยนฟุตบอลโลก ครั้งที่ 2 มามอบให้แก่ชาวเยอรมันอีกครั้ง [ เชิร์น , เบ็คเคนบาวเออร์ และ มุุลเลอร์ สามประสานไปสู่การเป็นแชมป์โลก ] วินาทีที่ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ กับตันทีม ชูถ้วยฟีฟ่าเวิล์ดคัพ ประกาศความเป็นผู้ชนะ ชาวเยอรมันทั้งประเทศ ก็ต่างโห่ร้องแสดงความยินดี เมื่อเกมจบลงไป เวลาของการฉลองชัยของประเทศกำลังจะเริ่มต้นขึ้น [ ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ชูฟีฟ่า เวิล์ดคัพ โทรฟี่ประกาศชัยชนะ ] ค่ำคืนนี้ภาพที่ไกเซอร์ฟร๊านซ์ชูถ้วยทองอร่าม คงจะถูกฉายซ้ำวนไปวนมาหลายครั้งหลายหนในทีวี แต่ก็คงไม่มีชาวเยอรมันคนใด ที่จะเบื่อกับการได้ดูภาพนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นอีกกี่ร้อย กี่พันครั้งก็ตามที................. [ เซปป์ ไมเออร์บรรจงจุมพิต ฟีฟ่าเวิล์ดคัพ โทรฟี่ ] [ ขุนพลอินทรีเหล็กแห่เวิลด์คัพโทรฟี่ ให้แฟนๆรอบมิวนิค สตาดิโอนร่วมชื่นชม ] [ W.Germany FiFA World Cup Champions 1974 ] ........................................................ ~ พบกับย้อนตำนานอินทรีเหล็กในตอนหน้า....Europeans 1976 ที่นี่ อีกไม่นานนัก................................ครับผม
Create Date : 27 เมษายน 2552
Last Update : 8 กรกฎาคม 2555 23:52:35 น.
89 comments
Counter : 3977 Pageviews.
โดย: Romancini วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:5:41:46 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:7:54:30 น.
โดย: ฟอน (กองฟอน ) วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:8:23:35 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 เมษายน 2552 เวลา:8:32:14 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 เมษายน 2552 เวลา:10:32:23 น.
โดย: ขวัญค่ะ (toyor ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:24:59 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:21:56 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:41:33 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:25:09 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:15:08 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:44:40 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:22:11 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:33:07 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:25:02 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:40:46 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:13:11 น.
โดย: Kra_tai (stardift ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:39:43 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:40:25 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:08:44 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:35:44 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:45:16 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:21:39 น.
โดย: Kra_tai (stardift ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:23:57 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:37:01 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:01:31 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:35:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:13:32:28 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:13:15:30 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:59:18 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:03:47 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:10:31:12 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:2:00:18 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:10:37:31 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:10:18:03 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:9:37:46 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:8:25:27 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:10:02:02 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 มิถุนายน 2553 เวลา:10:31:43 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:12:22:50 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:13:26:26 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:1:46:05 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:13:25:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:42:45 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:52:38 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:26:02 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:24:33 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:57:30 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:31:50 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:21:55 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:15:50 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:12:20:40 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 สิงหาคม 2553 เวลา:13:17:15 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:13:52:26 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:11:03:16 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:17:12:48 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:13:50:03 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:3:14:13 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:11:41:12 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:11:30:45 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:11:54:49 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:11:55:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:12:33:14 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:12:34:14 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:14:36:57 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:15:51:02 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:10:58:24 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:13:12:59 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:20:23:19 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:12:44:49 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:14:01:40 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
ผู้ชายธรรมดา มีความฝันที่ยังไปไม่ถึง แต่ไม่เคยคิดท้อที่จะทำความฝันนั้น ให้เป็นจริง... " SHINE ON YOU CRAZY DIAMOND " Remember when you were young, you shone like the sun. Shine on you crazy diamond. Now there's a look in your eyes, like black holes in the sky. Shine on you crazy diamond. You were caught on the crossfire of childhood and stardom, blown on the steel breeze. Come on you target for faraway laughter, come on you stranger, you legend, you martyr, and shine! You reached for the secret too soon, you cried for the moon. Shine on you crazy diamond. Threatened by shadows at night, and exposed in the light. Shine on you crazy diamond. Well you wore out your welcome with random precision, rode on the steel breeze. Come on you raver, you seer of visions, come on you painter, you piper, you prisoner, and shine! Nobody knows where you are, how near or how far. Shine on you crazy diamond. Pile on many more layers and I'll be joining you there. Shine on you crazy diamond. And we'll bask in the shadow of yesterday's triumph, and sail on the steel breeze. Come on you boy child, you winner and loser, come on you miner for truth and delusion, and shine!
ใหม่ๆหมาดๆ....
ขออรุณสวัสดิ์ ทุกๆท่าน..นนนนนนนน
ที่แวะมาเยี่ยมและทักทายนะครับผม...........
ขอให้มีความสุขมากมายก่ายกอง เลยนะครับ.....