<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 พฤษภาคม 2554
 

เรื่องเล่ามันๆจากรอบรั้วการศึกษา ตอนที่ 5 จากลูกเสือถึงร.ด. การฝึกวินัย(เพื่ออะไรว้า)

สิ่งหนึงที่คิดว่าหลายคนที่ผ่านมัธยมศึกษามานั้นต้องเจอนั่นคือลูกเสือนั่นเองสำหรับผู้หญิงคงไม่เท่าไรแต่ผู้ชายคงต้องเจอทั้ง ลูกเสือตอนม.ต้น และร.ด.ตอนม.ปลาย โดยทั่วไปแล้วสำหรับลูกเสือนี่ถ้าจำไม่ผิดก็เจอกันตั้งแต่ตอนประถมแล้วครับด้วยการเป็นลูกเสือสำรองเป็นวิชาที่เรียนกันท้ายคาบทุกวันพฤหัสบดี

ต่อมาพอขึ้นม.ต้นก็พบกับลูกเสือสามัญกระมังถ้าจำไม่ผิดแต่เปลี่ยนวันเรียนเป็นวันพุธแทน ผู้หญิงก็เป็นเนตรนารี และชุดก็ใส่เต็มยศขึ้นจากเดิมผูกแค่ผ้าพันคอกับรองเท้าลูกเสือกับหมวก ก็กลายเป็นชุดลูกเสือมีหมวก มีรองเท้ามีภู่ห้อยที่ผูกที่ถุงเท้าแทน มีระเบียบเข้มงวดขึ้นอีกทั้งยังเรียนเรื่องต่างๆที่ต้องขอบอกว่าตอนนั้นผู้เขียนขี้เกียจอย่างมากกับการที่ต้องมาเรียนผูกเงื่อน การฝึกทำอาหาร การก่อกองไฟและอะไรต่างๆที่ลูกเสือต้องเรียน
พอถึงม. 3 ก็มีการเข้าค่ายนอกสถานที่ซึ่งที่เราไปก็คือค่ายทหารซึ่งไม่โหดเท่าไรแค่ไปตากแดดกลางลานสนามบินที่ค่ายทหาร มีการทดสอบความกล้าตอนกลางคืน สุดท้ายก็มีการเล่นรอบกองไฟเป้นการปิดค่ายก็ค่ายสำหรับเด็กก็คงประมาณนี้ได้่ละมั่งครับ
ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนที่สบายๆและขี้เกียจจึงเป็นอีกวิชาหนึ่งที่ขอบอกว่าโคตรขี้เกียจเรียนเลย ดังนั้นพอจบม.ต้นปั้บก็คิดว่าตัวเองหลุดพ้นไปแล้วกับวิชาลูกเสือ แแต่แล้วก็ต้องเจอกับการเรียน ร.ด.
สำหรับการเรียนร.ด.นั้นพูดตรงๆก็คงเป็นการเรียนเพื่อที่จะไม่ต้องไปเกณทหารนั่นเองสำหรับผม ก็ต้องมีการสอบเข้าด้วยด้วยการไปทดสอบความแข็งแรงมีวิดพื้น ซิทอัพ และวิ่ง100เมตร ซึ่งต้องขอบอกว่าสำหรับเด็กเรียนแบบข้าพเจ้าในตอนนั้นปรากฏว่าไม่ผ่านครับ เนื่องจากฟิตไม่พอแต่ก็ได้เข้าเรียนเนื่องจากติดตัวสำรองจึงได้เรียนไป 3 ปี อันรายละเอียดการเรียนแต่ละปีก็ไม่เหมือนกันอีก เนื่องจากขึ้นกับทางกองทัพเขตจะจัดวันเรียนอย่างไรนั่นเองดังนั้นแต่ละปีเลยมีเวลาเรียนไม่เหมือนกันดังจะสาธยายต่อไป
ปี 1 เรียนตอนปิดเทอม 1 1 เดือนรวดหยุดเสาร์-อาทิตย์ เหมือนปกติ ก็เรียกได้ว่าไปเรียนตามตำรานั่นเองครับแต่ส่วนใหญ่จะฝึกระเบียบวินัยทั้งซ้ายหันขวาหันอะไรพวกๆๆนี้ คิดว่าคงเน้นเพื่อฝึกระเบียบแถวอะไรพวกนี้และมีการฝึกให้รู้จักอาวุธบ้างนิดหน่อย พอตอนใกล้จบก็มีนัดไปฝึกยิงปืนกระสุนจริงคนละ 15 นัดเนื่องจากโดนตัดงบครับ ซ้อม 5 เอาคะแนนจริง 10
ปี 2 เรียนเฉพาะวันเสาร์- อาทิตย์ตอนเปิดเทอม 1 ทั้ง เทอม มาปีนี้ที่เน้นหนักคงเป็นประวัติศาสตร์สงคราม การฝึกใช้อาวุธในรูปแบบต่าง ๆทั้งการฝึกแบกอาวุธ การวางอาวุธ การฝึกเล็ง การฝึกเรื่องระเบียบต่าง ๆ ปืนที่ใช้ฝึกนี่เป็นปืนไม้สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้หนักประมาณ 2 กิโลได้ พอตอนใกล้จบก็เหมือนเดิมไปฝึกยิงปืนจริง 12 นัด ซ้อม 2 ยิงจริง 10 ลดอีกแล้ว
ปี 3 เรียนทุกวันพุธช่วงเปิดเทอมครับ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สาหัสที่สุดเพราะดันตรงกับวันเรียนดังนั้นพอเรียนร.ด.เสร็จเลยต้องกลับไปโรงเรียนอีกรอบเพื่อไปเอาการบ้านกลับมาทำไม่งั้นก้โดนหักคะแนนจากอาจารย์ที่โรงเรียน สำหรับปีนี้ค่อนข้างจะสบายครับ เพราะไม่ค่อยมีฝึกภาคสนามเท่าไร ่สวนใหญ่จะเป็นเรียนในห้องเรียนมากกว่า มีภาคสนามนิดหน่อยเพื่อฝึกระเบียบแถวอะไรพวกนี้สำหรับการเรียนปีนี้คิดว่าคนที่เคยเรียนคงทราบว่าพอเรียนจบแล้วก็จะมีการเข้าค่ายเขาชนไก่นั่นเองครับที่รออยูุ่ มันเป็นอย่างไรไปดูกัน



การเข้าค่ายเขาชนไก่นี่ถ้าจำไม่ผิดนี่ก็เข้าอยู่ 1 สัปดาห์ครับไปถึงสิ่งแรกที่ต้องเจอคือการกางเต็นนั่นเองถ้าท่านโชคดีได้ไปเป็นกลุ่มแรกเหมือนโรงเรียนผมซึ่งก็สบายกลุ่มที่มาทีหลังไปที่ไม่ต้องกางเต็นเอง อันเต็นนั่นก้เป็นเต็นทหารที่นอนได้เต้นละ 2 คนดังนั้นเราจึงต้องมี คู่หูซึ่งไอ้หมอนี่ละ่ที่จะอยู่กับเราไปจนจบการเข้าค่ายไปไหนต้องไปด้วยกันทั้งเข้าเวรยาม สร้างฐาน การทำอาหารก็ไอ้หมอนี่ละ่ที่จะอยู่กับเราไปตลอด พอกลางเต็นเสร็จ บางเต็นก็จะมีปัญหาที่ต้องไปแจ้งจ่าที่คุมทันทีเช่นไปเจอกองทัพมดหรือสัตว์เลื้อยคลายชนิดต่างๆที่ดันไปกางเต้นปิดบ้านของเขาเข้า หรือที่ตัวผมเจอก็คือดันไปกางเต็นทับพุ่มหนามเข้าให้เลยต้องนอนคืนแรกเหมือนโยคีอินเดียที่นอนบนเตียงตะปูเข้า เดือดร้อนต้องถอนเต็นออกและไปขอเสียมมาขุดพุุ่มหนามทิ้งไป

หลังจากนั้นก็จะมีการจัดกลุ่มกองและเวรยามเพื่อเฝ้ายามตามหน้าที่ และเริ่มการปฐมนิเทศเนื้อหาการฝึกถ้าจำไม่พลาดก็มีดังนี้
การฝึกทั่วไปที่เหมือนตอนเรียนร.ด.ทั้งระเบียบแถว การฝึกใช้อาวุธ แต่เข้มขึ้น
การฝึกการเดินทัพ ก็ไม่มีอะไรแค่้ฝึกการเดินทัพหรือการส่งกำลังในเวลาต่างๆครับ ทั้งตอนเช้า กลางวัน เย็น กลางคืน โดย เดินเป็นกิโลได้
การฝึกการดำรงชีพในป่าอันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่แจกอาหารกับอุปกรณ์พวกหม้อสนามและให้ทำกินกันเองในเขตป่า ก็มีไข่ ปลาเค็มข้าวสาร และเครื่องแกงเอาไว้ทำแกงส้มครับผม อันนี้ก็ทำไปตามมีตามเกิดกินได้บ้างไม่ได้บ้าง
การฝึกการรบในป่า ก็แค่ไปฝึกการสร้างบังเกอร์ในป่านั่นเอง ก็แค่สร้างบังเกอร์ตามสภาพแวดล้อม มีทั้งป่าโปร่ง ตีนเขา ป่าทึบ ต้องขอกบอกว่าอันนี้สบายครับ พอไปถึงทำหรือเจอบังเกอร์เสร็จก็นอนกันเลยทีเดียวจนกว่าจะเลิกฝึก มีการเป่าปากทำเสียงโป้งคล้ายรบกันจริงๆ ก็ปัญญาอ่อนดีครับ พอคิดมาถึงตอนนี้
การฝึกเดินทางไกล อันนี้ีเดินไกลกันจริงๆ ครับ เป็น 10 กิโลได้เดินตามครูฝึกซึ่งก็แค่เดินไปเรื่อยในสภาพติดอาวุธเท่านั่นเอง
เท่าทีคิดออกก็คงมีอยู่เท่านี้สำหรับความหฤโหดที่ไปเจอมามีอะไรบ้างก็คง
1 น้ำไม่ได้อาบครับ 1 อาทิตย์เต็มอันนี้มันมีสาเหตุครับคือในวันแรกที่ฝึกเสร็จพอไปโรงอาบน้ำปรากฏว่ามีเพื่อนขึ้นหนึ่งจ้วงขันตักน้ำโดยไม่สนสัญญาณจากครูฝึก จึงโดนงดการอาบน้ำทั้งกองร้อย แต่ก้ยังดีนะครับที่เขายังให้ล้างหน้า แปรงฟันบ้าง
2 เสื้อผ้าหาที่ซักไม่ได้ อันนี้ต้องขอบอกว่าเป็นกรณีที่ต่างจากตอนที่เรียนร.ด.ตอนเปิดเทอมครับ เพราะมีอยู่ชุดเดียวกลัวแห้งไม่ทันดังนั้นก้เลยทั้งใส่นอน ใส่ไปไหนมาไหนทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้พอฝึกจบเลยมีแผนที่สีขาวขึ้นกลางหลังกันเกือบทุกขึ้น
3 น้ำ 1 กระติกต่อ 1 วัน กระติกน้ำอันนี้เป็นประติกน้ำทหารครับทางโน้นพอให้กระติกมาก็ให้ใส่เกลือเข้าไปด้วย 1 กำมือ ซึ่งบางคนก็เททิ้งพร้อมน้ำ และใส่น้ำเปล่าอย่างเดียวเข้าไป บางคนก้ปล่อยไว้อย่างนั้นและเติมน้ำเข้าไปเรื่อยๆเมื่อน่ำหมด โดยที่ไม่เทเกลือทิ้ง ซึ่งต้องขอบอกครับว่าแบบหลังคิดถูกจริงๆ คือพวกที่เทเกลือทิ้งไปเนี่ยน้ำจะหมดเร็วมากเนื่องจากไอ้พวกที่กินน้ำจุเนี่ยพอของมันหมดมันจะมาขอจากคนอื่นกิน ซึ่งตรงนี้ละครับพอรู้ว่าเป็นน้ำเค็มพวกนั้นก็ไม่แลกันแล้วเลยเก็บน้ำไว้กินได้ทั้งวันจะมีการเติมอีกทีได้ก็หลังจากทานอาหารเย็นตอนที่กลับกองร้อยกันแล้ว และน้ำเค็มนี่ยังทำให้้ไม่ค่อยหิวน้ำบ่อยเลยทำให้ฝึกไปแล้วยังมีน้ำพอจิบได้ทั้งวันครับผม
4 อาหารทหารทำ อันนี้ต้องบอกว่าถ้าเป็นคนเรื่องมากนี่ แทบจะไม่ได้กินกันเลยทีเดียว เพราะมันฟักมาทำซะส่วนใหญ่ ทั้งแกงส้ม ฟัก ฟักต้มจืด ฟักผัดอะไรพวกนี้ อีกทั้งยังมีแต่ฟักไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไร ก็พอเข้าใจครับ ว่าต้องทำเลี้ยงคนมากอันนี้ก็ทนๆกันไป
5 การทำโทษหฤโหดในหลายรูปแบบ ในหลายกรณีทั้งโดนเป็นกองร้อย โดนเดี่ยวจากการเข้าแถวไม่ทันเสียงนกหวีด การหลับยาม และอื่นๆอีกมากมาย อันนี้ไม่ขอยกตัวอย่างละกัน คิดว่าหลายคนที่ไปก็คงเคยโดนกันมา
ก็นึกออกเท่านี้ ถ้ามีอะไรเพิ่มก็คงมาเขียนกันต่อ ก้เจอพวกนี้ละครับ 1 อาทิตย์จากนั้นจึงกลับบ้านกันไปนอนยาวและหลังจากนั้นก้จะมีการนัดพบเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อได้รับยศเป็นสิบโท 1 วันกันก็ถือเป็นการจบหลักสูตร ร.ด.กันไปรอดพ้นการเกณทหาร พอวันเกณทหารมาถึงก็เอาใบปลดประจำการไปยื่นก้ถือว่าเสร็จสิ้นครับ ก็ถือเป็นสีสันอย่างหนึ่งในชีวิตการศึกษา ส่วนใครอยากเรียนต่อปี 4 ปี 5 เพื่อรับยศว่าที่ ร้อยตรี ก้ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยกันไปอันนี้ไปสอบถามรายละเอียดกันเอาเพราะไม่เคยไปครับ






Create Date : 09 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 พฤษภาคม 2554 6:01:14 น. 1 comments
Counter : 1137 Pageviews.  
 
 
 
 
เราเบื่อมากเลยหล่ะลูกเสื้อเนตรนารีเนี่ยเบื่อเข้าข้ายอะ ห้องน้ำมันสกปรกทุกค่ายเลย ที่หน่อยที่ม.3เมื่อ2ปีที่แล้วค่ายสวนสยามห้องพักเป็นเชลเตอร์เลยสบายมาหน่อย อิอิ
 
 

โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:00:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

rock in heart
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




การ์ตูนไม่ว่านานเท่าไรคำนี้คงมีความหมายกับผมเสมอ เพราะมันเป็นเพื่อนให้ผม ได้รู้จักโลกแห่งจินตนาการอันยิ่งใหญ่
พูดซะเว่อ ก็คนมันชอบนี่ครับ เลยเกิดบล็อคนี้ขึ้นเท่านี้ล่ะ
[Add rock in heart's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com