ต้องการความก้าวหน้า 2
บันทึกนี้ เพื่อเป็นการเตือนตัวเองว่า ก่อนตัดสินใจ ควรคิดให้รอบคอบก่อน หลังจากที่คิดว่าจะเรียนต่อปริญญาเอก อุตส่าห์วิ่งรอกขอทุน เปิดเทอมเรียนมาได้ 2 วัน คือ เสาร์ และอาทิตย์ที่แล้ว ได้การบ้าน มา โห... ต้องคิดเยอะมาก ค้นเยอะมาก และปกติเสาร์อาทิตย์เป็น วันที่พวกเราทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกัน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราไปนั่งเรียน ทั้ง 2 วัน สามีรับหน้าที่ดูแลลูกแทน กลับมาเราก็เหนื่อย สามีก็โทรม สงสารครอบครัวมาก แต่สามีบอกว่า "พ่อรับมือได้ แม่เรียนไปเถอะ มันเป็นอนาคตของแม่ และเป็นสิ่งที่แม่ปรารถนา" ...... เรานิ่งไปเลย เมื่อจันทร์ และอังคารที่ผ่านมา งานชุก ไม่มีเวลาทำการบ้าน พอวันพุธ นั่งลงมือทำ ต้องหาข้อมูลมากมายมาเขียน พร้อมยกตัวอย่างบริษัท มาวิเคราะห์ แค่หาข้อมูล และเชื่อมโยงหลักการเข้ากับสิ่งที่เกิดจริง ภายใต้ การพิสูจน์ว่า สิ่งที่เรากำลังคิด และเชื่อมโยงเป็นคำตอบที่ถูก หมดไปหนึ่งวัน โดยยังไม่ทันได้พิมพ์งานส่งอาจารย์ ได้แต่อยู่ในหัวก่อน ตกเย็น ลูกแจ้งว่า เขามีแนวโน้ม ได้ทุนโครงการแลกเปลี่ยน นั่นแปลว่า ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ในการส่งเสียให้ลูก ไอ้ตัวเราก็เรียน โดยคิดว่าจะอาศัยทุนของที่ทำงาน เพราะ ผู้ใหญ่ก็ให้การสนับสนุน ผลักดันเต็มอัตรา แต่ทั้งนี้ เพราะอายุในการขอทุน เกินเกณฑ์ที่ระเบียบกำหนดไว้ ถูกเด้งจากที่ประชุมสภาฯแล้ว แต่ผู้ใหญ่ก็ช่วยรั้งไว้ ขอยื่นใหม่ โดยจะขอความเห็นชอบจากผู้บริหารสูงสุดก่อน รู้สึกขอบคุณมาก ๆ แต่รู้มาว่า ผู้ใหญ่ที่พยายามช่วยดันเรื่องนี้ลำบากและเหนื่อยมากกับเรื่องนี้มาก บวกกับพอดีเพิ่งรู้ว่า ลูกสาวมีแนวโน้มจะสอบได้ทุนแลกเปลี่ยน ต้องใช้เงินอีกแยะ ทำให้ต้องมาคิดว่าเอาไงดี เพราะระหว่างตัวเองเรียน ไม่ใช่แค่ทุนที่ได้ก็จบ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายเองตลอดระยะเวลาที่เรียน ดู ๆ แล้ว ไม่น้อยกว่าอีก 3-4 แสน พระเจ้าช่วย แล้วเวลาของลูกล่ะ เรากำลังเบียดบังเวลาของลูก และของสามี เวลาเราเหนื่อยก็จะหงุดหงิดอีก ในที่สุดเลยตัดสินใจไปแจ้งผู้ใหญ่ว่า "พี่คะ หนูไม่ขอทุนแล้ว เพราะไม่เรียนแล้วค่ะ " ผู้ใหญ่คิดว่าเราเรียนไม่ไหว จริง ๆ ก็ใช่ เพราะไม่ไหวเรื่องเงิน และเวลาที่หมดไปเพื่อ ตัวเอง และผลักภาระไปให้สามีซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว งานเขาก็หนักอยู่แล้ว แถมเรามีลูกกัน 2 คน ทั้งคู่ยังเด็ก ถ้าแม่ทำงานและเรียนหมดเวลา 7 วันโดยไม่มีเวลา ให้ครอบครัว พ่อก็ทำงานกลับบ้านดึก แล้วลูกล่ะ ใครจะดูแลเขาได้เต็มที่ เลยตัดสินใจ ยุติความตั้งใจของตัวเอง เพราะแม้ตัวเองเรียนจบ ก็เหลืออายุงานเพียง 11 ปี เอาทุนด้านเวลาและทรัพย์มาต่ออนาคตให้ลูกดีกว่า เพราะ "ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต" ตอนไปเรียนผู้ใหญ่ที่เขาพยายามช่วยผลักดันให้ รู้สึกตัวเองโล่งอกมาก ๆ เพราะไม่สร้างความ เดือดร้อนและลำบากใจให้กับนาย ให้กับสามี และลูก รู้สึกอิ่มเอมมากกว่า ปริญญาเอกซะอีก (ดีใจที่คิดได้ทันก่อนที่การยื่นทุนจะเกิด เพราะคิดว่า มีแนวโน้มได้ ถ้าได้ก็ต้องเรียน)
Create Date : 22 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 22 มิถุนายน 2556 23:05:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 638 Pageviews. |
|
|