|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หลงอำนาจชั่วเวลาหนึ่ง จักเศร้าสลดไปชั่วนิรันดร์
ผู้ดำรงรักษาไว้ซึ่งศีลธรรม จักหดหู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้พึ่งพาอาศัยอำนาจอิทธิพล จักเศร้าสลดไปชั่วกัลปาวสาน ผู้รู้แจ้งจักเล็งเห็นสิ่งซึ่งอยู่นอกวัตถุ คำนึงถึงเกียรติยศชื่อเสียงยิ่งกว่าชีวิต ยินดีจะรับความว้าเหว่ชั่วเวลาหนึ่ง จักไม่ยอมโศกาอาดูรไปชั่วนิรันดร
Create Date : 29 ตุลาคม 2548 |
|
22 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2548 2:26:50 น. |
Counter : 503 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ladybear (ladybear ) 30 ตุลาคม 2548 0:06:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชายคา 30 ตุลาคม 2548 2:28:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: me2you 30 ตุลาคม 2548 5:37:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 30 ตุลาคม 2548 6:12:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณย่า 30 ตุลาคม 2548 7:20:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยิ้มสู้ 30 ตุลาคม 2548 11:26:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: wbj 4 พฤศจิกายน 2548 13:40:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
นิทัศน์อุทาหรณ์
นิทานปาท่องโก๋
สมัยราชวงศ์ซ่ง ชนชาติจินซึ่งอยู่ทางเหนือรุกรานลงใต้ ยึดแผ่นดินของราชวงศ์ซ่งไปครองได้ถึงกึ่งหนึ่ง
มีแม่ทัพของราชวงศ์ซ่งคนหนึ่งชื่อเย่เฟ่ย (งักฮุย) นำกองทัพออกต่อต้นทัพชนชาติจินอย่างสุดความสามารถ สามารถตีทัพชนชาติจิน ให้พ่ายแพ้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ทหารจินพอเห็นธงของงักฮุยซึ่งมีตัวอักษรว่า "งักฮุยผู้จงรัก" เท่านั้น ก็ตกใจจนขวัญบินต่างพากันแตกหนีกระเจิงไม่กล้าเข้ารบด้วย
แต่ราชวงศ์ซ่ง มีฮ่องเต้โฉดเขลาเบาปัญญา อยู่องค์หนึ่ง พระนามว่าพระเจ้าซ่งเกาจงฮ่องเต้ พระองค์ต้องประสงค์แต่เพียงให้สามารถครองราชบัลลังก์อยู่ได้ตลอดไปเท่านั้น แม้จะต้องสูญเสียดินแดนไปเรื่อยๆ พระองค์ก็ไม่สนพระทัย ซ้ำยังทรงรับฟังคำเพ็ดทูลของฉินฮุ่ยคนขายชาติ ส่งป้ายทองไปเรียกตัวเย่เฟยกลับจากแนวหน้าถึง12ครั้ง
และในที่สุดเย่เฟยก็ถูกฉินฮุ่ยประหารชีวิตเสียด้วยความผิดที่ "ไม่จำเป็นต้องมี"!
ประชาชนรับทราบข่าวนี้ด้วยความเดือดแค้น ต่างร้องไห้อาลับรักเย่เฟยกันทั่วหน้า เพื่อถ่ายทอดแสดงออกซึ่งความโกรธแค้น พวกเขานำแป้งสาลีมาปั้นเป็นรูปฉิมฮุ่ยกับภรรยา แล้วติดกันเป็นคู่ นำไปทอดในกระทะน้ำมันเพื่อแก้แค้นแทนเย่เฟยเรียกว่า "อิ้วจาฮุ่ย" หรือ "ฉินฮุ่ยทอดน้ำมัน" (เมืองไทยสมัยก่อนเรียกว่า "อิ่วจาก้วย" ต่อมาเพี้ยนเป็น "ปาท่องโก๋"(อันนี้งงเหมือนกัน เพี้ยนไปได้ยังไง) แต่ทางใต้ยังคงเรียก "จาก้วย" อยู่)
ในปัจจุบัน ที่ข้างสะพานซีเหลิ่งริมทะเลสาบซีหู จะต้องพากันไปเยือนเพื่อเคารพวีรชนเย่เฟยท่านนี้ทุกคน
ส่วนรูปหุ่นเหล็กหล่อของฉินฮุ่ยสามีภรรยาซึ่งคุกเข้าอยู่หน้าหลุมศพของเย่เฟย กลับถูกเตะถีบถ่มน้ำลายจากผู้ไปเยือนไม่เว้นแต่ละวัน แม้รูปหล่อนี้จะชำรุดและซ่อมแซมเป็นหลายครั้งก็ตาม ก็ยังถูกผู้คนทั้งหลายที่ชิงชังในพฤติการณ์ของฉินฮุ่ยถีบกระทืบและถ่มน้ำลายรดอยู่ไม่ขาด
ฉินฮุ่ยผู้รักตัวกลัวตาย เมื่อตอนที่มีอำนาจอยู่ ได้กระทำแต่เรื่องเลวๆอย่างฮึกเหิม กล้าแม้กระทั่งขายชาติ หาศีลธรรมคุณธรรมอะไรมิได้เลย เขาจึงได้รับแต่การด่าทอสาปแช่ง ชื่อเสียงเหม็นคลุ้งไปทั่วฟ้าดิน ตราบเท่าทุกวันนี้
ส่วนเย่เฟย แม้ถูกกล่าวหาต่างๆนานา และต้องตายในเงื้อมมือของคนเลว แต่นามอันทรงเกียรติของเขา ได้จารึกอยู่ในใจของประชาชนจีนอยู่เป็นนิรันดร์ และจะขจรขจายไปชั่วฟ้าดินสลาย
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ดำรงคงไว้ซึ่งศีลธรรม จะเหงาเศร้าก็แต่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ส่วนผู้ที่ถืออำนาจ บาตรใหญ่แต่ประพฤติชั่ว กลับจะโศกสลดรันทดใจไปชั่วกัปชั่วกัลป์!
ด้วยเหตุนี้ ผู้รู้ผู้เห็นจะสามารถมองเห็นพลังทางจิตใจที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ หรือสรรพสิ่งได้ชัด เขาจึงสามารถใช้ความคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน คิดได้ไกล ยอมหดหู่เหงาเศร้าอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่จะไม่ยอมละทิ้งคุณธรรมที่ตนพึงรักษาไว้ เพื่อมิให้ถูกคนรุ่นหลังทอดทิ้งเมินหนี เหม็นตลบไปชั่วกัลปาวสาน!
ครับ และแล้วก็พิมพ์เรื่องแรกจนจบ ไม่ทราบว่าคิดเห็นกันยังไงบ้าง จะบอกว่านิทัศน์อุทาหรณ์ บทต่อไปจะขอพิมพ์แค่ตอนท้ายที่เป็นตัวเอียงนะครับ เพื่อความกระชับและประหยัดเวลา