space
space
space
 
กุมภาพันธ์ 2567
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
9 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

ย้อนกลับไปหลายปีก่อนตอนที่เรียนจบมาใหม่ ๆ จากลาดกระบัง ผมกลับมาทำงานกับพ่อ เราร่วมบุกเบิกร้านเครื่อง
ย้อนกลับไปหลายปีก่อนตอนที่เรียนจบมาใหม่ ๆ จากลาดกระบัง
ผมกลับมาทำงานกับพ่อ เราร่วมบุกเบิกร้านเครื่องหนังขึ้นใหม่อีกครั้ง
โดยทำต่อจากเจ้าเดิมซึ่งเป็นเพื่อนพ่อ และเริ่มต้นจากการติดลบ คือ เป็นหนี้ก้อนใหญ่

ผมเริ่มต้นทำงานที่ร้านอายุประมาณ 20-21 เรียกว่า “ไฟแรง” สุด ๆ
แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการค้าขายมาก่อน
แต่ด้วยความที่เป็นคนจริงจังตั้งใจ เวลาทำอะไรก็ตาม
ทำให้ผมตั้งความคาดหวังกับลูกน้องสูงมาก
แม้ว่าลูกน้องเกือบทุกคนจะมีอายุมากกว่าผมเยอะก็ตาม
ผมไม่เคยสนใจใครเลย
หากใครทำงานไม่ถูกใจ ผมพร้อมเรียกมาคุยที่โต๊ะทำงานทันที
ใครมีปัญหาก็เรียกมาด่า หรือสุดทางกว่านั้น คือ ไล่ออกทันที

และด้วยความที่เป็นวัยรุ่น เลือดร้อน อารมณ์ร้อน
ผมไม่กลัวใครเลย ต่อให้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตแค่ไหน ก็ไม่สน
ผมเคยกวนประสาทเจ้าของทัวร์ที่ผมไม่ชอบ จนเขาโกรธและไม่นำลูกค้ามาลงที่ร้าน
จนพ่อต้องนำพานธูปพานเทียนไปขอขมาถึงบริษัท
เขาถึงยอมกลับมาทำธุรกิจกับเราอีกครั้ง
ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า “กูไม่ผิด กูไม่ได้ทำอะไรผิด”

เคยมีตำรวจท่องเที่ยวมาเบ่งที่ร้านด้วยอาการมึนเมา เขาเอาปืนมาตบที่เคาท์เตอร์
ผมเกือบจะโทรหาเพื่อนที่เป็นนักเลงให้ยกพวกมารุมกระทืบตำรวจคนนั้น
จนพ่อต้องปรามว่า “เราเป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักเลง” ผมถึงยอมรามือ

จุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้นช่วงอายุ 27 ปี

ผมเกิดคิดขึ้นได้ว่า อารมณ์ร้อนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วได้อะไร ?
ชอบตัวเองแบบนี้หรือ ? คนที่ทำงานกับเรามีความสุขหรือ ?
อยากจะทำงานด้วยความรู้สึกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ?

การตั้งคำถามกับชีวิต ทำให้เรารู้จักคิดและอยากหาทางออกบางอย่างให้ตัวเอง

สิ่งแรกที่ผมทำ คือ “ลดความคาดหวังที่มีกับคนอื่น” ลงก่อนเป็นอย่างแรก
ผมถามตัวเองว่า พนักงานเขาทำงานให้เราได้ 5 แล้วเราไปตั้งความหวังไว้ที่ 100
เขาไม่มีทางทำงานให้เราพอใจได้ ทำไมไม่เริ่มพอใจจาก 5 ที่เขามี
แล้วค่อย ๆ พัฒนากันไป ค่อย ๆ บอกสอน ตักเตือนกัน
ดีกว่าจะใช้กฎระเบียบหยุมหยิม รวมทั้งการใช้อำนาจบังคับ
ผมเริ่มเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองในตอนนั้น
และรู้ว่าพนักงานทุกคนก็รู้ว่าผม “เปลี่ยนไป”

ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทุกคนทำงานสนุกขึ้น มีความสุขมากขึ้น
ผมทะเลาะกับคนรอบตัวน้อยลง ผมเหนื่อยน้อยลง
และลดความขัดแย้งในการทำงานได้มาก

งานซึ่งเคยน่าเบื่อหน่ายในความรู้สึก
กลับกลายเป็นงานที่ทำให้ผมมีทั้งเวลาเลี้ยงลูก เล่นบล็อก อ่านหนังสือ
งานที่เคยไม่ชอบ กลายเป็นงานซึ่งเลี้ยงดูครอบครัวมาได้ยาวนานหลายปี

ผมอยู่กับร้านเครื่องหนังมาทั้งชีวิต
เบื่อมั้ย ? --- เบื่อ
แต่ในเมื่อยังไม่มีทางเลือกใดที่ดีกว่านี้
ผมก็ยินดีที่จะทำมันต่อไป

เหมือนช่วงโควิดที่ต้องปิดร้านไป 3 ปี
พอกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง ผมเรียกพนักงานเก่า ๆ กลับมาทำงาน
ทุกคนดีใจ ตั้งใจทำงาน เห็นคุณค่าในงานของตน
ทุกวันนี้ผมทำงานเหมือน “คนหมดไฟ” คือ ไม่มีความเคร่งเครียด ไม่มีความคาดหวัง
ทำงานเหมือนไม่ทำ ผมดูแลร้านแบบห่าง ๆ
และมองเห็นทุกคนทำงานตามหน้าที่ของตนได้อย่างน่าพอใจ
ผมไม่ได้ด่าพนักงานมานานแล้ว ผมไม่ได้ทะเลาะกับใครมานานแล้ว

“ไฟ” ที่ทำให้คนอื่นร้อน มันจะย้อนกลับมาเผาใจเราด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้น เมื่อเราดับ “ไฟ” นี้ได้ก่อน การทำงานก็ง่าย สบาย ๆ
ได้แค่ไหนแค่นั้น ผมไม่ตั้งเป้าสูงเกินจริง ไม่มีความคิดว่าจะต้องขยายงานอะไรอีก
มีงานก็ทำไป ทำให้ดี ทำให้มีความสุข เท่านั้นพอ
เขาอยู่ได้ เราอยู่ได้ ทุกคนอยู่ได้

เมื่อมองย้อนกลับไป....เด็กหนุ่ม “ไฟแรง” คนนั้น
แทบไม่เหลือ “ไฟ” ใดใดในตนอีกแล้ว
คนเราเรียนรู้จากตัวเองได้เสมอ
เราเปลี่ยนตัวเองได้เสมอ
หากเรากล้าพอที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเราเอง


 


Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2567 7:20:20 น. 0 comments
Counter : 48 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 7881572
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 7881572's blog to your web]
space
space
space
space
space