ใบไม้เปลี่ยนสีที่ Great Smoky Mountains : Cades Cove
เราไปขับรถเล่นกันดีกว่านะคะ ดูสิว่าที่ Cades Cove จะมีอะไรให้เราชมบ้าง
Cades Cove จะเป็นที่ราบล้อมรอบไปด้วยภูเขานะคะ บริเวณนี้จะได้พบกับสัตว์ป่าบ่อยๆ เช่น กวาง หมี จะพบบ่อยตอนช่วงเช้าตรู่กับพลบค่ำนะคะ ซึ่งเป็นธรรมชาติของสัตว์ป่าที่จะออกมาหากินในช่วงเวลานั้น
นอกจากนี้บริเวณนี้ก็จะมีโปสถ์ บ้านเก่าๆ ที่เรียกว่า Historic building ที่สร้างขึ้นประมาณปลายๆศตวรรษที่ 19 ต้นๆ 20 อยู่หลายแห่งเลยค่ะ
ทางที่ขับรถเข้าไปจะเป็นลักษณะแบบนี้ เป็นถนนเล็กๆเดินรถทางเดียว ระยะทางทั้งหมด 11 ไมล์ (17.7 กิโลเมตร)นะคะ เค้าบอกว่าช่วงที่นักท่องเที่ยวมากันเยอะๆเนี่ย ระยะทางขนาดนี้ใช้เวลาขับประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ
สำหรับการเดินทางของพิมวันนี้นะคะ
รถเยอะมาก และ รถติด!!!!!
ทำไมรถติดค่ะ ทำไม!!!!
ก็เพราะว่ามีใครบางคนเห็นหมีบนภูเขาน่ะสิคะ ก็เลยจอดรถตรงทางถนนนั้นซะเลย เพราะว่าไม่มีทางเบี่ยงให้จอดรถไงคะ เลยจอดมันซะตรงนั้น รถตามหลังมาจะเป็นยังไงชั้นไม่สน ขอให้ชั้นได้เห็นหมีดำก็พอ .....
แย่จังนะคะ พิมกับพี่โจ้ไปเที่ยวที่ไหนต่อที่ไหนไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย ถ้าไม่มีที่ให้จอดรถก็ไม่ควรจะจอด ทำไงได้ล่ะคะ นี่เล่นจอดกลางถนนแล้วลงไปปีนเขาถ่ายรูปหมีเลยเนี่ยนะ ไม่เกรงใจใครกันเลย เจ้าหน้าที่ก็มีเอกสารมาให้อ่านนะว่าห้ามจอดรถบนถนนอย่างเด็ดขาด แต่ทำไมไม่ทำตามกันก็ไม่รู้นะ
เซ็งค่ะ เข้ามาถึงเจอแบบนี้เซ็งเลย กว่าจะผ่านตรงนี้ไปได้ใช้เวลาตั้งพักนึง ตอนผ่านตรงที่หมีอยู่พิมเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นนะคะ เป็นหมีดำขนาดกลางค่ะอยู่อยู่ใต้ต้นไม้ตัวเดียว เห็นแล้วน่าสงสารจังเลยล่ะ ส่วนพี่โจ้คอยขับรถก็เลยไม่เห็น
เราขับไปเรื่อยๆเจอบ้านเก่าๆ ของ John Oliver ก็หาที่จอดรถแล้วเดินเข้าไปดู
อากาศชักจะร้อนๆเหมือนกันนะคะเนี่ย
พี่โจ้ถ่ายรูปอะไรอยู่เอ่ย
จากนั้นเราก็ขับรถกันต่อค่ะ พอมีที่จอดชมวิวก็แวะกันซะหน่อย อากาศร้อนจนพิมต้องเปลี่ยนเสื้อแขนยาวมาเป็นแขนกุดเลยล่ะค่ะ
แล้วเราก็แวะมาที่โปสถ์ซะหน่อย โปสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อ 16 June 1827 ค่ะ เป็น Primitive Baptist Church
ระหว่างทางเราก็จะเจอโปสถ์อีกสองโปสถ์ค่ะ คือ Methodist Church และ Missionary Baptist Church แต่ว่าเราไม่ได้แวะถ่ายรูปแล้วค่ะ พอถึงจุดชมน้ำตกเราก็รีบขับเข้าไปเลย
น้ำตกนี้ชื่อว่า Abrams Falls ค่ะ ที่เจ้าหน้าที่แนะนำว่าเรายังไม่ควรจะเดินเข้าไปชมวันนี้เพราะว่าเวลาจะไม่พอ เรามาถึงหน้าน้ำตกตอนห้าโมงเย็นค่ะ ตรงน้ำตกเขียนเอาไว้ว่า ระยะทาง 2.5 ไมล์ (4 กิโล) ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
เอ๊ะ อะไรกันนี่ ระยะทางแค่นี้ ไปกลับก็ห้าไมล์ ทำไมใช้เวลาเยอะขนาดนี้คะ ไม่เชื่อหรอก พิมกับพี่โจ้เป็นแชมป์เดินเร็ว ชั่วโมงนึงก็น่าจะถึงแล้วล่ะ รวมเวลาไปกลับอยู่ดูน้ำตกถ่ายรูปด้วยสักทุ่มเราน่าจะเสร็จ อย่ากระนั้นเลยรีบไปกันดีกว่า
เราเดินเลียบธารน้ำไปเรื่อยนะคะ ลักษณะจะเป็นการเดินขึ้นเขา จะมีคนเดินสวนกลับมาเป็นระยะๆ เราก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินเลยนะ แล้วเดินในป่าห้าโมงเย็นนี่แดดส่องแทบจะไม่ถึงแล้วนะคะ ชักไม่แน่ใจ จะเอาไงดี พอดีมีคนเดินกลับมาอีก ก็เลยถามว่าอีกไกลมั๊ยกว่าจะถึงน้ำตก เค้าก็บอกว่าน่าจะสักประมาณหนึ่งชั่วโมง ... โอ้ววววว์
แล้วเดินต่อไปอีกหน่อยเราก็จะต้องมีการปีนป่ายกันด้วยค่ะ ลักษณะของ Trail นี้จะเป็นระดับความยากปานกลางค่ะ พิมกับพี่โจ้เลยต้องหยุดคิดกันใหม่ ในป่ามืดก็เร็ว แล้วถ้าเราเดินไปแล้วตอนขากลับมืดแล้วล่ะเราจะทำยังไงกันดี ไฟฉาย น้ำเปล่าก็ไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย อย่ากระนั้นเลย เดินกลับกันดีกว่า ><" แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมากันใหม่
พอคิดได้อย่างนั้น ระหว่างเดินกลับก็เลยแวะถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ต้องรีบร้อนแล้วนี่
พอออกมาถึงรถเราก็ขับวนกันต่อไป จุดหมายข้างหน้าเราแวะกันที่ Cable Mill Historic Area
บ้านหลังนี้ของ John P. คิดว่าเป็นบ้านหลังแรกในบริเวณนี้ที่ใช้วัสดุสร้างบ้านในลักษณะนี้ค่ะ สร้างขึ้นในปี 1879
และนี่คือสภาพด้านใน ไม่มีฮีตเตอร์ ใช้ความร้อนจากเตาผิงค่ะ
ตอนก่อนเข้า เค้ามีป้ายเขียนบอกด้วยนะคะว่า เคยมีคนมาเขียนชื่อตัวเองเอาไว้แล้วถูกจับได้ต้องโดนปรับ แต่เชื่อมั๊ยคะว่าแทบจะทุกที่ที่พิมแวะไปดูจะต้องมีการจารึกชื่อและวันที่ของใครก็ตามที่มาชม ... เพื่ออะไรเหรอคะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ บ้านหรือสถานที่เก่าๆอายุเป็นร้อยๆปี แล้วไปมีชื่อพวกมือบอนอยู่ตรงนั้นตรงนี้มันทำให้เสียคุณค่าไปเลยนะคะ ช่างไม่มีจิตสำนึกกันซะเลย แย่มากๆ เห็นแล้วก็ชวนหงุดหงิดจังค่ะ
ใบบริเวณนี้ก็จะมีเขื่อนทดน้ำเล็กๆที่สร้างขึ้นมาใช้ในสมัยนั้นค่ะ
มีโรงเก็บเครื่องมือ เครื่องใช้
มีโรงทำเหล็ก โรงเก็บเนื้อสัตว์ โรงเก็บผลิตภัณฑ์อาหารตามจุดต่างๆด้วยค่ะ
พอเดินกันจนทั่วบริเวณนี้เราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ และเราก็เจอรถติดอีกหนึ่งจุดจนได้
ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกค่ะ มีคนเห็นหมีบนภูเขาอีกแล้ว เลยจอดรถลงไปถ่ายรูปกันอีกแล้ว
ตอนขับผ่านพิมก็ได้เห็นค่ะ หมีตัวนี้ตัวเล็กกว่าตัวที่แล้วนิดหน่อยค่ะ ส่วนพี่โจ้อดอีกตามเคย
พระอาทิตย์ใกล้จะลับเหลี่ยมภูเขาแล้วล่ะค่ะ แดดอ่อนๆนุ่มๆ สวยเหลือเกิน
จากนี้เราก็ขับรถกลับไปยังแคมป์กันค่ะ ระหว่างทางเจอถนนสวยๆ ก็ต้องแวะจอดรถถ่ายรูปกันอีกพักนึง
กว่าเราจะไปถึงแคมป์ไซต์ก็มืดสนิทแล้วค่ะ ในป่านี่มืดเร็วมากๆเลยนะคะ สักทุ่มนึงนี่มืดสนิทแล้วล่ะ ไปถึงแคมป์พิมก็จัดการอุ่นอาหารค่ะ ส่วนพี่โจ้แวะไปถามที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวว่า ถ้าคืนพรุ่งนี้เราจะขอย้ายไปนอนอีกที่หนึ่งเลยจะได้มั๊ย เพราะจะว่าไปตรงนี้ก็ไม่มีอะไรให้ดูมากแล้วล่ะค่ะ น้ำตกก็ไว้ค่อยไปดูน้ำตกตรงอื่นก็ได้ มีให้เราดูเยอะแยะค่ะ
เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่าพรุ่งนี้ให้เราไปติดต่อกับแคมป์ทางนู้นถ้ามีก็พักได้เลย แล้วให้เจ้าหน้าที่โทรมาบอกยกเลิกแคมป์ทางนี้ให้ค่ะ
หลังจากทานข้าวเก็บของเสร็จเรียบร้อย เราก็แปรงฟัน ล้างหน้า เช็ดตัวสักนิดหน่อย แล้วก็เข้านอนค่ะ คืนนี้นอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ก่อนเข้านอนพิมก็ไหว้พระ ไหว้เจ้าที่เจ้าทางนะคะ ซึ่งพิมจะทำทุกครั้งก่อนนอนไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ตาม ของอย่างนี้ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบลู่ ทำแล้วสบายใจก็ทำเนอะ
แต่ปรากฎว่าคืนนี้พิมนอนฝันร้ายทั้งคืนเลยค่ะ ฝันว่าเจอแมงป่องเยอะแยะไปหมด แล้วก็ฆ่าแมงป่องด้วยนะ แต่แมงป่องในฝันทำไมหลายสีสวยๆทั้งนั้นเลย แล้วก็ฝันเห็นคนตายด้วย บรื๋อออยยยย์ ฝันไม่ดีเอาเลยจริงๆ
ส่วนอากาศเมื่อคืนตอนหัวค่ำกำลังสบายเลยค่ะ พิมก็ใส่ชุดนอนแค่ปรกติธรรมดา ใส่ถุงเท้าด้วยนะ แต่พอกลางดึกมันไม่พอล่ะ โหยยย เย็นสุดๆ นอนนึกในใจว่าพรุ่งนี้ต้องเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้ ส่วนคืนนี้ทนๆไปก่อนขี้เกียจลุกแล้วล่ะ ^^"
Create Date : 18 ตุลาคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 23:59:56 น. |
Counter : 1610 Pageviews. |
|
|
|
แอบติดใจรูปและธรรมชาติสวยๆค่ะ