ไม่ต้องการรักแท้ขอแค่คนดูแลหัวใจ (นิยาย) ตอนที่ 2
กลับไปอ่านบทนำคลิกเลบคร้าบบ ...
กลับไปอ่านตอนที่หนึ่งคลิกเลยคร้าบบ ...
ตอนที่ 2
“เป็นอะไรหรือเปล่านะ”
เพราะวิกันดาที่นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้หินอ่อนหลังบ้าน ที่เป็นส่วนเชื่อมต่อไปยังแปลงสวนปาล์มนับ สามสิบไร่หลังบ้านนั้นทำให้ ปราณ ซึ่งเดินมาที่หลังบ้านของเขามองด้วยความแปลกใจ
พื้นที่หลังบ้านเขามีอาณาเขตเพียง 5 ไร่เท่านั้น เป็นแปลงกล้วยไม้และเรือนพักแบบโฮมเสตย์ มีคนมาพักบ้างประปรายเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาล นอกจากคนงานในไร่แล้ว เขายังต้องการคนช่วย ในเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย วิกันดาแนะนำให้เขาหาผู้ช่วยเลยไปถึงคนดูแลตัวเขาด้วยเพราะเขาควรที่จะมีใครได้แล้ว แต่หล่อนสิเขาไม่เห็นหล่อนจะสนใจใครเลย
“วี่..เป็นไรนะ”
เขาตะโกนเรียกผ่านรั้วคอนกรีตที่สูงระดับเอว
“เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไร”
หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะหันมาทางเขาและยิ้มร่า
“มาทำอะไรตรงนี้นะ”
“มาดู ๆ แหละ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกคนงานมี เธอจะเหนื่อยทำไม”
“ถึงพิการแต่เราก็ไม่ใช่ง่อยเปลี้ยนะ”
เขาพูดจนหล่อนหน้าเสีย เพราะเหมือนกับหล่อนไปสะกิดปมด้อยของเขาซะงั้น
“ก็มันจริงนี่ ไม่โกรธใช่ไหม”
“เหอะ”
หล่อนสั่นหน้าช้า ๆ ไม่อยากให้เขาคิดมากไม่อยากให้เขาเป็นกังวล อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่สุดของหล่อนคนหนึ่ง และไม่เคยมองหล่อนด้วยสายตาไม่ให้เกียรติแบบนั้นด้วย
“มีอะไรให้ต้องคิดหรือเปล่ามีอะไรให้เราช่วยบ้างไหม”
น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความห่วงในชัดเจน ทำเอาวิกันดายิ้ม
“ไม่มีอะไร”
หล่อนตอบง่าย ๆ และมันสวนทางกับความจริงซึ่งเขาไม่เชื่อหากไม่ถามให้มากความ
“อย่าคิดมากละ”
ว่าแล้วก็เดินเขยกหายเข้าบ้านไป แม้จะสวมขาเทียมแต่การเดินของปราณก็ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปเขายอมรับได้ในส่วนนั้นและพยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติมากที่สุดแม้กระทั่งการขับรถแต่ธุระในส่วนนี้ วิกันดาจะเป็นคนทำแทนเองเสียเกือบทั้งหมดและอาสาขับรถให้ได้เพราะหล่อนไม่วางใจเขาและเขาเองก็แทบจะไม่วางใจตัวเองเมื่อต้องขับรถไปในที่ที่รถมากมายและผู้คนเยอะแยะ เขายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้อย่างไม่ลืมเลือน
มันกระจ่างขึ้นในสมองทุกครั้งที่เขาจะเหยียบคันเร่งไม่รู้ตัวเองกลายเป็นคนใจฝ่อเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เหตุการณ์วันนั้น หลังจากที่พิมพ์ใจบอกเลิกและลาเขาไป เขาดับความเสียใจด้วยเหล้าจำนวนมากมายที่ร้านประจำก่อนจะกลับด้วยสภาพที่เดินยังแทบไม่อยู่
แต่ความเมาทำให้เขาเหยียบคันเร่งจนมิด และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจูงลูกวัยน่ารักข้ามถนน สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนั้นก็คือการหักหลบและรถชนกับเสาไฟฟ้า ตัวเองหมดสติไปในนาทีนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ทราบว่า ขาด้านขวาของตัวเองตั้งแต่เหนือเข่าลงไปถูกหมอตัดขาดไปแล้วเพราะแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
คำว่าคนพิการจึงติดตามตัวเขามานับแต่นั้น
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าปราณ”
คนเมื่อสักครู่ที่เขาเพิ่งเดินจากมาหล่อนมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา ด้วยรอยยิ้มที่มีให้กันเหมือนเช่นที่ผ่านมาไม่ว่าตัวเองจะเจอเรื่องร้ายกาจขนาดไหนก็ตาม
“ก็ว่าจะกินข้าว”
ชายหนุ่มละมือจากตู้กับข้าวหันมองหล่อน ทั้ง ๆ ที่ตนเองยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าวันนี้จะทานข้่าวกับอะไร นั่นเพราะเขามีปัญหากับคนที่มาส่งอาหารให้ทุก ๆ วัน
“เธอกินข้าวหรือยังกินด้วยกันไหม”
“กินแล้วกินกับเจ้าซัน”
หล่อนบอกเขาเขาพยักหน้ารับรู้ อย่างไรเสียหล่อนก็อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น มีบิดามารดา และลูกชายที่น่ารัก ส่วนตัวเขาอยู่คนเดียว ไม่มีใครไม่กล้าเรียกหาใคร
“แล้วทำไมหนีลูกมาที่นี่ละ”
“ก็ลูกอยู่กะตากะยาย อยู่ได้ไม่ต้องอยู่กับแม่ตลอดเวลาหรอก ไหนดูสิวันนี้กินข้าวกับอะไร”
หล่อนเดินไปเปิดตู้กับข้าวแทนเขาแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมันว่างเปล่า
“ว่าจะเจียวไข่นะ”
“งั้นเดี๋ยววี่เจียวให้แล้วคนส่งปิ่นโตละหายไปไหน”
“เขาคงลืมมั้ง”
“ไม่ใช่ไปอาละวาดใส่เขานะ”
หล่อนเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันทำเอาเขาหลบสายตา
“ก็..ยายนั่นทำอาหารไม่อร่อยนี่หน่าทำเหมือนขอไปที อยากได้เงินเขาอย่างเดียวแต่ไม่พัฒนาอะไรเลย เราก็เลยว่าเราทำกินเองซะดีกว่า แต่วันนี้มันยังไม่ได้เริ่มไง”
“เหรอจ๊ะ”
หล่อนมองหน้าเขาพลางเบ้หน้า
“เดี๋ยววี่เจียวให้กินแล้วพรุ่งนี้จะมาส่งกับข้าวให้ด้วยกินแบบที่บ้านวี่กินได้หรือเปล่าละ แต่เชื่อเถอะอร่อยกว่ายายป้านั้นทำแน่ ๆ เพราะยายทำ ถ้าบ่นไม่อร่อย ก็อดกิน”
“ขอบคุณนะ”
เขายิ้มแป้นมองหล่อนด้วยสายตาแสดงความขอบคุณ
“คิดถึงพ่อกับแม่จัง”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบา ๆ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า บิดามารดาของเขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อนด้วยอุบัติเหตุพร้อมกัน ในวันนั้นคนที่อยู่เคียงข้างเขาก็ยังเป็นหล่อน เหมือนเช่นวันนี้
วิกันดาหันไปเจียวไข่ให้ชายหนุ่มด้วยความคล่องแคล่วเพียงแว้บเดียวก็นำมันมาเสริฟตรงหน้าเขาพร้อมด้วยกลิ่นหอมฉุย
“กินด้วยกันไหม”
“ไม่ละแค่นี้ก็อ้วนพออยู่แล้ว”
หล่อนรีบปฏิเสธ
“ทำงานเหนื่อยและหนักอย่างวี่ต้องกินเยอะ ๆ จะได้มีแรงสู้กับงาน”
“รู้สึกว่าตัวเองกลมขึ้นเหรอ”
เอามือลูกท้องนูน ๆ ของตัวเองเป็นผู้หญิงเนอะมันดูไม่น่ามองยังไงก็ไม่รู้ ทำเอาชายหนุ่มอมยิ้มขบขัน
“ยังไงก็ดูดี”
“ขอบใจยะที่เอาใจ มีเธอคนเดียวนี่ละปราณรู้ไหมที่มองฉันแบบนี้ละ”
“แบบไหน”
“มองแบบไม่..”
หล่อนสรรหาคำพูดนั้นไม่เจอจึงได้แต่เงียบเสียงไป
“คิดมากน่า เรื่องนี้เหรอที่คิดมากไม่น่าจะใช่เรื่องอื่นมากกว่าบอกมาได้เลยพร้อมฟัง”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ตักอาหารเข้าปากไปด้วยมองหน้าหญิงสาวแววเศร้ามาเยือนใบหน้าของหล่อนอีกครั้ง จนเขานึกสงสัย
“บอกมาเถอะ เผื่อช่วยได้” “พ่อเจ้าซันจะมา”
“อะไรนะ”
เขาวางช้อนลงบนจานเป็นกระแทกในทันที
“ยอมหย่าแล้วเหรอ”
“ไม่ยอม”
“เฮ้อแล้วจะมาทำไม”
“มาขอคืนดี”
“สัตว์เอ้ย..”
เขาสบถ มองหน้าหญิงสาวที่ดูสับสนจนทำให้คิดในใจว่าบางทีหล่อนอาจจะยังรักสามีเก่าอยู่ก็ได้คนเคยอยู่ด้วยกันมาหลายปีที่สำคัญมีลูกด้วยกันแม้จะทิ้งไปนานแล้วก็ตาม
“เธอว่าไงจะกลับไปไหม”
“อยู่ที่นี่ฉันสบายดี แต่ลูก ควรจะมีพ่อใช่ไหม”
คำถามนั้นทำเอาเขาตอบไม่ถูก
“ลำพังฉันคนเดียวคงไม่คิดจะกลับไปหรอกแต่นี่ฉันมีลูก ลูกที่ถามหาพ่อทุกวัน ลูกที่อยากเจอและอยากเห็นหน้าว่าพ่อเป็นแบบไหน ฉันจะเห็นแก่ตัวมากไปหรือเปล่าถ้าปฏิเสธเขา ฉันจะทำร้ายลูกไหม” เพียงพูดน้ำตาของหล่อนก็ไหลริน สิ่งที่ปราณทำได้ดีที่สุดก็คือการเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้หล่อนเบา ๆ
“ฉันควรทำยังไงหรือปราณ”
“เพื่อลูก”
เขาเอ่ยด้วยคำสั้น ๆ แม้หัวใจของเขาแทบขาดหาย เขาจะเห็นแก่ตัวรั้งหล่อนไว้ที่นี่ได้ยังไงในเมื่อเจ้าซันยังมีอนาคต เห็นความน่ารักของเด็กชายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสารและเห็นใจ หากมีโอกาสที่เจ้าซันจะมีพร้อมพ่อแม่ลูกเขาก็ยินดี กับเด็กน้อยด้วย
“เธอต้องคิดให้ดี ๆ”
...
แว้บหาอาเดียวสุดหล่อคลิดที่รูปคร้าบบ
Create Date : 24 พฤษภาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2554 10:41:02 น. |
Counter : 779 Pageviews. |
|
|
|
คิดถึงน้องเล็กด้วยละ แต่ไม่ค่อยมีเวลา วันนี้แวะมาหา เย็นๆจะเข้ามาใหม่นะ จะมาอ่านนิยาย พี่ละชอบจริงๆเลย
ไปทุกบล๊อกที่มีนิยาย
อาเดียว จุ๊บๆๆๆลูก
เป็นเด็กดีนะจ๊ะ