ราชสีห์ผู้ภักดีต่อแผ่นดิน - พลเอก กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ราชสีห์ผู้ภักดีต่อแผ่นดิน - พลเอก กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ นำมาจาก "จดหมายเปิดผนึก ถึงสนธิ.." เพราะเห็นด้วย..กับ 2 ท่าน .............. ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่งตื่นมาตกใจ..ในกระทู้ที่ตั้ง.. ตกใจในสำนวน..ทางเหนือ.. และมียศถาบรรดาศักดิ์ด้วย... นับว่าท่านเป็นผู้เปิดเผยตนเองมาก "รตอ. พรชัย แสง-ชูโต - " กระผมด้อยปัญญากว่าท่านมากมาย แต่คิดว่าเลือดรักชาติ แม้จะไม่ได้รับราชการ หรือไม่สามารถสืบสาวประวัติไปได้มากกว่ารุ่นคุณปู่ แต่ก็คงจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านมากนัก ถ้อยแถลงท่านทำให้ผมเข้าใจเหตุผลของอสมท.มากขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ยอมรับการปลดรายการนี้ออกจากสายตาพี่น้องคนอื่นๆ 60 ล้านคนได้ กระผมคิดว่ากระแสต่อต้านท่านอาสนธิกับพี่ใหญ่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ตรงกันข้ามกระแสหลักกลับเป็นกระแสชื่นชมรายการที่ท่านอานำเสนอมากกว่า แม้ว่าท่านอาอาจจะวิเคราะห์ไม่ถูกต้องไปหมดทุกเรื่อง ซึ่งผมก็พอจะสังเกตเห็น และก็แน่นอนว่าพี่ใหญ่ของเราก็เป็นบ่อยๆไม่ใช่หรือ? แต่มันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ยังคงมีความผิดพลาดอยู่บ้างเป็นธรรมดา ความแตกต่างกันระหว่างความไว้วางใจของสังคมที่มีต่อสองท่านนี้ ผมมองว่าน่าจะอยู่ที่เจตนาของท่านทั้งสองมากกว่าไหม? ท่านคิดว่าอาสนธิทำเรื่องแบบนี้เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่? ท่านเป็น Nomimnee ใคร? หรือว่าจะทำให้รายการมีเรทติ้งสูงขึ้นเพื่อขายสื่อโฆษณา? หรือท่านต้องการสร้างแบรนด์ให้กับตัวท่านเอง? ท่านคิดว่าเจตนาที่พี่ใหญ่ส่งผ่านการปฏิบัติต่อครอบครัวเราเป็นสิ่งที่ท่านยอมรับได้แล้วหรือ? -ทั้งเรื่องอาชีพหลักที่ร่ำรวยจากการกระตุ้นการบริโภคของเยาวชนหนุ่ม-สาว, -จุดเริ่มต้นทางการเมืองที่ไม่โปร่งใส , -การตระบัติสัตย์สานต่อกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ, ผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆที่จัดสรรให้กับคนสนิท, - การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อหวังผลทางการเมือง, การทำสงครามกับคอรัปชั่นที่ผลสัมฤทธิ์กลับผกผันกับความเป็นจริงในปัจจุบัน, - การครอบงำสื่อ และกระบวนการยุติธรรม, ความรุนแรงต่อพี่น้องในชาติ และการริดรอนสิทธิมนุษยชน, -การแปรรูปอบายมุขให้เป็นรายได้รัฐ, ความเด็ดขาด โมหจริตวาจาและบุคลิกภาพที่เป็นเกราะป้องกันตัวจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ฯลฯ ท่านคิดว่าพี่ใหญ่เราเจตนาดีจริงๆหรือ?? คิดอีกทีซิ.....ท่านคิดว่าบรรพบุรุษท่านที่แลกเลือดเนื้อให้กับแผ่นดินคิดเหมือนท่านหรือไม่?? ผลจากการกระทำที่กระจ่างแจ้งในตาพี่น้องชาวไทยในวันนี้มันบ่งบอกเจตนาได้แล้วหรือยัง? แล้วทำไมท่านจึงยังตั้งข้อสงสัยในเจตนาคุณอาสนธิทั้งที่ผลแห่งการกระทำท่านนั้นยังมิได้สร้างความเดือดร้อนใดแก่พี่น้องไทยเลย ตรงกันข้ามคุณูปการที่ท่านได้ทำไว้ให้สังคมไทยมีมากมายเหลือเกิน น่าสงสารพี่น้องชาวไทยจริงๆ ก็อย่างที่คุณอาว่าเรายังไม่มีทางเลือกที่สองเลย ภายใต้ระบอบนี้ สองคนที่มีความกล้า แต่คนหนึ่งแสดงความกล้าโดยมีกองทัพห้อมล้อมอยู่ กับอีกคนพร้อมพี่น้องมือเปล่าที่ยืนอยู่เบื้องหลัง ท่านน่าจะได้รู้ว่าพลังมวลชนที่เห็นความดีงามของท่านอาสนธิมีมากเท่าไร น่าจะรู้ดีกว่าผมซะด้วยซ้ำการจงรักษ์ภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ที่ท่านเคลือบแคลงในตัวคุณอาสนธินั้นท่านกรุณาตอบด้วยว่ามีมูลอย่างไรบ้าง? เพราะผมพยายามอ่าน และฟังครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่อาจตีความเป็นอื่นได้เลยนอกจากว่าท่านอากำลังกระตุ้นพี่ใหญ่และพรรคพวกให้เข้าไปปรึกษาคุณพ่อในเรื่องสำคัญๆของครอบครัว เพื่อเป็นการให้เกียรติท่านไม่ให้ข้ามหน้าข้ามตา และกระตุ้นพี่น้อง 60 ล้านคนให้ตระหนักว่าในครอบครัวเรานี้เราพึ่งพ่อเราได้ ...ไม่ต้องกลัว นั่นต่างหาก ส่วนเรื่องพระสังฆราชเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่ท่านอาให้ความสำคัญกับจารีตเดิมๆเท่านั้น ผมคิดว่าเป็นการธำรงค์ไว้ซึ่งสัญลักษณ์ต่างหาก การแก้ปัญหาทางการเงินมิแก้ด้วยการเปลี่ยนตัวสัฆราชใหม่ หรือท่านเห็นเป็นอย่างไร? ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแปรรูปสมบัติของครอบครัวเราไปอยู่ในมือคนกลุ่มน้อยนั้น ท่านคงรับทราบรายละเอียดจากเจตนาของคุณอาแล้วนะครับ ส่วน FTA หรืออะไรที่เป็นคนนอกครอบครัว จะทำอะไรได้ครับหากเราไม่สร้างกระแสบริโภคนิยมให้เกิดขึ้นดาษดื่นเยี่ยงในขณะนี้ ท่านไม่รู้สึกบ้างเลยหรือว่าท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง มันมีผู้แพ้ ผู้ชนะ หากรัฐไม่สามารถเป็นหลักประกันในปัจจัยพื้นฐานให้กับคนอ่อนแอได้ ครอบครัวเราจะเป็นอย่างไร คนในครอบครัวเราส่วนใหญ่อ่อนแอนะครับ คอร์รัปชั่น...คำที่คุ้นเคยที่พี่น้อง 60 ล้านต้องทำใจยอมรับ ไม่น่าตำหนิพี่ใหญ่ของเราหรอกหากเขาไม่ได้ประกาศตั้งแต่ก่อนเข้ามาบริหาร จนกระทั่งวันนี้ว่าคนรวย ไม่โกง หรือ การประกาศสงคราม หรือการจะจัดการโดยไม่มีใบเสร็จก็ตาม เพราะมันทำให้พวกเราตาดำๆคาดหวังว่าเค้าน่าจะจัดการกับพวกฉลาดๆที่ไม่ทิ้งหลักฐานไว้ให้สักที มีแต่ร่องรอยที่สาวไปได้แค่ลูกน้องที่คอยรับคำสั่งเท่านั้น กรณีคุณหญิงกับสมเด็จญานฯคงไม่อาจใช้วิธีนี้มาเปรียบเทียบได้ เพราะเรื่องทั้งสองต่างกรรมต่างวาระ แต่ผมมองว่า เป้าหมายคือการให้ความสำคัญกับพ่อทั้งนั้น แต่ทั้งนี้อาจมีวิธีที่ดีกว่าหากแต่พี่ใหญ่เราต้องจัดการให้ได้ตามคำเรียกร้องที่ท่านอาร้องขอ คงจะไม่เข้าข่าย Double Standard หรอกครับ สุดท้ายจดหมายจากลูกของพ่อ ทำให้ผมรักนายหลวงมากขึ้น ทำให้ผมเข้าใจท่านมากขึ้น ขอบคุณท่านอาครับ หวังว่าท่านคงไม่เอาความอะไรกับเด็กอย่างผมและคงให้ความกระจ่างกับผม และพี่น้องในที่นี้ได้นะครับ.... ด้วยความนับถือ...ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 48 03:20:08 จากคุณ : ราชสีห์ผู้ภักดีต่อแผ่นดิน - [ 16 ก.ย. 48 03:09:03 ] ........................ เรียน รตอ. พรชัย แสง-ชูโต ผมอ่านจดหมายเปิดผนึก ของพี่แล้ว และได้อ่าน คห.ที่๒๘ ทำให้ได้เห็นข้อมูลที่แตกต่าง มุมมองที่แตกต่าง และความคิดเห็นที่แตกต่าง ถ้าจะให้ผมเลือกว่าผมจะฟังใครดี ควรสนับสนุนฝ่ายใหน เพราะว่าเป็นเรื่องของความคิด ความจริงที่ได้ประจักษ์ และความเชื่อ ผมเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณ : ราชสีห์ผู้ภักดีต่อแผ่นดิน คห.ที่ ๒๘ นำเสนอมากกว่า ตามนี้ครับ ผมขอสนับสนุน คห.ที่ ๒๘ ครับ จึงเรียนมาเพื่อกรุณาทราบ พลเอก กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากคุณ : จงเจริญ - [ 16 ก.ย. 48 08:10:31 ] ....... อ่านเต็ม ๆ ได้ที่ //www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P3740968/P3740968.html จากคุณ : srisawat - [ 17 ก.ย. 48 06:43:12 ] ![]() โดย: Justin's mom (Baby I love you
![]() หนักจังเลยค่ะ แต่ก็พยายยามอ่าน อยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น
โดย: ป้ามด
![]() :
Sent : Sunday, March 18, 2007 8:47 PM Subject : Fw: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย | | | Inbox >ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย >เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา..... ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน >สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค >ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง >เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ >ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น >แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ >และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา >ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมา ที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ >คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน! >ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 >ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ > >สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล >ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน >และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ >ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง >เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย >จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน >คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน >เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ >เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน >เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า >เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ >เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs >และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ >วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย >รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ >เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว >ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว >เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร >ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ >คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้ >ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ >การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา >คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ >ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไป เป็นจำนวนมากแล้ว >เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ >เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ ในมือของ Big C, Lotus, >Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizza hat, McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ >ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ... > >เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ...รัฐจะอยู่ได้ฤา ? >4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย >เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553 >คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย >การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น >จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย > >ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน >จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา >เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว >เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ >เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก >นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia >ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ >เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? >ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น >ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ >ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ >บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน >รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง >อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ >ก่อนล่มจริง... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ >ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย >แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า >เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร >เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท >เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน >นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง >ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น >เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ >สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ >เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ >ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท >ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว >ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ >คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 >เปอร์เซ็นต์ >เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร >ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง >เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด >ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง >หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ >ได้ผล... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก >พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง >ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ >แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย >ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ ) ให้ลูกฟัง >ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ >ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ >มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน >ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ >เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี >ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว โดย: เมล์เสริม (srisawat
![]() |
srisawat
![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog Friends Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |