ธมฺมํ ปสฺสโต มโน สุขํ.
เมื่อมองเห็นธรรม ใจย่อมเป็นสุข ฯ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
ความกตัญญู

ถามว่าความกตัญญูคืออะไร? ใครคือคนแสดงความกตัญญู? จะแสดงกับอะไรบ้าง?แล้วความกตัญญูจะให้ผลอะไรบ้าง? เราขออธิบายเล็กน้อย คำว่ากตัญญูหมายถึงความกตัญญู คำนี้มีมาในมีมงคลสูตรว่ากตัญญุตาหมายถึงรู้บุญคุณที่ผู้อื่นทำไว้กับตนซึ่งมาคู่กับคำว่ากตเวที หมายถึงการตอบแทนคุณของผู้อื่นนั้น

กตัญญุตามีความกตัญญูประเภทของความกตัญญู ท่านจำแนกไว้อย่างนี้ คือบุคคลที่หาได้ยากในโลกนี้ มีอยู่ ๒ประเภทคือผู้ที่มีความกตัญญูรู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว และผู้ที่มีความกตเวที

ความกตัญญูจำแนก ๔ คือ

๑.กตัญญูต่อบุคคลผู้มีคุณความดีหรือมีอุปการคุณต่อตนเป็นการส่วนตัว

๒.กตัญญูต่อบุคคลผู้บำเพ็ญประโยชน์หรือมีความเกื้อกูลแก่ส่วนรวม

๓.กตัญญูต่อสิ่งของหรือต่อสรรพสัตว์

๔.กตัญญูต่อฐานะ

เมื่อจะกำหนดขอบเขตต่อบุคคลที่เราจะต้องแสดงความกตัญญูและตอบแทนนั้นสามารถจะกำหนดได้ดังนี้

*บุคคลผู้ให้กำเนิดชีวิตเราคอยเลี้ยงดูเรามา นั่นก็ คือ บิดามารดาข้อนี้หลายคนคงเคยได้ฟังพระท่านเทศให้ฟังกันได้มาบ้างแล้วทั้งสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าได้บรรยายไว้ในนวโกวาทว่า พ่อแม่มีพระคุณ ๕ ประการ คือ

๑.พ่อแม่มีอุปการคุณแก่บุตร ธิดาในฐานะที่ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด

๒.เลี้ยงดูจนเติบใหญ่

๓.ให้การศึกษา

๔.อบรมสั่งสอนให้ละเว้นจากความชั่ว มั่นคงในการทำความดี

๕.เมื่อถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้และมอบทรัพย์สมบัติให้ไว้เป็นมรดก

นี่แสดงว่าพ่อแม่มีบุญกับเราได้มากมายมหาศาลแน่นอน เรามองคนรอบตัวของเราเถิดคนเราตั้งแต่ยังเล็กยังนอนแบเบาะยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ พ่อแม่ต้องคอยช่วยเหลือ คอยป้อนน้ำคอยป้อนอาหารคอยให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมอบรมสั่งสอนให้เราช่วยเหลือตนเองนอกจากนั้นแล้ว ก็ได้ยังปลูกฝังกิริยามารยาทให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่เรากิริยาของพ่อแม่เป็นต้นแบบทางกายให้เราศึกษาก็นับว่ามีมากเหลือหลายเมื่อเราเติบโต ท่านก็ยังส่งให้เราไปเรียนรู้กับครูอาจารย์เพื่อให้เราเอาความรู้มาใช้ช่วยเหลือตนเองและสร้างครอบครัวเมื่อถึงวัยท่านก็หาภรรยาให้ วัยที่เรากล่าวหมายความว่ามีอายุสมควรจะมีคู่ครองในอินเดียท่านกำหนดไว้ ๔ วัยคือ วัยปฐมตั้งแต่เริ่มเกิดจนถึงอายุ ๒๕ เรียกว่าวัยเรียนรู้ตั้งแต่อายุ๒๕ ถึงอายุ๕๐ เรียกว่าวัยสร้างครอบครัว อายุ ๕๐ ถึง ๗๕ เรียกว่าวัยพักผ่อน(วัยเลี้ยงหลาน) อายุ ๗๕ ขึ้นไปเรียกว่าวัยแสวงหาความสงบ หรือเรียกว่าแสวงหาโมกขธรรมออกบวชตามลัทธิต่างๆก็ได้( แล้วเรามาพิจารณาในตอนนี้สิบางคนเพิ่งเรียนจบประถมยังไม่ทันจบมัธยมต้นก็มีสามีมีภรรยาแล้ววัยเรียนมันหายไปหลายปีเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ทำให้พวกเขาไม่มีความรู้จะสั่งสอนลูกเพราะวัยเรียนมันหายไปหลายปีนั่นเองหรือจะพูดว่าเขาไม่มีภาวะของผู้นำครอบครัว บางคู่อยู่กันไม่ครบปีก็แยกทางกันนั่นเพราะพวกเขายังไม่รู้วิธีสร้างครอบครัวให้อบอุ่นไม่รู้วิธีสอนลูกให้เป็นคนดี (ดีแต่ให้เงิน เราขอบอกว่าเงินมันอบรมใครให้เป็นคนดีไม่ได้หรอกเงินมีแต่ทำให้ลูกเสียคนคำว่าเสียคนหมายความว่า เขาไม่รู้ค่าเงินว่ากว่าพ่อแม่จะได้เงินมาให้เราใช้สอยท่านต้องทำงานมามาก ต้องเหน็ดเหนื่อยมาเท่าใดเราใช้เงินไปทุกบาท ทุกสตางค์คือหยาดเหงื่อของพ่อแม่ ) ไม่รู้วิธีการอยู่ร่วมกันระหว่างสามีกับภรรยานั่นเพราะเขามีเวลาศึกษาธรรมกับมารดาบิดาน้อยมาก

*บุคคลผู้แนะนำสิ่งที่ดีให้กับเราสั่งสอนความรู้ให้กับเรานั่นก็คือ ครู อาจารย์

พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าครูบาอาจารย์เปรียบเป็นพ่อแม่คนที่สองที่เราจะต้องให้ความเคารพให้ความนับถือเพราะเหตุอะไร?ครูอาจารย์ถึงเป็นพ่อแม่คนที่สองเพราะครูอาจารย์ให้ความรัก ให้ความรู้ให้คำแนะนำที่ดี เหตุท่านมีคุณธรรมประจำตัว๕ประการคือ

๑.แนะนำให้สิ่งที่ดีๆ

๒.ให้เรียนในสิ่งที่ดีๆ

๓.บอกศิลปะให้ทั้งหมดไม่ปิดบัง

๔.ยกย่องให้ปรากฏในหมู่เพื่อนฝูง

๕.ทำความป้องภัยกันในทิศทั้งหลาย

ครูอาจารย์มีอุปการคุณแก่เรามากอย่างนี้ท่านเป็นบุคคลที่เราควรให้ความกตัญญูในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประสาทความรู้ให้ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบังยกย่องให้ปรากฏแก่คนอื่นและช่วยคุ้มครองพวกเราทั้งหลายเราเมื่อรู้คุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียนให้เกียรติและให้ความเคารพ ไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครูไม่ดูหมิ่นท่าน ( แต่ว่าพ่อแม่ในตอนนี้ไม่เหมือนอดีตในอดีต ครูอาจารย์ตีลูกศิษย์ไม่มีความผิดเพราะท่านตีด้วยความความรักอยากให้ลูกศิษย์ของท่านได้ดีจึงเคี่ยวเข็ญด้วยความดุ เมื่อตอนเรายังเล็กถ้าวันไหนถูกครูตีเพราะความซนเราไม่กล้าให้พ่อรู้ เพราะถ้าพ่อรู้ พ่อจะตีซ้ำส่วนแม่ ถ้าเรามีแผลเพราะไม้เรียวจะช่วยทายาให้แต่ไม่ดุด่าว่ากล่าวตอนเล็กนั้นเราซนมากจริงๆ แล้วดูตอนนี้ครูตีลูกศิษย์ไม่ได้ถ้าเผลอไปตีลูกศิษย์เข้า จะต้องถูกฟ้อง ถูกเดินขบวนขับไล่ เพราะเหตุนั้นเด็กๆในตอนนี้จึงไม่ตั้งใจเรียนไม่มีความเกรงใจครูอาจารย์ เพราะพ่อแม่ให้ท้ายเราเคยไปสอนหนังสือชั้นป.๖ ยังอ่านไม่รู้เรื่องเปรียบกับนักเรียนสมัยก่อนยังอ่อนว่าชั้นป.๓ในอดีตอีก ดีนะที่เราจบมาก่อนไม่อย่างนั้น เราก็คงโง่กว่านี้แน่ๆจิ ห้าๆๆ )

*พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อสรรพสัตว์เป็นบัณฑิตที่ประเสริฐสุดในโลก ทรงไว้ซึ่งพระเมตตา๓ ประการ คือด้วย

๑.พระปัญญาคุณพระองค์มีพระปัญญารอบรู้ทุกสิ่งในโลก

๒.พระบริสุทธิคุณพระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

๓.พระมหากรุณาธิคุณพระองค์มีพระกรุณาต่อหมู่สัตว์ไม่เลือกว่าเป็นผู้ใดมีพระสงค์ให้พ้นทุกข์เท่ากัน

เพราะเหตุนั้นพระพุทธเจ้าจัดเป็นบุคคลที่ควรบูชาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

*พระธรรมคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตรัสสอนสัตว์โลกหรือพุทธบริษัท(ที่เราไม่ใช้คำว่าอุบาสกอุปาสิกาหรือมนุษย์ ก็เพราะพระองค์เทศให้เทวดาชั้นพรหมยักษ์ นาค ครุฑ สัตว์และยังมีอีกมากมายได้ฟัง )

*บุคคลผู้ทำให้เราพบพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งอย่างสูงสุดและทำให้ชีวิตของเราพบกับความสงบสุขนั่นก็คือ พระสงฆ์

คำว่าพระสงฆ์หมายถึงบุรุษมีอายุครบ๒๐ ปีบริบูรณ์ ย่อนได้ไม่เกินสามเดือน เกิน ๒๐ ปีได้ได้บวชในพระศาสนาเรียกว่าพระภิกษุ มีจำนวน ๔ รูปขึ้นไปพระภิกษุมีหน้าที่เรียนพระธรรมคำสั่งสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพุทธบริษัทแล้วเอาคำเหล่านั้นมาสอนกับอุบาสกอุปาสิกาที่เรียกว่าการเทศหรือสนทนาธรรมเป็นต้นนอกจากนั้นยังทำพิธีกรรมต่างๆตามที่อุบาสกอุปาสิกานิมนต์เรียกว่าทำบุญเช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญงานแต่ง ทำพิธีศพต่างๆพระภิกษุนั้นนอกจากสั่งสอนอุบาสกอุปาสกาแล้ว ยังมีหลายหน้าที่ เรื่องเหล่านี้เราจะบรรยายในข้างหน้า

*กตัญญูฐานะบิดามารดา

คำว่าบิดามารดาหลายคนคงเข้าใจว่าเราหมายถึงใครพ่อแม่ปรกติมีความรักมีความปรานีต่อลูกอยู่แล้วแต่ที่เรายกมากล่าวในที่นี่ซ้ำอีกเพื่อให้คนที่เป็นพ่อแม่ตระหนักในหน้าที่ของตนให้มากยิ่งขึ้นหน้าที่นั้น คือ

๑.ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว

๒.ให้ตั้งอยู่ในความดี

๓.ให้ศึกษาศิลปวิทยา

๔.หาภรรยาที่สมควรให้

๕.มอบทรัพย์ในสมัย

ทั้ง๕ ประการนี้เป็นหน้าที่ของบิดามารดาที่จะต้องทำให้ลูกๆถ้ามองถึงตอนนี้เราพอออกว่า หน้าที่ของพ่อแม่หายไปหลายอย่างเช่นห้ามไม่ทำความชั่วให้ตั้งอยู่ในความดี หาคู่ครองให้ ตอนนี้มีมากมายที่เด็กอายุไม่มากออกไปแข่งรถกันทำความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านทั้งติดยาเสพย์ติดก็มีไม่น้อยเลยเมื่อหลายเดือนก่อนก็มีข่าวว่าลูกชายสังหารบิดามารดาและน้องถึง ๔ ศพ เหตุเพราะบิดามารดาไม่ยอมซื้อรถให้ข่าวนี้ทำให้เรารู้ว่าในปัจจุบันพ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยเงินจริงๆ เขาไม่มีการสั่งสอนลูกๆให้เป็นคนดีของครอบครัวไม่มีการสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดีของสังคมเราได้บรรยายแล้วว่าเงินสั่งสอนคนให้เป็นคนดีไม่ได้เงินมีแต่จะทำคนให้เป็นคนชั่วนั่นเพราะคนเรายืดติดกับวัตถุภายนอกไม่ยืดติดกับวัตถุภายใน วัตถุภายใน ในฐานะนี้เราหมายถึงจิตใจนั่นเอง คนเราถ้าไม่ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ปล่อยให้ไปยืดติดกับวัตถุภายนอกจิตใจก็หลงใหลกับความโก้หรู ความสะดวกสบาย ความฟุ้งเฟ้อพระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าพุทธบริษัทต้องพิจารณาเนื่องๆว่า

เราพิจารณาโดยแยบคายว่าเราใช้จีวรเพื่อประโยชน์บรรเทาความหนาวเพื่อปกปิดความอายเพื่อป้องการสัตว์ร้ายมียุงเป็นต้น ไม่ใช่เพื่อความประดับร่างกายเพื่อความสวยงาม (ในที่นี้ เราหมายถึงเสื้อผ้า )

เราพิจารณาโดยแยบคายว่าเราฉันปิณฑบาตรเพื่อประโยชน์บรรเทาหิวเพื่อบำบัดโรคภัยไข้เจ็บเพื่อให้ร่างกายดำเนินไปได้ไม่ใช่เพื่อบำรุงให้ร่างกายความสวยงาม ไม่ใช่เพื่อเล่นไม่ใช่เพื่อสนุก ( ในที่นี้เราหมายถึงอาหาร )

เราพิจารณาโดยแยบคายว่าเราใช้เสนาสนะเพื่อประโยชน์บรรเทาความหนาวเพื่อบำบัดความร้อนจากแสงแดดเพื่อความแปรเปลี่ยนของฤดูเพื่อป้องการสัตว์ร้ายมีงูเป็นต้นไม่ใช่ความประดับเพื่อความสวยงาม ไม่ใช่แสดงฐานะ (ในที่นี้เราหมายถึงบ้านที่อยู่อาศัย)

เราพิจารณาโดยแยบคายว่าเราใช้สอยเภสัชชะเพื่อประโยชน์บรรเทาความไข้เจ็บเพื่อให้ร่างกายดำเนินไปได้ไม่ใช่เพื่อบำรุงให้ร่างกายความสวยงามไม่ใช่เพื่อความแสดงฐานะไม่ใช่เพื่อให้รับคำชม ( ในที่นี้ เราหมายถึงยารักษาโรค )เท่าที่เราบรรยายมานี้พอจะบอกได้ว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้พุทธบริษัทประหยัดเหมือนพระดำรัจของพระเจ้าอยู่หัวที่ตรัสว่าขอให้ประชาชนอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง

อีกนัยหนึ่งธรรมของมารดายังมีอีกอย่างหนึ่ง เรียกพรหมวิหารธรรมวิหารธรรมมี ๔ ประการคือ

๑.เมตตาความรักใคร่ ปรารถนาจะให้เป็นสุข

๒.กรุณาความสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์

๓.มุทิตาความพลอยยินดีเมื่ออื่นได้ดี

๔.อุเบกขาไม่ดีใจไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติ

ธรรมทั้ง๔ ประการนี้มีประจำใจมารดาทุกคน ที่เรียกธรรมวิหารเพราะมีสี่หน้าเหมือนพรหม คือ

หน้าหนึ่งเมตตามีความความรักใคร่ปรารถนาให้บุตรมีความสุข

หน้าหนึ่งกรุณามีความสงสารคิดให้บุตรพ้นทุกข์

หน้าหนึ่งมุทิตามีความพลอยยินดีที่บุตรได้ดี

หน้าหนึ่งอุเบกขามีความไม่ดีใจไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติ( คำว่าผู้อื่นในที่นี้เราหมายบุตร) ธรรมทั้ง ๔ ประการนี้มีอยู่ในมารดาทุกคนก็จริง แต่ทว่ามารดาทุกคนต้องใช้ปัญญาในการใช้ด้วยมิเช่นนั้นก็จะเป็นใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ เช่น

ข้อหนึ่งที่ว่ามีเมตตามีความรักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุขคำว่าปรารถนาให้เป็นสุขนี้ ถ้าหากว่าปล่อยให้ลูกไม่ต้องทำงานคอยช่วยเหลือคอยแต่เล่นเกมส์ เล่นแช็ตจนดึก จนดื่นนอนตื่นสาย ถ้าไม่ได้เวลากินข้าวก็ไม่ลุกอายุสิบขวบยังหุงข้าวไม่เป็นเสื้อผ้าก็ซักไม่เป็น เพราะพ่อแม่ตามใจตั้งแต่เล็กไม่อยากให้ลูกลำบากอย่างนี้ชื่อว่าปฏิบัติผิดวัตถุประสงค์ที่พระพุทธทรงตรัสสั่งสอน(เราได้อ่านข่าวว่าเด็กผูกคอตายเพราะพ่อแม่ดุด่านั่นเพราะพ่อแม่ไม่เคยดุด่ามาตั้งแต่เล็กพอมาถูกดุด่าเข้าหน่อยก็เลยน้อยใจจนผูกคอตายเราอ่านข่าวนี้แล้วก็พอเข้าใจว่าพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เล็กพอมาถูกขัดใจไม่ได้ดังใจ ก็เลยทำเช่นนั้น ท่านผู้อ่านต้องเข้าใจว่าถ้าจะดัดไม้ไผ่จะต้องดัดตั้งแต่ยังเล็กๆ ถ้ามาดัดตอนโตไม้นั้นก็จะแตกหักเสียหายได้)

ข้อสองที่ว่ากรุณามีความสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์คำว่ามีความสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ มีสองนัยยะนัยยะแรก คือ บุตรเกิดมาพิการเลยคิดสงสารจะให้เขาพ้นทุกข์ด้วยการสังหารเขาเสียเราอ่านข่าวพ่อที่เป็นครูสังหารบุตรที่พิการทางสมองแล้วสังหารตนเองตามการทำให้เขาพ้นทุกข์เช่นนั้นไม่ถูกต้องผิดทางทั้งกฎหมายผิดทั้งทางธรรมนัยยะที่สองสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ที่เขากำลังได้รับอยู่เช่นไม่ให้เขาทำงานช่วยตนเองเพราะกลัวเขาจะลำบากหรือเขาครูทำโทษให้ยืนหน้าเสาธงบ้างทำโทษด้วยการตีบ้าง ก็คิดจะช่วยโดยการอ้อนวอนครูไม่ให้ทำโทษลูกของตนหรือร้องเรียนไปที่ผู้บังคับบัญชาของครูผู้นั้นไม่ให้ทำโทษบุตรของตนอย่างร้ายแรงก็คือเดินขบวนขับไล่ครูผู้นั้น(เคยมีข่าวด้วย)โดยมิได้สอบถามความจริงให้กระจ่างหรือไม่ก็เพราะความรักลูกมากเกินไปถ้ามารดามีความสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ด้วยวิธีอย่างนี้ชื่อว่าปฏิบัติผิดวัตถุประสงค์ที่พระพุทธทรงตรัสสั่งสอนแถมยังส่งเสริมให้บุตรเป็นคนไม่ดีในสังคมก็ได้( มารดาบิดาบางครอบครัวพอลูกชายได้อายุครบบวชก็พากันไปฝากวัดเพื่อจัดพิธีบวชทั้งๆที่รู้ว่าลูกของตนติดยาเสพย์ติดพอเจ้าอาวาสถามก็รับรองว่าไม่ติดยาบางวัดต้องมีใบรับรองแพทย์มายื่นว่าไม่ติดยาจริงๆ พ่อแม่ก็ไปซื้อใบรับรองแพทย์มายื่นให้เจ้าอาวาสแทนการทำเช่นนี้ผิดอย่างร้ายแรงจริงๆผิดอย่างไร ? ผิดอย่างนี้คือพ่อแม่ทุกคนต้องเข้าใจว่า ผู้บวชในพระศาสนาจะมีโอกาสสร้างสมบุญมากเพราะได้ศึกษาพระธรรมและต่ออายุพระศาสนา คือ ปฏิบัติในศีล สมาธิปัญญาถ้าพ่อแม่ครอบครัวใดได้บวชลูกชายไว้ในพระศาสนาจะกี่คนก็แล้วแต่พ่อแม่ครอบครัวนั้นนับได้ว่าเป็นญาติของพระศาสนาแล้วถ้าพระลูกชายประพฤติดีปฏิบัติชอบก็ย่อมชูเชิดเกียรติ์ ชูเชิดวงศ์สกุลของพ่อแม่หลายคนคงเคยได้อ่านจับพระขายยาบ้าหรือจับเพราะเสพย์ยาบ้า เราอยากทราบว่าผู้เป็นพ่อแม่ไม่รู้เลยหรือว่าบุตรของตนเกี่ยวข้องกับยาจำพวกนี้เรามั่นใจว่าพ่อแม่ต้องรู้เพราะพระที่ถูกจับยังมีพรรษาไม่มากหมายความว่าเพิ่งบวชมาไม่นานเมื่อพ่อแม่พาบุตรที่เกี่ยวยาเสพย์ติดมาบวชในพระศาสนาก็ผิดเพราะในเวลาก่อนจะบวชพระคู่สวด จะสวดถามว่าเขาเป็นนักโทษหรือไม่ เขาตอบว่าไม่เป็นแต่ทว่า คนที่เสพยาเสพย์ติดหรือขายยาเสพย์ติดจะต้องเป็นนักโทษของทางการอยู่แล้วเป็นตั้งแต่เริ่มเสพหรือเริ่มขายทีเดียวเรื่องนี้มันเป็นโดยอัตโนมัติ ดังนั้นเมื่อเขาเป็นนักโทษของทางการเขาจึงไม่มีสิทธิ์บวชเป็นพระในพระศาสนา หมายความว่าถึงบวชได้ แต่ก็ไม่เป็นพระคือสวดสมมุติไม่ขึ้น เรื่องราวเหล่านี้ถ้าใครศึกษาหลักพระวินัย จะทราบดีเมื่อบวชเป็นพระในพระศาสนาไม่ได้ผลที่ตามมามากมายมหาศาลเลย เช่นพ่อแม่กราบลูกเพราะนึกว่าบวชเป็นพระปู่ย่าตายายกราบหลานเพราะนึกว่าบวชเป็นพระเหมือนกันอุบาสกอุปาสิกาถวายของด้วยศรัทธาเพราะนึกว่าเป็นพระตัวเขา ( ที่เป็นพระปลอม )จะใช้ของสงฆ์เพราะสำคัญว่าเป็นของตนได้กินอาหารในท่ามกลางสงฆ์ของสงฆ์หมายความว่ากินพร้อมสงฆ์ทำให้สงฆ์ต้องอาบัติปาจีตตีย์เพราะฉันอาหารร่วมกับคฤหัสถ์เวลาเข้าร่วมสงฆ์เพื่อทำกิจของสงฆ์กิจนั้นก็ไม่สำเร็จเข้าพิธีอุปสมบทให้กุลบุตรผู้มีศรัทธาจะบวชในพระศาสนากุลบุตรนั้นก็บวชไม่ขึ้นหมายความว่าบวชไม่เป็นพระเพราะมีคฤหัสถ์อยู่ในหัตถบาตและยังมีอีกมากมายเราเคยบรรยายมาแล้วว่าลูกๆแบ่งเลือดเนื้อมาจากพ่อแม่ครึ่งหนึ่งอีกครึ่งหนึ่งมาจากกรรมชนกดวงจิตแค่มาอาศัยอยู่เท่านั้น ดังนั้นถ้าลูกเอาร่างกายไปทำกรรมดีหรือไม่ดีก็ตามพ่อแม่จะได้รับผลครึ่งหนึ่งแน่นอนพ่อแม่อยากทำบุญด้วยการบวชลูกชายแต่เพราะโกหกพระด้วยข้อร้ายแรงบุญของพวกเขาก็กลายเป็นบาปทันที่ เพราะเป็นมุสาวาทแล้วยังมีชื่อว่าผู้ทำลายพระศาสนาด้วย)

ข้อสามที่ว่ามุทิตามีความพลอยยินดีเมื่อลูกได้ดีคำว่าได้ดีหมายความว่าถ้าหากลูกได้ดีมาเพราะช่อโกง ทุจริตคอรับชั่น จี้ปล้นลักขโมยหรือค้ายาเสพย์ติดมาจนได้ฐานะดีเช่นนี้เรียกว่าผิดทั้งทางกฎหมายผิดทั้งทางธรรมพระพุทธเจ้าตรัสมิจฉาวณิชชา คือการค้าขายที่ผิด หรือไม่ชอบธรรม หมายถึงบุคคลผู้นับถือศาสนาพุทธไม่ควรค้าขายสิ่งเหล่านี้ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ต่อสัตว์และต่อสภาพแวดล้อมคือ

๑.สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมีระเบิด นิวเคลียร์อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น อาวุธเหล่านี้หากมีเจตนาเพื่อทำร้ายกันจะก่อให้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกันโลกจะไม่เกิดสันติสุข

๒.สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็กการค้าทาสตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรีอย่างทารุณ

๓.มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็นสำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่1คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

๔.มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมาตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด

๕.วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์

การทำมาค้าขายทั้งห้าชนิดนี้ทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นการทำมาหากินที่ไม่ชอบธรรมเพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์และสิ่งมีชีวิตตลอดถึงเป็นอันตรายต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในสังคมถ้าหากว่ามารดายินดีกับบุตรแบบนี้ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอน

ข้อสี่ที่ว่าอุเบกขามีความไม่ดีใจไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติคำว่าไม่ดีใจไม่เสียใจมีคำอธิบายว่า ถ้าหากว่าผู้อื่น ( ลูก)มีความสุขมีความเจริญก้าวหน้าเพราะความขยันหมั่นเพียรตามธรรมมีการประกอบอาชีพสุจริต คือเว้นจากการขายสัตถวณิชชาเว้นจากขายสัตถวณิชชา เว้นจากการขายมังสวณิชชาเว้นจากการขายมัชชวณิชชาเว้นจากการขายวิสวณิชชา ที่เหลือถือว่าเป็นอาชีพสุจริต ( แต่สำหรับเราเราคิดว่าอาชีพรับราชการและอาชีพส.ส.หน้ากลัวกว่าเพราะอาชีพทั้งสองสามารถทำให้ประชาชนทั่วประเทศเดือดร้อนได้ทุกท่านคิดเหมือนเราหรือไม่ อย่างเช่น ( เอ่อ พอดีกว่าเดี๋ยวเขาจะเอาระเบิดมาฝากงุงิ)มารดาบิดาสมควรดีใจแต่ถ้าลูกทำผิดตามทำนองคลองธรรมเช่นขายยาเสพย์ติดแล้วถูกจับติดคุกบิดามารดาอย่าไปเสียใจเลยเป็นเพราะเขาทำอาชีพที่ไม่สุจริตหรือจะคิดว่าเขาเป็นไปตามกรรม เขาทำกรรมชื่ออย่างนี้เลยได้รับผลเช่นนี้เถิด

*ฐานะบุตรธิดา

คำว่าบุตรธิดาหลายคนคงเข้าใจว่าเราหมายถึงใครทั้งลูกชายลูกสาวปกติมีความรักให้แก่พ่อแม่อยู่แล้วลูกที่ดี เมื่อได้รับอุปการคุณจากพ่อแม่ก็ต้องตอบแทนคุณของท่านด้วยธรรม ๕ ประการนี้คือ

๑.ท่านเลี้ยงเรามาแล้วเราต้องเลี้ยงตอบแทน

ช่วยทำงานให้ท่าน

๓.ดำรงวงศ์สกุล

๔.ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก

๕.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศไปให้

ธรรม๕ ประการนี้ เป็นธรรมที่บุตรธิดาต้องทำแก่บิดามารดาเราเคยบรรยายไว้ข้างต้นแล้วว่าบิดามารดามีพระคุณกับเราอย่างมากมายมหาศาลคนเราทุกคนคือตัวแทนของพ่อแม่ตนทั้งนั้น เลือดก็แบ่งมาจากท่านเนื้อก็แบ่งมาจากท่านตลอดจนนิสัยใจคอก็ได้รับการอบรมถ่ายทอดมาจากท่านความประพฤติของตัวเรานี่แหละจะเป็นเครื่องประกาศคุณพ่อแม่อย่างชัดแจ้งที่สุดไม่ใช่อยู่ที่หนังสือแจกในงานศพไม่ใช่อยู่ที่การจัดงานศพ แต่อยู่ที่ตัวเรานี่เองหากพิมพ์ข้อความไว้ในหนังสือแจกว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนตั้งอยู่ในศีลในธรรมแต่ตัวเราเองประพฤติสำมะเลเทเมาขโมยทุกครั้งที่มีโอกาสศีลข้อเดียวก็ไม่จะสนใจรักษาก็ผิดที่ไปสดุดีคุณพ่อแม่ว่าเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อยมีศีลมีธรรมแต่ตัวเราผู้เป็นลูกกลับประพฤติตัวเป็นนักเลงอันธพาลอย่างนี้คุณค่าของการสรรเสริญพ่อแม่ก็ลดน้ำหนักลงกลายเป็นว่ามอบหน้าที่ในการกตเวทีประกาศคุณพ่อแม่ให้โฆษกทำแทนแล้วตัวเรากลับประจานพ่อแม่ของตัวเองโดยความประพฤติอย่างน้อยที่สุดก็ประจานแก่ชาวบ้านว่า พ่อแม่ของเราเลี้ยงลูกได้ไม่ดี ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเช่นเป็นชอบประลองรถ เป็นคนเสพยาเสพย์ติด เป็นโจรจี้ปล้น เป็นขโมยเป็นนักเลงสุราการกระทำเหล่านี้แสดงว่าเราเป็นลูกไม่ดีต้องทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจเพราะการกระทำของเราพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าบุตรในโลกนี้มี ๓ จำพวก คือ

๑.อภิชาตบุตร คือบุตรที่ดีมีคุณธรรมสูงกว่าบิดามารดาเป็นบุตรชั้นสูงสร้างความเจริญแก่วงศ์ตระกูล

๒.อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมเสมอบิดามารดาเป็นบุตรชั้นกลาง พอรักษาวงศ์ตระกูลไว้ได้

๓.อวชาตบุตร คือบุตรที่เลว มีคุณธรรมต่ำกว่าพ่อแม่เป็นบุตรชั้นต่ำ นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล

ในบุตร๓ จำพวกนี้ พระองค์ตรัสสรรเสริญอภิชาตบุตรและอนุชาตบุตรเท่านั้น แต่ตำหนิอวชาตบุตร เพราะบุตรชนิดนี้เกิดมามีแต่ให้มีแต่ทำให้วงศ์ตระกูลตกต่ำต้องทำให้บิดามารดาเสียใจเมื่อครู่เราบรรยายมาแล้วว่าร่างกายของเราแบ่งภาคมาจากบิดามารดาครึ่งหนึ่งอีกครึ่งหนึ่งอาศัยชนกกรรมเรามีแค่ดวงจิตเท่านั้นหรือจะเรียกว่าบิดามารดาสร้างร่างกายให้ดวงจิตของเราได้อาศัยก็ได้เมื่อเป็นเช่นนั้นถ้าดวงจิตของเราเอาร่างกายที่บิดามารดาให้มาไปทำกรรมอกุศลบิดามารดาจะได้รับผลของกรรมครึ่งหนึ่งหรือว่าเราเอาร่างกายไปทำบุญ ทำกุศลบิดามารดาก็จะได้รีบผลกรรมดีนั้นได้ครึ่งหนึ่งแน่นอน

ลักษณะของอภิชาตบุตรและอนุชาตบุตรเราสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายๆ๒ ประการคือ

๑.เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่านเลี้ยงดูท่านตอบเมื่อยามท่านชราดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย เรียกว่ากตัญญูทางกายส่วนทางใจก็คือไม่ทำให้ท่านเสียใจด้วยความประพฤติที่ต่ำทรามของเรา

๒.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วก็จัดพิธีศพให้ท่านและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าแม้ว่าเราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้วยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเราบุตรที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่าน ต้องทำให้ได้ทั้งหมดดังนี้

*ฐานะลูกศิษย์

คำว่าลูกศิษย์หมายถึงคนที่ได้รับคำแนะนำ คำสั่งสอนได้รับความรู้จากผู้อื่น ศิษย์เมื่อรู้อุปการคุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียนให้เกียรติและให้ความเคารพไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครูไม่ดูหมิ่นท่าน ในมงคลสูตร ๓๘ ข้อในข้อ๗ ท่านสรรเสริญว่า

คุณสมบัติของพหูสูตหรือนักศึกษาที่ดีคือ

๑.พหุสสุตา อ่านมาก ฟังมาก คือมีนิสัยชอบฟัง ชอบอ่านชอบค้นคว้า ยึดหลัก"เรียนจากครู ดูจากตำรับ สดับปาฐะ"

๒.ธตา จำแม่น คือมีความจำดี รู้จักจับสาระสำคัญ จับหลักให้ได้แล้วจำได้แม่นยำคนที่ความจำไม่ดี เพราะภพในอดีตชอบพูดปด ดื่มสุรามากฯลฯดังนั้นถ้าในชาตินี้เลิกดื่มสุราเลิกพูดปดและพยายามท่องบ่อยๆหมั่นจดหมั่นเขียนบ่อยๆ ไม่ช้าก็จะเป็นผู้มีความจำดี

๓.วจสา ปริจิตา คล่องปากคือต้องฝึกท่องให้คล่องปากท่องจนขึ้นใจจำได้คล่องแคล่วจัดเจน ไม่ต้องพลิกตำราโดยเฉพาะพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นความจริงแท้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงควรท่องไว้ให้ขึ้นใจทุกข้อกระทงความให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ส่วนวิชาการทางโลกยังมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆเพราะยังไม่มีใครรู้จริงจึงควรท่องเฉพาะที่สำคัญและหมั่นคิดหาเหตุผลด้วย

๔.มนสานุเปกขิตา ขึ้นใจ คือใส่ใจนึกคิดตรึกตรองสาวเหตุสาวผลให้เข้าใจตลอดพิจารณาให้เจนจบ นึกถึงครั้งใดก็เข้าใจปรุโปร่งหมด

๕.ทิฏฐิยา สุปฏิวิทธา แทงตลอดด้วยปัญญา คือเข้าใจแจ่มแจ้งทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติความรู้กับใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันคุณสมบัติข้อนี้จะเกิดเต็มที่ได้ต้องฝึกสมาธิอย่างจริงจัง จนเกิดปัญญาสว่างไสวรู้เห็นสิ่งต่างๆ ไปตามความเป็นจริง

*ฐานะอุบาสกอุปาสิกา

คำว่าอุบาสกอุปาสิกาหมายถึงบุรุษและสตรีผู้ประพฤติธรรมเหมือนกันคำว่าธรรมหมายถึงพระธรรมที่องค์สมเด็จพระศาสดาตรัสสั่งสอนสัตว์โลกซึ่งมีมากถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์แยกเป็นพระวินัย พระสูตรและพระอภิธรรมพระพุทธเจ้าทรงใช้พระปัญญาพิจารณาเห็นเหตุและผลก่อนจะให้เอาพระธรรมนั้นมาสั่งสัตว์โลก สัตว์โลกปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้นแล้วหลุดพ้นจากวัฏจักรก็มากมายนับไม่ถ้วนอุสกอุปาสิกาเหล่านั้นก็กำลังประพฤติตามท่านเหล่าเหมือนกันข้อประพฤติข้อปฏิบัติของอุบาสกอุปาสิกาคือ รักษากาย วาจา ใจให้สงบเรียบร้อยในชีวิตประจำวัน เว้นจากการเบียดเบียนกัน มีความกรุณาปราณีต่อสัตว์ทุกประเภทเอื้อต่อธรรมวินัย สนับสนุนบุญ

คนเราเกิดมามีอายุยืนยาวร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้ามีทรัพย์สมบัติมากก็เนื่องมาจากผลของบุญ จะไปสวรรค์ กระทั่งไปนิพพานได้ก็ด้วยผลบุญกล่าวได้ว่าทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยผลบุญ ทั้งบุญเก่าที่ได้สั่งสมมาดีแล้วในอดีตชาติและบุญใหม่ที่เพียรสร้างขึ้นในปัจจุบันชาติประกอบกันจึงมีความรู้คุณของบุญมีความอ่อนน้อม ในตัว ไม่ดูถูกบุญตามระลึกถึงบุญเก่าให้จิตใจชุ่มชื่นและไม่ประมาทในการสร้างบุญใหม่ให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเราเคยบรรยายเรื่องชนกกรรมคือกรรมที่พาให้ดวงจิตของเรามาเกิดปัจจุบันชาตินี้ว่าคนเราจะมาเกิดในภพนี้ได้ต้องอาศัยบุญบารมีที่ได้สั่งสมมามากมาย เมื่อเกิดมาแล้วไม่ควรประมาทในชีวิตอย่าปล่อยให้เวลาผ่านโดยเปล่าประโยชน์ให้เร่งรีบทำบุญทำกุศลเสียตั้งแต่วันนี้โดยทางศีล สมาธิ ปัญญาคือตระหนักถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลของการรักษาศีลการทำสมาธิแล้วแสดงออกซึ่งความเคารพโดยตั้งใจฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะสมาธิเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างความดีทั้งหลายเป็นการฝึกฝนตนเองอย่างยิ่งยวดทำให้รู้และเข้าใจธรรมอย่างแท้จริงด้วยปัญญาดังจะเห็นได้จากในไตรสิกขาซึ่งถือเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศีล สมาธิปัญญาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า “ศีลจะเป็นพื้นฐานทำให้เกิดสมาธิได้ง่ายแล้วสมาธิจะทำให้เกิดปัญญาซึ่งเป็นเครื่องพาเราให้บรรลุนิพพานจะเห็นว่าเรารักษาศีลก็เพื่อไม่ให้ไปทำความชั่ว ทำให้ใจไม่เศร้าหมองแล้วก็เป็นสมาธิได้ง่ายและปัญญาก็เกิดจากสมาธิสมาธิจึงเป็นหัวใจหลักในการทำความดีทุกชนิดอย่างที่ทุกท่านกำลังนั่งฟังเรื่องนี้ก็ต้องอาศัยสมาธิ( เพราะถ้าไม่มีสมาธิจิตใจของเราไม่อยู่กับการฟังมัวไปส่งใจไปอยู่ในการฟังเรื่องที่กำลังคุยกันเราก็จะไม่มีปัญญาในการพิจารณาในเรื่องที่เรากำลังฟังอยู่เราบรรยายมาแล้วว่าผู้เป็นอุบาสกอุปาสิกาซึ่งมั่นในพระรัตนตรัยจะไม่เบียดเบียนผู้อื่นถึงตอนนี้ท่านคงสงสัยว่าทำไมถึงเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น เพราะว่าในขณะเราคุยกันอยู่กับคู่สนทนาเสียงของเราจะรบกวนคนที่นั่งข้างๆซึ่งเป็นการรบกวนการฟังของเขาในชนกกรรมบรรยายว่าผู้ใดสนทนาแทรกการแสดงธรรมกรรมนั้นจะส่งผลในคนผู้นั้นเป็นผู้ใบ้ในอนาคตชาติถ้าผู้ใดยกมือทำวิกาลแทรกการแสดงธรรมผู้นั้นจะเกิดเป็นคนพิการจะไม่มีมือจะหยิบสิ่งของ ถ้าผู้ใดเดินไปมาในขณะแสดงธรรม ผู้นั้นจะเกิดมาเป็นไม่มีขาในอนาคตชาติถ้าเขาไม่ให้เคารพธรรม เขาจะเกิดเป็นคนปัญญาทึบในอนาคตชาติ ถามว่าถ้าเรามีธุระที่เราจะต้องทำในตอนนั้นเราสำควรทำอย่างไร? ตอบว่า เราต้องยกมือไหว้ต่อพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์เพื่อขออโหสิกรรมเสร็จแล้วจึงเดินออกไปทำสิ่งนั้น แต่ว่าอย่าทำเสียงรบกวนผู้อื่น เราบรรยายว่า กรรมคือชนกกรรมหนักนักกรรมตัวนี้จะไม่เว้นผู้ทำกรรมเลยสักคนโดยทำนองนั้นเหมือนกัน ถ้าผู้ใดสร้าง ศาลาสร้างโบสถ์สร้างวิหาร สร้างศาลาการเปรียญเขาจะมีบ้านใหญ่โตเหมือนสิ่งที่เขาสร้างในอนาคตชาติถ้าสร้างหนังสือ ถวายเทียน เขาจะมีปัญญามากสามารถมองเห็นแสงสว่างของทางเดินในชีวิตได้ในอนาคตชาติ ถ้าถวายยาเขาจะมีร่างกายแข็งแรงในอนาคตชาติเรามองลองมองคนที่เขาเกิดมาบางคนก็มือขาด้วนหรือมีปัญญาอ่อนเถิดพวกเขาเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมที่เขาเคยทำไว้ในอดีตชาติทั้งนั้นเพราะฉะนั้นพวกเราเป็นผู้นับถือพระรัตนตรัยต้องระวังรักษาตนเอง ในดีเถิด )

*ฐานะประชาชน

ประชาชนเดินดินกินข้าวแกง หลายท่านคงได้ยินมา คำนี้หมายความว่าเราทุกคนไม่ใช่ผู้วิเศษไม่ใช่ผู้มีอภิสิทธ์มากกว่าคนอื่น ทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินนี้ล้วนยังกินข้าวกินน้ำเหมือนกัน แต่มีคนหลงตนเอง มีความคิดว่าตนเองมีอภิสิทธ์เหนือกว่าคนอื่นจึงทำให้เหยียดหยามคนจนว่าเป็นคนไม่มีเกียติด้อยคุณค่า ความคิดเช่นนั้นแสดงว่าเขาเป็นคนยึดถือในวัตถุภายนอกที่ชาวโลกสมมุติว่าเป็นมีค่าแท้จริงร่างกายของคนเราประกอบด้วยธาตุสี่มีอาหารกับน้ำและลมหายใจเป็นเครื่องพยุงให้ดวงจิตที่มีกรรมสนับสนุนเป็นที่อาศัยถ้าดวงจิตมีกรรมดีสนับสนุนร่างกายก็จะมีร่างกายสมบูรณ์ มีร่างกายแข็งแรง มีปัญญาดีเกิดเป็นลูกคนมีฐานะดีถ้าดวงจิตมีกรรมไม่ดีสนับสนุน ร่างการก็พิการ ปัญญาอ่อนเกิดเป็นลูกคนยากจนเหมือนกันทุกคนถ้ารู้อย่างนี้แล้ว เรายังเหยียดหยามผู้อื่นให้เกิดกรรมฝ่ายที่ไม่ดีทำไมเพียงแต่เราคิดว่าทุกคนทั้งหมดล้วนเกิดมาในแผ่นดินเดียวกันมีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกัน มีพระมหาราชินีพระองค์เดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นหน้าที่ของพวกเราคือถวายความเคารพพระมหากษัตริย์และพระมหาราชินีโดยประพฤติตนเป็นประชาชนที่ดีไม่ช่อราชบังหลวง ไม่ทุจริตคิดโกงแผ่นดินไม่เบียดเบียนกัน ด้วย กาย วาจา และใจสร้างสามัคคีในหมู่คณะสร้างสรรค์ผลดีแก่ชุมชน ไม่ทำอะไรตามอำเภอใจหรือใครอยากจะทำอะไรก็ทำ โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวมดังนั้นนอกจากจะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และรับผิดชอบต่อผู้อื่นแล้วประชาชนในระบอบประชาธิปไตยยังจะต้องใช้สิทธิเสรีภาพของตนโดย รับผิดชอบต่อสังคมด้วย โดยเหตุที่สังคมหรือประเทศชาติมิได้ดีขึ้นหรือ แย่ลงโดยตัวเองหากสังคมจะดีขึ้นได้ ก็ด้วย การกระทำ ของคนในสังคมและที่สังคมแย่ลงไป ก็เป็นเพราะการกระทำ ของคนในสังคม ประชาชนนั้นก็คือผู้ที่มีสำนึกของความเป็นเจ้าของประเทศและเป็นเจ้าของสังคมประชาชนจึงไม่ใช่คนที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามอำเภอใจแล้วทำให้สังคมเสื่อมลงไปหากเป็นผู้ที่ใช้สิทธิเสรีภาพโดยรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวมโดยมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและช่วยกันทำให้สังคมดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา

*ฐานะผู้อยู่อาศัย(ดวงจิตอาศัยร่างกาย)

คำว่าคนอาศัยหมายถึงเราอาศัยสิ่งใดสิ่งใดให้ประโยชน์แก่เราเราก็ต้องตอบแทนสิ่งนั้น เช่นเราอาศัยอยู่ในห้องของบ้านหลังหนึ่งเราจะต้องแสดงความกระตัญญูต่อบ้านนั้นทั้งหลังไม่ใช่แสดงความกตัญญูในห้องๆเดียวแต่ทว่าความกตัญญูในฐานะนี้ หมายความว่าเราต้องกวาดเช็ดถูทำความสะอาดทั้งหมดถ้าลานบ้าน มีหญ้าขึ้นรก เราก็ตัดเสียทำให้แลดูสวยงามมิใช่ปล่อยให้รกรุงรังซึ่งอาจเป็นสถานที่อยู่สัตว์มีพิษก็ได้เช่นนี้จึงจะเรียกว่ากตัญญูกตเวทีต่อสถานที่อยู่อาศัยตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญว่าเป็นคนดี

แต่ว่าในฐานะนี้เราไม่ได้หมายถึงการอยู่อาศัยในสถานที่เช่นนั้นเราเคยบรรยายมาแล้วว่าร่างกายนี้พ่อแม่สร้างให้มาเรามีเพียงดวงจิตเท่านั้นที่มาอาศัย ร่างกายนี้พ่อแม่คอยประคมประหงมตั้งแต่เกิดริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเฝ้าทะนุทนอมมามาอย่างดีจนเติบโตด้วยความรัก ด้วยความปราณีแล้วทำไมลูกจึงไม่รักไม่สงสารร่างกายที่พ่อแม่อุตส่าห์เฝ้าทะนุทนอมมาอย่างดีบางคนเอาร่างกายสักรูปแมว( เสือ ) บางคนเอาร่างกายสักรูปงูดิน ( มังกร ) บางคนเอาร่างกายสักรูปลิง( หนุมาน )บางคนเอาร่างกายสักรูปเหี้ย ( จระเข้ )ไว้บนร่างกาย แถมบางคนกลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่าตนเองเป็นสัตว์เดรัจฉานเลยสักรูปตะกวด(จิ้งจก ) ไว้บนใบหน้าด้วย(เคยเห็น) อยากทำให้ผู้อื่นเรียกว่าคนหน้าตะกวด ( อื่มเท่ซะไม่มี อ้ายหน้าตะกวด ดีนะที่ใบหน้าเล็กไป จึงสักรูปจระเข้ไม่ได้ มิเช่นนั้นคนอื่นเขาคงเรียกว่าอ้ายหน้าเห้แน่นอนงิงิ) ที่เราบรรยายเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเราจะลบหลู่อาจารย์สักทั้งหลายหรอกนะเรายังมีความเคารพทุกท่านแต่ว่าเราดูถูกผู้รับการสักมากกว่า รับการสักมาแต่ศีลแปดก็ไม่เคยปฏิบัติศีลห้าก็ไม่รักษา แล้วครูอาจารย์ท่านใดจะยังอยากอยู่ด้วยบางคนยังเที่ยวไปคบชู้ลูกเขาเมียใครไม่เว้นครูอาจารย์ท่านคงหนีกลับสำนักหมดแน่ๆบางคนสักว่ารักพ่อรักแม่ไว้เหนือตาตุ่มแต่สักสัตว์เดรัจฉานไว้ที่ลำตัวหรือที่ลำแขนเราอยากรู้ว่าเขารักพ่อรักแม่ตรงไหนหรือใครรู้ช่วยบอกเราทีเถิด เราไปอ่านเจอเลยเอามาให้อ่าน

“เรื่องเล่าขานของมนตราแห่งอักขระ ลวดลายอันทรงพลังที่ถูกประทับไว้บนร่างกายนำไปสู่การมีพลังอภินิหารแฝงเร้น ฟันแทงไม่เข้าแคล้วคลาดจากความวิบัติหรือใช้เสริมเสน่ห์ให้ผู้อื่นลุ่มหลงได้ถูกกล่าวถึงทั้งในรูปแบบของนวนิยายหรือภาพยนตร์ ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานหากแต่สิ่งนี้คือเรื่องเล่าที่อ้างอิงจากสิ่งที่มีอยู่จริงแม้เวลาจะผ่านมาล่วงเลยมาหลายร้อยปีความเชื่อเรื่องการสักยันต์ไทยก็ยังคงเป็นบทพิสูจน์แรงศรัทธาของคนในสังคมไทยที่ไม่ว่าความเจริญของวัตถุจะล้ำหน้าไปเพียงใดก็ยังมีคนบางกลุ่มที่แสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวและของดีจากบรรพบุรุษอยู่เสมอ การสักยันต์ลงอักขระเลขยันต์ มีอยู่ 2 อย่างคือการสักน้ำมัน กับการสักน้ำหมึก

ข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์

ห้ามผิดลูกเมียเขา

ห้ามด่าบุพการี

ให้ถือศีล5 อย่างเคร่งครัด ทำแต่กรรมดี

ผู้ที่สักยันต์จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ไม่ให้เสื่อมคลายความขลังต้องถือปฏิบัติในความดีข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณอย่างที่เรียกว่า คนดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว

ตามที่เราบรรยายมาพอเข้าใจได้ว่าคนอดีตท่านสักยันต์เพราะเชื่อในพระพุทธคุณที่พระอาจารย์ผู้สักอักขระให้นอกจากสักอักขระนั้นแล้วท่านยังสั่งสอนให้เราเป็นคนดี มีศีลธรรมประจำใจด้วยแต่ทว่าคนเราเดี๋ยวนี้ไม่ใส่ใจคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทำผิดคำสั่งเสียของครูบาอาจารย์ทำให้ตนเองประสพกับเหตุร้ายบางคนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะคำสาปแช่งของบรมครูดังนั้นผู้สักอักขระต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้ดีไม่ใช่พอสักแล้วนึกว่าตนเองจะเก่งเหนือกว่าคนอื่นเที่ยวรังแกผู้คนทั่วไปการทำเช่นนั้น ถือว่าไม่มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์และร่างกายที่พ่อแม่ให้มาในฐานะผู้อยู่อาศัย(ดวงจิตอาศัยร่างกาย)นี้มีเรื่องที่จะต้องอธิบายมากมาย แต่เราจะขอเอาไว้บรรยายในเรื่องหลังๆดีกว่า

ในหนังสือเรื่องสร้างบุญบารมีอานิสงส์สูงไม่เสียเงินแม้แต่สลึกเดียว บรรยาย โดย จิตตวชิระเราเอามาให้อ่านแล้วลองเทียบกับตัวเองนะ ว่าเรามีกี่ข้อ ที่เราทำแล้วและยังมีอีกกี่ข้อที่เรายังไม่ได้ทำ

“ถ้าคุณกตัญญูต่อชาติไม่มีทางเลยที่คุณจะฉ้อราษฎร์บังหลวง”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อศาสนาไม่มีทางเลยที่คุณจะเป็นคนเลว”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ไม่มีทางเลยที่คุณจะจาบจ้วงล่วงเกิน”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อบิดามารดาไม่มีทางเลยที่คุณจะทำให้ท่านน้ำตาตก”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ไม่มีทางเลยที่คุณจะไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อตนเองไม่มีทางเลยที่คุณจะตกเป็นทาสยาเสพติด”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อเวลาไม่มีทางเลยที่คุณจะหายใจทิ้งไปเพียงวัน ๆ”

“ถ้าคุณกตัญญูต่ออาหารไม่มีทางเลยที่คุณจะกินทิ้งกินขว้าง”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อความรู้ไม่มีทางเลยที่คุณจะนำความรู้ไปทำความเลว”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อความรักไม่มีทางเลยที่คุณจะนอกใจคู่รักของตน”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อความนับถือไม่มีทางเลยที่คุณจะทำตนเป็นคนสองหน้า”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อความซื่อสัตย์ไม่มีทางเลยที่คุณจะทุจริตประพฤติมิชอบ”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อครอบครัวไม่มีทางเลยที่คุณจะทำให้ครอบครัวแตกแยก”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อสิ่งแวดล้อมไม่มีทางเลยที่คุณจะตัดไม้ทำลายป่า”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อผืนดินไม่มีทางเลยที่คุณจะปล่อยสารพิษลงสู่แผ่นดิน”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อผืนน้ำไม่มีทางเลยที่คุณจะปล่อยของเสียลงแม่น้ำ”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อผืนฟ้าไม่มีทางเลยที่คุณจะปล่อยมลพิษขึ้นสู่นภากาศ”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อโลกไม่มีทางเลยที่คุณจะสร้างอาวุธนิวเคลียร์”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อมนุษยชาติไม่มีทางเลยที่คุณจะก่อสงครามทุกรูปแบบ”

“ถ้าคุณกตัญญูต่อชีวิตไม่มีทางเลยที่คุณจะปล่อยให้ชีวิตให้ไม่ได้ลิ้มซึ่งอมตะธรรม”

(ฐานะที่คนเราสมควรแสดงความกตัญญูมีมากมายเราจะไม่อธิบายต่อแล้วนะเริ่มมึนแล้วจิ ให้ท่านผู้อ่านไปคิดเอาเองบ้างดีกว่าห้าๆๆ)

สรุปความว่าถามว่า ความกตัญญูคืออะไร ? ตอบว่า ความกตัญญูคือการรู้คุณที่ผู้อื่นและสิ่งของอื่นๆทำให้กับเราใครคือคนแสดงความกตัญญู ? คือเราความจริงคนเราเกิดมาแล้วต้องแสดงความกตัญญู เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้ แสดงกับอะไร?สิ่งต่างๆรอบตัวเราล้วนมีความสำคัญต่อตัวเราแม้กระทั่งอากาศ ต้นไม้แม่น้ำ แล้วความกตัญญูจะให้ผลอะไรบ้าง? ตอบว่า อานิสงค์ของความกตัญญูนั้นคือเป็นเครื่องหมายของคนดีผู้มีความกตัญญูจึงเท่ากับเพิ่มความดีให้กับตนเองทำให้ไม่เกิดความประมาทในชีวิตทำให้ชีวิตมีหิริ โอตตัปปะและมีปัญญามาก อีกอย่างหนึ่งผู้มีความกตัญญูย่อมเป็นผู้มีจิตใจผ่องใสเป็นนิตย์เพราะมองโลกในแง่ดีเห็นคุณค่าของบุคคลและของตนเอง ผู้มีจิตใจผ่องใสย่อมอยู่เป็นสุขเพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ความกตัญญูเป็นมงคลสูงสุดในชีวิต

บล็อกนี้.. พอแค่นี้.. บล็อกหน้า.. เจอกัน.วันที่ ๑ มกราคม เรื่องแก้กรรมได้หรือไม่ กั๊ปป๋ม(เขียน๒๖หน้า มานใส่แค่นี้เองจิ น่าเสียดายจัง)

เอกมฺปิปาปํ กโรติ ปาโปเยวาติวุจฺจติ.

บุคคลทำความชั่วแม้ครั้งเดียวเขาก็เรียกว่าคนชั่วเหมือนกัน

บรรยายโดย...ปีศาจน้อยจอมซน..

ขอบคุณ..เฉดสีอักษร..จากบล๊อกคุณป้ามดด้วยขอรับ

หมายเหตุ ..วันนี้..เป็นวันเกิดของปีศาจน้อย..ใครที่เกิดในวันนี้..ขอให้มีความสุข..มีความสำเร็จดังหวังขอรับ




Create Date : 25 ธันวาคม 2557
Last Update : 25 ธันวาคม 2557 8:08:31 น. 8 comments
Counter : 1398 Pageviews.

 
ยอมแพ้แล้วกั๊ป


โดย: คืนฝันปีศาจน้อย วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:2:12:54 น.  

 
ไม่ยึดไม่ได้หรอกคุงผี
เพราะมี่ใส่เอ็มพีสามเองจิ มันยังไม่ได้บอกมี่ด้วย ที่บางทีเสียงหาย เพราะเขาซ่อมน่ะ แล้วก็ฟังได้เหมือนเดิมค่ะ แต่บางทีมันไม่เวียน เพราะบล็อกมานปรับแบบใหม่จิ


โดย: ญามี่ วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:8:11:52 น.  

 
บางทีก็หยุดไปแค่นาทีแล้วก็ค่อยดังใหม่ คุงผีอดทนฟังดูนะ


โดย: ญามี่ วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:8:13:43 น.  

 




สุขสันต์วันเกิด ..

มีความสุขมากๆนะคะ ..

คิดสิ่งใด ก็ขอให้สมความปรารถนา ..












โดย: foreverlovemom วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:8:23:22 น.  

 



อ้อ ..

นอกจากวันเกิด ..

ก็ เป็นวัน ..





Merry Christmas













โดย: foreverlovemom วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:8:32:55 น.  

 




พิเศษ ..












โดย: foreverlovemom วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:12:06:42 น.  

 




foreverlovemom มีความสุข ..

เมื่อเห็น คุงผี มีความสุขค่ะ ..




















โดย: foreverlovemom วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:11:08:05 น.  

 



สวัสดีปีใหม่ค่ะ ..









โดย: foreverlovemom วันที่: 31 ธันวาคม 2557 เวลา:0:10:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คืนฝันปีศาจน้อย
Location :
สมุทรสาคร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




web stats
free counters
Friends' blogs
[Add คืนฝันปีศาจน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.