ธมฺมํ ปสฺสโต มโน สุขํ.
เมื่อมองเห็นธรรม ใจย่อมเป็นสุข ฯ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
เจตนาฆ่าสัตว์หนักหรือไม่


มีคำถามว่า การทำกรรมคืออะไร?มีกี่อย่าง?อธิบายให้เป็นสังเขปสักเล็กน้อยได้หรือไม่?การทำกรรมคือการฆ่าสัตว์โดยไม่มีเจตนาจะฆ่ามีโทษน้อยจริงหรือ?อธิบายว่า การทำทุกอย่างหมายถึงดวงจิตบังคับให้ร่างกายเคลื่อนไหวตามที่ดวงจิตต้องการส่วนกรรมนั้นมี ๒ อย่าง คือ กรรมดี ๑ กรรมชั่ว ๑ และกรรมทั้ง ๒ อย่างนั้นมุ่งหมายเจตนาเป็นหลัก คือ มีเจตนาทำกรรมหรือทำโดยไม่มีเจตนาทำกรรม

เกริ่นเริ่มเรื่องก่อน เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม เรามีโปรแกรมจะไปทำบุญกันเพื่อส่งท้ายปีเก่าในทริปนี้มีพระไปด้วยหลายรูปใช้รถ ๓ คันในการเดินทาง กำหนดรถออกเวลา ๐๘.00 น.ที่หน้ากุฎิท่านเจ้าอาวาส เรามาถึงเวลาเจ็ดโมงกว่า ไหนๆก็จะไปทำบุญแล้ว ดังนั้น ตอนมาเราจึงซื้อไก่ย่างมา ๒ ไม้เพื่อให้สุนัขแม่ลูกหนึ่งคู่หนึ่งที่วัดนั้น ลูกสุนัขตัวนั้นเราให้มันกินนมกล่องตั้งแต่มันเพิ่งเกิดใหม่ๆเลยนะ ตอนนี้มันโตมาก แถมยังขี้เล่นด้วยสิ คือ เมื่อมันเห็นเรา มันชอบมางับเบาๆแล้ววิ่งหนีเพื่อให้เราไล่สิ มานคงไม่รู้ว่าเราวิ่งไล่มานมิได้อ่ะเราเล่นกับสุนัขแม่ลูกคู่นั้นจนได้เวลาจะออกเดินทาง(ความจริงเราชอบแมวเล็กๆมากกว่า เพราะมันน่ารักดี ช่างอ้อน และยังชอบเล่นด้วย ส่วนแมวตัวใหญ่เราไม่ค่อยชอบมัน เพระขนมันหลุดมาก แล้วแมวตัวใหญ่มันไม่ชอบอ้อน นอกจากเวลาหิว พอมันอิ่ม มันก็ไม่ชอบเล่น ไม่เหมือนตัวเล็กนะ ทุกคนคิดเหมือนเราหรือไม่..รักนะน้องแมวเหมียวน้อยงุงิ) รถมาถึง เราเอาไก่ย่างให้สุนัขทั้งสอง ตัวละไม้เมื่อจัดรถเสร็จ เราได้ไปรถตู้ มีพระไปด้วย ๕ รูปกับญาติธรรมอีก ๔ ท่านรวมกับผู้ขับรถด้วย เมื่อพร้อมแล้ว รถทั้ง ๓ คันก็เริ่มออกทาง พลันรถที่เรานั่งอยู่ก็รู้สึกว่าล้อทับอะไรสักอย่างเบาๆ คนขับเขาเอ่ยว่าทับหมาตายแล้ว เมื่อเราหันไปดูทางหลัง น้ำตาแทบหลั่ง เพราะว่ารถทับเจ้าตัวเล็กจนเลือดกระจาย หัวแตกบี้แบน ไก่ที่เราให้มันยังหล่นอยู่ข้างๆเลย เราดูครั้งเดียว เราก็ไม่กล้าดูอีกเลยเพราะสงสาร คนขับรถบังคับออกไปเลย โดยไม่ได้หยุดรถเพื่อเก็บร่างของเจ้าตัวเล็กเลย เราไม่ได้โกรธเขาหรอกนะ แต่สงสารเขามากกว่าเขาคงไม่รู้ว่าเขาทำกรรมแรงแล้วโดยไม่รู้ตัว

พระอาจารย์ที่สอนเราเมื่อตอนที่เราเป็นพระนวกะยังติดอยู่ในความทรงจำท่านว่า”สิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในธรณีสงฆ์ ล้วนเป็นของสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้าก้อนหิน ก้อนดิน ล้วนเป็นของสงฆ์ทั้งหมด แม้กระทั่งหมา แมวที่มันมาอยู่เองหรือที่คนเอามาปล่อย ก็นับว่าเป็นของสงฆ์เหมือนกัน เพราะสงฆ์เลี้ยงดูมันใครที่ทำลายของสงฆ์มีโทษมาก ดังนั้น คนผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยก่อนจึงหวาดกลัวการทำลายของสงฆ์ที่สุด เวลานำจังหัน(อาหาร)มาถวายพระ ท่านจะล้างเท้าก่อนเข้าวัด เพื่อไม่เอาสิ่งสกปรกเข้าวัด และเมื่อจะออกจากวัด ท่านก็ต้องล้างเท้าก่อนออกเขตวัดด้วย เพื่อจะได้ไม่เอาดินหรือทรายของวัดออกไปนอกเขตวัด แต่เพราะคนเราในปัจจุบันไม่มีปัญญาที่จะทำตามคนในสมัยก่อน ดังนั้น จึงทำลายของสงฆ์โดยไม่รู้ตัว พระพุทธเจ้าตรัสให้พุทธบริษัทใช้ปัญญาดำเนินชีวิต ดังนั้นพวกท่านที่เป็นพระนวกะจงเอาคำสอนนี้ไปใช้ในชีวิตเป็นเจ้าเถิด” เพราะเหตุนั้น ญาติธรรมผู้ต้องการบุญ ต้องระวังตัวว่า จะเป็นผู้ต้องการทำบุญแต่กับทำบาปไปเสียโดยไม่รู้ตัว มันจะเป็นเหมือนเอาเงินที่คดโกงคนอื่นมาทำบุญ หรือเป็นเหมือนฆ่าสัตว์เพื่อทำบุญ ธรรมดาว่าของๆผู้อื่น เมื่อเจ้าของยังไม่ได้เอ่ยปากให้ เราไปเอาของเขามาไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ นับว่าเราเบียดเบียนผู้อื่น ยิ่งเป็นชีวิตของผู้อื่นแล้วก็จะยิ่งมีกรรมหนักมากอีกหลายเท่าเลย

เมื่อรถวิ่งออกนอกวัดแล้ว คนขับรถก็เอ่ยถามพระที่มาด้วยว่า“ฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนาบาปไหม” พระตอบว่า บาปมี แต่น้อยเพราะไม่มีเจตนาจะฆ่า” แล้วพระท่านยังเอ่ยอีกว่า“อัตตมายังเคยเผลอตบยุงอยู่บ่อยไป ไม่มีเจตนาจะฆ่าแต่เพราะเผลอมันเป็นแค่ปาจิตตีย์เท่านั้น” เราได้ยินแล้วรู้สึกไม่ถูกต้อง แต่เพราะพระรูปนั้นเป็นพระมหาประโยคสามด้วย เราจึงไม่กล้าชี้แจง เดี๋ยวโดนกล่าวหาว่ารู้มากกว่ามหาจิ แถมยังอาจสร้างศัตรูทางความคิดด้วยนา เพราะเหตุนั้น เราจึงได้เขียนเรื่องนี้และอัพในบล็อกนี้ด้วย หวังว่าคงไม่เป็นการอวดรู้กับผู้อื่นนะ ก่อนอื่นเราจะกล่าวถึงข้อห้ามของพระก่อน ข้อห้ามของพระมีทั้งหมด ๒๒๗ ข้อ เรียกว่าศีลหรือเรียกว่ากองอาบัติ คือ

๑. ปาราชิกมี ๔ สิกขาบทแต่ละสิกขาบทมีบทลงโทษให้ผู้ล่วงละเมิดต้องขาดจากความเป็นภิกษุและจะบวชอีกไม่ได้ตลอดชีวิต เปรียบได้กับโทษประหารตามกฎหมายบ้านเมือง

๒. สังฆาทิเสสมี ๑๓ สิกขาบทแต่ละสิกขาบทมีโทษให้สงฆ์ปรับให้อยู่กรรมและสงฆ์เองเป็นผู้ระงับอาบัติเปรียบได้กับโทษจำคุก

๓. อนิยตมี ๒ สิกขาบทมีบทปรับต่างกันดังนี้

๓.๑. ภิกษุนั่งลับตากับหญิงสองต่อสองถ้าอุบาสิกาผู้มีวาจาควรเชื่อได้ว่า ภิกษุต้องอาบัติอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๓อย่างคือ ๑. ปาราชิกเพราะเสพเมถุน ๒. อาบัติสังฆาทิเสสเพราะถูกต้องกายหญิงหรือเกี้ยวหญิง เป็นต้น ๓.อาบัติปาจิตตีย์เพราะนั่งในที่ลับสองต่อสองกับหญิงถ้าภิกษุผู้นั่งในที่ลับตาสองต่อสองรับสารภาพอย่างไรก็พึงปรับอาบัติตามที่รับสารภาพนั้น หรือปรับตามที่ถูกกล่าวหานั้น

๓.๒. ภิกษุนั่งในที่ลับหูสองต่อสองถ้ามีอุบาสิกาผู้มีวาจาอันเชื่อได้กล่าวว่าภิกษุนั้นต้องอาบัติอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่างคือ ๑. อาบัติสังฆาทิเสสเพราะพูดเกี้ยวหญิงหรือพูดล่อหญิงให้บำเรอตนด้วยกาม ๒. อาบัติปาจิตตีย์เพราะนั่งในที่ลับหูลับตากับหญิงสองต่อสอง ถ้าภิกษุนั้นรับสารภาพอย่างไรใน 2อย่างพึงปรับตามนั้น หรือปรับตามที่ถูกกล่าวหา

๔. นิสสัคคีย์ปาจิตตีย์มี ๓๐ สิกขาบทแต่ละสิกขาบทมีโทษให้ผู้ล่วงละเมิดต้องสละสิ่งของอันเป็นต้นเหตุให้ต้องอาบัติก่อนแล้วจึงจะแสดงอาบัติได้

๕. ปาจิตตีย์มี ๙๒ สิกขาบทแต่ละสิกขาบทมีโทษให้ผู้ล่วงละเมิดต้องแสดงอาบัติคือ การบอกกล่าวแก่ภิกษุด้วยกันและสัญญาว่าจะไม่ล่วงละเมิดอีก

๖. ปาฏิเทสนียะมี ๔ สิกขาบทแต่ละสิกขาบทให้ผู้ล่วงละเมิดต้องแสดงคืน

๗. เสขิยวัตรเป็นหมวดที่ว่าด้วยวัตรและจรรยามารยาทที่ภิกษุจะต้องศึกษาในหมวดนี้ในตัวสิกขาบทแต่ละสิกขาบทมิได้กำหนดบทลงโทษไว้เหมือนหมวดอื่นๆ แต่ในตอนท้ายสิกขาบทระบุว่าถ้าทำเข้าต้องอาบัติทุกกฎ (แปลว่า ทำชั่ว)

ทั้งหมดนี่คือข้อห้ามของพระ ถ้าปฏิบัติหมด ก็เป็นพระที่ดี สมควรกราบไหว้ได้ เพียงแต่ล่วงละเมิดเพียงข้อเดียว ก็ไม่จัดว่าเป็นพระสมบูรณ์แล้ว แต่ว่า วันนั้นเราได้ยินคำพูดของพระมหารูปนั้นแล้วรู้สึกว่าท่านไม่ได้รู้สึกตัวว่าท่านทำกรรมหนักเลย ทำธรรมดา ผู้ทรงศีล ไม่สมควรจะเบียดเบียนผู้อื่นหรือสัตว์อื่น  ไม่ว่ารู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัว อีกอย่างหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนพุทธบริษัทให้มีสติทุกลมหายใจเข้าออก หมายความว่าให้มีสติตลอดเวลา การที่พระมหารูปนั้นพูดอย่างนั้น แสดงให้รู้ว่าท่านไม่เข้าใจพระดำรัสสั่งสอนของพระพุทธเจ้า น่ากลัวจริงๆสำหรับพระผู้บวชในพระพุทธศาสนา มิน่าเล่า เดี๋ยวนี้จึงมีข่าวไม่ดีของพระมากมายเหลือเกิน (บล็อกนี้ขอเพ้อเจ้อแค่นี้พอ กลัวสร้างกรรมหนักเพราะความเพ้อเจ้อของเรา เพราะไปพาดพิงพระอ่ะจิ)ขออธิบายปัญหาที่เราตั้งไว้ข้างต้นว่า การทำกรรมคือการฆ่าสัตว์โดยไม่มีเจตนาจะฆ่ามีโทษน้อยจริงหรือ?ดีกว่าอธิบายว่า

การฆ่าสัตว์นั้นให้ผลกรรมตามขนาดและความมีคุณของสัตว์ คือความพยายามในการฆ่ามาก โทษก็มากตามไปด้วย ถ้าความพยายามน้อย โทษก็น้อยตาม ( มาถึงตอนนี้เรายังไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เราถามว่า ระหว่างช้างกับยุง ชนิดใดเราสังหารง่ายกว่า? หลายคนคงตอบว่า ยุงฆ่าง่ายกว่า เราตอบว่า ฆ่ายุงต้องใช้พยายามมากกว่าช้าง ทุกท่านคิดดูสิ เดี๋ยวนี้มีอาวุธร้ายแรงมากมาย เช่นปืนไรเฟิลที่สามารถสังหารช้างได้ด้วยการยิงครั้งเดียวช้างก็ตายแล้ว ส่วนยุงนั้นเรายิงยากมาก ถ้าไม่เชื่อเรานะ เวลายุงเกาะหลังเพื่อน เอาปืนมายิงดูสิ “โป้ง” ยุงบินหนีเฉยเลย ส่วนเพื่อนเราชักกระแด็กๆกับอยู่กับที่จิ ห้าๆๆปีศาจน้อยล้อเล้งนากั๊ป ใครอย่าทำตามนะ ) การสังหารสัตว์ทุกชนิดร่วมทั้งมนุษย์ด้วย ทางบ้านเมือง ท่านดูที่เจตนาเป็นหลัก คือ มีเจตนาฆ่า ก็มีโทษหนัก ถ้าไม่มีเจตนาก็มีโทษน้อย นี่คือการตัดสินทางบ้านเมือง ส่วนทางพุทธศาสนาก็เหมือนกัน เป็นแต่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ดูเหตุผลเพียงเจตนาเท่านั้น พระพุทธองค์ทรงสอนให้ดูวาระของจิตด้วย คือ จิตประกอบกุศลมูลหรือประกอบด้วยอกุศลมูล

กุศลมูลมี ๓ คือ

๑.อโลภ ไม่อยากได้ ๒.อโทสะ ไม่คิดทำร้ายเขา ๓.อโมหะ ไม่หลงรู้จริง

ส่วนอกุศลมูลก็มี ๓ เหมือนกันคือ

๑.โลภะ อยากได้ ๒.โทสะคิดทำร้ายเขา ๓.โมหะ หลง ไม่รู้จริง

การทำกรรมที่ดวงจิตประกอบด้วยกุศลมูลเท่านั้นที่มีความหมายว่าทำกรรมมีผลน้อย ส่วนดวงจิตที่ประกอบอกุศลมูล ทำกรรมมีผลหนักทุกอย่าง เราต้องบอกก่อนว่า ดวงจิตของเราสามารถเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มากจนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆที่ไม่สามารถรู้เท่าทันได้ ดังนั้น คนเราจึงไม่สามารถบังคับให้ดวงจิตอยู่ในอำนาจได้นอกจากท่านผู้ได้ฝึกมาอย่างดีเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เราตั้งใจจะไปทำบุญ ดวงจิตก็แช่มชื่น แต่เมื่อมีสาเหตุทำให้เราต้องเดือดร้อนใจ ดวงจิตที่เป็นบุญเป็นกุศลก็เปลี่ยนไปตามสาเหตุนั้น ทั้งๆที่เป็นเวลาเล็กน้อยเท่านั้นทุกท่านเคยสังเกตบ้างหรือไม่ เอาอย่างนี้ดีกว่า เราถามว่า ถ้าเราตั้งใจจะทำบุญ เตรียมสิ่งของเสร็จแล้ว สมมุติว่าในขณะเข้าวัดบังเอิญพบเห็นพระตีสุนัขหรือแมวก็ได้ ท่านจะรู้สึกอย่างไร เราเดาว่า ทุกท่านจะต้องเกิดความสงสัยเกิดขึ้นแน่นอน สงสัยอะไร?สงสัยว่า ทำไมพระรูปนี้จึงทำร้ายสัตว์ได้ เราทำบุญกับพระรูปนี้แล้วเราจะได้ผลบุญหรือไม่(เราเคยเจอมาแล้ว)มาถึงตอนนี้ทำให้เราคิดถึงคำของพระมหารูปนั้นเลย คำที่ว่า “อัตตมายังเคยเผลอตบยุงอยู่บ่อยไป ไม่มีเจตนาจะฆ่าแต่เพราะเผลอมันเป็นแค่ปาจิตตีย์เท่านั้น” แป่วยังชอบจะวกไปหานรกอีกจนได้ เข้าเรื่องดีกว่า

หลายคนเข้าใจว่า การฆ่าสัตว์โดยไม่มีเจตนาฆ่านั้นมีกรรมน้อย เราจะอธิบายว่า การฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็มีกรรมมากเหมือนกัน ต่างแต่จะมองทางโลกหรือทางธรรมเท่านั้น คือ ทางโลก เมื่อฆ่าสัตว์ที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองก็ไม่มีความผิดหรือว่าฆ่าสัตว์มีกฎหมายด้วยไม่มีเจตนา ก็มีโทษเล็กน้อย ส่วนทางธรรม พระพุทธเจ้าตั้งกฎหมายคุ้มครองสัตว์ทุกประเภท หมายความว่าพระองค์ทรงห้ามพุทธบริษัทฆ่าสัตว์ทุกประเภท แม้กระทั่งมดหรือไรน้ำ(สัตว์ตัวเล็กกว่าปลายเข็มอาศัยอยู่ในน้ำ)เพราะการฆ่าสัตว์ คือการตัดปราณคือชีวิตของสัตว์นั้นๆ ธรรมดาชีวิตนั้นเป็นของสัตว์นั้นๆซึ่งใครก็ไม่สามารถจะไปทำให้สัตว์นั้นสิ้นชีวิตได้ ผู้ใดทำเช่นนั้น ผู้นั้นจะต้องรับกรรม คือดวงจิตจะต้องลงไปรับผลของกรรมนั้นในนรกตามที่ตนทำไว้ เราได้บรรยายไว้ข้างต้นแล้วว่ากรรมนั้นขึ้นกับขนาดของสัตว์และความมีคุณของสัตว์นั้น(ส่วนเราขอใช้อัตตโนมัติว่า สัตว์นั้นเป็นของใครด้วย ขออธิบายว่าถ้าเราสังหารสัตว์ที่มีเจ้าของ เราก็เท่ากับเราลัก(ทำลาย)ของสิ่งของที่มีเจ้าของด้วยซึ่งจะทำให้เรารับผลกรรมเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น คนขับรถตู้คันที่เรานั่งเขาฆ่าสัตว์โดยไม่มีเจตนา แต่เพราะสัตว์นั้นเป็นสัตว์ที่สงฆ์เลี้ยงไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องรับผลกรรม คือ ทำลายของสงฆ์ด้วย)

อีกอย่างหนึ่งเราเคยบรรยายแล้วว่า ร่างกายของเราแบ่งมาจากพ่อแม่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งได้มาจากชนกกรรมหรือเรียกว่า พ่อแม่สร้างร่างกายให้ดวงจิตของเราอาศัยก็ได้ ธรรมดา ร่างกายที่พ่อแม่ให้มาเปรียบเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ แต่เพราะเหตุที่เป็นอาศัยของดวงจิตที่ไม่บริสุทธิ์ร่างกายนั้นจึงเปื้อนความไม่บริสุทธ์ไปด้วย ดังนั้น เมื่อเราเอาร่างกายที่พ่อแม่ให้มาไปทำความชั่วจนทำให้ร่างกายเปื้อนกรรม ก็นับว่าเราเป็นคนไม่เป็นคนกตัญญูต่อพ่อแม่ เป็นคนไม่กตัญญูต่อคำสั่งสอนของพ่อแม่ เป็นคนไม่กตัญญูต่อคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่สั่งสอน ที่ร้ายที่สุดก็คือ เป็นคนไม่กตัญญูต่อพระพุทธ พระธรรมและพระสงค์ที่สั่งสอนไม่ให้เบียนเบียดกันและกันนี่คือผลของกรรมที่เราเข้าใจว่าเล็กน้อย แต่ว่า ทั้งหมดต้องโทษผู้สั่งสอนที่อธิบายไม่ละเอียดจึงทำให้คนเราไขว่เขวต่อการกระทำของเรา และผลของการกระทำของตนเอง ความจริงเราอยากอธิบายให้ละเอียด แต่เพราะมันเยอะแล้ว ขอเอาไว้คราวหน้าดีกว่านะ

สรุปทริปนั้นเราได้ไปทำบุญตามที่หวัง แม้จะเกิดเรื่องสะเทือนใจก่อนออกเดินทางก็ตาม แต่เพราะเรื่องสะเทือนใจนั้น ทำให้เราต้องทำบุญใช้หนี้สงฆ์เพิ่ม หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราจึงต้องใช้หนี้สงฆ์ เราจะบอกว่า เจ้าตัวเล็กนั้นไม่ได้ตายเพราะเราทำก็จริงแต่เพราะมันได้ไก่ย่างไม้นั้น ทำให้มันหลบไปนอนกินใต้รถ(ตอนนั้นอากาศหนาวแต่ใต้รถอุ่น)อีกอย่างหนึ่ง มันเห็นเราขึ้นรถคันนั้นทำให้มันเข้าไปนอนใต้ท้องรถเพื่อรอเราก็ได้เรื่องนี้ มีแต่มันเท่านั้นที่รู้ หลังจบทริปนั้นเราก็ร่วมเข้าพิธีสวดมนต์ข้ามปีเลย เริ่มตั้งแต่ ๒๑.๐๐ถึง๐๑.๐๐.นโดยประมาณ ถ้าถามเราว่าการทำบุญอย่างนั้นแล้ว จะล้างกรรมได้หมดหรือ? เราตอบว่า ไม่หมดกรรมหรอก แต่ที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อความสบายใจของเรา

สรุปคำถามว่าการทำกรรมคืออะไร? ตอบว่า การทำทุกอย่างหมายถึงดวงจิตบังคับให้ร่างกายเคลื่อนไหวตามที่ดวงจิตต้องการถามว่า กรรมนั้นมีกี่อย่าง? ตอบว่า กรรมนั้นมี ๒ อย่าง คือ กรรมดี ๑กรรมชั่ว ๑ ถามว่า อธิบายให้เป็นสังเขปสักเล็กน้อยได้หรือไม่? ตอบว่า การกระทำที่ประกอบกุศลมูลเรียกว่าทำกรรมดีส่วนการกระทำที่ประกอบด้วยอกุศลมูลเรียกว่ากรรมชั่ว ถามว่า การทำกรรมคือการฆ่าสัตว์โดยไม่มีเจตนาจะฆ่า มีโทษน้อยจริงหรือ?ตอบว่า กรรมนั้น ทางบ้านเมือง มุ่งหมายเจตนาเป็นหลัก คือมีเจตนาทำกรรมหรือทำโดยไม่มีเจตนาทำกรรม คือ มีเจตนาทำ มีโทษมาก ถ้าไม่มีเจตนามีโทษน้อยส่วนทางธรรม ไม่ว่าจะมีเจตนาทำหรือไม่ จะต้องรับผลเหมือนกันไม่มีข้อยกเว้นเลย

เอกมฺปิปาปํ กโรติ ปาโปเยวาติวุจฺจติ..

บุคคลทำความชั่วแม้ครั้งเดียวเขาก็เรียกว่าคนชั่วเหมือนกัน

บรรยายโดย...ปีศาจน้อยจอมซน..(คืนฝันปีศาจน้อย)




Create Date : 10 มกราคม 2558
Last Update : 10 มกราคม 2558 12:59:20 น. 5 comments
Counter : 1879 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุงผี

...ทุกครั้งที่หายใจ มักกลืนคำว่า “คิดถึง” เข้าไปด้วย

สัมผัสได้ว่า ชื่นใจมากค่ะ อิอิ





โดย: ญามี่ วันที่: 10 มกราคม 2558 เวลา:9:24:08 น.  

 
มี่ย้ายงานใหม่แล้ว เข้ามาอยู่ฮ่องกง นานวันถึงไปเมืองจีนหน ไม่บ่อยเท่าก่อนนี้ค่ะ ว่าแต่คุงผีถ้า"คาดเดาว่าไม่ผ่าน" ก็รีบไปนะคะ มันจะได้รู้ว่าได้ เพราะเรามั่นใจแล้ว555อาจโชคดีก็ได้จิ ว่าแต่คอมฯที่มี่ส่งให้พังไปยังนิ นานสัก10ปีแล้วมั้ง555


โดย: ญามี่ วันที่: 10 มกราคม 2558 เวลา:9:27:55 น.  

 



สวัสดีค่ะ









โดย: foreverlovemom วันที่: 11 มกราคม 2558 เวลา:9:52:23 น.  

 




ไม่หลับ .. ไม่นอน ..



.. ร้อน ผ้า .. ..





.
.
.





หรือ ???














โดย: foreverlovemom วันที่: 13 มกราคม 2558 เวลา:2:13:42 น.  

 
มี่ว่าซื้อใหม่คุ้มกว่านาคุงผี เดี๋ยวนี้คอมฯไม่แพงด้วยที่กรุงเทพน่ะ


สวัสดีวันจันทร์ที่หมอกหนาๆค่ะ




โดย: ญามี่ วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:10:19:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คืนฝันปีศาจน้อย
Location :
สมุทรสาคร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




web stats
free counters
Friends' blogs
[Add คืนฝันปีศาจน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.