Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
มุมมองเรื่องของทาส จาก"วิมานลอย"

สองสามวันมานี้ อิฉันเกิดความไข้ค่ะ....

เกิดอาการวิมานลอยฟีเวอร์ขึ้นมาอย่างกระทันหัน หลังจากที่ได้เห็นกระทู้"ตามหาวิมานลอย"ของ บก.เรื่องแปลคนหนึ่งในโต๊ะห้องสมุด

ลองนับนิ้วดูแบบไม่ค่อยจะถ้วน เห็นได้ชัดเลยว่า อิฉันมิได้แตะต้องวิมานลอยมาเป็นเวลาเกือบสองปีเต็มๆ (เล่มนี้เป็นเล่มโปรดที่จะต้องอ่านเป็นกิจวัตรประจำปีเหมือนกับ บ้านเล็กในป่าใหญ่ หลิวศักดิ์สิทธิ์ สี่ปีนรกในเขมร ของขวัญวันวาน มังกรอมตะ และ ราชมรรคา )

เมื่อคิดถึง จึงต้องอ่าน ถูกมะคะ

แต่การอ่านรอบนี้ ต้องยกความดีให้กับ บก.ท่านนั้น ที่หลังจากเมล์คุยกันแล้ว อิฉันได้ขุดคุ้ยความทรงจำเก่าๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาได้มากโขทีเดียว รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้อิฉันไปขุดเอาเปเปอร์ที่ทำส่งครูสมัยยังเป็นสาวน้อย ขมักเขม้นเรียนหนังสืออยู่เมืองบ้านนอกเล็กๆ

ยังจำบรรยากาศได้ดีเลยค่ะ....

วันนั้น อาจารย์สอนเรื่องการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากเอกสารชั้นรอง

งงไหมคะ คือการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นั้น นอกจากจะตีความจากหลักฐานทางโบราณคดี จารึก หรือพงศาวดารซึ่งถือว่าเป็นเอกสารชั้นปฐมภูมิแล้ว เรายังสามารถเรียนรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้จาก นิทานปรัมปรา ตำนาน เทพนิยายซึ่งถือว่าเป็นเอกสารชั้นทุติยภูมิ หรือ เรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ทั้งหลายถือว่าเป็น ตติยภูมิ
อาจารย์ท่านยกประโยคของบัลซัคขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า สังคมคือนักประวัติศาสตร์ คนแต่งเป็นเพียงคนบันทึก สิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังมา
หลังจากนั้น ท่านให้พวกเรายกตัวอย่าง นวนิยาย หนังสือ เรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ทั้งหลายว่า เล่มไหนเข้าข่าย และเพราะอะไร

อุ๊ยย สมัยนั้น ลุงกัปตัน เรตต์บัตเลอร์ ยังเต้นอยู่ในมโนภาพในฐานะฮีโรของอิฉัน แบบว่า อิฉันชอบผู้ชายที่เป็นขบถต่อสังคมหน่อยๆ ถึงขนาดฝันว่าตัวเอง เป็นสการ์เล็ตต์ โอฮาราเลยละค่ะ อิอิอิ (จนถึงตอนนี้ อิฉันยังอยากมีแฟนเป็นพวกมาเฟีย หรือ พวกยากูซ่า อยู่เลยค่ะ )

พอถึงคิวคนสวยตอบ เธอมั่นใจมาก "วิมานลอย"ค่ะ

อาจารย์และเพื่อนๆอมยิ้มกันใหญ่เพราะแต่ละคนนี่เสนอ มหากาพย์ เรื่องต่างๆที่อิฉันคิดว่า คงอ่านไม่จบแน่ชาตินี้

ถ้าเป็นที่เมืองไทย คงจะโดนประณามว่าตอบอะไรไม่เข้าท่า แต่ชั้นเรียนที่อิฉันเรียนนั้น ค่อนข้างจะเปิดกว้าง พอมีคำถามต่อว่าทำไม อิฉันก็ว่าเป็นฉากๆตามประสาผู้มีสติปัญญาน้อย แต่ชอบ"ชูหางเองอ้า อวดอ้าง ฤทธี" ว่า เรื่องนี้ ถือเป็นมุมมองทางประวัติศาสตร์ เอาฉากจริงมาจำลองแบบเป็นนวนิยาย แต่เล่มนี้พิเศษ คือ เป็นมุมมองของสงคราม สังคม ของรัฐจอร์เจียทั้งก่อนและหลังสงครามที่เปรียบเสมือนบันทึกของผู้แพ้ ซึ่งในตัวของหนังสือเอง ก็ได้สะท้อนคุณค่าทางจริยธรรม จารีตประเพณี ศาสนา และ ความรู้สึกนึกคิดของชนชั้นนาย และ ชนชั้นทาส ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มีผลต่อระบบสังคมทั้ง ก่อนและหลังสงครามกลางเมืองในอเมริกา ที่ชูประเด็นหลักเรื่องทาสขึ้นมารุกรานกัน ( แต่อิฉันว่า กุศโลบายของอเมริกาฝ่ายเหนือในการชูประเด็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพื่อโจมตีอีกฝ่ายนี่ยังไม่ล้าสมัยนะคะ ดูเหตุการณ์ในอิรักก็ได้)

ความเป็นเอกสารชั้นรองของหนังสือเล่มนี้จะเห็นได้อย่างเด่นชัดมาก เพราะผู้เขียนมิได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ได้รับการถ่ายทอดจากผู้เห็นเหตุการณ์อีกทีหนึ่ง แต่เมื่อมองในแง่ของความเป็นตัวสะท้อนความรู้สึกนึกคิดเชิงวิจารณ์ต่อสังคม นับได้ว่าโดดเด่น เพราะมองจากมุมของผู้ถูกกระทำ ซึ่งนำมาใช้ถ่วงน้ำหนักกับบันทึกหลากหลายของฝ่ายชนะ

จากนั้น อิฉันก็เรื่อยเจื้อยถึงเรื่อง ในแง่ของหลักฐานที่แสดงถึง การแต่งกาย ถึงวิถีชีวิตผู้คน ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสภายใต้ระบบอุปถัมภ์ การทำสงครามในยุคนั้น อาวุธที่ใช้ บลา บลา บลา

พูดจนอิฉันเองก็งง อาจารย์ก็คงงงยิ่งกว่า สั่งให้ไปเขียนรายงานมา โดยแต่ละคนเลือกเรื่องของตัวเอง ชูประเด็นหลัก ที่คิดว่าสำคัญขึ้นมาประเด็นเดียวจากหนังสือที่แต่ละคนยกมา

อกจะแตกค่ะ.... ตอนนั้น นั่งคิดนอนคิด ตีลังกาคิดว่าจะชูประเด็นไหนดี ที่จะหาเรื่องเขียนเปเปอร์ความยาวสามสิบหน้าได้

โชคดีเป็นของอิฉันค่ะ

พอดี maman Genevieve เพื่อนแม่อิฉันลงมาจาก Angers เพื่อมาดูสารทุกข์สุขดิบ ว่าหลังจากย้ายเมืองอิฉันเป็นอยู่สุขสบายดีหรือไฉน พอท่านรู้ว่า อิฉันเช่านิวาสถานอยู่กับนังฮันส์ (คงจำนางสิบสามจากตอนสงกรานต์มหาประลัยได้นะคะ )ที่บ้านเลขที่ 1 Rue des Salorges

ท่านเย้าว่า เลือกที่ดีเหลือเกิน รู้ไหม ตรงนี้ เคยเป็นท่าขึ้นทาสจากแอฟริกา ก่อนจะส่งต่อไปยังไร่ฝ้าย ต๊าย ตายเหมือนพลุไซโก้ สว่างแวบในสมองน้อยนิดแต่แสนฉลาดของอิฉัน

ก็แก่นหลักของเรื่อง"วิมานลอย" คือ สงครามฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ ที่ทำให้ชะตากรรมของตัวละครแต่ละตัวอิงแอบอยู่กับมัน แล้วที่มาของสงครามคือ ความขัดแย้งกันในเรื่องทาส (จริงๆแล้วอาจจะมีเรื่องอื่นด้วย แต่อย่าไปคิดถึงมันเลยค่ะ)

เอาละ ได้หัวข้อใหญ่แล้ว ทีนี้ มาจับประเด็นหัวเรื่องที่จะเขียน ความต้องการแรงงานทาส ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้ความต้องการวัตถุมีสูงขึ้น โดยยกตัวอย่าง ตอนที่ลุงเรตต์ของอิฉัน พูดถึงการกักตุนฝ้ายว่า ถ้าลักลอบเอาออกจากอ่าวที่ถูกล้อมโดยพวกแยงกี้ เมื่อมาถึงอังกฤษแล้ว ราคาจะขึ้นสูงถึงปอนด์ละ หนี่งดอลลาร์เหรียญทองเมื่อความต้องการฝ้ายมีมากขึ้น ชาวไร่ฝ้ายย่อมจะต้องการแรงงานมากขึ้น

ทีนี้ละค่ะ เส้นทางค้าทาสเริ่มคึกคัก โดยเฉพาะทาสนิโกรจากแอฟริกา

จากปูมประวัติเมือง Nantes เมืองนี้ ร่ำรวยขึ้นมาได้จากการค้าข้ามฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สินค้าส่งออกและนำเข้า นอกจาก ทองและงาช้างจาก Cotes d'Ivoire แล้ว ก็คือ ทาสค่ะ

การส่งทาสไปขายยังรัฐทางใต้ของอเมริกา ทำรายได้ให้กับตัวเมืองนี้อย่างเป็นกอบเป็นกำเชียวนะคะ นี่แหละค่ะ คือ ส่วนที่เป็นตัวต่อทางประวัติศาสตร์ว่าทาสในเรื่องวิมานลอยมาจากไหน

เห็นไหมคะ การหาหลักฐานและการตีความจะถูกหรือผิดนั้น ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่มาซัพพอร์ตกันเป็นช่วงๆ เรียกว่ามีรอยต่อน่ะค่ะ

ส่วนที่สาม ทีนี้ดึงจากในเรื่องเลยค่ะ โดยชูประเด็น ความสัมพันธ์ระหว่างนายทาสกับทาส และ จริยธรรมแบบชาวใต้อันมีส่วนสัมพันธ์กับการปกครองทาส ซึ่งในมุมมองของชาวใต้ ซึ่งเป็นผู้แพ้ มองแตกต่างจากทางเหนือซึ่งเป็นผู้ชนะ นวนิยายและความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องทาสของทางเหนือที่กล่าวถึงในวิมานลอยนั้น มีที่มาจาก นอกไปจากคัมภีร์ไบเบิลแล้ว พวกชาวเหนือรับเอาอย่างเต็มที่ว่า หนังสือเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอมนั้นเป็นหนังสือที่เปิดความจริงทุกอย่าง

ค่ะ ถ้าใครเคยอ่านกระท่อมน้อยของลุงทอม จะเห็นได้ว่า หนังสือเล่มนี้เน้นความโหดร้ายของระบบทาสอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ซึ่งมาร์กาเร็ต ผู้แต่งวิมานลอยออกจะเห็นขัน และ เย้ยหยันชาวเหนือ ว่า เพียงแต่ลือๆกันไปโดยไม่รู้จริง

แต่มุมมองเกี่ยวกับเรื่องทาสใน "วิมานลอย"นั้น แตกต่างออกไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายนี้ ในสายตาชาวใต้มิได้เป็น นายกับทาส แต่เป็นไปในลักษณะของ "ระบบอุปถัมภ์"เสียมากกว่า

นายทาส คือผู้ดูแลทุกข์สุขทุกอย่าง เปรียบประหนึ่งคนในครอบครัวเดียวกัน ยามดีใช้ยามไข้รักษา ซึ่งถือกันว่า นี่คือ จริยธรรมของชาวใต้

และในทางกลับกัน เมื่อนายให้ความคุ้มครองที่ดี สิ่งที่ได้รับตอบแทนจากทาสคือ ความจงรักภักดี ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนาย และแรงงานที่พร้อมจะมอบกายถวายชีวิตให้กับนายของตนหรือจะเรียกว่า ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน

อย่างที่เราเห็นได้ชัดๆจากความสัมพันธ์ระหว่าง แมมมี่กับสการ์เล็ตต์ ที่เหมือนความสัมพันธ์ของยายผู้ทั้งรักและเอ็นดูหลานสาว แม้จะรู้ว่าเจ้าหล่อนดื้อ รู้ว่าทำไม่ถูก แต่ก็อดจะตามใจเสียมิได้ หรือ พอร์คที่จงรักภักดีกับ เจอราลด์เสียเหลือเกิน จนความรู้สึกนั้น เจือจานมาจนถึงรุ่นลูกของเจ้านายตัวเอง

ฉากที่ประทับใจความเอาใจใส่ของนายอย่าง เจอราลด์ ที่แม้จะสติฟั่นเฟือนก็ยัง จำได้ถึงจริยธรรมของนาย ถ้าใครอ่านคงพอนึกออก ตอนสการ์เล็ตต์ บังคับให้ทุกคนปลูกฝ้าย เก็บฝ้าย แล้วพูดจาไม่ดีใส่ แมมมี่กับพอร์ค เจอราลด์ขู่ลูกสาวตัวเองว่าจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องเอเลน

และแล้วสงครามก็สะบั้นความสัมพันธ์นี้ โดยฉับพลัน ทำให้ทั้งนาย ทั้งทาสเคว้งคว้าง ทาสบางคนก็หลงระเริงไปกับเสรีที่เพิ่งจะมี แต่บางคนกลับรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่วิถีชีวิตของตัวเอง และ ไม่สามารถที่จะดำรงค์ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากนาย ฉากที่ชี้ให้เห็นชัดๆเลย ก็คือ ฉากที่นิโกรแก่ๆนั่งข้างถนน แล้ววิงวอนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ช่วยเขียนจดหมายถึงนายเก่าตัวเอง แม้แต่ ทาสในนาอย่างบิ๊กแซมเอง ก็อดที่จะคิดถึงทาราไม่ได้ แม้จะได้มีโอกาสขึ้นไปทางเหนือ ได้พบได้เห้น แม้กระทั่งได้ร่วมโต๊ะกับคนขาว แต่ก็ยังอดรู้สึกตะขิดตะขวงใจแกมดูถูกเสียมิได้ ดังที่
เขาเล่าให้สการ์เล็ตต์ฟังว่า

....อ้า...คุณครับพวกแยงกี้นี่โง่บัดซบทีเดียว เขาไม่รู้ดอกว่า คนทำงานในนากับในบ้านมันต่างกันอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ ที่ไหนที่เขาจะอยู่ได้อย่างปลอดภัย มีคนดูแลเอาใจใส่หลังจากที่ได้ลิ้มรสอิสระที่เขาต้องการแล้ว

....ผมเบื่อความอิสระเหลือเกินแล้ว ผมมีมากเกินไปเสียแล้ว ไม่มีใครคอยพยาบาลเวลาผมเจ็บ ถ้าเผื่อว่ามเกิดเป็นโรคปอดบวมขึ้นมาอีก คุณนึกหรือว่าผู้หญิงแยงกี้เขาจะพยาบาลผม โอ๊ยไม่มีวันเสียละ เขาเรียกผมว่า คุณโอฮารา แต่เขาจะไม่มีวันที่จะดูแลผมเป็นอันขาด แต่คุณเอเลน เธอพยาบาลผมเวลาผมเจ็บ....

แต่สิ่งที่เขาเล่าให้ฝ่ายแยงกี้ฟังกลับไม่ได้รับความเชื่อถือ อาจจะเป็นเพราะ อิทธิพลของกระท่อมของลุงทอมทำให้ผู้ฟังอยากจะฟังในสิ่งที่ตนคิดและเชื่อ นี่แหละค่ะ ความแตกต่างระหว่างหลักฐานและความเชื่อของทั้งสองฝ่าย

แม้แต่ตัวสการ์เล็ตต์เองก็เถอะ ถึงจะหิวเงิน ไม่แยแสความรู้สึกคนอื่น กลับใส่ใจความรู้สึกของแมมมี่ พอร์ค และ ลุงปีเตอร์ เธอเห็นค่าของคนดำมากกว่าผู้ที่ได้ชื่อว่ามาปลดปล่อยเสียอีกแม้ว่าจะสมประโยชน์กันอยู่กับพวกแยงกี้ แต่เมื่อพวกนี้ดูถูกคนดำ เธอกลับโกรธ ขนาดเลือดขึ้นหน้า เห็นช้างเท่าหมูทีเดียว

อดไม่ได้ที่จะสำแดงความแดกดัน"รับประกันได้ว่า คนดำไม่ใช่มนุษย์กินคน ไว้ใจได้ดีทีเดียว"
..........................สการ์เล็ตต์นึกถึงมือของแมมมีผู้ใจดีซึ่งเลี้ยง เอเลน เลี้ยงหล่อน และ เวดมาจนเหนื่อยอ่อน พวกคนแปลกหน้าพวกนี้จะไปรู้อะไร เรื่องมือของคนดำว่ามันน่ารักและปลอบประโลมใจเพียงไร


หรือ

หล่อนเหลือบมองลุงปีเตอร์ แลเห็นน้ำตาไหลอาบหน้า ทันทีนั้นสการ์เล็ตต์ใจอ่อนลงด้วยความสงสาร เสียใจแทนที่ต้องถูกกระทำให้อัปยศอดสู.......นางผู้หญิงพวกนั้นทำให้ปีเตอร์เจ็บใจ....

สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ก็ไม่ได้เกิดผลดีอะไรเลย นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาการมั่วสุม อย่างฉาก ชานดิทาวน์ นอกจากนี้ ทาสบางส่วนยังไม่รับรู้ และไม่แยแสต่ออิสระและไม่ยอมปลดปล่อยตนเอง ซึ่งไม่ใชแค่ ลุงปีเตอร์ แมมมี่ พอร์ค เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนทีเดียว อย่างเช่น นิกเกอร์ของคุณนายทาลบ็อตผู้เฒ่า ที่อิฉันพบจากการอ่านรอบล่าสุด ว่า จุดเล็กที่พูดถึงตัวละครที่ไม่สำคัญ กลับทำให้สะเทือนใจไม่แพ้ฉากใหญ่ทีเดียว อย่างเช่น ฉากที่ คนขับรถรับจ้าง เข้ามาถามแมมมี่และสการ์เล็ตต์ ตอนที่เดินทางจากทารามาแอตแลนตาเพื่อขอยืมเงินเรตต์ แล้วแมมมี่พูดจาเชิงดูถูกว่าเป็น นิกเกอร์อิสระ อีกฝ่ายถึงกับเป็นฟืนเป็นไฟ

"ใครบอกว่า ฉันเป็นนิโกรอิสระ" คนขับรถร้องด้วยความโกรธ " ฉันเป็นทาสของคุณนายทาลบ็อตผู้เฒ่า รถคันนี้ก็เป็นรถของท่าน ฉันเอามารับจ้างหาเงินให้ท่านต่างหาก"

จุดนี้นับเป็นห่วงโซ่เล็กๆที่ชี้ให้เห็นฉากใหญ่ของวัฒนธรรมชาวใต้ที่แม้จะล่มสลายทางด้านเงินทอง แต่ความผูกพันของนายและทาสยังคงอยู่ นายเคยหาเลี้ยงทาส ให้ความคุ้มครอง แต่ในบัดนี้นายเลี้ยงตัวเองไม่ได้เสียแล้ว เมื่อทาสเองไม่ยอมปลดปล่อยตัวเอง ก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนกันไปทั้งสองฝ่าย หาเลี้ยงตอบแทนบุญคุณกันไป

กลวิธีการประพันธ์ตอนนี้ อิฉันนึกถึง กาเบรียล นักเขียนใหญ่ หนึ่งในตัวละครจาก Suite Francaise ที่เพิ่งได้อ่านเล่าให้ภรรยาฟังว่า การใส่ตัวละครที่ไม่สำคัญ เช่นคนเดินถนนผ่านมา หรือ คนที่ร้องเรียกใคร คนขายของฯลฯ แม้จะโผล่มาเพียงฉากเดียวแล้วแวบหายพวกนี้ จะช่วยเสริมให้ฉากใหญ่เข้มข้นขึ้นได้ ตอกย้ำความสมจริงของฉากนั้นได้มากขึ้น ดีกว่าที่จะสะท้อนแต่มุมของตัวละครหลักเพียงตัวเดียว

นี่เอาแต่ย่อๆจากเปเปอร์ความยาวสามสิบหน้าของอิฉันนะคะ งานนี้อย่าว่ากันเลยค่ะ คือ อิฉันมองในมุมของคนที่เรียนประวัติศาสตร์ ไม่ใช่วรรณคดี ย่อมอดไม่ได้ที่จะหาแฟคต์ในเชิงประวัติศาสตร์มาขยายต่อ มิได้มองในแง่ของกลวิธีการประพันธ์ หรือ เนื้อเรื่องแต่อย่างใด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะเอานวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักฐานตติยภูมิมาใช้นั้น ต้องระวังเรื่องความลำเอียงของหลักฐาน ไม่ว่าฝ่ายชนะ หรือแพ้เป็นผู้เขียน ย่อมเข้าข้างตัวเอง เห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ คนที่จะนำมาใช้ต้องมีวิจารณญาณในการวิเคราะห์ค่ะ

แต่เมื่อมองในแง่มุมเรื่องทาสนี้แล้ว อิฉันอดจะเอามาเปรียบเทียบกับคราวที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงเลิกทาสไม่ได้ เราโชคดีมากนะคะ ที่มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชา วิธีการลดค่าตัวทาสของพระองค์ท่าน แม้จะกินเวลายาวนาน แต่เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่"ช๊อก"ความรู้สึกทั้งของนายและของทาส

ขอประชาสัมพันธ์เรื่องนี้นิดนะคะ (อิฉันมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด แต่เพราะหลงรักนวนิยายเล่มนี้ ) สำหรับใครที่สนใจนวนิยายคลาสสิก "วิมานลอย "ฉบับภาษาไทย อยากจะซื้อเก็บไว้เป็นสมบัติประจำบ้าน อดใจรออีกนิดนะคะ ทางแพรวสำนักพิมพ์กำลังเร่งจัดพิมพ์อยู่ เพื่อฉลองครบรอบเจ็ดสิบปีต้นฉบับภาษาอังกฤษ

ในความคิดของอิฉันนะคะ ถ้าทันเดือนตุลาคมนี้ จะดีมาก เพราะจะตรงกับวันสวรรคตของ สมเด็จพระปิยมหาราชของเราพอดี นวนิยายเล่มนี้ จะเสริมพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ในแง่ของการเลิกทาสโดยไม่เสียเลือดเนื้อได้เป็นอย่างดีทีเดียว
แต่เท่าที่คุยกับ บก. เห็นท่านบอกว่าไม่น่าจะทัน เอาเป็นว่าอิฉันเอาใจช่วยค่ะ เพื่อกำลังใจในการจัดหาวรรณกรรมดีๆเล่มอื่น มาให้คนรักการอ่านได้อ่านกัน

อ้อ ใครอยากจะอ่านวิจารณ์ที่ได้เรื่องได้ราวมากกว่าของอิฉัน เชิญที่นี่เลยค่ะ วิมานลอย
หรือที่นี่ก็ได้นะคะ GWTW

ปล.อาจจะหายไปทั้งหัวทั้งตัวหลายวันหน่อยนะคะ ถ้ากรวดน้ำมาให้คงไม่ได้รับ แต่ถ้าเอา Beaujolais หรือ Cote du Rhone ส่งไปรษณีย์มาให้ ได้แน่นอนค่ะ


Create Date : 15 กรกฎาคม 2549
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 7:41:34 น. 49 comments
Counter : 2373 Pageviews.

 
วันนี้คุณกอคนสวยเขียนยาวมากๆเลยจ้ะ
ขออนุญาติมะอ่านอะจะ แต่ยอมรับว่าเขียนเก่งอะ
รวมเล่มเมื่อไหร่บอกด้วยนะจ้ะ
วันนี้เข้ามาทักทายเฉยๆจ้า ก่อนที่จะเข้าบล๊อคไม่ได้ในตอนสายๆ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:7:55:10 น.  

 
อืมมม วิมานลอย นี่ใช่ Gone with the wind หรือเปล่าครับ

เคยดูหนัง นานมากแล้ว จำไม่ค่อยได้แล้ว

แต่ที่จำได้ดี ไม่ลืม รู้สึกจะเป็น
Gone with the dog (ม.ค.ป.ด.) อิอิอิ


โดย: สะเทื้อน วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:02:34 น.  

 
เคยอ่านสมัยเด็กๆ มากๆ แล้วค่ะ เลือนไปหมดแล้ว พอมาอ่านอีกทีก็เลยรำลึกได้อะค่ะ

จริงๆ ทาสเอง อยู่กับนายที่ดีอย่างบ้านของสการ์เล็ตต์ก็มี อยู่กับนายที่ไม่ดีก็มีค่ะ (จริงๆ เหมือนในวิมานลอยก็มีพูดถึงอยู่บ้างนะคะ)

เต้ยถึงว่า ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ของเราทรงพระปรีชา (อย่างที่เจ๊ว่า) จริงๆ คือลดค่าตัวทาสก่อน ใครที่อยู่กับนายเลวๆ ก็อาจใช้วิธีเก็บเงินเพื่อไถ่ตัวได้ ใครที่ไม่ได้อยากไปมีอิสระก็ยังอยู่ จนกระทั่งท้ายสุดก็ค่อยๆ ทำไป ทำให้คนที่เป็นทาสก็เตรียมใจรับกับอิสระ รับการพึ่งพาตัวเอง


ขอบคุณที่มาเตือนความจำให้นึกถึงหนังสือดีๆ นะคะเจ๊

จะรอรูปหนุ่มสิงคโปร์นะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:53:17 น.  

 
ยินดี ยินดี ฉบับพิมพ์ใหม่

ป.ล. เรื่องนี้หนูอ่านสมัยอยู่มัธยม แอบอยากมีแฟนแบบลุงเรตต์ บัตเลอร์เหมือนกัน เอิ๊กๆๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:56:04 น.  

 
ว่าแล้วก็ไปค้นชั้นหนังสือ
หยิบ วิมานลอย ของตัวเองออกมา
อิชั้นมีเวอร์ชั่นพิมพ์ครั้งที่ 5 ปี 2533
ผู้แปล คือ รอย โรจนานนท์
ซึ่งก็คือ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต นั่นเอง

ทึ่งท่านมากเลยค่ะ ท่านแปลนิยายเล่มหนาปึ้กเล่มนี้เพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเองตอนอายุ 20 ปี (ตอนนั้นอิชั้น ยังไม่เป็นโล้เป็นพายเลย)

เคยได้คุยกับท่าน และบอกท่านไปแล้วว่าปลื้มท่านเหลือเกิน ที่ทำงานยิ่งใหญ่อย่างนี้ออกมา

ป.ล.เพิ่งรู้ว่า จขบ.เรียนประวัติศาสตร์นะคะนี่ มิน่าชอบนิยายอิงประวัติศาสตร์

วัหลัง มาดวล Cote du Rhone กันดีกว่า


โดย: grappa วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:02:16 น.  

 
คุณอินทรีขา
ไม่ว่ากันค่ะ เพราะตอนเขียนก็เมามันกับเรื่องราวที่เพิ่งอ่าน(อีกรอบ) เลยยาวไปหน่อย
คุณสะเทื้อนคะ
ใช่ค่ะ คือ Gone with the wind ตอนหนังออกฉาย( คุณป้าเล่าให้ฟัง)นั้นสาวๆเมืองไทยคลั่ง ปู่ คลาร์ก กันเป็นแถบๆเชียว
ส่วน Gone with the dog นั้น ของอิฉัน กอน ไปบ่อยๆค่ะ อิอิอิ
น้องเต้ยจ๊ะ
ในหนังสือพูดถึงเรื่องทาสกับนายเลวๆนิดเดียวเองค่ะ ส่วนใหญ่จะพูดถึงแต่นายดีๆมากกว่า แม้แต่ สการ์เล็ตต์เอง ตอนที่เล่าเรื่องความกลัวจนทำให้กลายเป็นคนงกให้เรตต์ฟัง ก็ ต้องตบท้ายด้วยคำว่า"คนดำ" กลัวว่าพวกเขาเหล่านั้นจะอดตายพร้อมตัวเอง
อย่างที่เจ๊เขียนไว้เลยค่ะ ว่า หลักฐานเรื่อง"ทาส"ในเล่มนี้ลำเอียงค่ะ
หนูชุนจ๊ะ
นั่นซิ แล้วตอนนี้เราจะไปหาลุงเรตต์ได้ที่ไหนกันล่ะเนี่ย อิอิอิ
ถ้าฉบับพิมพ์ใหม่ออกมา รูปเล่มสวย เจ๊ก็คงจะซื้อเก็บเหมือนกันแหละจ้ะ
คุณ Grappa คะ
เหมือนกันเลย อิฉันเองก็ทึ่งนะคะ ที่ท่านแปลตอนอายุยังน้อยมาก สำนวนดีมากซะด้วยซิคะ
ที่บ้านมีฉบับพิมพ์ครั้งที่สองด้วยค่ะ (ของคุณป้า) แต่ตอนนี้หนังสือเยินเต็มที ถ้าฉบับพิมพ์ใหม่ออก ก็คงจะซื้อเก็บเหมือนกัน เก็บเอาไว้กันเหนียว
ได้เลยค่ะ เรื่องจิบไวน์เนี่ย จะแอบจิ๊กไวน์ดีๆของแม่ไปด้วย อิอิอิ จะได้ช่วยหารเฉลี่ยตัวบาปกัน


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:39:46 น.  

 
พูดแล้วอยากอ่านอีกรอบจังเลยค่ะ เรื่องนี้อ่านแล้วจำได้ว่า อ่านมานานมากๆ แล้วสมัยที่เพิ่งเริ่มจะจับหนังสือหนาปึ๊กมาอ่าน

ชอบในเนื้อหานะค่ะ ตอนแรกร่ำๆ จะวางอยู่หลายหน แต่อ่านแล้วก็ติดใจ แถมอ่านแล้วก็ได้บรรยากาศของทาสสมัยก่อนเชียว พอดีอ่านเรื่องนี้แล้วได้ดูหนัง จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไรแต่เป็นการพูดถึงทาสทางฝั่งอเมริกา โห เห็นแล้วเศร้าค่ะว่า อะไรจะถูกกดขี่กันขนาดนี้ ทั้งใช้แรง และผู้หญิงก็ถูกขืนใจอย่างที่ไม่มีสิทธิโต้แย้ง ไม่ไหวเลยค่ะ อ่านแล้วเหมือนตัวเองจมดินจัง ...

พูดถึงหนังสือถ้าเค้าจะพิมพ์ออกใหม่ยังไงก็คงต้องอุดหนุนซื้อเก็บไว้ล่ะค่ะ เพราะครั้งที่อ่าน หยิบยืมเค้ามา อ่านแล้วตอนนั้นยังไม่มีปัญญาหาซื้อเก็บส่วนตัวได้ ตอนนี้คงไม่พลาดอ่ะค่ะ

พี่นังกอ ไม่มีเวลาแต่ก็ไม่ลืมกันนะค่ะ แหม๊ จะลืมเจ๊บล็อกแก็งก์ได้ยังไง แค่คิดถึงอ่ะค่ะถ้าหากว่าหายไปนานๆ เพราะฉะนั้นวับๆ แวมๆ มามั่งนะค่ะ อย่าหายไปนานๆ เลยเด้อ


โดย: JewNid วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:45:19 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆน่ะค่ะ


โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:57:07 น.  

 

..


วันนี้เจ๊เขียนยาวมั่ก ๆ

เอาเป็นว่า .. จะไปตามวิมานลอย

มาอ่านก่อน ..

แล้วจะกลับมาอ่านของเจ๊นะ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ..


..


โดย: ทิ .. (Ka - Ti ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:03:14 น.  

 
ได้ดูแต่หนังน่ะค่ะ แต่ไม่ได้อ่าน

แวะมาทักทายวันหยุดนะคะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:06:44 น.  

 
พ่อหนุ่มคนนี้เค้าอยู่ห้องหมี(มินอลต้า)เค้ามาแจมทริบค่า ถ่ายรูปสวยมั๊ก เค้าเก่งใช้แฟลชจ้า ย่ายังถ่ายแฟลชไม่เป็นเล้ย
เอารูปมาฝากไปพลางๆก่อนนะคะ อิอิหากติดต่อได้จะมาบอกจ้า


โดย: ดา ดา วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:20:34 น.  

 
เอ่อ มังคุดไม่อ่านนิยายอ่ะค่ะ
อ่านแต่การ์ตูนอย่างเดียว
เพราะตัวหนังสือน้อย

กระท้อนลอยแก้ว อยากกินมากๆเลย
ทำเองไม่เป็น ซื้อเค้ากินอย่างเดียวตอนอยู่กรุงเทพ
คงต้องพับโปรแกรมเป็นเมียน้อยผู้พันแล้วอ่ะค่ะ
เพราะมาดามเล่นปรนนิบัติพัดวีดีขนาดนี้
มังคุดยอมแพ้

นี่ถ้าคนที่บ้านมังคุดไปเจอมาดามเข้า
กลัวจะติดใจจนไม่อยากกลับบ้านนี้เป็นแน่เลย


โดย: mungkood วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:27:32 น.  

 
คุณนิดขา
เล่มหนามากค่ะ วิมานลอย ตอนเด็กๆ อิฉันต้องหัดอ่านหนังสือให้คุณยายฟัง พวก อิเหนา สามก๊ก ขุนช้างขุนแผน เลยชินกับหนังสือเล่มใหญ่ๆน่ะค่ะ
วิมานลอยนี่ชอบมาก ชอบขนาดไปหาเรื่องสการ์เล็ตต์ ที่คนแต่งอีกคนเอามาแต่งน่ะค่ะ อันนั้นอ่านเพื่อความสมบูรณ์ทางจิตใจค่ะ
ที่คุณนิดเคยดู เกี่ยวกับทาสน่ะ สงสัยจะเป็นเรื่อง Roots หรือเปล่าคะ จำได้ว่าเคยมาฉายทางทีวี
หนูอุ๋มจ๊ะ
สุขสันต์วันหยุดเช่นกันค่ะ
เจ้ากะทิเอ๋ย
ขี้เกียจอ่านหนังสือก็หาหนังแผ่นมาดูก็ได้ แต่เจ๊ว่า หนังมันตัดตัวละครออกไปหลายตัวเลยนะ
ค้างคาวคะ
ดูเหมือนกันค่ะ หนังแผ่น ตอนนี้สั่งเพื่อนซื้อดีวีดีมาค่ะ จะเอาไว้เก็บ
คุณย่าดาขา
ขอบพระคุณนะคะ ชอบตรงเค้าถ่ายรูปเก่งนี่แหละค่ะ อิอิอิ
อ้อ กะเคราแพะด้วย
มังคุดขา
มาเข้าคอร์สการเรือนกะเจ๊มะล่ะ เด๋วสอนให้
เจ๊ก้อ่านนะการ์ตูน ชอบโดราเอมอนที่สุด


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:56:43 น.  

 
เจ๊จ๋า..
หนูตารีบมาบอก แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาอ่าน...
หนูตาแพ๊คกระเป๋าแล้วค่ะ ตั๋วอยู่ในมือแล้ว...มาแน่ๆค่ะ เดี๋ยวหนูตาไปใส่ในหลังไมค์ แฉรายละเอียดโครงการเผด็จหัวใจเจ้าชาย...(ที่ต้องหลังไมค์...เราจะได้มีแผนลับไงค้า...)

รักเจ๊จัง...


โดย: Tante Ta วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:21:08 น.  

 
กรี๊ด เจ๊ขา
จริง ๆ หนูจะตามมาอิจฉาตาร้อนคนที่กอดคอกันฟังเพลงโรแมนกระติกแล้วเชียว
แต่พิฟังเจ๊พูดฟังเจ๊บรรยาย ก็เลยต้องเก็บอาการใกล้จะอาละวาด
(ด้วยความอิจยา - ที่มาจากอิจฉา กับริษยา)
เป็นเด็กวิชาการมาแทนที่

หนูเคยไปลงเรียน วิชา ประวัติศาสตร์กับวรรณคดี ของคณะข้าง ๆ ค่ะ เจ๊ขา
แล้วหนึ่งในนั้น จะเป็นกระไรได้ ถ้าไม่ใช่ วิมานลอย
พอจบแล้ว ก็ต้องต่อด้วย กระท่อมน้อยของลุงทอม
จะได้เห็นมุมมองคนละมุม มุมคนละมอง

ประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับการตีความ
แต่นิยายขึ้นอยู่กับความเชื่อและอารมณ์ของคนแต่งอีกต่างหากนะคะ
(ยิ่งเป็นยกกำลังสองไปเชียววว)

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมพาหนูไปเที่ยวด้วยนะคะ
เจ้าชายหนูไม่สน หนูสนแค่อาหารเท่านั้นนน


โดย: หมาเลี้ยงแกะ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:48:23 น.  

 
มาหวัดดีเจ๊จ๊ะ หายปายนานคิดถึงเจ๊ะ

แต่ วิมานลอยจาไปยืม กาทิ อ่านมั่ง


โดย: นางฟ้าตกสะพาน วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:55:07 น.  

 
Madame, มาขอบพระคุณที่ approve วิชา Cooking Course นะคะ...

อ่า....ขนมที่ริบไป...ริบเก๊...หรือ...ริบจิงคะ...


........วันนี้....15 กค. .....Happy Birthday to Our Princess Anne....โสมรัศมี


.....16 กค. พรุ่งนี้ Happy Birthday to ชิด-ชิด
................


โดย: Tinglish วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:16:11 น.  

 
คุณนายขาาา.... คุณน๊ายยยย... คิดถึงจังเล้ยยย วันนี้ได้แว่บกลับมาพัดยาสองสามวันเพื่อทำธุระ เลยถือโอกาสมาอัพบล๊อก รีบแวะมาบอกว่า คิดถึงจ้ะ ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าอีกแระ เด๋วกลับมาอ่านวิมานลอยต่อนะจ๊ะ รีบไปเดินสายก่อนจ้ะ


โดย: P.Ta วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:08:33 น.  

 
ลำเอียงชัวร์ๆ ค่ะ มากาเร็ต มิทเชลคนแต่งเรื่องนี้ฟังประวัติศาสตร์ช่่วงนั้นมาจากคนแก่ที่คร่ำครวญหวนหาอดีตที่ไม่กลับคืน (Gone with the Wind) เป็นความโหยหาอดีตของนายทาสนั่นเอง

แล้วได้ดูหลักฐานจากอีกฝ่ายมามากมายจนเชื่อหลักฐานฝ่ายนี้ไม่ลง ดู Amistad หรือยังคะ น้ำเน่าไปหน่อย แต่น้ำตาร่วงทีเดียว

แค่นี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวมาม่าอืด ซ้วบๆ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:35:09 น.  

 
อ่ะ จัดการมาม่าเสร็จละ มาว่ากันต่อ

จริงๆ ของไทยก็มีเหมือนกันค่ะ เรื่องนายทาสที่ดีกับทาสมากๆ จนเมื่อเลิกทาสแล้วก็ยังอยู่เป็นคนใช้รับเงินเดือนในบ้านต่อไป รู้สึกจะอยู่ในเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก

แต่เราต่อต้านระบบนะคะ ไม่ใช่ต่อต้านคน ความคิดที่จะเอาคนคนหนึ่งไปเป็นทรัพย์สินของคนอีกคนหนึ่งนั้น แค่คิดก็เหลือจะรับแล้ว

คนแต่งอาจจะเห็นว่าการใส่ทาสที่ปล่อยไม่ไปพวกนี้เข้ามาในเรื่องจะเป็นการเชิดชูความดีงามของระบบทาส แต่อีกด้านหนึ่งมันกลับทำให้เห็นว่าระบบนี้ตัดติงสินมือให้คนยืนด้วยตัวเองไม่ได้ต่างหาก

และถ้าคนใต้เห็นคนดำเป็นคนในครอบครัวจริงๆ ก็คงไม่มีปัญหาการเหยียดผิวรุนแรงในเขตนั้นมาตลอดช่วงตอนต้นและตอนกลางศตวรรษที่ 20 ถึงขนาดว่าเมื่อไม่มีที่บนรถเมล์แล้วไซร้ สูเจ้าคนดำที่นั่งอยู่จงยืนขึ้นให้คนขาวนั่งเสียดีๆ หรอกค่ะ (เชิญชวนดูเรื่อง A Long Walk Home น้ำตาร่วงอีกเหมือนกัน)

แต่ทั้งหมดนี้ก็ํเป็นสิ่งที่คิดด้วยเหตุผล เมื่อเวลาดูหนังหรืออ่านหนังสือก็ต้องปล่อยวางตรงนี้ไปตื้ันตันกับการต่อสู้ของสการ์เล็ตต์ก่อน จบแล้วค่อยว่ากันใหม่

แปลกที่ว่าดิฉันไม่ยักกะชอบเร็ตต์แฮะ คงเป็นเพราะดูหนังก่อน และดิฉันไม่ชอบคนมีหนวด

แต่ว่ากรี๊ดสการ์เล็ตต์มากๆ ชอบทั้งตัวละคร ชอบทั้งวิเวียน ลีห์ เธอสวยเด็ดขาดจริงๆ ให้ตายเถอะ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:58:45 น.  

 
"วิมานลอย" ฉบับภาพยนตร์ เห็นผ่านตาไปมาตั้งแต่จำความได้ค่ะ แต่ก็มัวแต่บอกกับตัวเองว่ายังไม่พร้อมที่จะดู ทั้งๆที่มีคนแนะนำให้ดูเพราะเป็นหนังที่ดี แต่คิดว่าคงต้องไปหามาดูบ้างแล้ว อาจจะต้องหาหนังสือมาอ่านก่อนค่ะมาดามขา เพราะหนูชอบจินตนาการตัวเอกไว้ เวลามาดูหนังจะได้ไม่ติดภาพนักแสดงของเรื่องมากนัก


โดย: PANDIN วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:24:30 น.  

 
เรื่องนี้หนูไม่เคยอ่านเลยค่ะเจ๊ หนังก็ไม่ได้ดู เชยจัง
สงสัยต้องขวนขวายไปหามาอ่านแล้วค่ะ
พอดีตอนเรียนหนักไปทางวรรณคดีอังกฤษ เลยไม่ได้เรียนตั้งหลายตัวทางด้านอเมริกา
ขอบคุณที่เอาเรื่องดี ๆ มาฝากค่ะ


โดย: Amber (Amber n the Gang ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:41:57 น.  

 


ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อกนะคะ

ขอแอดด้วยคนนะคะ
จะมาติดตามอ่าน

โมชอบอ่านการ์ตูนอะคะ


โดย: Love U forever. วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:09:03 น.  

 
ไม่เคยอ่านวิมานลอยอ่าเชย ๆ ๆ
อ่านจากที่เจ๊กอบรรยายเรื่องอะไรที่อ่านแล้วบีบคั้นหัวจายเดี๊ยนจาไม่อ่าน
ว่าแล้วก็สมัครสมาชิกนิคมด้วยนะค๊า
วันนี้เพิ่งได้หนังสือใหม่มาอีกเล่ม "วิวาห์อาละวาด" เจ๊กอเคยอ่านยังคะ หนุก ๆ ๆ ขอบอก


โดย: คุณย่า วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:54:53 น.  

 
แวะมาป่วนประจำวันค่ะ


โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:12:28 น.  

 
ไม่เคยอ่านค่ะ แต่ฟังดูแล้วน่าสนใจจัง

มีความสุขมากๆวันหยุดนะค่ะ


โดย: Star in the Sky วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:43:29 น.  

 
เข้ามาทวงอ่ะ อิอิอิอิ


โดย: สะเทื้อน วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:23:51 น.  

 
มะดามอ่านหนังสือเยอะจัง ชิดนับถือๆ

แต่ถึงจะนับถือยังไง หนูก็ไม่ให้คุ้กกี้ร้อก...ฮี่ฮี่


โดย: ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:33:06 น.  

 
เจ๊ขา..เจ๊เป็นนักอ่านตัวยงเลยนะคะนี่
หนูเป้ยังไม่เคยอ่านเรื่อง "วิมานลอย"
แต่เจ๊บรรยายซะหนูต้องรีบไปหามาอ่าน

เดี๋ยวจะเดินตามลิงค์ที่เจ๊ให้ไว้ อดใจไว้ม่ายไหว อยากรู้ค่ะ

คิดถึงเจ๊นะคะ ไปเมืองกาญเที่ยวนี้ พักที่ไหนคะ ..สนุกกับการเดินทางนะคะ


โดย: paemagic วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:37:26 น.  

 
แหม ไม่เคยอ่านแฮะเรา
แต่หนูแฟน บัลซัคนะจ๊ะเจ๊
ขยันเขียนเข้านะจะตามมาอ่านจ้ะ


โดย: beebah วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:08:11 น.  

 
สาระเพียบแปล้เลยค่ะ
ทำไมเวลาเราอ่านนิยาย ไม่เห็นตีความออกมาเป็นฉาก ๆ ได้อย่างนี้เนี่ย?
(ถามเองตอบเอง.. เพราะอ่านแต่โรมานซ์ 555)

ไม่มีเรื่องนี้ค่ะ ไม่เคยอ่านเต็ม ๆ ด้วย
เพราะสมัยก่อนจะไม่ชอบตอนจบแบบเรื่องนี้เอาเลย



โดย: ยาคูลท์ วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:21:32 น.  

 
แล้วจะซื้อมาไว้อ่านบ้างค่ะ หม่องอ่านหนังสือน้อยกว่าเจ๊มากๆ เลย


โดย: thienkam วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:02:15 น.  

 
เพิ่งเช่ามาดูเมื่อ สามเดือนที่แล้วเองค่ะ
และก้อจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ด้วย นอกจากชื่อนางเอก
กับเรื่องคร่าวๆ

ดูเยอะจนงงค่ะ แหะๆ
คุณพี่ กอบัว เก่งจังค่ะ

ตกลงจะไป ปูต๋านกันจิงๆ เหรอเนี่ย อิจฉาๆๆ


โดย: spaceship วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:22:34 น.  

 
เพื่อนคนนึงก็ชอบวิมานลอยมากๆ
มาแนะนำให้เราอ่านตั้งแต่สมัยเรียน
จนตอนนี้เรียนจบมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ


โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:7:54:16 น.  

 
ไม่เคยอ่านครับ
แต่ถ้าเป็น ฉบับภาพยนต์ ได้ดูครับ


โดย: wanwitcha วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:09:42 น.  

 
เจ๊ขา หนูช๊อบชอบเวลาเจ๊เขียนแนวๆ นี้ หนูยังอ่านไม่จบนะคะ ไปได้แค่ครึ่งเดียว แต่ยังทำงานไม่เสร็จเลย ต้องพักไว้ก่อน แต่จะกลับมาอ่านต่อจนจบแน่ๆ ค่ะ คิดถึงเจ๊นะคะ


โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:06:40 น.  

 
บล็อกวันนี้ถูกใจมากมายค่ะ
อ่านสนุกมากเลย
เป็นคนชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับทาส
หนังก็ชอบดูเรื่องเกี่ยวทาส
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันค่ะ
อธิบายความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ
(เอ๊ะ รึจะมีเริ่มรู้สึกตัวว่า
จะเป็นนางทาสรึเปล่าตอนนี้ ขำขำนะคะ^^)

เรื่องวิมานลอยนี่ ได้เคยผ่านๆตา
แต่ไม่เคยอ่านเป็นจริงๆเป็นจังค่ะ
แต่สะดุดตารายชื่อหนังสือค่ะ
เรื่อง สี่ปีนรกในเขมรค่ะ เป็นเรื่องที่ชอบมาก ส่วนบ้านเล็กในป่าใหญ่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ขอเก็บไว้ในใจตลอดไป
หนังก็อบอุ่นมากๆนะคะเรื่องนี้
สมัยช่องเก้าเอามาฉายอ่ะค่ะ

.................
ขอบคุณสำหรับเรื่อง
ข่าวคราวของหนังสือซีดานนะคะ
ตอนนี้กำลังจะเพลาๆการพูดถึงเขาลงหน่อย แบบโดนคนใกล้ตัวหมั่นไส้ค่ะว่า
วันๆสดุดีซีดานจังนะ แฮ่

........


โดย: prncess วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:22:31 น.  

 


เอ่อ เจ๊คับ อ่านเรื่องมีสาระแล้วปวดหัวง่ะ

เอาเป็นว่า อย่าถือสาสมองน้อยๆ ของเราเลยน้า


โดย: chemical shift วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:44:12 น.  

 
หะ โห เจ๊ขา หนูมะได้เรียนสายศิลป์ล่ะ หนังก้ไม่เคยดู หนังสือก็ไม่ได้อ่าน แต่ได้อ่านบทวิเคราะห์ของเจ๊แล้ว หนูว่า เจ๋งค่ะ อาจารย์เจ๊แก open ดีนะคะ เจ๊รู้ปะ ความจริง เราควรเปิดสมองการเรียนให้ได้ทั้งสายวิทย์สายศิลป์เนอะ หนูไม่เข้าใจเหมือนกัน สอนให้คิดเป็นวิทยาศาสตร์ คือการรู้จักคิดหาเหตุผล แต่ตอนเรียน กลับบังคับให้เรียนในระบบไสยศาสตร์คือเชื่อสิ่งที่ครูกับหนังสือพูดโดยไม่ต้องคิด นึกถึงอดีตสมัยเรียนหนังสือแล้ว เซ็งจิตยิ่งนัก


โดย: angy_11 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:20:57 น.  

 
หนังก็ไม่ได้ดูหนังสือก็ไม่ได้อ่าน แต่เห็นภาพหน้าปกวีซีดีแล้วดูท่าจะวิมานลอยหวานๆจริงๆ ทั้งๆที่ถูกเพื่อนมันคาดคั้นให้ดู เราก็ยังไม่ยอมดูสักที

อ่านเรื่องของเจ๊แล้ว ณ มนคงต้องไปดูจริงๆจังสักทีค่ะ


โดย: ณ มน วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:24:59 น.  

 
อ่า....มาดามคะ...คุณยายเคยเล่าให้ฟังว่า....ตอนที่เลิกทาส...มีหลายคน...นั่งร้องไห้...ไม่ยอมไป...เพราะไม่รู้จะไปไหน....ไม่พร้อม..เลิกแล้วไม่รุ้ว่าเลิกทำไม...มีอิสระแล้วจะทำอะไรกับตัวเอง...หลายคนร้องไห้ขออยู่ด้วย...อยู่ติดนามาจนถึงลูกถึงหลานทุกวันนี้เลยค่ะ.....

เอารูปนักเรียนรุ่นกะเตาะของเราที่อิชั้นไปเยี่ยมบ้านที่โคราชมาให้ชมค่ะ...


น้องเนเน่...บลอก Asariss


โดย: Tinglish วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:15:22 น.  

 
มีพี่คนหนึ่งแนะนำให้เข้ามาอ่าน บอกว่าบล็อกนี้มันส์ สงสัยได้เป็นแฟนบล็อก ถึงแม้ว่าเรื่องวิมานลอย และสงครามทาสนั้น จะเกิดมาดูไม่ทัน (อิอิอิ )


โดย: nuyo (CooKiiE ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:23:49 น.  

 
ปล. ชอบรูป โมนาฯ ตอนสติแตกมากเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: nuyo (CooKiiE ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:24:58 น.  

 
อ๊ะ อ๊ะ ถ้าป้ากอมีแฟนเป็นพวกมาเฟีย หรือ พวกยากูซ่า คุณผู้พันก็กลายเป็นประวัติศาสตร์สิคร๊าบ

ปล. บัดดี้ยังไม่เสียหนุ่มนะคร๊าบ บัดดี้มีแค่กิ๊กไว้ชูใจเฉยๆ


โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:2:08:06 น.  

 


แวะมาทักทายคุณกอค่ะ

ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดี อย่าลืมให้ผู้พันกอดอุ่นๆนะคะ


โดย: Arabianangel วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:6:40:06 น.  

 
มาอ่านที่คุณนางกอบรรยายแล้ว ป. ป้า อึ้งทึ่งเสียว
กบในกะลาอย่าง ป. ป้า คงเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ยากเจ้าค่ะ อิฉันมีรอยหยักในสมองอยู่เพียงน้อยนิด เรื่องวิมานลอยนี้เกิดมาก็ไม่เคยอ่าน มันคือเรื่องเดียวกันกับ Gone with the wind รึป่าวเจ้าคะ ไอ่ที่แปลว่าหายไปกับสายลม ภาพยนตร์เรื่องนี้คุณแม่อิฉันท่านชอบมาก แต่อิฉันไม่เคยได้ดูจนจบเพราะไม่ชอบหนังประวัติศาสตร์ค่ะ


ปล. แอบชื่นชมคุณนางกอค่ะ เก่งจัง ท่าทางจะเรียนมาทางด้านนี้ ...


โดย: ป. ป้า (-=.Gay-E-Cha.=- ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:36:32 น.  

 
แวะมาอ่านเช่นกันครับ

ไว้ถ้ารวมเล่มเมื่อไหร่จะหามาอ่านครับ

ปล.ชอบรูปโมนาลิซ่าทำหน้าทะเล้นจังครับ


โดย: Dr.Manta (Dr.Manta ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:37:57 น.  

 
อะโหยาวจังงงงงงงงงงงง
พยายามอ่านอยู่ อ่าน อ่าน อ่าน


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:15:15 น.  

 
ยังไม่เคยได้อ่านเลยค้า แต่เดี๋ยวจาตามไปอ่าน ลิ้งค์ ที่เอามาฝากนะจ้า

รักษาสุขภาพน้า



โดย: Malee30 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:05:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นางกอแบกเป้
Location :
พระนครศรีอยุธยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ไม่มีไรค่ะ

ชีวิตอิฉันคือการเดินทางค่ะ เดินทางมันหมดทุกสัดส่วนตั้งแต่สมอง หัวใจ และ ปลายเท้า ได้พบได้เห็นอะไรมากมายเท่าฝุ่นธุลีของสุริยจักรวาล ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ แล้วแต่เราจะเลือกอย่างไหน ขอให้ผุ้อ่านเรื่อง(ไร้)สาระของอิฉันมีความสุขนะคะ อาเมน
http://www.hanahouse.net/sozai/bg/bg8/tuyu25.gif
Friends' blogs
[Add นางกอแบกเป้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.