Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
3 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
ความรักของแม่

วันนี้ อิฉันก็ค่อนข้างจะยุ่งเป็นอปกติ เพราะโครงการณ์ปลูกผักชี(โรยหน้า) ล้มเหลว เลยต้องมานั่งปลูกผักจริง แต่ระหว่างที่ขี้เกียจทำงาน ( อันเป็นเรื่องปกติ ) เข้าไปอ่านเมล์ที่เพื่อนๆส่งมาให้ เจออันนี้ เข้า เลย โห...ซึ้งค่ะ อ่านแล้วอย่างวิ่งถลาเข้าไปกอดแม่น่ะค่ะ ถ้าไม่นึกขึ้นมาได้ว่า ชีใช้งานอิฉันหนักเกินไป (จะไปฟ้องกรมแรงงานเนี่ย ว่า ชีใช้แรงงานทาส ) แต่ยังไงๆก็ยังรักแม่อยู่ดี อ่านเอาเองนะคะ
**************************
ตึกเซนต์หลุยส์มารี โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ราวกลางปี พ.ศ.2539

“มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ”
โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูสาวประจำระดับชั้นป.4
รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้
เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ

เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์
ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน
หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว
อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรกเข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัด
โดยเก็บงำความแปลกใจไว้

หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ
มิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง
ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย
แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม
คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก
เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา
“ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียมกลัวโดนเพื่อนล้อ
แม่มาที เพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว
แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา”
น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ
มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม
เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการเรื่องที่ลูกไม่ยอมรับ
และไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็วหากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า
ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย

ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก
มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน
เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้
วันที่ิ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2536
หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน...
ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล
ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และลูกชายอีกสามคน
พวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน
ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ
โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน
ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก
ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ
ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็ก สูงจากคันดินราว 25ซม.
คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า
ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย
แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง
ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของ
ระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก

“ถ้าเป็นพวกคุณ น้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร”
มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม
มองหน้าเด็กนักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ
หน้าซีด โดยเฉพาะ “ลูกชาย” ของคุณแม่ท่านนั้น

“ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย คิดไม่ทันใช่มั้ยแต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร”
คุณแม่ไม่ยอมเสียเวลาคิดอะไรเลย ท่านรีบเอามือขวายึดดึงตัวลูกเอาไว้
แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน...ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป
คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที
แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง...แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม่ ขาดสะบั้นลง!
คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที
ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด...เลือดของแม่......
ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็กจนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด
ที่ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...
ที่ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะมือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย ........
คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงานพร้อมๆ
กับเสียงกรีดร้องของคุณแม่
ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ!
คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อย
แต่...มันสายเกินไปแล้ว!
สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที
ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป
ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือนจึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ

มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง ถามขึ้นอีกว่า
“นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ”

“กล้าหาญมาก”
เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า
หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า
มิสมองหน้า“ลูกชาย” ของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า
“นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง
ไหน ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ”

เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง
“วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมาก จริงมั้ยพวกเรา”

“จริงครับๆ ใช่ครับๆ” เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน

“มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อน ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา
ถ้ามี เราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ”

มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด
มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้ อย่างอ่อนโยน ถามว่า
“ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ”

เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ
ครูสาวน้ำตาคลอ ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดี หนักใจอยู่เหมือนกันว่า
หากถามขึ้นมาแล้วไม่มี ใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน.........จะทำอย่างไร?

เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง

ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูก
เพื่อนล้อเลียนประสาเด็ก โดยไม่ทันคิด
หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว
เหลือเพียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น

เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสอุไรพรได้เรียกตัว “ลูกชาย”เข้าไปคุยอีกครั้ง

“วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ”

เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า
“ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่ แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ”

***************
อาจจะไม่อินเทรนด์นะคะ แต่ความรักที่มีต่อแม่ของอิฉันเนี่ย ไม่ใช่แค่ 12 สิงหา วันเดียว แล้วท่านก็ถูกลืมเหมือน ตุ๊กตาเก่าๆฝุ่นเขรอะ แต่ อิฉันรักทุกวัน เพราะชี คือ ยอดคุณแม่ คุยกันได้ทุกเรื่องตั้งแต่ เรื่องแฟน หนังสือ หนัง แฟชั่น ไปจนถึง นั่งดื่มไวน์ด้วยกัน
แต่จะรักชีน้อยลง ตรงที่ ชอบจิกใช้อิฉัน เหมือนประหนึ่ง นางทาสนี่แหละค่ะ


Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2549 12:21:01 น. 27 comments
Counter : 342 Pageviews.

 
dfg


โดย: sdgsdfg IP: 58.10.184.117 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:47:01 น.  

 
ไร อ่ะคนข้างบนน่ะ
หลีกทางให้เด็กเรียนดีเจิมหน่อยก็ไม่ได้อิอิอิ
อันนี้เพิ่งได้อ่านไปเมื่อวานน้ำตาซึมเลยอ่ะ
แป๋มน่ะนอกจากจะสวยแล้วยังอ่อนไหวด้วยค่ะเจ่เจ๊

เจ่เจ๊ต้องรีบกอดนายแม่(เพราะใช้งานเจ้เลยเป็นเจ้านายไปด้วยเป็นแม่ด้วยเลยเรียกนายแม่) เพราะนายแม่รักเจ๊เจ้ที่สุดในโลกอยู่แล้ว รีบกอดก่อนที่จะไม่มีแม่ให้กอด แป๋มก็ชอบกอดแม่ค่ะเจ่เจ๊

ทำงานให้สนุกนะค่ะเจ่เจ๊




โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:02:14 น.  

 
ฮ่วยยยยย มาไม่ทัน ดญ.แป๋มอีกแล้ว
นั่งข้างหลังอีกแล้ว

ปล. ห้ามตดนะ ดญ.แป๋ม อิอิ


โดย: little-joe วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:14:52 น.  

 
คิดถึงแม่อ่ะคับ ... แล้วก็คิดถึงยาย แม่คนที่ 2 ด้วยอ่ะ


โดย: little-joe วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:17:41 น.  

 
พูดถึงความรักจากแม่นี่ซึ้งนะ

พี่กิ๋ว เพลงเสือโคร่ง น่ะตอนผ่าตัดเซ็บบี้น้องสุดท้อง พี่กิ๋วนะถึงกับสาบาน ว่าขอให้เซ็บบี้ผ่าตัดสำเร็จ จะเลิกกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตแหละเจ้ ทั้งที่ปกติพี่กิ๋วชอบกินหมูเห็ดเป็ดไก่ (ก้อยเล่าให้แป๋มอ่านน่ะคะ) แป๋มคิดนี่คือความรักของแม่ล้วนๆๆ ความรักของแม่ทุ่มเทได้ทั้งชีวิตนะคะ

ปล. รุ่นนี้ไม่ตดหรอกเค้าอึเลยจ้าโจอิอิอิอิ



โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:20:27 น.  

 
ซึ้งค่ะ

น้ำตาไหล

ความรักของแม่ ช่างประเสริฐหาใดใด มาเทียบไม่ได้

ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีดี มาให้อ่านนะค่ะ


โดย: Lookpat (LooKPat ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:23:52 น.  

 
น้ำตาจะไหลเลยค่ะป้ากอฯ คนเป็นแม่รักลูกยิ่งกว่าชีวิตตัวเองอีกนะคะ อยากจะกอดแม่ แต่ตอนนี้อยู่ไกลกัน แต่ถ้าไปกอดก็คงจะต้อง กางแขนกว้างๆ เพราะว่าลำตัวแม่อวบหญ่ายนัก สองคนโอบเลยค่ะป้ากอ

ขอให้ผักชีสวยงาม


โดย: ก้อยศรี ณ เฉลียงหน้าบ้านค่ะ IP: 69.225.227.98 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:32:41 น.  

 
ซาบซึ้งๆ


โดย: grappa วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:54:58 น.  

 
อ่านแล้วซาบซึ้งมากเลยค่ะ คุณนาย
แต่ผู้ที่น่าจะได้รับคำยกย่องอีกคน ก็คือ มิสอุไรพร ที่แก้ปัญหาได้ดีมากๆเลยนะคะ

Free Image Hosting


ปอ ลอ วันนี้=วันพรุ่งนี้ของเมื่อวานแล้ว
ไปง้อผู้พันอ๊ะยังจ๊ะ


โดย: P.Ta วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:22:23 น.  

 
แง้


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:49:37 น.  

 
เจ้จ๋าๆๆๆๆๆๆ มาลาไปทำงานแล้วนะ
เจอกันวันอังคารค่ะ
เจ้ทำงานให้สนุกนะคะ



โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:08:05 น.  

 
เพิ่งอ่านเมื่อเช้าเองค่ะ
เพื่อนส่งมาให้ ^^


...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:09:39 น.  

 
ว๊ายยยยยยเจ้ขาวันนี้มาแนว ซึ้งนะคะหนูอ่านแล้วน้ำตาแทบร่วง ขออนุญาติวิ่งไปหาไหล่ผู้ชายหล่อไว้ซับน้ำตาก่อนนะคร๊าเจ้


โดย: อพันตรี วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:26:42 น.  

 
ตายแร๊ว ทำไมหนมชั้นอ่านแล้วน้ำตาไม่ไหลง่ะ สงสัยหนมชั้นจะผิดปกติ แต่หนมชั้นก็รักคุณแม่นะก๊ะ รักมั่กๆ ด้วยอ่า สงสัยมัวแต่แหกตาตี่ๆ อ่านข้อความของเจ๊อยู่แหง๋เลย



ปล. เรื่องอย่างงี้ไม่เหมาะกะเจ๊เลยนะค๊า อย่างเจ๊ต้องอัพแต่เรื่องผู้ชายเท่านั้นค่ะ มันถึงจะได้อารมณ์


โดย: ขนมชั้น...เธอห้ามกิน!!! วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:40:34 น.  

 
ซึ้งจัง รักแม่จ้า....


โดย: ถึงหนูจะไม่สวยแต่หนูก็จนนะคะ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:52:19 น.  

 
เจ๊ค้าบบบบบ

แวะมาเยี่ยมตอนหัวค่ำอ่ะ อิอิ


โดย: little-joe แวะมาตอนหัวค่ำ IP: 210.4.143.236 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:06:07 น.  

 
ไม่มีแม่แล้ว แง แง
แม่ตายได้ปีกว่าแล้วยังร้องไห้คิดถึงแม่ทุกวันเลย วันนั้นทำแกงมัสมั่นสูตรแม่ ทำไมกี่ีทีๆ ก็ไม่อร่อยเท่าแม่ไม่รู้
คิดถึงแม่ค่ะ


โดย: Amber n the Gang วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:41:01 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:09:32 น.  

 
Things like this incident you related to us makes us realize that there is no other love greater than our mother's love.

I also call my mother คุณนายแม่ because I really felt that she was too strict and expected too much of me. When I was young I really thought she wanted me to be a แม่ชี or something.

Now, like you and your mother, I am more a friend to my son and daughter than a mother.

We are both lucky to realize all this in time ... as they say..
"Life is too short and love is too deep."




โดย: Timmie (Tinglish ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:13:06 น.  

 
Yaaay!

I found a new friend from Cookie bear's blog that I managed to invite over to mine!!!!

Thanks for going to visit our blog.


โดย: Timmie (Tinglish ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:6:51:34 น.  

 
ซึ้งจังเลยค่ะ....คิดถึงแม่จังเลยค่ะ


โดย: แม่น้องธัย วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:22:33 น.  

 
เดี๋ยววันนี้จะพยายามอัพรูปน้องธัยเยอะ ๆ เพื่อแม่ยกวีไอพีค่ะ


โดย: แม่น้องธัย วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:25:50 น.  

 
ซึ้งจังคับ

ปล. ผมรักแม่ทู๊กวันเลยยยยยย


โดย: vecchio IP: 202.129.48.226 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:07:11 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยครับ...

ขอบคุณมาก สำหรับเรื่องดีๆนะครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:06:43 น.  

 
เหอ เจ๊กอก็มีเรื่องซึ้ง ๆ เหมือนกัน อิอ คิดว่าจะฮาเป็นอย่างเดียว

แล้วจะเอาหนุ่มสเปนหล่อ ๆ มาฝากนะคร่า อิอ ชอบแบบเข้ม ๆ หรือไม่เข้มคะ


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:27:45 น.  

 





สวัสดีตอนใกล้เที่ยงของ S.D Avenue Hotel นะจ้า


หนึ่งในที่ว่างของหัวใจ
ฉันมีเธอไว้เป็นส่วนหนึ่ง
ในที่ว่างของความคิดถึง
ฉันยังคงมีให้เธอ All The Time.


** Have a good time in this day **



โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:24:56 น.  

 
รักแม่กั๊บ


โดย: พลพล IP: 193.11.235.71 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:01:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางกอแบกเป้
Location :
พระนครศรีอยุธยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ไม่มีไรค่ะ

ชีวิตอิฉันคือการเดินทางค่ะ เดินทางมันหมดทุกสัดส่วนตั้งแต่สมอง หัวใจ และ ปลายเท้า ได้พบได้เห็นอะไรมากมายเท่าฝุ่นธุลีของสุริยจักรวาล ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ แล้วแต่เราจะเลือกอย่างไหน ขอให้ผุ้อ่านเรื่อง(ไร้)สาระของอิฉันมีความสุขนะคะ อาเมน
http://www.hanahouse.net/sozai/bg/bg8/tuyu25.gif
Friends' blogs
[Add นางกอแบกเป้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.