Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
ใครมี "สะเดา"...ยังไม่มี "น้ำปลาหวาน".......ยกมือขึ้น..!!

ก็ยังคิดถึง - จั๊ก...












ใครมี "สะเดา" บ้าง.....ยกมือขึ้นนนน !!

และๆๆ ใครยังไม่มีน้ำปลาหวาน......เอ้า....ยกมือขึ้น !!




ที่เกริ่นแบบนี้...ไม่เกี่ยวกับ ประชาธิปไตย ใดๆนะครับ

เป็นประโยคคำถาม เฉยๆ


ไม่ใช่อะไรหรอกครับ...ถ้าใครมี สะเดา แต่ยังไม่มี น้ำปลาหวาน

ผมมีวิธีทำวิธีปรุง...มาฝากค๊าบบบ



อย่างแรกเลย..เอารูปมาฝากก่อนครับ







ถ้าใครมี สะเดา แล้ว

ผมมีข้อมูลน่าสนใจมาให้อ่านกันก่อนครับ


สะเดา

ชื่อวิทยาศาสตร์ Azadirachta siamensis
ชื่อวงศ์ Meliaceae
ชื่อสามัญ Neem tree
ลักษณะทั่วไป สะเดา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ขึ้นได้ในป่า หรือปลูกไว้ตามบ้าน เปลือกของต้นมีสีน้ำตาลเทาหรือเทาปนดำ แตกระแหงเป็นร่องเล็กๆ ใบเป็นช่อแบบขนนก ใบย่อยรูปใบหอก ขอบใบหยักใบออกเรียงกัน ตรงปลายกิ่งสะเดา จะผลิใบใหม่ พร้อมผลิดอกออกเป็นช่อสีขาว ทุกส่วนของสะเดามีรสขม นำยอดอ่อนและดอกสะเดาลวกน้ำร้อน 2 ครั้ง เพื่อให้หายขม รับประทานเป็นอาหารประจำครอบครัวในช่วงฤดูหนาว เพราะดอกสะเดาจะออกช่อในฤดูหนาว ปัจจุบันเราสามารถรับประทานสะเดาได้ตลอดทั้งปี โดยใช้ยอดอ่อนรับประทานแทนดอกรสชาดอร่อยพอกัน
การปลูก สะเดาเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ทนความร้อนได้ดี ปลูกได้ดีในดินทุกประเภท ต้องการน้ำและความชื้นน้อย ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา ทุกส่วนของสะเดาสามารถนำมาทำเป็นยาได้ เช่น ใบสะเดานำมาตำทำเป็นยาพอกฝี ดอกใช้แก้พิษเลือดกำเดา ผลใช้บำบัดอาการโรคหัวใจเต้นผิดปกติ รากช่วยแก้เสมหะ เปลือกรากรักษาไข้ตัวร้อน นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืชได้อีกด้วย
รายการอาหาร สะเดาน้ำปลาหวาน ยำดอกสะเดา


อ้อ...ผมมีวิธีการลวก สะเดา มาฝากด้วยนะครับ


วิธีการลวกสะเดา
ให้นำดอกสะเดาลวกในน้ำเดือด หรืออาจใช้วิธีต้มลงในน้ำเดือดหรือน้ำข้าวร้อนๆ เพื่อลดความขมลงก็ได้ มรกรณีที่ดอกสะเดาออกมาก รับประทานไม่ทัน ชาวบ้านจะมีวิธีเก็บสะเดาไว้รับประทานนานๆ (การถนอมอาหาร) โดยการเก็บดอกสะเดามาลวก 1 ครั้ง แล้วนำไปตากแดดจนแห้งสนิท เก็บไว้ในที่สะอาดและโปร่ง เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำดอกสะเดาแห้งมาลวกน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่งก็จะได้สะเดาที่มีรสจืด (ไม่ขมหรือขมน้อย) ลักษณะเช่นเดียวกับสะเดาสดทุกประการ


1. ดอกสะเดา รสขมจัด ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ แก้ไข้หัวลม
2. น้ำมะขามเปียก รสเปรี้ยว แก้ไอ ขับเสมหะ เป็นยาระบายแก้ท้องผูก
3. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
4. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
5. พริกขี้หนูแห้ง รสเผ็ด ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อย




เมื่อเรามี "สะเดา" เป็นของตัวเองแล้ว

จะให้ขาดสิ่งใดสิ่งนี้..เป็นไม่ด๊ายยย

นั่นคือ...น้ำปลาหวาน ครับ




ผมไปเจอมาพอดี...

แล้วบังเอิญ...เมื่อวานได้ทาน "สะเดาน้ำปลาหวาน" นี้ด้วยหล่ะคับ

อร่อยดี....เลยอยากหาที่มา...มาฝากกันครับ


เท่าที่หาได้....มี่อยู่ 4 สูตร น้ำปลาหวาน ที่น่าสนใจ

จึงขอตัดมาให้อ่านกันเลยคร๊าบบ



สูตรที่ 1 สะเดาน้ำปลาหวาน แบบออริจิแนว






















สูตรที่สอง น้ำจิ้มสะเดาน้ำปลาหวาน

สูตร ใส่เครื่องสด
















น้ำจิ้มสะเดาน้ำปลาหวาน

สูตร ใส่ขี้โล้


















น้ำจิ้มสะเดาน้ำปลาหวาน

สูตร ใส่ถั่วตัด
















สะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง นิยมใช้เป็นผักในช่วยฤดูหนาว โดยการนำมาลวกกับน้ำร้อน รับประทานกับน้ำปลาหวานและปลาดุกย่าง เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนและเจริญอาหาร พร้อมๆ กับการป้องกันการเกิดไข้หัวลมในช่วงที่ธาตุน้ำกระทบธาตุไฟในต้นฤดูร้อน สะเดารสขมจึงบำรุงธาตุไฟและธาตุน้ำเป็นอย่างดี ปรับธาตุทั้งสองเป็นลำดับใครรู้สึกว่าธาตุใดแปรปวนก็แต่งรสให้สอดคล้องตามธาตุของตัวเอง บางครั้งมีปลาเผา ปลาดุดย่าง รับประทานร่วมด้วยก็ยิ่งเสริมธาตุดินมากยิ่งขึ้น









มาดูประโยชน์กับร่างกายซักหน่อยครับ


สะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่างกาย 1938 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- น้ำ 96 กรัม
- โปรตีน 27.8 กรัม
- ไขมัน 16.1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 331.3 กรัม
- กาก 24.6 กรัม
- ใยอาหาร 8 กรัม
- เถ้า 2.5 กรัม
- แคลเซียม 2038.2 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 751.7 มิลลิกรัม
- เหล็ก 72.5 กรัม
- เรตินอล 2.2 ไมโครกรัม
- เบต้า-แคโรทีน 18055 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 25388 IU
- วิตามินบีหนึ่ง 139.34 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 1.2 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 24.85 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 984.40 มิลลิกรัม






สุดท้าย...เมื่ออาหารพร้อมทานแล้ว..

มีบทกลอนมาฝาก..จากคุณ แก้ว กรุงเก่า แกล้มไปด้วยครับ




ชวนน้องเข้าครัว : ปลาเผา-สะเดา-น้ำปลาหวาน
แก้ว กรุงเก่า


อีกเมนูรับหน้าหนาวบอกสาวเจ้า
คือ...ปลาเผา-ยอดสะเดา-น้ำปลาหวาน
ภูมิปัญญาเลิศล้นคนโบราณ
เป็นอาหารเป็นยาคุณค่าครอง

สะเดาขมนั้นเป็นยารักษาไข้
ทานกับปลาย่างไฟบำรุงสมอง
น้ำปลาหวานแก้ขมคงสมปอง
ให้กินง่ายถ่ายคล่องเชิญลองชิม

เก็บสะเดายอดอ่อนตอนมีดอก
ลวกน้ำร้อนรสขมออกดอกจะนิ่ม
ใส่มะขามแก้สีคล้ำเคยทำชิม
พร้อมกับจิ้มน้ำปลาหวานสูตรนั้นมี

ทอดพริก ทอดกุ้งแห้ง หอมแดงเจียว
น้ำตาลปึกลงเคี่ยวจนได้ที่
ใส่กะปิ มะขามเปียก น้ำปลาดี
ชิมรสมีหวานนำเปรี้ยวตามไป

ย่างปลาดุกตัวกลางกลางจนหนังกรอบ
เผาปลาช่อนก็ของชอบจะบอกให้
ถ้าไม่มีทั้งสองปลาไม่ว่าอะไร
ปลาทูทอดก็ใช้ได้อร่อยดี

ตักเนื้อปลามาใส่ในจานข้าว
ยอดสะเดาเด็ดมาอย่าเบือนหนี
น้ำปลาหวานโรยด้วยช่วยรสดี
พริกทอดมีโรยกุ้งแห้งหอมแดงเจียว

ชอบของขมสมคำขานโบราณกล่าว
ชมเด็กสาวคราวลูกหลานปานจะเกี้ยว
เล่าความหลังตั้งแต่ครั้งยังหนุ่มเปรียว
คนจะเที่ยวชมเรา.....เฒ่าหัวงู





ขอให้อร่อยกับ สะเดาน้ำปลาหวาน มื้อนี้ของคุณกันนะครับ





















Create Date : 11 มกราคม 2551
Last Update : 11 มกราคม 2551 0:00:39 น. 7 comments
Counter : 3684 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะฮันนี่ที่นำสูตรมาฝากกันค่ะ

ป.ล.สะเดาทานไม่เป็นค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:0:06:26 น.  

 
น้ำลายไหลเลยครับ


โดย: ตาอ้วนชวนคุย วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:0:55:33 น.  

 
ที่นี่ไม่มีสะเดาเห็นแล้วอยากกินอ่ะ..

เพลงเพราะจังชื่อไรเหรอคะ..จะสั่งซื้อออนไลนส์


โดย: BLACK BERRIES วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:2:53:33 น.  

 
เห็นแล้วน่ากินจังเลย พอ่ครัว ซ้อมๆ ไว้นะค่ะ อิอิ


โดย: โหน่ง (pat_pk ) วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:8:38:56 น.  

 
เพิ่งทราบนะคะว่าน้ำปลาหวานมีหลายสูตร
เห็นแล้วน้ำลายสอเลยล่ะ


โดย: Xenosaga วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:20:42:22 น.  

 
แวะมาขอบคุณนะคะ..


โดย: BLACK BERRIES วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:22:38:44 น.  

 
โอยยย อ่านแล้วอยากกิน


โดย: Complicatedgirl วันที่: 12 มกราคม 2551 เวลา:4:13:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.