A son says to his father: 'Dad, would you be willingly to run a marathon with me?' วันนึงลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า "พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม"
The father, despite his age and a heart disease, says 'YES'. ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า "ได้ซิลูก"
And they run that marathon, together. หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งมาราธอนด้วยกัน
The son asks: 'Dad, can you run another marathon with me?' Again father says 'YES'. อีกวันนึง ลูกชายได้ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า "พ่อครับ พ่อจะวิ่งมาราธอนกับผมอีกครั้งได้ไหม" แน่นอนว่า พ่อตอบกลับไปว่า "ได้ซิลูก"
They run another marathon, together. เขาทั้งสองก็ได้วิ่งมาราธอนรายการอื่นอีกครั้งด้วยกัน
One day the son asks his father: 'Dad, would please do the Iron Man with me?' และอีกวันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า "พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม"
Now just in case you wouldn't know, 'The Iron Man' is the toughest triatlon in existance; 4km swimming, then 180 km by bike, and finaly another 42 km running, in one stroke. (สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Iron Man คืออะไร มันก็คือไตรกีฬานั่นเองในภาษาไทย รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลกมาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็น ว่ายน้ำ 4 กิโล ปั่นจักรยาน 180 กิโล และ วิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพัก ใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ)
Again father says 'YES' และก็อีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบปฏิเสธ "ได้ซิลูก"
Maybe this doesn't 'touch' you yet by heart ... until you see this movie (put on sound!): บางทีบทสนทนานี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่เกิดความประทับใจกับมัน...จนกระทั่งคุณได้ดูคลิปต่อไปนี้
Rick Hoyt ชายหนุ่มผู้มีความผิดปกติทางสมอง ป่วยด้วยภาวะสมองพิการหรือ cerebral palsy เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนจากสายสะดือพันคอตั้งแต่แรกเกิด หมอที่ดูแลบอกว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเป็น "ผัก" ตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถเดิน พูด และขยับแขนขาได้ และหมอบอกให้ทิ้งลูกไว้เมื่อเขาอายุได้แปดเดือน แต่ผู้เป็นพ่อและครอบครัวไม่ท้อใจ พวกเขาพา Rick กลับบ้านและเพียรพยายามเลี้ยงลูกอย่างดี
ตอนอายุ 12 Rick ได้เรียนรู้โดยการพิมพ์ผ่าน computer ที่ออกแบบพิเศษโดยใช้การเคลื่อนไหวของศีรษะ คำแรกที่เขาพิมพ์คือ "Go Bruins!" ( Bruins เป็นชื่อทีม ice hocky ที่มีชื่อ) ทำให้ครอบครัวได้รู้ว่า Rick เป็นแฟนกีฬาตัวยงเลยทีเดียว
เมื่อ Rick อายุ 15 ปี เขาได้ขออนุญาติคุณพ่อ Dick Hoyt ว่า อยากจะเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งการกุศลแด่นักกีฬาที่ประสบอุบัติเหตุจนพิการ ระยะทาง 5 กิโลเมตร คุณพ่อเห็นด้วยกับความคิดนี้ และพา Rick เข้าร่วมการแข่งขันด้วย โดยคุณพ่อวิ่งและเข็นรถเข็นพา Rick ไปด้วยกัน
เมื่อทั้งคู่ถึงเส้นชัย รอยยิ้มของลูกชาย (คุณพ่อ Dick บรรยายว่าเป็น " the biggest smile you ever saw in your life")
ตอนที่ Rick เกิด มีคนบอกให้คุณพ่อทิ้งเขาไว้ในโรงพยาบาล โดยให้เหตุผลว่า Rick จะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนนิ่งๆไปตลอดชีวิต แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมครับ พาลูกกลับบ้าน ให้ความรักและเลี้ยงดูเหมือนเด็กปกติทั่วไป
ถ้าพ่อแม่ของเขาทิ้งเขาไว้ในโรงพยาบาล โลกคงสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถไปถึงหนึ่งคน ซึ่งเป็นเืรื่องน่าเสีียดายมาก เพราะ Rick เรียน จบ Boston University ด้วยดีกรี Bachelor of Science และได้ทำงานในมหาวิทยาลัย เป็นผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการครับ