อย่างที่บอกไปแล้วในบล็อกก่อน ๆ ว่า ช่วงนี้ ไม่มีเงินเที่ยว เลยขุดรูปเก่า ๆ มาดู แล้วก็อยากแบ่งปัน เผื่อจะทำให้ใคร ๆ อยากไปเที่ยวบ้าง ปีก่อนไปฉลองปีใหม่ที่อียิปต์มากับครอบครัว พอดีว่ามีสปอนเซอร์ใหญ่ออกเงินให้ไม่งั้นคงไม่ได้ไป ที่ผ่านมา มีแต่ออกตังค์ให้แม่ คราวนี้ แม่ออกเงินให้ หุ ๆ จะไม่รีบฉวยโอกาสได้ยังไงไหว ทัวร์คราวนี้ ถูกด้วย 32,000 บาท ไปเที่ยวอเล็กซานเดรีย-ไคโร 5 คืน 6 วัน (ถ้าจำไม่ผิด) ไปกับคณะกลุ่มสถาปนิกเสียด้วย ได้ความรู้เกี่ยวกับรากฐานและการก่อสร้างมาบ้างล่ะ

ประเทศนี้ เป็นอะไรที่อยากไปมานานแล้ว เพราะการ์ตูนเรื่องคำสาปฟาโรห์แท้ ๆ ทำให้ฝันอยากไปเห็นปิระมิดด้วยตาของตัวเองสักครั้ง อีกประเทศที่อยากไปมาก และยังไม่เคยได้ไปเลย ก็คือ ญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่บ้าการ์ตูนญี่ปุ่นขนาดนี้ เฮ้อ....ต้องเก็บเงินต่อไป

ด้วยความที่จำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก เพราะไปกับทัวร์ เลยไม่ได้ตั้งใจศึกษาข้อมูล แบบว่า สบายมีคนบอกให้ เลยจำไม่ได้ ก็เลยขอเล่าเรื่องจากภาพแล้วกันนะคะ

อเล็กซานเดรีย (Alexandria)

สฟิงก์ตัวน้อยที่ซาก Ras el-Tin Palace ในอเล็กซานเดรีย ซึ่งเป็นเมืองท่าอยู่ทางเหนือของอียิปต์ ได้ชื่อเมืองมาจากพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ มหาราช



เสาปอมเปย์ พิลลาร์ (Pompey Pillar) ที่ตั้งตระหง่าน หินที่ใช้สร้างมาจากอัสวาน เป็นซากที่หลงเหลือของวิหาร Serapis ซึ่งสร้างแบบกรีก-โรมัน



ป้อม Fort Qaitbey ที่สร้างตรงบริเวณที่เป็นที่ตั้งของประภาคาร Pharos ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ



ทางเดินภายนอกป้อม ที่สามารถเดินชมทัศนียภาพได้โดยรอบ



ภายในป้อม



แม่ขอสักรูป



ชาวประมงนำเปลือกหอยและผลิตภัณฑ์จากท้องทะเลมาวางขายให้กับนักท่องเที่ยว บริเวณด้านหน้าป้อม



แมวน้อยในอียิปต์



ห้องสมุดอเล็กซานเดรีย ที่ว่ากันว่ามีหนังสือมากที่สุดในโลก

ไคโร (Cairo)

พี่แจสทดลองสูบ Water Pipe ที่ร้านอาหารข้างทาง โดยมีคุณเด่น ไกด์ประจำทัวร์ช่วยให้คำแนะนำ



นักท่องเที่ยวที่มาอียิปต์ จะได้ไปดูของสำคัญ 2 อย่าง คือ การทำกระดาษปาปิรุส และการทำหัวน้ำหอมที่โด่งดังของอียิปต์ เท่าที่ได้ยินมาคล้ายว่าเป็นนโยบายภาคบังคับสำหรับนักท่องเที่ยว ที่เห็นนี้ คือ ขวดแก้วสำหรับใส่น้ำหอมที่ทำเป็นรูปต่าง ๆ



ภาพอุปกรณ์สำหรับทำกระดาษปาปิรุส ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นกก ที่ชาวอียิปต์โบราณนำมาชุบน้ำ แล้วบดให้เป็นแผ่นลีบ กลายเป็นกระดาษสำหรับบันทึกข้อความอักษรฮิโรกิฟฟิกสมัยโบราณ



สาวนักเต้นระบำหน้าท้อง ที่มีหน้าท้องเล็กกว่าเราอีก ฮือๆๆๆ



ได้เห็นปิระมิดกันเสียที



พี่แจ๊สทดลองถ่ายรูปมุมบน ทำท่าเหมือนใช้นิ้วชี้ที่ปิระมิด



ไปขี่อูฐกันดีกว่า จะขึ้นขี่อูฐนี่ต้องต่อให้ดี ตกลงกันให้แน่ ๆ มิฉะนั้นอาจเกิดเหตุ ราคาที่ตกลงกันไว้คือราคาขาขึ้นอย่างเดียว พอจะลงต้องจ่ายอีกครั้ง ไกด์ต่อรองให้ได้คนละ 10 เหรียญ



แอ๊คท่าถ่ายรูปกันใหญ่ ห่อผ้าแบบนี้ ราวกับเป็นพวกเบดูอินเร่ร่อนในทะเลทรายเลย



มุ่งหน้าไปตามเส้นทางโบราณ เพื่อไปสู่ปิระมิดทั้งสาม



อูฐ...เวลานั่งก็โยกเยกน่ากลัวเหมือนกัน แถมจะขึ้นจะลงทีก็แสนลำบาก แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่แสนประทับใจ



ลงจากหลังอูฐก็มุ่งหน้าเดินเท้าไปสู่มหาปิระมิด แห่งกีซ่า ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ สมัยก่อน ผู้คนจะไม่ตั้งบ้านเรือนที่ฝั่งนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นสถานที่ของคนตาย



ไปชมสฟิงก์ ผู้พิทักษ์สุสานราชวงศ์



ทางเข้าไปชมสฟิงก์



สฟิงก์ กับปิระมิดแห่งกิซ่า



รูปปั้นรามเสส (ถ้าจำไม่ผิด)



ปิระมิดขั้นบันไดที่ซัคคาร่า ถือว่าเป็นต้นแบบของปิระมิดทั้งหมด



ทางเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไคโร ซึ่งเป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ตุตันคาเมนทั้งหมด ยิ่งใหญ่ตระการตามากจริง ๆ



ถนนในไคโร ที่นอกจากจะรถติด (แต่กรุงเทพฯ ชนะขาดลอย) แล้ว ยังคราคร่ำด้วยผู้คนอีกไม่แพ้กัน



ปิดท้ายด้วยแท็กซี่ในไคโร เห็นแล้วคิดถึงรถสีชมพูแปร๋น ๆ ในบ้านเราจัง