เริ่มนับถอยหลังกันหรือยังคะ เหลือเวลาอีกเพียงไม่นาน ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดสำหรับการเตรียมการสอบแล้วค่ะ ไม่ทราบว่า ทุกคนพร้อมกันหรือยังคะ

วันนี้ ดิฉันมาตามสัญญาค่ะ คือมาแนะแนวการสอบแบบง่าย ๆ ก่อนอื่น ต้องขอออกตัวว่าดิฉันร้างเวทีการสอบมานาน เพราะฉะนั้น แนวทางที่แนะนำก็คือ แนวทางที่มาจากประสบการณ์ และความคิดของตัวเองว่า ถ้าดิฉันจะต้องลงสนามสอบครั้งนี้ แบบทุก ๆ คน ดิฉันจะต้องเตรียมตัว เก็ง (หรือเกร็ง?) ข้อสอบกันอย่างไร

ปัญหาที่ทุกคนคงกำลังประสบอยู่เหมือน ๆ กัน นั่นก็คือ

1. ความกดดัน จากเงื่อนไขด้านเวลา และด้านข้อมูล เพราะเวลามีน้อยลงทุกที แต่ข้อมูลที่ต้องอ่านกลับมีเสียมากมาย จนไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี ยิ่งพอเห็นกองเอกสารที่ต้องอ่านก็เครียดแล้ว พอเครียดแล้วก็มึน พอมึนก็ไม่อยากอ่าน แถมท้อแท้เข้าไปอีก ฯลฯ

2. กลัวการเขียนภาษาอังกฤษ เพราะความไม่มั่นใจเรื่องทักษะด้านภาษา

สรุปได้ว่ามึน เพราะฉะนั้น วันนี้ ดิฉันมีข้อแนะนำง่าย ๆ มาฝากให้ทุกท่านค่ะ ขอเน้นเรื่องการเขียนข้อสอบอัตนัยอย่างเดียวนะคะ ขอให้คิดว่าเป็นคำพี่สอนน้องแล้วกันนะคะ อย่าคิดมากค่ะ และถ้าไม่ติด ห้ามโทษกันนะคะ อิๆ

อ่านยังไงดีไม่ให้มึน

เรามาเริ่มต้นกันตั้งแต่การเลือกข้อมูลที่จะอ่าน สิ่งที่ควรอ่านเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยประหยัดเวลาในการอ่าน ที่สำคัญการอ่านแบบไร้เป้าหมาย ไร้ทิศทาง จะทำให้คุณจะท้อใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มเข้าสู่สนามสอบ ถ้าใจไม่สู้แล้ว คุณจะพร้อมที่จะสู้ได้อย่างไรกันจริงไหมคะ

ดิฉันคิดว่าทุกท่านคงเตรียมตัวอ่านกันมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้น น่าจะเริ่มจับจุดกันเสียทีว่า เรื่องอะไรที่น่าอ่าน ประเด็นอะไรที่เราควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่การจับประเด็นมั่วแล้ว คุณต้องถามตัวเองแล้วว่า ขณะนี้มีเรื่องอะไรที่เด่น

1) ด้านนโยบายการต่างประเทศของไทย

คุณควรพุ่งเป้าไปที่สถานการณ์ภายในประเทศเป็นหลัก นโยบายการทูตสาธารณะที่เป็นสิ่งที่พูดกันบ่อย ๆ (Public Diplomacy) ของไทย การทูตเพื่อประชาชน การทำงา่นของกระทรวงการต่างประเทศ ด้านการต่างประเทศ ปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ไทยในสายตาชาวต่างประเทศ การเสริมสร้างความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อไทย

แหล่งข้อมูล หาอ่านได้จากเว็บไซต์กระทรวงฯ หนังสือพิมพ์ไทยหน้าข่าวต่างประเทศ บทวิเคราะห์ในหนังสือพิมพ์ไทย รวมทั้งเว็บของสำนักนายกฯ เฉพาะในเรื่องนโยบายด้านการต่างประเทศ

2) สถานการณ์ในภูมิภาค

คุณควรจับตามองว่า อะไรคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคทั่วโลก เรื่องอะไรที่สำคัญต่อโลก เช่น นโยบายการกลับมาของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การเปลี่ยนตัวผู้นำสหรัฐฯ มีผลอย่างไรกับประเทศในภูมิภาค ท่าทีของรัสเซียต่อโลกในปัจจุบัน การเมืองญี่ปุ่น บทบาทของจีน ปัญหาวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในปัจจุบัน ฯลฯ

แหล่งข้อมูล ลองหาข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของไทยฉบับหลัก เช่น Bangkok Post , The Nation หน้าต่างประเทศ นิตยสารรายสัปดาห์ที่มีบทวิเคราะห์ภาษาอังกฤษ เช่น Newsweek, Economist (หาอ่านได้ตามเว็บด้วย ไม่ต้องซื้ออ่าน) แล้วก็น่าจะลองเข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย ซึ่งสามารถหาได้จากการกูเกิ้ลค่ะ อ้อที่สำคัญ พวกหนังสือหนา ที่มีบทวิเคราะห์การเมืองการต่างประเทศที่น่าสนใจก็ลองหาอ่านได้จากห้องสมุดต่าง ๆ ขอซีรอกซ์ได้ค่ะ

3) ความรู้เฉพาะด้าน เช่นเรื่องกฎหมายต่าง ๆ ก็คงต้องอ่านกันเองนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องเฉพาะตัวมาก ๆ ดิฉันเองก็ยังไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้มากนัก ขอให้น้อง ๆ ที่จบนิติมาเตรียมตัวกันเด้อ อิๆ

ภาษาไม่ดีทำไงดีคะ

คำถามนี้ เป็นสิ่งที่ดิฉันได้ยินบ่อยมากค่ะ ถ้าดิฉันเล่าเรื่องชีวิตของดิฉันให้ฟังว่า ดิฉันเป็นคนที่เรียนภาษาอังกฤษตกมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว เป็นคนที่แกรมมาอ่อนมาก ๆ คุณจะเชื่อไหมคะ แล้วดิฉันพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษได้อย่างไร จริง ๆ แล้วการอ่านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ

อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะ ๆ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ชินกับวิธีการเขียน คำศัพท์ทางด้านการต่างประเทศต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อเราเขียนภาษาอังกฤษเป็นมากขึ้น แน่นอนค่ะ ทุกอย่างไม่สามารถทำได้ในชั่วเวลาข้ามคืน แต่ถ้าคุณตั้งใจ ดิฉันเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ อย่ากลัว อ่านไปเลย อ่านไปแล้วก็ลองเขียนโน้ตสรุปสิ่งที่คุณอ่านไปด้วย มันจะทำให้คุณจำได้มากขึ้น เป็นการพัฒนาทักษะการอ่าน และการทำความเข้าใจกับสิ่งที่อ่าน

การเขียนภาษาอังกฤษ ก็เหมือนการเขียนเรียงความไทย จำไว้ว่า คุณควรเริ่มต้นที่ Introduction Body และ Conclusion

Introduction คือการตอบคำถาม เช่น โจทย์ถามว่า คุณเห็นด้วยหรือไม่ คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ฯลฯ ตอบไปเลยค่ะ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แล้วอาจมีการเขียนขยายความบ้าง ประมาณเ่กริ่นนำ แต่ถ้าเป็นคำถามแนวความคิดเห็น ที่ไม่ใช่ให้ตอบว่า ใช่ หรือไม่ใช่ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เมื่ออ่านโจทย์แล้ว ขอให้คิดว่าจะตอบว่าอย่างไร แล้วในช่วงบทนำ ให้เขียนสั้น ๆ ว่าเราคิดอย่างไร

Body ส่วนนี้คือการเขียนอธิบาย คุณเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างไร ขอให้เขียนอธิบายเหตุผลไปว่าทำไมคุณถึงคิดเช่นนั้น คำถามของกระทรวงฯ ส่วนใหญ่ไม่มีถูกผิด แต่มันเป็นเรื่องของเหตุผล คุณจะทำอย่างไรให้เขาเชื่อคุณ คุณก็ต้องโน้มน้าวจิตใจผู้อ่าน ด้วยการบอกเหตุ และผล ขยายความคิดของคุณ ด้วยการใช้ข้อมูลต่าง ๆ ที่คุณอ่านมา ประยุกต์ใช้เพื่อตอบคำถาม

Conclusion อันนี้ คือการสรุปประเด็นทั้งหมดของคุณ

ถ้าถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องเขียนในลักษณะเช่นนี้ มัีนคงไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่ดิฉันคิดว่า กรอบโครงร่างแบบนี้ ช่วยให้เรากำหนดแนวคิดที่จะตอบคำุถามได้ ให้มันอ่านรู้เรื่อง มันช่วยในการจัดลำดับความคิดให้เป็นขั้นเป็นตอน แทนที่จะเขียนสะเปะสะปะไปเรื่อง อ่านไม่รู้ว่าอันไหนคือเนื้อหา อันไหนคือข้อโต้แย้ง (argument) ที่เราต้องการนำเสนอ พออ่านมึน กรรมการก็ไม่อยากให้คะแนนอ่ะนะ

อย่าท้อใจค่ะ

เบื่อได้แต่ห้ามท้อใจนะคะ ที่สำคัญอีกอย่างคือการฝึกเขียนค่ะ ลงมือเขียนลงมือจับเวลาเลยค่ะว่าในเวลาที่จำกัด เราสามารถคิดและตอบโจทย์ ตอบคำถามได้อย่างไร เรื่องนี้ ควรหมั่นฝึกฝนให้มากค่ะ มันจะทำให้เกิดอาการ "ชินมือ" และ "ไม่ตื่น" เมื่อเข้าสู้่ห้องสอบ ที่สำคัญ ควรซื้อพวกคู่มือ และตัวอย่างข้อสอบเก่า ๆ มาลองอ่านดู ลองเขียนตอบคำถาม เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ว่าแล้ว เรามาลองทดสอบการเขียนดูดีไหมคะ

เงื่อนไขการติวครั้งนี้ ก็ง่ายมากค่ะ ขอเชิญชวนให้ทุกท่านที่สนใจ ลองเขียนเรียงความตอบคำถามที่ปรากฏอยู่ในหน้าเว็บนี้ หรือไม่ก็ลองใช้ตัวอย่างข้อสอบที่ซื้อมา เขียนคำตอบเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทยมาให้ดิฉันอ่านดูก็ได้ค่ะ ดิฉันอาจจะช่วยแนะนำอะไรให้ได้บ้าง

กติกา
1. จับเวลา ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงในการตอบคำถามแต่ละข้อ
2. ก่อนเขียนคำตอบควรเขียนโครงสร้างคร่าว ๆ ของความคิดไว้ด้วย อาจเขียนเป็น mind map เพื่อช่วยให้เป็นแนวทางในการขยายความคิดแต่ละข้อของคุณ
3. ความยาวไม่เกิน 1.5 กระดาษ A4
4. ตอบเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
5. ส่งคำตอบมาพร้อมกับคำถาม ท่านละไม่เกิน 1 คำตอบนะคะ โดยอาจเลือกจากคำถามที่ดิฉันทดลองตั้งเล่น ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหน้าเว็บแห่งนี้ หรือเป็นคำถามที่คุณสนใจ หรือเลือกมาจากตัวอย่างข้อสอบเก่า ๆ ค่ะ ส่งมาได้เมลล์ newninie@yahoo.com นะคะ

คำถาม
1. ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐอเมริกาและรัสเซียในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และไทยควรกำหนดแนวนโยบายต่างประเทศอย่างไรในเรืองนี้
2. กระทรวงการต่างประเทศสามารถมีบทบาทเช่นไรในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
3. ท่านคิดว่าไทยได้อะไรจากการเป็นสมาชิก ASEAN
4. ท่านคิดว่า ไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อพม่าในทิศทางที่ถูกต้องแล้วหรือไม่อย่างไร
5. ท่านคิดว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาควรแก้ไขอย่างไร
(โปรดเลือกเพียง 1 ข้อ)

ขอให้ทุกท่านโชคดี เตรียมตัว และเตรียมใจให้เข้มแข็งนะคะ และท่องไว้ค่ะว่า "เราทำได้"