มีนาคม 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
31
 
 
พาแม่ไปเที่ยวเยอรมัน-ออสเตรีย-สวิสเซอร์แลนด์ แบบประหยัด



ปีนี้ ยังไม่มีวี่แววได้ไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ เพราะพลัง M หดหาย เนื่องจากเก็บเงินซื้อของแต่งบ้าน ก็เลยได้แต่นั่งมองรูปเก่า ๆ เฝ้าคิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปมา อากาศร้อนแบบนี้ ชวนให้คิดถึงยุโรป ที่เมื่อ 3 ปีก่อนเพิ่งพาแม่ ๆ ไปเที่ยวมา ด้วยความที่เราไม่ค่อยมีเงินมากนัก แต่อุตส่าห์ถ่อไปถึงยุโรป ก็ต้องอยู่นาน ๆ ให้คุ้มกับค่าตั๋ว ทริปนี้จึงเป็นทริปที่ค่อนประหยัด เน้นความคุ้มค่าทางเงิน และความสนุกเป็นหลัก เพื่อให้แม่ ๆ ที่ไปเที่ยวแถว ๆ นั้นเป็นครั้งแรกได้สบายใจ พวกแม่ ๆ บางครั้งก็เสียดายเงินแทนลูก จะพาไปไหนก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ก็เลยต้องย้ำถึงความประหยัดของทริปนั้น

ทริปของเราใช้เวลาสิบวันเต็ม ๆ เร่ร่อนจากโคเปนเฮเกน-มิวนิก-ฟูเซ่น-อินสบรูก-ลูเซิร์น-ลิกเคนสไตน์-สตาร์บวก-บาเดน บาเดน-โคโลจญ์-โคเปนเฮเกน โดยระหว่างที่อยู่เยอรมัน เราใช้เส้นทางโรแมนติก โร้ด และเส้นทางสวย ๆ ตลอดทาง



วันที่ 1 โคเปนเฮเกน-มิวนิก

เราออกเดินทางด้วยรถยนต์จากโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก โดยจองตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากเดนมาร์กไปเยอรมันเที่ยว 8-9 โมง (จำไม่ค่อยได้) ออกจากเดนมาร์กประมาณหกโมงกว่า เข้าเขตเยอรมันประมาณ 9 โมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็เหยียบยาวไปตามออโตบาห์นของเยอรมัน แบบไม่มีขีดจำกัดในเรื่องความเร็ว จากโคเปนเฮเกนไปถึงมิวนิกจุดหมายปลายทาง ใช้เวลาประมาณ 16 ชั่วโมง (รวมเวลาทานอาหารกลางวัน และเอารถไปซ่อม) ระหว่างทางรถเจ้ากรรมที่มีอายุเกือบ 8 ปี ดันเริ่มเกเร โดยดิฉันนำรถเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มริมทาง พอจอดรถเท่านั้น ควันก็พุ่งโขมง พวกแม่ ๆ รีบกระโดดออกนอกรถทันที ดิฉันและพี่แจ๊สช่วยกันดูว่ารถเป็นอย่างไร เปิดฝาเติมน้ำ ตอนแรกคิดว่าเครื่องร้อน จอดอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจึงเดินทางต่อ....

ไปได้อีกสัก 2 ชั่วโมง ควันก็โขมงอีก คราวนี้ โชคดีที่มีอู่ของโอเปิ้ลอยู่ใกล้ ๆ พอดี เราเลยเอารถไปเข้าอู่ ได้ความว่า ท่อระบายอากาศแตกเป็นรูขนาดเท่ากำปั้น ช่างเยอรมันแสนดี เอาสก็อตเทปกันความร้อนแปะไว้ให้ โดยสร้างความมั่นใจกับเราว่า สามารถขับรถไปเที่ยวได้ตามกำหนดของเรา กว่าจะถ่อไปถึงมิวนิกก็ค่ำมากแล้ว ทานอาหารค่ำแถว ๆ โรงแรมนั่นเอง เสร็จแล้วก็รีบเข้านอนกันทุกคน เพราะเพลียจากการเดินทาง ดิฉันซึ่งเป็นคนขับมาตลอดทาง สลบทันทีที่หัวถึงหมอน

เราพักที่โรงแรมนอกเมืองมิวนิก ราคาจึงไม่แพง ห้องพักแบบสี่คนประมาณ 125 ยูโร



วันที่ 2 มิวนิก-ฟูเซ่น

ขับออกจากมิวนิกแต่เช้า เพื่อตรงไปฟูเซ่น ถนนสายโรแมนติก สวยสมชื่อจริง ๆ ดิฉันชอบมาก ๆ ที่ได้ขับไปตามเส้นทางที่คิดเคี้ยว ผ่านหมู่บ้านเยอรมันเล็ก ๆ ไปตลอดทาง เรามาถึงฟูเซ่นตอนบ่าย ๆ ขับรถผ่านโบสถ์เล็ก ๆ หนึ่งเดียวที่ตั้งตระหง่านอยู่ในทางไปฟูเซ่น ที่จะชมปราสาทอันมีชื่อเสียงโด่งดัง “ปราสาทนอยชวานสไตน์” ของพระเจ้าลุดวิกที่ 2

หลังจากไปลองเช็กราคาโรงแรมแล้วก็ต้องอึ้งในราคาที่ตกประมาณ 30-40 ยูโรต่อหัว เราจึงเบนเข็มไปลองดูตามบ้านที่ปักป้ายว่า Zimmer ที่แปลว่าห้อง (หมายถึงมีห้องให้เช่า) และโชคก็เป็นของเราจนได้ เมื่อเราได้ไปเจอกับบ้านชาวนาหลังโต ที่เปิดเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว คล้าย ๆ กับ B&B ของอังกฤษ บ้านหลังนี้ ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่ดีมาก ด้านหลังบ้านติดกับขุนเขาสูงตระหง่าน มองเห็นโบสถ์สวยที่เมืองฟูเซ่นด้วย





โบสถ์ที่เมืองฟูเซ่น เป็นโบสถ์ที่สวยมาก เพราะตั้งอยู่กลางทุ่งราบ และไม่มีอะไรตั้งอยู่ข้าง ๆ เลย




บ้านชาวนาที่นอนค้าง 2 คืน ภายในกว้างมาก ห้องนอนใหญ่ แม้ทุกห้องจะไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ว่าเป็นโชคของเราอีกที่ทั้งสองวันนั้น ไม่มีใครมาเช่าอยู่เลย พวกเราก็เลยได้ครองห้องกันไปเต็ม ๆ (ค่าที่พัก คืนละ 16 ยูโร ต่อหัว)




ห้องอาหารเช้า




ด้านหลังบ้าน มองดูรก ๆ หน่อย




มองจากหลังบ้านเป็นทางเดินไปสุดสายตา เห็นขุนเขาสูงเบื้องหน้า




จากหลังบ้านยัง มองเห็นโบสถ์ที่ฟูเซ่นด้วย




วันที่ 3 ฟูเซ่น-นอยชวานสไตน์

เราออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะไปปราสาทแห่งเทพนิยายสุดเริ่ดหรูอลังการ ปราสาทต้นแบบของวังเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ “ปราสาทนอยชวานสไตน์” (Schloss Neuschwanstein) ปราสาทแห่งนี้ก็สร้างโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 (Mad Ludwig) โดยออกแบบโดยคริสเตียน จังก์ ซึ่งเป็นนักออกแบบฉากละคร ก็แน่นอนล่ะที่ปราสาทแห่งนี้จะสร้างและออกแบบตามอย่างฉากละครที่มีชื่อเสียง



ปราสาทนอยชวานสไตน์ เห็นเด่นมาแต่ไกล เป็นมุมตรงสะพานที่อยู่ก่อนถึงปราสาท สามารถมองเห็นปราสาทได้ชัดเจนที่สุด




ปราสาทในเทพนิยายแห่งความฝันล้ำลึกเหนือจินตนาการจริง ๆ




มองไปเห็นปราสาทนอยชวานเกาอยู่ลิบ ๆ ปราสาทแห่งนี้เป็นที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียอาศัยอยู่จนอายุ 17 ชันษา




เริ่มเห็นคิวคนรอเข้าไปชมปราสาทแล้ว




ปราสาทนี้ อลังมากค่ะ เที่ยวได้ทั้งวัน กลับออกมาก็บ่ายมากแล้ว เลยแวะทานอาหารว่าง และจิบเบียร์เยอรมันแท้ ๆ ที่ร้านข้างทาง





วันที่ 4 ฟูเซ่น-ลินเดอฮอฟ-อินสบรูก

วันนี้ เราตื่นเช้าอีกแล้ว เพื่อมุ่งหน้าออกจากฟูเซ่นไปยังปราสาทลินเดอฮอฟ ปราสาทหลังเล็ก ๆ ที่มีความสวยงามในแบบนีโอร็อกโคโคที่โดดเด่นมากทีเดียว พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ได้เข้ามาบูรณะปราสาทแห่งนี้ ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติ ราวกับเมืองในฝัน



ปราสาทลินเดอฮอฟ




สวนที่ปราสาทลินเดอฮอฟ


หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เราออกเดินทางจากลินเดอฮอฟไปที่อินสบรูก ออสเตรีย ถนนหนทางที่สะดวกสบายในเยอรมันส่งให้เราไปถึงออสเตรียได้ก่อนหกโมงเย็น เราแวะไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยวเพื่อหาที่พัก แต่ก็ได้รับคำตอบว่าทุกแห่งเต็ม แน่นอนว่านักเดินทางอย่างพวกเราไม่ย่อท้อ ตัดสินใจเปิดแผนที่แล้วเข้าไปถามตาม B&B หรือที่นี่เรียกว่า Pension ซึ่งเป็นบ้านที่เปิดให้เข้าพักได้ในราคาย่อมเยา และแล้วเราก็ได้ที่พักในราคา 20 ยูโร/ หัว

เอาของเก็บใส่ที่พักแล้ว เราก็ออกมาเยี่ยมชมเมืองอินสบรูก โชคดีในช่วงซัมเมอร์แบบนี้ จะมืดช้า เราเลยได้กำไรชมเมืองไปอีกหลายชั่วโมง วันนั้น มีการแสดงที่ลานกว้าง แถว ๆ Golden Roof มีชาวออสเตรียนใส่ชุดพื้นเมืองมาเต้นรำ กันเป็นที่สนุกสนาน

เราแวะทานอาหารค่ำในเมือง เบื่ออาหารฝรั่งแล้วก็เลยทานอาหารเกาหลีแทน อร่อยมาก ๆ สำหรับลิ้นคนไทยอย่างเราที่ต้องทนทานอาหารฝรั่งมาหลายวันแล้ว



ที่พักที่อินสบรูก เป็นบ้านกว้าง ๆ และโชคดีอีกแล้วที่มีแต่พวกเราพักในวันนั้นพอดี หุๆๆๆๆ




บรรยากาศท้องถนนในเมืองอินสบรูก




บรรดาชาวออสเตรียนที่สวมชุดพื้นเมืองเต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน ตรงบริเวณลานกว้าง หน้า ที่สร้างโดยจักรพรรดิ์แม็กซิมิเลี่ยนที่ 1 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อปี 1500 ถือเป็น ที่สำคัญของเมืองอินสบรูก




วันที่ 5 ออสเตรีย-ปีนเขาสูงในไทรอล

อ่านเรื่องได้จากบล็อกเก่าเลยจ้า ไปเที่ยวภูเขาไทรอล





วันที่ 6 ออสเตรีย-ลิคเทนสไตน์-ลูเซิร์น

ขับรถออกจากออสเตรียแต่เช้า เพื่อไปที่ลูเซิร์น ถนนหนทางค่อนข้างโหดกับสภาพรถที่ไม่เต็มร้อย เพราะมีทางลาดชันหลายจุด บางทีเหยียบเบรกจนเหม็นไหม้เลย เล่นเอาเสียว ๆ กันไปตลอดทางว่าจะไปถึงหรือเปล่า

เราไปถึงลิคเทนสไตน์ในช่วงบ่ายต้น ๆ ก็เลยแวะทานข้าวกลางวันที่นั่น และชมเมืองไปด้วย ประเทศนี้นี้เล็กมาก ๆ มีประชากรประมาณ 34,000 คนเอง ในเมืองมีรถไฟขนาดเล็กสำหรับนักท่องเที่ยวพาชมรอบเมืองด้วย สถานที่สำคัญในเมืองก็ไม่มีอะไรมากนัก นอกจากไร่องุ่นของราชวงศ์

ออกจากลิคเทนสไตน์ในตอนบ่ายคล้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปลูเซิร์น ระหว่างทางแวะจองที่พักที่ศูนย์นักท่องเที่ยว ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีบริการบ้าน Pension แบบออสเตรีย (อย่างน้อยในลูเซิร์นก็ไม่มี) ถึงมีราคาก็คงไม่ต่างจากโรงแรมมากนัก เราจึงจำใจนอนพักห้องสำหรับ 4 คน ที่มีราคาสูง 150 ยูโร (เล่นเอาเหงื่อตกไปเลย)

อาหารค่ำแวะไปทานอาหารจีนง่าย ๆ ในเมือง ประหยัดดี




รถไฟสำหรับนักท่องเที่ยว ของลิคเทนสไตน์




ไร่องุ่นสวย ๆ ที่ราชวงศ์ลิคเทนสไตน์เป็นเจ้าของ




สะพานไม้ Chapel Bridge (Kapellbrücke) สัญลักษณ์ประจำเมืองลูเซิร์น




วันที่ 7 อยู่ในลูเซิร์นทั้งวัน

วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากเดินเที่ยวเล่นในเมือง แวะถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ ทุกมุมสวยไปหมด ถ่ายไปได้เพียบเลย ที่จริง มาลูเซิร์นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลูเซิร์นไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่นิดเดียว คราวนั้นมา ก็ซื้อของที่ระลึกเป็นมีดสวิสกลับไป คราวนี้ก็ซื้อไปอีกอันหนึ่งเหมือนกัน



ใครที่มาลูเซิร์นก็ต้องแวะถ่ายรูปกับสิงโตตัวนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญของทหารสวิส ที่ยอมปกป้องพระนางมารีอังตัวเน็ต จนตัวตาย




ภาพสะพานไม้ สัญลักษณ์สำคัญของเมือง




ปีนขึ้นไปเดินบนกำแพงเมือง ทำให้มองเห็นวิวรอบ ๆ เมืองลูเซิร์นได้อย่างชัดเจน




วิวเมืองลูเซิร์นจากกำแพงเมือง




ยามบ่าย อากาศไม่ดีเท่าไหร่ เมฆดำครึ้ม ไม่รู้จะทำไร เช่าเรือถีบล่องทะเลสาปลูเซิร์นกันสักหน่อย



หงส์น้อยในทะเลสาปกว้าง



ใครมาเยือนลูเซิร์น คงอดใจไม่ถ่ายรูปคู่กับสัญลักษณ์ของร้านขายของที่ระลึกประจำเมืองไม่ไหวแน่ ๆ น่ารักออกอย่างนี้



วิวทะเลสาป ท้องฟ้าไม่เป็นใจเล้ย



โรงแรมที่สวิส แพงมาก ๆ แต่ก็เป็นที่เดียวที่หาได้ นี่แหละหนา ที่เค้าบอกว่า “ไปตายเอาดาบหน้า” ก็เลยได้ (กระเป๋าฟีบตาย) เจอของแพงสมใจ




วันที่ 8 ลูเซิร์น-สตราสบวก-บาเดน บาเดน

วันนี้ ตื่นแต่เช้าอีกตามเคย เพื่อเดินทางออกจากสวิสเมืองอันแสนแพงเสียที วันนี้เป็นวันพิเศษ เพราะว่าเราจะไปเที่ยว 3 ประเทศในวันเดียวกันเลย เริ่มต้นทานอาหารเช้าในโรงแรมที่ลูเซิร์น จากนั้น ออกตัว เดินทางไปตามเส้นทาง เข้าไปแวะทานอาหารกลางวันที่สตราสบวก เมืองสำคัญอีกแห่งในฝรั่งเศส เป็นเมืองใหญ่อันดับ 9 ของประเทศ และเป็นที่ตั้งของศาลสิทธิมนุษยชนสหภาพยุโรป

แม้จะอยู่ในเขตฝรั่งเศส แต่สภาพบ้านเมืองก็ออกแนวเยอรมัน คงเป็นเพราะเป็นเมืองชายแดนติดต่อกับเยอรมันนั่นเอง เมืองนี้มีมหาวิหารที่สวยงามมากด้วย เราแวะทานอาหารที่เมืองนี้ ก่อนจะเดินเที่ยวชมเมืองพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ออกเดินทางต่อ โดยจุดหมายของเรา อยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ในเยอรมันที่ชื่อ บาเดน บาเดน ซึ่งเป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส เมื่อร้อยกว่าปีก่อน เมืองนี้ เป็นเมืองสปา ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการรักษาโรคที่โด่งดังของยุโรปในสมัยนั้น ที่ขุนนางผู้ร่ำรวยในรัสเซียและโปรตุเกสต้องเดินทางมาแช่น้ำแร่ที่นี่ โดยการแช่น้ำแร่ที่นี่ก็ยังเปิดให้บริการอยู่

เราแวะพักที่บ้านพักของชาวเยอรมันอีกเช่นเคย เพื่อประหยัดเงิน



ดอกไม้ประดับสะพานในเมืองสตราสบวก สีสวยจริง ๆ



มหาวิหารสตราสบวก ที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก



สภาพถนนหนทางในเมืองสตราสบวก ยังดูออกแนวเยอรมันมากกว่าฝรั่งเศส



บาเดน บาเดน เมืองสปา ในอาคารนี้มีบ่อน้ำแร่ให้บริการนักท่องเที่ยวและชาวเมืองด้วย




วันที่ 9 บาเดน บาเดน-โคโลญจ์

เราออกเดินทางจากบาเดน บาเดน สายหน่อย ก่อนจะพุ่งไปยังโคโลญจ์ กว่าจะถึงโคโลญจ์ก็เริ่มค่ำ พักนอนที่โคโลจญ์หนึ่งคืน เพื่อพักเอาแรง





วันที่ 10 โคโลญจ์-โคเปนเฮเกน

ตื่นเช้าไปเดินเที่ยววิหารกลางเมือง และบ่าย ๆ เราก็ขับรถไปที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นเรือไปยังเดนมาร์ก เราแวะทานอาหารไปตามทาง ไปถึงท่าเรือก่อนเวลาเรือออก แต่รถติดยาวเป็นกิโล ๆ กว่าจะมาถึงท่าเรือได้ ทุกครั้งที่รถจอดนิ่ง ๆ ควันก็คลุ้งไป จนผู้คนพากันหวั่น ๆ สภาพรถเราทีเดียว

ขึ้นเรือกลับโคเปนตอนสองทุ่ม ข้ามฝั่งมาที่เดนมาร์ก ทานอาหารเย็นบนเรือนั่นแหละ จากท่าเรือที่เดนมาร์ก ใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็ถึงโคเปนเฮเกน กลับถึงโคเปน 4 ทุ่มกว่า ไปถึงที่บ้านพัก ไม่ที่จอดรถอีกตามเคย ก็เลยจอดข้างถนน ตื่นเช้ามาเจอใบสั่งเสียบไว้ ต้องเสียค่าปรับตั้ง 500 โครน หรือประมาณ 3500 บาท เล่นเอาเศร้าไปเลย เป็นการปิดท้ายทัวร์ประหยัดของเรา ด้วยของแพงเสียด้วย



วิหารที่เมืองโคโลญจ์







Create Date : 29 มีนาคม 2551
Last Update : 29 มีนาคม 2551 21:15:48 น.
Counter : 8357 Pageviews.

12 comments
  

ขอตามมาเที่ยวด้วยคนนะ และมาชวนไปเที่ยวด้วยกันครับ
จะดำน้ำที่เกาะขามหรือเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักร
อยากไปไหนคลิกที่ภาพได้เลยนะครับ

มิสเตอร์ฮอง @ เกาะขาม 25 มีนาคม 51…มิสเตอร์ฮอง @ สวนจตุจักร

โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:21:49:42 น.
  
แวะมาเยี่ยมค่ะ

อ่านแล้ว..อยากไปมั่งนิ
โดย: แมวดำ_โดนสาป วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:21:51:24 น.
  
เที่ยวซะทั่วเลยนะคะ เห็นแล้วอยากตามรอยมั่ง สวยๆทังนั้นเลย
โดย: Picike วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:22:14:32 น.
  
จะว่าไปก็อยากพาแม่ไปเหมือนกันนะนี่

เหนแล้วน่าสนใจอยู่เหมือนกัน
โดย: zalitalin วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:22:36:42 น.
  
ท่าทางสนุกจังเลย
โดย: rambujan วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:23:10:35 น.
  
อยากไปมั่งจัง แต่ตังค์ยังไม่พอ
โดย: พิกกี้เม้าส์ วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:23:35:54 น.
  
สวยจังเลย ครับ

ติดตามชมครับ
โดย: พนบ. วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:23:54:27 น.
  
ไม่เคยไปยุโรปเลยค่ะ อยากไปเที่ยวแบบประหยัด ๆ มั่งจัง
โดย: ColdOut วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:1:32:18 น.
  
สวยมากเลยค่ะ น่ารักมาก.....
โดย: หมูน้อย IP: 58.9.229.91 วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:18:43:44 น.
  
โดย: fedexfc วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:22:30:34 น.
  
อิจฉาจังค่ะ พาคุณแม่ไปเที่ยวไกลขนาดนั้น อยากพาแม่ไปเที่ยวแบบนี้บ้างจัง แต่ไม่รุว่าจะเหนื่อยและไกลเกินไปสำหรับท่านรึป่าวค่ะ
โดย: gorilly IP: 124.121.174.114 วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:13:53:51 น.
  
เธŠเธทเนˆเธ™เธŠเธกเธเธฑเธšเธ„เธงเธฒเธกเธเธ•เธฑเธเธเธน
โดย: เธงเธ™เธดเธ”เธฒ IP: 125.27.128.52 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:11:37:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ninie
Location :
กรุงเทพ  Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]




ได้ออกประจำการเสียที....แต่ต้องหนีร้อนไปถึงรัสเซียเชียวหรือ จะไหวรื้อ?
เมื่อเขาฉันถามว่า "เธอจะบ้ารองเท้าไปถึงไหน?"
ใครอยากได้วารสารสราญรมย์ หนังสือดี ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ โปรดเข้ามาอ่านด้วยจ้า
Cast away ที่ La a Natu@Pranburi
เมืองไทยในสายตาของพี่แจส ผ่านเลนส์
10 ยอดการ์ตูนผู้หญิงในดวงใจ ภาค 1
เมื่อคิดจะแต่งงานกับฝรั่ง และย้ายฐานทัพมาอยู่เมืองไทย ต้องทำอย่างไร

บ ล็ อ ก ข อ ง เ พื่ อ น