ปีนี้ ยังไม่มีวี่แววได้ไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ เพราะพลัง M หดหาย เนื่องจากเก็บเงินซื้อของแต่งบ้าน ก็เลยได้แต่นั่งมองรูปเก่า ๆ เฝ้าคิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปมา อากาศร้อนแบบนี้ ชวนให้คิดถึงยุโรป ที่เมื่อ 3 ปีก่อนเพิ่งพาแม่ ๆ ไปเที่ยวมา ด้วยความที่เราไม่ค่อยมีเงินมากนัก แต่อุตส่าห์ถ่อไปถึงยุโรป ก็ต้องอยู่นาน ๆ ให้คุ้มกับค่าตั๋ว ทริปนี้จึงเป็นทริปที่ค่อนประหยัด เน้นความคุ้มค่าทางเงิน และความสนุกเป็นหลัก เพื่อให้แม่ ๆ ที่ไปเที่ยวแถว ๆ นั้นเป็นครั้งแรกได้สบายใจ พวกแม่ ๆ บางครั้งก็เสียดายเงินแทนลูก จะพาไปไหนก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ก็เลยต้องย้ำถึงความประหยัดของทริปนั้น ทริปของเราใช้เวลาสิบวันเต็ม ๆ เร่ร่อนจากโคเปนเฮเกน-มิวนิก-ฟูเซ่น-อินสบรูก-ลูเซิร์น-ลิกเคนสไตน์-สตาร์บวก-บาเดน บาเดน-โคโลจญ์-โคเปนเฮเกน โดยระหว่างที่อยู่เยอรมัน เราใช้เส้นทางโรแมนติก โร้ด และเส้นทางสวย ๆ ตลอดทาง
วันที่ 1 โคเปนเฮเกน-มิวนิกเราออกเดินทางด้วยรถยนต์จากโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก โดยจองตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากเดนมาร์กไปเยอรมันเที่ยว 8-9 โมง (จำไม่ค่อยได้) ออกจากเดนมาร์กประมาณหกโมงกว่า เข้าเขตเยอรมันประมาณ 9 โมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็เหยียบยาวไปตามออโตบาห์นของเยอรมัน แบบไม่มีขีดจำกัดในเรื่องความเร็ว จากโคเปนเฮเกนไปถึงมิวนิกจุดหมายปลายทาง ใช้เวลาประมาณ 16 ชั่วโมง (รวมเวลาทานอาหารกลางวัน และเอารถไปซ่อม) ระหว่างทางรถเจ้ากรรมที่มีอายุเกือบ 8 ปี ดันเริ่มเกเร โดยดิฉันนำรถเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มริมทาง พอจอดรถเท่านั้น ควันก็พุ่งโขมง พวกแม่ ๆ รีบกระโดดออกนอกรถทันที ดิฉันและพี่แจ๊สช่วยกันดูว่ารถเป็นอย่างไร เปิดฝาเติมน้ำ ตอนแรกคิดว่าเครื่องร้อน จอดอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจึงเดินทางต่อ....ไปได้อีกสัก 2 ชั่วโมง ควันก็โขมงอีก คราวนี้ โชคดีที่มีอู่ของโอเปิ้ลอยู่ใกล้ ๆ พอดี เราเลยเอารถไปเข้าอู่ ได้ความว่า ท่อระบายอากาศแตกเป็นรูขนาดเท่ากำปั้น ช่างเยอรมันแสนดี เอาสก็อตเทปกันความร้อนแปะไว้ให้ โดยสร้างความมั่นใจกับเราว่า สามารถขับรถไปเที่ยวได้ตามกำหนดของเรา กว่าจะถ่อไปถึงมิวนิกก็ค่ำมากแล้ว ทานอาหารค่ำแถว ๆ โรงแรมนั่นเอง เสร็จแล้วก็รีบเข้านอนกันทุกคน เพราะเพลียจากการเดินทาง ดิฉันซึ่งเป็นคนขับมาตลอดทาง สลบทันทีที่หัวถึงหมอน เราพักที่โรงแรมนอกเมืองมิวนิก ราคาจึงไม่แพง ห้องพักแบบสี่คนประมาณ 125 ยูโร
วันที่ 2 มิวนิก-ฟูเซ่นขับออกจากมิวนิกแต่เช้า เพื่อตรงไปฟูเซ่น ถนนสายโรแมนติก สวยสมชื่อจริง ๆ ดิฉันชอบมาก ๆ ที่ได้ขับไปตามเส้นทางที่คิดเคี้ยว ผ่านหมู่บ้านเยอรมันเล็ก ๆ ไปตลอดทาง เรามาถึงฟูเซ่นตอนบ่าย ๆ ขับรถผ่านโบสถ์เล็ก ๆ หนึ่งเดียวที่ตั้งตระหง่านอยู่ในทางไปฟูเซ่น ที่จะชมปราสาทอันมีชื่อเสียงโด่งดัง ปราสาทนอยชวานสไตน์ ของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 หลังจากไปลองเช็กราคาโรงแรมแล้วก็ต้องอึ้งในราคาที่ตกประมาณ 30-40 ยูโรต่อหัว เราจึงเบนเข็มไปลองดูตามบ้านที่ปักป้ายว่า Zimmer ที่แปลว่าห้อง (หมายถึงมีห้องให้เช่า) และโชคก็เป็นของเราจนได้ เมื่อเราได้ไปเจอกับบ้านชาวนาหลังโต ที่เปิดเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว คล้าย ๆ กับ B&B ของอังกฤษ บ้านหลังนี้ ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่ดีมาก ด้านหลังบ้านติดกับขุนเขาสูงตระหง่าน มองเห็นโบสถ์สวยที่เมืองฟูเซ่นด้วย
วันที่ 3 ฟูเซ่น-นอยชวานสไตน์เราออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะไปปราสาทแห่งเทพนิยายสุดเริ่ดหรูอลังการ ปราสาทต้นแบบของวังเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Schloss Neuschwanstein) ปราสาทแห่งนี้ก็สร้างโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 (Mad Ludwig) โดยออกแบบโดยคริสเตียน จังก์ ซึ่งเป็นนักออกแบบฉากละคร ก็แน่นอนล่ะที่ปราสาทแห่งนี้จะสร้างและออกแบบตามอย่างฉากละครที่มีชื่อเสียง
วันที่ 4 ฟูเซ่น-ลินเดอฮอฟ-อินสบรูกวันนี้ เราตื่นเช้าอีกแล้ว เพื่อมุ่งหน้าออกจากฟูเซ่นไปยังปราสาทลินเดอฮอฟ ปราสาทหลังเล็ก ๆ ที่มีความสวยงามในแบบนีโอร็อกโคโคที่โดดเด่นมากทีเดียว พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ได้เข้ามาบูรณะปราสาทแห่งนี้ ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติ ราวกับเมืองในฝัน
วันที่ 5 ออสเตรีย-ปีนเขาสูงในไทรอลอ่านเรื่องได้จากบล็อกเก่าเลยจ้า ไปเที่ยวภูเขาไทรอล
วันที่ 6 ออสเตรีย-ลิคเทนสไตน์-ลูเซิร์น ขับรถออกจากออสเตรียแต่เช้า เพื่อไปที่ลูเซิร์น ถนนหนทางค่อนข้างโหดกับสภาพรถที่ไม่เต็มร้อย เพราะมีทางลาดชันหลายจุด บางทีเหยียบเบรกจนเหม็นไหม้เลย เล่นเอาเสียว ๆ กันไปตลอดทางว่าจะไปถึงหรือเปล่า เราไปถึงลิคเทนสไตน์ในช่วงบ่ายต้น ๆ ก็เลยแวะทานข้าวกลางวันที่นั่น และชมเมืองไปด้วย ประเทศนี้นี้เล็กมาก ๆ มีประชากรประมาณ 34,000 คนเอง ในเมืองมีรถไฟขนาดเล็กสำหรับนักท่องเที่ยวพาชมรอบเมืองด้วย สถานที่สำคัญในเมืองก็ไม่มีอะไรมากนัก นอกจากไร่องุ่นของราชวงศ์ ออกจากลิคเทนสไตน์ในตอนบ่ายคล้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปลูเซิร์น ระหว่างทางแวะจองที่พักที่ศูนย์นักท่องเที่ยว ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีบริการบ้าน Pension แบบออสเตรีย (อย่างน้อยในลูเซิร์นก็ไม่มี) ถึงมีราคาก็คงไม่ต่างจากโรงแรมมากนัก เราจึงจำใจนอนพักห้องสำหรับ 4 คน ที่มีราคาสูง 150 ยูโร (เล่นเอาเหงื่อตกไปเลย) อาหารค่ำแวะไปทานอาหารจีนง่าย ๆ ในเมือง ประหยัดดี
วันที่ 7 อยู่ในลูเซิร์นทั้งวัน วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากเดินเที่ยวเล่นในเมือง แวะถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ ทุกมุมสวยไปหมด ถ่ายไปได้เพียบเลย ที่จริง มาลูเซิร์นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลูเซิร์นไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่นิดเดียว คราวนั้นมา ก็ซื้อของที่ระลึกเป็นมีดสวิสกลับไป คราวนี้ก็ซื้อไปอีกอันหนึ่งเหมือนกัน
วันที่ 8 ลูเซิร์น-สตราสบวก-บาเดน บาเดนวันนี้ ตื่นแต่เช้าอีกตามเคย เพื่อเดินทางออกจากสวิสเมืองอันแสนแพงเสียที วันนี้เป็นวันพิเศษ เพราะว่าเราจะไปเที่ยว 3 ประเทศในวันเดียวกันเลย เริ่มต้นทานอาหารเช้าในโรงแรมที่ลูเซิร์น จากนั้น ออกตัว เดินทางไปตามเส้นทาง เข้าไปแวะทานอาหารกลางวันที่สตราสบวก เมืองสำคัญอีกแห่งในฝรั่งเศส เป็นเมืองใหญ่อันดับ 9 ของประเทศ และเป็นที่ตั้งของศาลสิทธิมนุษยชนสหภาพยุโรป แม้จะอยู่ในเขตฝรั่งเศส แต่สภาพบ้านเมืองก็ออกแนวเยอรมัน คงเป็นเพราะเป็นเมืองชายแดนติดต่อกับเยอรมันนั่นเอง เมืองนี้มีมหาวิหารที่สวยงามมากด้วย เราแวะทานอาหารที่เมืองนี้ ก่อนจะเดินเที่ยวชมเมืองพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ออกเดินทางต่อ โดยจุดหมายของเรา อยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ในเยอรมันที่ชื่อ บาเดน บาเดน ซึ่งเป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส เมื่อร้อยกว่าปีก่อน เมืองนี้ เป็นเมืองสปา ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการรักษาโรคที่โด่งดังของยุโรปในสมัยนั้น ที่ขุนนางผู้ร่ำรวยในรัสเซียและโปรตุเกสต้องเดินทางมาแช่น้ำแร่ที่นี่ โดยการแช่น้ำแร่ที่นี่ก็ยังเปิดให้บริการอยู่ เราแวะพักที่บ้านพักของชาวเยอรมันอีกเช่นเคย เพื่อประหยัดเงิน
วันที่ 9 บาเดน บาเดน-โคโลญจ์เราออกเดินทางจากบาเดน บาเดน สายหน่อย ก่อนจะพุ่งไปยังโคโลญจ์ กว่าจะถึงโคโลญจ์ก็เริ่มค่ำ พักนอนที่โคโลจญ์หนึ่งคืน เพื่อพักเอาแรง
วันที่ 10 โคโลญจ์-โคเปนเฮเกนตื่นเช้าไปเดินเที่ยววิหารกลางเมือง และบ่าย ๆ เราก็ขับรถไปที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นเรือไปยังเดนมาร์ก เราแวะทานอาหารไปตามทาง ไปถึงท่าเรือก่อนเวลาเรือออก แต่รถติดยาวเป็นกิโล ๆ กว่าจะมาถึงท่าเรือได้ ทุกครั้งที่รถจอดนิ่ง ๆ ควันก็คลุ้งไป จนผู้คนพากันหวั่น ๆ สภาพรถเราทีเดียวขึ้นเรือกลับโคเปนตอนสองทุ่ม ข้ามฝั่งมาที่เดนมาร์ก ทานอาหารเย็นบนเรือนั่นแหละ จากท่าเรือที่เดนมาร์ก ใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็ถึงโคเปนเฮเกน กลับถึงโคเปน 4 ทุ่มกว่า ไปถึงที่บ้านพัก ไม่ที่จอดรถอีกตามเคย ก็เลยจอดข้างถนน ตื่นเช้ามาเจอใบสั่งเสียบไว้ ต้องเสียค่าปรับตั้ง 500 โครน หรือประมาณ 3500 บาท เล่นเอาเศร้าไปเลย เป็นการปิดท้ายทัวร์ประหยัดของเรา ด้วยของแพงเสียด้วย
ได้ออกประจำการเสียที....แต่ต้องหนีร้อนไปถึงรัสเซียเชียวหรือ จะไหวรื้อ? เมื่อเขาฉันถามว่า "เธอจะบ้ารองเท้าไปถึงไหน?" ใครอยากได้วารสารสราญรมย์ หนังสือดี ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ โปรดเข้ามาอ่านด้วยจ้า Cast away ที่ La a Natu@Pranburi เมืองไทยในสายตาของพี่แจส ผ่านเลนส์ 10 ยอดการ์ตูนผู้หญิงในดวงใจ ภาค 1 เมื่อคิดจะแต่งงานกับฝรั่ง และย้ายฐานทัพมาอยู่เมืองไทย ต้องทำอย่างไร
Friends' bloggang MingDK TIDTYCHAN MoneyPenny แมวดำ_โดนสาป *พิณ* แมลงวันยิ้มแฉ่ง ColdOut Webmaster - BlogGang
ขอตามมาเที่ยวด้วยคนนะ และมาชวนไปเที่ยวด้วยกันครับ
จะดำน้ำที่เกาะขามหรือเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักร
อยากไปไหนคลิกที่ภาพได้เลยนะครับ