:: (ไม่)วุ่นนัก รักข้างบ้าน11 ::







...ความรักกิน(ไม่)ได้...






...ความรักกิน(ไม่)ได้ ... ความรักกิน(ไม่)ได้ ...


ท่องเอาไว้สายฝน ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ... หญิงสาวพยายามบอกตัวเองให้ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ โดยพยายามตัดคำว่าไม่ในวงเล็บออกไป ...ได้สิ ความรักต้องกินได้สิ...

แม้ไม่รับรู้ความอิ่มเอมทางระบบทางเดินของร่างกาย แต่ในส่วนของระบบทางเดินของหัวใจ มันอิ่มเอมไม่แพ้อาหารจานไหนๆ เลยแหล่ะ ... คิดแล้วก็สะบัดหางม้าไปด้านหลังและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วเดินเข้าไปสู่บริเวณห้องโถงของโรงแรมขนาดกลาง ที่ดูหรูหราไม่แพ้โรงแรมไหนๆ ในเมืองนี้


หลังจากที่คุยกันทางโทรศัพท์กับฟรานเชสโก้ในวันนั้นแล้ว หญิงสาวก็มีโอกาสได้พบกับเขาทันที ราวกับว่าเขามีเวลาว่างเหลือเฟือ เธอไม่อยากเข้าข้างตัวเองนัก แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาให้เห็น ก็คือเขามีเวลาให้เธอ เขาตั้งใจเจียดเวลาที่มีค่าเพื่อเธอต่างหาก เมื่อคุยกันเรียบร้อย เขาจัดการให้เธอได้เข้ามาทำงานในแผนกต้อนรับที่ต้องการพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งก็ไม่เกินความสามารถของสายฝน...ขอบคุณความรู้งูๆ ปลาๆ และความพยายามในช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ทำให้ภาษาอังกฤษของเธอใช้ได้ทีเดียว


เริ่มงานมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ สายฝนก็เริมเรียนรู้สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับงานได้มากขึ้น ฟรานเชสโก้ดูแล เทคแคร์ดีเหลือเกิน ถ้าความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และเกิดขึ้นกับใครก็ได้ตามที่ใจเราปรารถนา สายฝนก็เฝ้าบอกตัวเอง เฝ้าภาวนากับตัวเอง ว่าอยากให้เป็นเขาจังเลย


...แต่ทำไม ทำไมกันนะ ในช่วงวลาที่ผ่านมา มีแต่ผู้ชายตาคมคนนั้นคนเดียว ที่เป็นเงาเฝ้าหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา ในยามตื่นก็คิดถึงเขา ห่วงใย กังวล ในยามหลับ ...อิผีตาคริส ก็ยังตามมาหลอกหลอนกันอีกจนได้...

...เชอะ...มาหลอกหลอนกัน แต่ไม่มาหากัน ไม่โทรหากัน... คอยดูนะ เจอหน้าเมื่อไหร่ จะเชิดใส่เสียให้เข็ด...มากไปแล้วนะ ระยะห่างบ้าบออะไรกัน มันถึงได้นานข้ามอาทิตย์แบบนี้...


สายฝนได้แต่ฮึมฮัมในใจ โดยลืมนึกไปว่า เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมามันสั้นนิดเดียว และเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ต่างคนต่างถอยห่างออกมา เพื่อมองความสัมพันธ์ให้ชัดเจนขึ้น แต่การต้องอยู่ไปวันๆ โดยมีความคิดคำนึงของเรา ผูกติดอยู่กับคนอื่นนั้น มันช่างยาวนานจนเธอเองหงุดหงิดใจ


แต่ก็ดีแล้วล่ะ ...เมื่อมีระยะห่าง มีช่องว่างอย่างนี้ ก็อาจจะทำให้เธอได้มองเห็นอะไรมากขึ้น ความรักของเด็กมันก็คงเป็นแบบนี้แหล่ะมัง เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่หญิงสาวเองก็เป็นวัยรุ่น ความรักมันเกิดขึ้นง่ายดายจะตายไป แค่เจอคนที่น่าสนใจ คนที่วาดฝัน ตั้งความหวังไว้ หรือแค่เจอคนที่ทำให้หัวใจวูบไหว ใจก็พร้อมจะอ่อนยวบยาบ ความรักโบยบินมาง่ายๆ แล้วก็จากไปอย่างง่ายๆ เหมือนตอนที่มันโบยบินเข้ามา


...คริสเคยบอกว่าเขารักเธอในเวลาอันสั้น หากว่าในตอนนี้ความรักของเขาจะหมดอานุภาพลง เพราะฮอร์โมนอันพุ่งพล่านของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งได้ถูกปลดปล่อยไปแล้ว ก็คงไม่แปลกอะไร...


...แต่แปลกที่หัวใจเธอนี่สิ ทำไมแค่คิดว่าเขาจะหมดเยื่อไยลง ก็ทำให้หัวใจโหวงเหวงได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ?...






เย็นนี้หลังเลิกงาน หญิงสาวมีนัดทานข้าวกับฟรานเชสโก้เพื่อปรึกษาเรื่องของระบบการทำงาน ซึ่งสายฝนคิดว่ามันเป็นข้ออ้างของฟรานเชสโก้เสียมากกว่า แต่ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องปฏิเสธมิตรภาพดีๆ ที่เขาหยิบยื่นให้ เพราะว่าเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แม้ว่าชายหนุ่มคนนั้น จะหนักแน่นและมั่นคง ตรงไปตรงมากับความตั้งใจจริงของเขา ที่เขาบอกว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนที่พร้อมจะขยับฐานะมาเป็นคนรู้ใจ ขอเพียงเธอเปิดโอกาสให้เขาเท่านั้น


... ไม่อยากรับเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงส่วนมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเธอเอง...ผู้หญิงเรานะ มักแพ้ทางให้กับผู้ชายมุ่งมั่นและตั้งใจจริงนี่แหล่ะ...


ชายหนุ่มตั้งใจที่จะรับสายฝนออกมาพร้อมกัน แต่หญิงสาวขอมารอที่ร้านดีกว่า อย่างน้อยเพื่อป้องกันคำครหาของเพื่อนร่วมงาน...คิดแค่นั้นจริงๆนะ ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของใครบางคนเลย...สายฝนบอกตัวเอง...หุหุ บอกตัวเอง หรือกำลังหลอกตัวเอง


ฟรานเชสโก้ในเสื้อเชิ๊ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นแค่ศอก กางเกงแสลคสีเทาและเสื้อสูทพอดีตัว ถูกถอดพาดไว้ที่พนักเก้าอี้...รูปร่างสูงสง่าผมสีอ่อนและดวงตาสีอ่อน ที่แหวกและแตกต่างไปจากหนุ่มอิตาลีทั่วๆ ไป รวมไปถึงบุคลิกภาพยอดเยี่ยม เขาดูหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรในนิยาย...และเขาช่างเหมือนกับพระเอกในฝัน ในนิยายของลินน์ กราแฮม ที่สายฝนเคยได้อ่าน อาจจะด้อยกว่านิดหน่อย ตรงที่เขาคงไม่ได้รวยล้นฟ้ามีเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน มีบ้านพักอยู่ในทุกประเทศที่ผ่าน มีเกาะส่วนตัวเหมือนพระเอกของลินน์ กระมัง


...แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าเบื้องหลังของผู้ชายตรงหน้าเป็นอย่างไร...


อาหารที่สั่งไปเดินทางมาถึงในเวลาไม่นาน...อาหารหน้าตาน่าทาน เพื่อนร่วมโต๊ะที่คุยสนุก อาหารมื้อนี้คงอร่อยกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะประตูร้านถูกเปิดเข้ามาโดยใครบางคน ใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้ว ...สเต๊กชิ้นโตถึงก็ติดคอสายฝนเลยทีเดียว...ถ้าเทพบุตรนั่งอยู่ตรงนี้ นั่นก็คงเป็นซาตานลล่ะมัง


...แต่เป็นซาตาน ที่หล่อที่สุดในสามโลก...


คริสในชุดเสื้อหนังสีดำสนิท กับกางเกงยีนต์สีเดียวกัน เพื่อนกลุ่มใหญ่ของเขาอีก เดินเข้ามาในร้านและจับจองโต๊ะที่อยู่ติดกับโต๊ะของสายฝน


...คงเป็นเรื่องบังเอิญมัง...นางฟ้าที่ไหล่ขวาของสายฝนคิด


...ไม่..ไม่...ไม่...มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ซาตานน้อยๆ อย่างนายคริส ตั้งใจแน่นอน... นางมารร้ายที่ไหล่ซ้ายแย้งทันควัน


"เฮ้...ฟราน บังเอิญจัง" คริสลุกมาทักทายฟรานเชสโก้ "มาทานกลางวันที่นี่เองหรือ ฉันกะว่าจะไปหานาย แต่ไม่ได้ไป เพราะโทรไปเลขานายบอกว่านายออกไปข้างนอก ไม่นึกว่าจะบังเอิญมาเจอที่นี่"

ฟรานเชสโก้ยิ้มรับ "อ้อ พอดีพาพนักงานใหม่มาคุยงานน่ะ นี่ไง" ว่าแล้วก็ "คุณสายฝน เพื่อนแม่นาย ตอนนี้เธอมาทำงานกับฉันแล้ว"

"หวัดดีคริส" สายฝนทักอย่างเสียมิได้ คริสมิได้กล่าวว่ากระไร เพียงแต่พยักหน้าให้นิดนึง

"ตั้งใจไปหาฉัน มีอะไรหรือเปล่า" ฟรานเชสโก้ถาม

คริสตอบ" มีนิดหน่อย แต่เอาไว้ค่อยคุยกัน" ก่อนจะเหลือบมองอาหารบนโต๊ะ

"อ้าว..ยังไม่ได้กินกันเลยนี่ "

"กำลังจะเริ่ม มานั่งด้วยกันมั๊ย" ฟรานเชสโก้เอ่ยชวน แล้วคริสก็พยักหน้า

"แล้วเพื่อนๆ นาย?"

"ไม่เป็นไรหรอก ไอ้พวกนี้ ปล่อยมันไปเถอะ...กินข้าวกับพวกมันทุกวัน เบื่อ กินข้าวไม่ลง.." คริสแสร้งทำเป็นพูดดังๆ เพื่อนๆ ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะติดกัน ได้แต่โห่ฮิ้ว..ว..กันไป ก่อนที่ใครคนหนึ่งในกลุ่มจะแซวขึ้นมา

"ไม่เห็นหน้าสาว...กินข้าวไม่ลง"


มื้อนั้นจะว่าไป ก็เกือบอบอุ่นดีเหมือนกันสำหรับสายฝน เพราะด้านซ้ายไหล่ขวามีนางฟ้าประจำกายคอยเคียงข้าง ส่วนไหล่ซ้ายนางมารร้ายก็คอยชะเง้อคอรอดูท่าที...ที่สำคัญ คนตรงหน้าที่คอยตักอาหารมาส่งให้ คอยส่งตาหวานอยู่เนืองๆ นั้น เกือบทำให้เจริญอาหารอยู่แล้วเชียว แต่ก็กลับกลืนไม่ลงเสียสิ้น เมื่อคนที่นั่งอยู่ขวามือนั้น คอยส่งสายตาเข้มๆ ขุ่นเคืองมาให้อยู่เรื่อยๆ ...สุดท้ายสายฝนก็ทานข้าวไม่อร่อยอย่างที่หวัง


...เพราะแม้สายตาหวานกับสายตาคมเข้มจะอย่างละหนึ่งคู่เท่ากัน แต่ก็ไม่สามารถหักลบกันเป็นศูนย์ไปได้ คงไม่ต้องบอกตัวเองซ้ำซาก ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าสายตาคู่ไหน ที่มีอิทธพลกับหัวใจและกะเพาะอาหารมากกว่ากัน...


แล้วมื้อนั้นก็จบแบบที่ปรึกษางานอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เมื่อคริสและผองเพื่อนโต๊ะข้างๆ ย้ายมาสวนเสเฮฮาด้วย กินเวลาไปมากโข จนฟ้ามืด จึงเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน ฟรานเชสโก้อาสามาส่งตามเคย โดยมีคริสขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งตามท้ายรถมาตลอด โดยให้เหตุผลว่า


...กลับทางเดียวกัน...


ซึ่งมันก็ถูก ... บ้านอยู่ทางเดียวกัน แต่อย่าคิดว่าจะไม่รู้นะ ว่าอะไรเป็นอะไร


คริสขับรถเลยผ่านไปยังบ้านของเขา เมื่อฟรานเชสโก้ชะลอรถคันหรูลงแล้วเอ่ยลา ชายหนุ่มเอ่ยลา และขาอาสามารับในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่หญิงสาวปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

เมื่อฟรานเชสโก้กลับไปแล้ว สายฝนชะโงกหน้าอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านไปยังฝั่งตรงกันข้ามกับรถที่เลี้ยวกลับของฟรานเชสโก้ ซึ่งเสียงไฟที่ส่องสว่างไปตามถนนซึ่งมุ่งสู่บ้านของคริสนั้นเลือนลางเหลือเกิน

...ชิส์...ไม่เห็นจะสนใจ ไม่กลับมาก็ไม่สนใจ ขอให้นายปวดท้องจนต้องร้องไห้ ขอให้นายเดินชนเสาจนหัวแตก ขอให้นายสะดุดบันไดหัวทิ่ม ที่ทำให้ฉันกระวนระวายใจขนาดนี้... ไอ้เด็กบ้า... แช่งชักหักกระดูกคนหล่อก่อนจะเดินกระแทกเท้าเข้าประตูบ้านตัวเองไป







ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่ต้องมีแม่หมอที่ไหนมาเดา สายฝนก็รู้ว่าใครกันที่มายามนี้


...ตาบ้านี่ มาผิดเวลาอยู่เรื่อย ทีเรารอตั้งนานไม่มา พอเราถอดใจไม่รอแล้ว ดันโผล่หน้ามาซะได้ แกล้งซะเลยดีกว่า...

คิดแล้วก็ทำเฉยเสีย ได้ยินเสียงเคาะอีกหลายทีอย่างหงุดหงิด ก่อนมือถือจะดังขึ้น..."ว่าไง"

"ทำไมไม่เปิดประตูให้ผม" คริสส่งเสียงเข้มๆ มาตามสาย

"ฉันกำลังจะอาบน้ำ" สายฝนหาข้ออ้าง ซึ่งจริงๆ อาบเรียบร้อยแล้วล่ะ กำลังจะเข้านอนพอดี

"เปิดประตูก่อน แป๊บเดียว แล้วค่อยไปอาบ"

"ไม่ได้ ฉันโป๊อยู่" หญิงสาวแกล้งว่า..

"..." เงียบ..บ..บ..บ

"ฉันโป๊อยู่จริงๆ นะ"

"....อย่ายั่วผมนะ" คริสเสียงเข้ม "เปิดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะพังประตู" เขาว่า

สายฝนรีบวิ่งมาที่ประตู แต่ยังคงส่งเสียงไปตามสายอย่างเบาๆ "ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าเธอจะทำจริงๆ"

ก่อนจะได้ยินเสียง เขาเขย่าลูกบิดอย่างแรง

"นี่ อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวข้างบ้านเขาจะได้ยิน"

เสียงบิดลูกบิดแรงขึ้นๆ และเสียงคริสผ่านประตูมาอย่างข่มขู่ "ใครเขาจะแคร์หล่ะ ผมไม่สนใจหรอก...ผมสนใจแต่คุณ.." เขาว่า

ก่อนจะเสียงดังขึ้นไปอีก "เปิดเดี๋ยวนี้"


นั่นแหล่ะ...สายฝนจึงยอมเปิดประตู คนตัวสูงยืนหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับอยู่นอกประตู ลมหนาวพัดเอาผมยาวละต้นคอเป๋ไปทุกทิศทาง บางส่วนด้านหน้าปกคลุมลงมายังดวงตาข้างหนึ่ง แม้จะงอนๆ อยู่บ้าง แต่สายฝนก็อดไม่ได้อยู่ดี ที่จะเอ็นดูคนตรงหน้า

"เข้ามาเร็วๆ สิ ข้างนอกมันหนาวนะ" ว่าพลางเปิดประตูออกกว้าง

"ก็รู้ว่ามันหนาว คุณยังแกล้งไม่เปิดประตูให้ผมอีก " เขาต่อว่าอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะส่งสายตามองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวรจรดเท้า จนหญิงสาวร้อนเห่อขึ้นมา

"ไหนบอกว่าโป๊อยู่" เขาถาม

"ก็..." สายฝนอึกอัก "ก็ที่มาเปิดประตูช้า ก็เพราะรีบใส่เสื้อผ้านี่แหล่ะ"

คริสมองอย่างไม่เชื่อถือ ปิดประตูตามหลังแล้วเดินเข้ามา ก่อนจะเฉียดเข้ามาใกล้หญิงสาว "ไม่เชื่อ "เขาว่า

แล้วสูดดมความหอมที่ลอยอยู่รอบตัว "หอมก็จริง แต่ตัวไม่เปียก" ว่าแล้วจรดจมูกลงมาที่ซอกคอ สายฝนเบี่ยงตัวหลบ ไปยืนกอดอกห่างไกลออกไป

"มาทำไม"

"ก็มาหาเฉยๆ ไม่เห็นหน้าสาว กินข้าวไม่ลง " เขาว่า

สายฝนเบะปาก "ไม่รู้ไปจำสำนวนนี้มาจากไหน"

"เพื่อนแม่บางคนเขาเคยพูด" คริสตอบ ก่อนจะบอกต่อ "ไม่เห็นหลังคาบ้าน แล้วนอนไม่หลับ"

สายฝนเอ่ยแทรก "อ๋อ แล้วหลายวันที่ผ่านมา ไปนอนที่ไหนล่ะถึงนอนหลับ"

คริสไม่ตอบ เดินตามมากอด ซุกไซร้จมูกโด่งลงที่ซอกคออีกครั้ง "แต่เห็นหลังคาบ้าน ก็ไม่สุขใจเท่าเห็นตัวสาว"

เจอหยิกเน้นๆ ที่หน้าท้องไปหนึ่งที "วันนี้คงไม่บังเอิญหรอกใช่ไหม" สายฝนถามเรื่องที่ร้านอาหาร

คริสไม่ตอบอีก "คืนนี้ผมจะนอนหลับฝันดีไหมนี่ " เขาถาม "ขอนอนด้วยคนนะ" แล้วโอบกอดสายฝนไว้ทั้งตัว ซุกนิ่งนานอยู่ตรงนั้น สูดดมความหอมหวานชื่นใจเข้าปอด


เมื่อท่าทางของเขาจะโอหังจนหน้าหมั่นไส้ แต่สายฝนก็แลเห็นท่าทางเหน็ดเหนื่อยของเขาที่ลอดผ่านมาจากดวงตา แม้จะยังแอบงอนๆอยู่ แต่ก็อ่อนฮวบลงไปเยอะ อ้อมกอดอบอุ่น มีวี่แว่วอ่อนล้านิดๆ ราวกับคริสกำลังพยายามปกปิดมันไว้ด้วยการทำเป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา

"เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า" สุดท้ายสายฝนก็ถามออกมา ด้วยน้ำเสียงห่วงหาอาทรอย่างผู้ใหญ่ที่ต้องการปลุกปลอบเด็กน้อย คริสพยักหน้าน้อยๆ

"อืม.."

"เป็นอะไรหล่ะ"

"ไม่สบายเพราะคิดถึงสายฝน"...คริสว่า

สายฝนแกล้งทำตาเขียวเป็นคำถาม "สายฝนไหนล่ะ"

"ก๊อ..สายฝน..ในฤดูฝนไง"

..อืม... ไม่ทิ้งลายจริงๆ

"ถามจริ๊ง..ง...ง..ง..ง" เรื่องความบังเอิญที่ร้านอาหาร

"บังเอิญจริ๊ง..ง....ง..ง" คริสแกล้งเลียนเสียง แต่ไม่ตอบแน่ชัด สายฝนจึงเปลี่ยนเรื่อง

"ก็ตามใจเธอ งั้นคืนนี้เธอก็นอนที่โซฟาแล้วกัน" ว่าแล้วก็ลากเขาไปนั่งที่โซฟา "รู้ใช้ไหมว่าผ้าห่มกับหมอนอยู่ที่ไหน ไปหาเอาเองแล้วกัน ฉันจะไปนอน"

"จะรีบนอนไปไหน ยังไม่ห้าทุ่มเลย" เขาว่า และกระตุกข้อมือไว้

"ก็พรุ่งนี้ต้องรีบตื่น ฟรานจะมารับไปทำงานแต่เช้า" ตอบแล้วก่อนจะหันไป ก็ถูกเขากระชากอย่างแรงจนล้มบนตักเขาไม่เป็นท่า

"นี่..."

"เลิกพูดถึงฟรานซักทีได้ไหม" คริสเสียงเข้มไม่พอใจ

"อ้าว ฉันนึกว่าเธอชอบเขาเสียอีก เห็นคุยกันดี๊ดี วันนี้ก็ด้วย" สายฝนแกล้งยั่วต่อ "งั้นตอบมาสิ วันนี้บังเอิญจริงหรือเธอตามฉันไป"

คริสไม่ตอบคำถามสุดท้าย แต่ไปตอบคำถามแรกแทน" "ผมชอบฟราน ชอบมาตลอด แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ ที่เขามาพัวพันกับผู้หญิงของผม"

"ฉันไปเป็นผู้หญิงของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" หญิงสาวผลักดัน "แล้วเธอทำกับผู้หญิงของเธอแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า เวลาชอบก็แคร์ เวลาเบื่อก็เย็นชา"

"ผมไม่ได้เย็นชากับคุณนะ" เขาเถียง

"แล้วที่เธอทำอยู่นี่ ที่เธอหายไปมันคืออะไร"

"ผมมีเหตุผลของผม" เขาตอบแต่ไม่อธิบาย และเธอหันหน้าหนี

...ต่างคนต่างเงียบไปคนละทาง...

แม้ความขัดแย้งในความความสัมพันธ์ของคนสองคน อาจเป็นเหมือนเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าใครไม่เจอก็คงไม่รู้ ต้องได้มาสัมผัสกับมันจริงๆ แล้วจึงจะรู้ว่าในความง่าย มันก็มักความยากซ่อนอยู่ในนั้น บางจังหวะของชีวิต เรารู้ว่าหัวใจของเราอยู่ตรงไหน เรารู้ว่าหัวใจของเรารู้สึกเช่นไร ...แต่เราไม่รู้ว่า ควรจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกตรงนี้ แะสถานการณ์ที่รอคอยอยู่ตรงหน้า


หญิงสาวคนหนึ่งที่ยังยืนไม่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเองด้วยซ้ำ กับผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่น แต่ยังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง...ใครก็ได้ ช่วยบอกเธอทีเถอะ ว่าเธอจะเชื่อใจเขาได้ไหม และเธอควรจะทำอย่างไร


...มองแต่ปัจจุบันสิ...คำๆ นี้ ดังแทรกขึ้นมากลางหัวใจ


... พูดง่าย แต่ทำยากจัง...


"มองผมสิ" คริสประซิบ และสายฝนตื่นจากภวังค์

"เธอว่าอะไรนะ"

"ผมบอกว่า มองผมสิ มองแต่ปัจจุบัน..." เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว " ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จำเอาไว้ ผมจะรักคุณ รักคุณตลอดไป"

"ฉันก็..." ทำไมคำว่ารักของเขาถึงเอ่ยออกมาง่ายนักนะ

"ฉันก็...รั..." ทำไมเธอถึงพูดไม่ออก ...หรือเพราะเสียงหัวใจมันเต้นแรงไป หัวใจมันบีบรัดมากเกินไป จนไม่สามารถเอ่ยคำๆ นั้นออกมาได้

"ไม่ต้องพูดมันออกมาหรอก" เขาบอก "ผมไม่ได้บอกรักคุณเพื่อให้คุณตอบว่ารักผม ผมบอกเพราะผมแค่อยากให้คุณรู้ไว้เท่านั้น"

"ฉัน.."...หญิงสาวลังเล "ฉัน...ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี... แต่ฉัน ..ฉันชอบความรู้สึกขณะนี้มากๆ ฉันชอบที่เธอบอกรักฉัน ฉันชอบความรู้สึกที่ได้รู้ว่าเธอรักฉัน"

ก่อนจะได้ทำซึ้งไปมากกว่านี้ คริสก็รีบเปลี่ยนท่าทีที่เกือบจะอ่อนไหวของเขา มาเป็นคริสจอมเจ้าเล่ห์คนเดิมอีกแล้ว

"ถ้างั้น คืนนี้ให้ผมนอนบนเตียงคุณได้ไหม ผมจะทำให้คุณรู้สึกว่าผมรักคุณขนาดไหน"

ฟังการลากเสียงเป็นนัยๆ ของเขาแล้ว สายฝนก็รีบลุกขึ้น ...ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกนะ กลัวอดใจไม่ได้ต่างหาก...


"ไม่ได้หรอก" เธอตอบ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องนอน แต่ก็ยังช้าว่าคริส ที่ลุกขึ้นตามติด แล้วมหกรรมการทำให้ใครบางคนรู้สึกถึงคำว่ารักก็เริ่มขึ้น....เสียงหัวเราะคิกคักของคนที่บอกว่า ...ไม่เอา ไม่เอานะ...คริส ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ จั๊กกะจี้จังเลย... ก็ดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ


...ไม่เอาน้อยใช่ไหมล่ะ ยัยสายฝนเอ๊ย...ฉันรู้นะ ว่าเธอนะ มันโลภมาก ต้องมากๆ เท่านั้น...


...จะ.......อะไรเสียให้เข็ด.... ของคริสในตอนนั้น ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม ว่าอะไรเป็นอะไร...คริ คริ...






Create Date : 19 สิงหาคม 2553
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 15:55:29 น. 10 comments
Counter : 801 Pageviews.

 
เข้ามาหาลายปากกา บล็อกที่แล้วอ่านอีกรอบค่ะ
เพราะคราวที่แล้วเข้ามาแล้วเม้นท์ไม่ผ่านซะงั้น


โดย: BeCoffee วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:18:30:34 น.  

 
แวะมาทักทายหวัดดีตอนค่ำๆ ค่ะ

เพิ่งเห็นว่า Nikanda เขียนนิยายเองด้วยเหรอคะ เดี๋ยวแว๊บมาอ่านนะคะ ^_^


โดย: tuktuk thailand วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:19:15:53 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ


โดย: NuFai_312 วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:20:38:58 น.  

 
^_________^


โดย: sakeena IP: 110.168.101.49 วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:22:13:05 น.  

 
really cute story naka, like it a lot, come again soon naka.


โดย: Olathe IP: 71.199.69.216 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:9:28:48 น.  

 

มนต์มยุเรศบทที่๑๕ เสร็จแล้วนะคะ อย่าลืม แวะไปติชมกันนะคะ ดรสา
สร้างกริตเตอร์

แวะมาทักทายวันสุดท้ายของการทำงาน คุณนิ สบายดีนะคะ


โดย: ดรสา วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:10:22:07 น.  

 
มายิ้มกริ่มเอา 2 บรรทัดสุดท้ายนี่ล่ะ
สงสัยจะเป็นเสียงของนางมารร้าย
ที่หนีออกมากจากไหล่ซ้ายของสายฝน
คงไม่กล้าแอบดูว่ายัยสายฝนโลภขนาดไหนอ่ะดี๊ 555 ++


โดย: Paulo วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:15:48:53 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาลงชื่อ่อานไว้ก่อนครับ เดี๋ยวต้องหาเวลาว่างมาไล่อ่านให้ครบทุกตอนดีกว่าครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:18:27:56 น.  

 
คริสหายไปไหนมาน้า ตั้งหลายวัน ปล่อยให้สายฝนรอ...


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:19:16:07 น.  

 
อ่านรอบแรกตั้งแต่ปี 2553 เลยรึเนีย โอ้วววว


โดย: sakeena IP: 124.122.66.25 วันที่: 31 พฤษภาคม 2556 เวลา:13:42:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.