Every Feeling Everyone Every Day
พระอภัยมณีฉบับตัดต่อ ของ อาจารย์ เอื้อ มณีรัตน์ -- ตอนที่ ๑ - ๕



พระอภัยมณีฉบับตัดต่อ -- เอื้อ มณีรัตน์ ประพันธ์

๑. ประจงเพียรเขียนกลอนอักษรศรี
เสนอเรื่องเบื้องบรรพ์วรรณคดี พระอภัยมณีกวีนิพนธ์
๒. สุนทรภู่ครูกลอนแต่ก่อนเก่า ท่านแต่งเล่าเป็นนิยายสืบสายสนธิ์
แสนเสนาะเพราะกระไรจับใจคน เนิ่นนานจนเวลาร้อยกว่าปี
๓. จักตัดต่อข้อความที่งามงด เลือกบางบทบางตอนจากก่อนกี้
ให้สืบเนื่องเรื่องราวไม่ยาวรี พอเป็นที่เพลิดเพลินเจริญใจ
๔. แม้นคัดคำสำนวนมาถ้วนหมด คนจะอดทนอ่านนานไม่ไหว
น่าเสียดายชายหญิงทอดทิ้งไป จะห่างไกลวรรณกรรมที่สำคัญ
๕. อันตัวเอนเป็นกลอนสุนทรภู่ ที่เหลืออยู่เอื้อเองเชลงฝัน
เหมือนหิ่งห้อยน้อยแสงแข่งพระจันทร์ อย่าเดียดฉันท์เชิญอ่านผ่านผ่านไป



ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีศรีสุวรรณเรียนวิชา

๖. เริ่มตำนานท่านกล่าวถึงท้าวสุทัศน์ ครองกรุงรัตนาพาราใหญ่
ปวงไพร่ฟ้าประชาชีไม่มีภัย เกษมใส” หรรษาสถาวร
๗. มีเอกองค์นงลักษณ์อัครราช พระนางนาฏนามประทุมเกสร
สนมนางแสนสุรางคนิกร ดังกินนรน่ารักลักขณา
๘. มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์ ประไพพักตร์เพียงเทพเลขา
ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา พึ่งแรกรุ่นชันษาสิบห้าปี
๙. อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง เนื้อดั่งทองนพคุณจำรุญศรี
พึ่งโสกันต์ชันษาสิบสามปี พระชนนีรักใคร่ดังนัยนา
๑๐. สมเด็จท้าวบิตุรงค์ดำรงราชย์ แสนสวาทลูกน้อยเสน่หา
จะเสกสองครองสมบัติขัตติยา แต่วิชาสิ่งใดไม่ชำนาญ
๑๑. จึงดำรัสตรัสเรียกโอรสราช มาริมอาสน์แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร
พ่อจะแจ้งเจ้าจงจำคำโบราณ อันชายชาญเชื้อกษัตริย์ขัตติยา
๑๒. ย่อมพากเพียรเรียนไสยศาสตร์เวท สิ่งวิเศษสืบเสาะแสวงหา
ได้ป้องกันอันตรายนัครา ตามกษัตริย์ขัตติยาอย่างโบราณ
๑๓. พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์ จงรีบรัดเสาะแสวงแห่งสถาน
หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญ เป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชา”
๑๔. พระอภัยมณีศรีสุวรรณ บังคมคัลคลาไคลเข้าในป่า
สิบห้าวันดั้นเดินเนินพนา จนล่วงมาถึงบ้านจันตคาม
๑๕. พบอาจารย์ชาญวิชาพฤฒาเฒ่า จึงตรงเข้าปราศรัยซักไต่ถาม
ครูหนึ่งนั้นชำนาญการสงคราม วิชาพราหมณ์ลึกล้ำ รำกระบอง
๑๖. ครูที่สองคล่องเพลงบรรเลงปี่ เชิงสังคีตดีดสีไม่มีสอง
ศรีสุวรรณมั่นใจจะใคร่ลอง เรียนใช้พลองตีรันประจัญบาน
๑๗. พระอภัยใคร่ศึกษาวิชาปี่ เรียนดนตรีพริ้งเพราะเสนาะสนาน
ขอฝนฝึกศึกษากับอาจารย์ แล้วประทานธำมรงค์รัตน์เรือนทอง
๑๘. “ฝ่ายครูเฒ่าพินทพราหมณ์รามราช แสนสวาทรักใคร่มิให้หมอง
ให้ข้าไทใช้สอยคอยประคอง เข้าในห้องหัดเพลงบรรเลงพิณ
๑๙. แล้วพาไปยอดเขาให้เป่าปี่ ที่อย่างดีอย่างใดก็ได้สิ้น
แต่เสือช้างกลางไพรถ้าได้ยิน ก็ลืมกินน้ำหญ้าเข้ามาฟัง
๒๐. ประมาณเสร็จเจ็ดเดือนโดยวิถาร พระกุมารได้สมอารมณ์หวัง
สิ้นความรู้ครูประสิทธิ์ไม่ปิดบัง จึงสอนสั่งอุปเท่ห์เป็นเล่ห์กล
๒๑. ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ จะรบรับสารพัดให้ขัดสน
เอาปี่เป่าเล้าโลมน้ำใจคน ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ
๒๒. คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ จึงคิดอ่านเอาชัยเหมือนใจจง”
๒๓. ศรีสุวรรณหมั่นเพียรเรียนกระบอง จนช่ำชองชื่นชมสมประสงค์
สำเร็จดีพี่น้องทั้งสององค์ แจ้งจำนงกราบลาพระอาจารย์
๒๔. แล้วเลี้ยวลับกลับหลังไปวังมาศ กราบทูลราชบิดาสิ้นทุกสถาน
ท้าวสุทัศน์ขัดพระทัยในกุมาร เรียนวิชาสาธารณ์มาทำไม
๒๕. ทรงขับไล่ให้ออกนอกนิเวศน์ เข้าสู่เขตโขดเขินเนินไศล
ข้ามตรวยตรอกซอกซอนสัญจรไพร เอาผลไม้ภุญชาในป่าดอน
๒๖. “แต่เดินทางกลางเถื่อนได้เดือนเศษ ออกพ้นเขตเขาไม้ไพรสิงขร
ถึงเนินทรายชายทะเลชโลธร ในสาครคลื่นลั่นสนั่นดัง
๒๗. ค่อยย่างเหยียบเลียบริมทะเลลึก ถึงร่มพฤกษาไทรดังใจหวัง
ทั้งสองราล้าเลื่อยเหนื่อยกำลัง ลงหยุดนั่งนอนเล่นเย็นสบาย
๒๘. จะจับบทบุตรพราหมณ์สามมาณพ ได้มาพบคบกันเล่นเป็นสหาย
คนหนึ่งชื่อโมราปรีชาชาย มีแยบคายชำนาญในการกล
๒๙. เอาฟางหญ้ามาผูกสำเภาได้ แล้วแล่นไปในจังหวัดไม่ขัดสน
คนหนึ่งมีวิชาชื่อสานน ร้องเรียกฝนลมได้ดังใจจง
๓๐. คนหนึ่งนั้นมีนามพราหมณ์วิเชียร เที่ยวร่ำเรียนสงครามตามประสงค์
ถือธนูสู้ศึกนึกทะนง หมายจะปลงชีวาปัจจามิตร
๓๑. ธนูนั้นลั่นทีละเจ็ดลูก หมายให้ถูกที่ตรงไหนก็ไม่ผิด
ล้วนแรกรุ่นร่วมรู้คู่ชีวิต เคยไปเล่นเป็นนิจที่ริมทราย
๓๒. พอแดดร่มลมตกลงชายเขา ขึ้นสำเภายนต์ใหญ่ดังใจหมาย
ออกจากบ้านอ่านมนต์เรียกพระพาย แสนสบายบุกป่ามาบนดิน
๓๓. ถึงทะเลแล่นตรงลงในน้ำ เที่ยวลอยลำเล่นมหาชลาสินธุ์
มาใกล้ไทรสาขาริมวาริน ก็ได้ยินสุรเสียงสำเนียงคน”
๓๔. เข้าไปถามนามสองพี่น้องนาถ ไยนิราศแรมทางมากลางหน
สองพระองค์ทรงแถลงแจ้งยุบล พราหมณ์สามคนกราบก้มบังคมคัล
๓๕. แต่ยังงงสงสัยในเชษฐา เรียนวิชาปี่ไปทำไมนั่น
หรือเห็นดีมีคุณอดุลย์ครัน จงรำพันให้สว่างกระจ่างใจ
๓๖. “พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
๓๗. ถึงมนุษย์ครุฑาเทวาราช จตุบาทกลางป่าพนาสิน
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
๓๘. ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์ จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง
๓๙. แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ เข้าพิงพฤกษาไทรดั่งใจหวัง
พระเป่าปี่เปิดนิ้วเอกวิเวกดัง สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ
๔๐. ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยเชยชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
๔๑. พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
๔๒. เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง สำเนียงเพียงการเวกกังวานหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล ให้ซาบซ่านเสียวสดับจนหลับไป
๔๓. ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่ ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับใหล
พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทราย”



ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี

๔๔. ฝ่ายผีเสื้อเหลือฉกาจปีศาจน้ำ อยู่ในถ้ำคีรินทร์ใต้สินธุ์สาย
ออกกินกัดมัจฉากุมภาร้าย บังเอิญกรายใกล้มาที่ท่าธาร
๔๕. ยินสำเนียงเสียงปี่ที่ทรงเป่า บรรเลงเร้าไพเราะเสนาะสนาน
เขม้นมองจ้องดูพระกุมาร สวยสะคราญน่าชมภิรมย์รัก
๔๖. โลดทะลึ่งตึงตังกระทั่งถึง รวบรัดรึงอุ้มองค์พระทรงศักดิ์
กระโดดน้ำดำไปมิได้พัก ถึงสำนักถ้ำทองประคองเคียง
๔๗. พระอภัยมณีเห็นปีศาจ ผวาหวาดล้มสลบสงบเสียง
นางแปลงกายให้โสภาน่าร่วมเรียง ชม้ายเมียงวอนเว้าประเล้าประโลม
๔๘. พระดุด่าสารพัดตัดสวาท นางปีศาจแสนรักไม่หักโหม
เฝ้าออดอ้อนวอนเวียนเพียรตระโบม น้อมน้าวโน้มนอนแนบแอบพระเพลา
๔๙. “พระฟังคำจำจิตพิศวาส ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า
การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา เหมือนอดเข้ากินมันกันเสบียง
๕๐. เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
๕๑. กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพล่องกระแพล่ง ปักเป้าแทงแต่ละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขไม่หลุดสุดความคิด ประกบติดตกผางลงกลางดิน
๕๒. สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
เป็นวิสัยในภพธรณินทร์ ไม่สุดสิ้นเสน่ห์ประเวณี”



ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร

๕๓. ศรีสุวรรณครั้นตื่นฟื้นจากหลับ ไม่สดับเสียงเพลงบรรเลงปี่
เหลียวหาพระอภัยก็ไม่มี ทรงโศกีครวญคร่ำร่ำพิไร
๕๔. จึงทั้งสามพราหมณ์ปลอบให้ชอบชื่น จงแข็งขืนครองขวัญอย่าหวั่นไหว
แล้วจับยามสามตาติดตามไป ก็รู้ได้ด้วยวิชาโหรามี
๕๕. เธอมีคู่สู่สมภิรมย์สวาท ไม่ถึงฆาตดอกน้องอย่าหมองศรี
แต่อยู่ไกลในวังวนชลธี ยกมือชี้ทางทิศาอาคเนย์
๕๖. แล้วเชิญองค์ลงนาเวศวิเศษแสน กางใบแล่นเร็วพลันหัวหันเห
ลมแรงจัดพัดไปในทะเล เที่ยวร่อนเร่ตามค้นทั่วชลธาร
๕๗. “สำเภาน้อยลอยลำครรไลล่อง ขึ้นฟูฟ่องละลอกกระฉอกฉาน
พระชมหมู่มัจฉากุมภาพาล ขึ้นผุดพล่านตามหลังมาพรั่งพรู
๕๘. ฉนากฉลามตามคลื่นอยู่คลาคล่ำ ทั้งช้างน้ำโลมาและราหู
มังกรเกี่ยวเลี้ยวล่องท่องสินธู เป็นคู่คู่เคียงมาในวารี
๕๙. คิดคะนึงถึงองค์พระเชษฐา ถ้าแม้นมาด้วยน้องเป็นสองศรี
จะชวนชมฝูงสัตว์ในนัที โอ้ยามนี้น้องมาดูแต่ผู้เดียว
๖๐. จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ว้าเหว่ ท้องทะเลลึกล้ำล้วนน้ำเขียว
คลื่นละลอกกลอกกลิ้งเป็นเกลียวเกลียว ทางก็เปลี่ยวใจก็เปล่าเศร้าฤทัย”
๖๑. สำเภาน้อยลอยมาในธาเรศ เข้าใกล้เขตธานินทร์แผ่นดินใหญ่
ชะลอเลื่อนเคลื่อนคล้อยค่อยลดใบ ขึ้นบกในที่ลับตาปรึกษากัน
๖๒. แล้วรีบเผาสำเภายนต์เสียบนฝั่ง เพื่อปิดบังคุณเวทย์วิเศษขยัน
เปลวไฟฟุ้งพลุ่งโพลงโขมงควัน คนวิ่งชุลมุนกันมาดับไฟ
๖๓. มิทันไรไฟเผาสำเภาล่ม ซากก็จมในคงคาชลาไหล
นายด่านเฒ่าเฝ้าดูหดหู่ใจ จึงชวนไปพักยั้งยังศาลา
๖๔.. แล้วปราศรัยไต่ถามนามไฉน มีธุระอะไรเจียวหรือหวา
เพียงสี่คนด้นทะเลร่อนเร่มา บนเภตราลำโตมโหฬาร
๖๕. พราหมณ์สานนคนมีวจีเพราะ แสนเสนาะน้ำเสียงสำเนียงหวาน
สมมุตินามตามอุบายแสร้งรายงาน เราจากบ้านมุ่งแสวงหาแหล่งยา
๖๖. รวบรวมได้ไม่น้อยจะคล้อยกลับ เกิดพยับพายุไม่มุสา
ลมกระโชกโบกสะบัดพัดเภตรา ซัดล้าต้าต้นหนและคนท้าย
๖๗. ตกในน้ำดำผุดจนมุดม้วย สุดจะช่วยอนุกูลเลยสูญหาย
เหลือแค่นี้สี่คนที่พ้นตาย จนพระพายผ่อนเพลาค่อยเบาบาง
๖๘. จึงหันเหเภตราเข้าหาฝั่ง อัคคีคั่งคุไหม้เมื่อใกล้สาง
ต้องยุบยับอับจนสิ้นหนทาง บอกหลานบ้างที่นี้ธานีใด
๖๙. “นายด่านนั่งฟังคำที่ร่ำว่า เสน่หาลุ่มหลงไม่สงสัย
จึงบอกความตามจริงทุกสิ่งไป นี่กรุงไกรรมจักรนัครา
๗๐. อันพระองค์ผู้ดำรงอาณาราษฎร์ นามพระบาทท้าวทศวงศา
มีโฉมยงองค์ราชธิดา ชื่อนางแก้วเกษราวิลาวัณย์
๗๑. ด้วยเนื้อนางอย่างกลิ่นสุคนธ์รื่น เป็นที่ชื่นชมโฉมประโลมขวัญ
เมื่อเดือนสี่ปีก่อนนั้นโสกันต์ เดี๋ยวนี้นั้นชันษาสิบห้าปี
๗๒. พระรูปโฉมก็ประโลมลานสวาท ดูผุดผาดพึ่งรุ่นเจริญศรี
กรุงกษัตริย์ขัตติยาทุกธานี มาขอสู่ภูมีไม่ให้ใคร
๗๓. เมื่อปีกลายฝ่ายท้าวอุเทนราช เป็นเชื้อชาติชาวชวาภาษาไสย
อานุภาพปราบทั่วทุกกรุงไกร เป็นเมืองใหญ่กว่ากษัตริย์ขัตติยวงศ์
๗๔. ให้ทูตามาสนองละอองบาท จะขอราชธิดาโดยประสงค์
แม้นไม่ให้จะประจญรณรงค์ กับผู้พงศ์จักรพรรดิขัตติยา
๗๕. ข้างเจ้านายฝ่ายเรามิได้ให้ ว่าท้าวไทเป็นนอกพระศาสนา
แล้วกริ่งเกรงไพรีจะบีฑา จึงเกณฑ์มาตั้งกองอยู่ป้องกัน
๗๖. ไปปีหน้าถ้าย่างเข้าเดือนยี่ เห็นจะมีการทัพถึงขับขัน
แสนสงสารเจ้าพราหมณ์นี้ครามครัน จะผายผันไปบ้านประการใด
๗๗. จงประทับยับยั้งอยู่ที่นี่ ถ้าแม้นมีเภตรามาแต่ไหน
ข้าจะช่วยออกปากฝากเขาไป คงมิให้อดอยากลำบากกาย”
๗๘. พราหมณ์จึ่งอ้อนวอนว่าพวกข้านี้ มาถึงนี่แล้วประสงค์จำนงหมาย
อยากเข้าไปในนครพอผ่อนคลาย ให้สบายอารมณ์เที่ยวชมเมือง
๗๙. นายด่านว่าถ้าจะไปก็ได้ดอก อย่าเย้าหยอกสาวศรีฉวีเหลือง
ล้วนชาววังทั้งสิ้นกลิ่นประเทือง ผิดหูเหืองเขาจะโกรธต้องโทษทัณฑ์
๘๐. แล้วพาไปในตลาดประพาสเล่น ได้แลเห็นชาวบุรีแต่งสีสัน
สาวเห็นพราหมณ์งามยิ่งดูพริ้งพรรณ สะกิดกันชายตาให้ท่าที
๘๑. “จะกล่าวถึงสาวใช้ในนิเวศน์ เป็นวิเสทพระธิดามารศรี
ชื่อกระจงพงศ์ไพร่กระฎุมพี ยังไม่มีลูกผัวตัวคนเดียว
๘๒. ออกตลาดนาดกรายเที่ยวจ่ายของ ทำยิ้มย่องยักเยื้องชำเลืองเหลียว
เห็นคนดูเจ้าพราหมณ์ตามกันเกรียว ทำลดเลี้ยวเล็งแลอยู่แต่ไกล
๘๓. เห็นโฉมงามพราหมณ์น้อยกลอยสวาท ใจจะขาดลงด้วยคิดพิสมัย
ทิ้งกระบุงตะกร้าไม่อาลัย ได้ดอกไม้วิ่งตามเจ้าพราหมณ์มา
๘๔. สู้แซกเสียดเบียดคนเข้าจนชิด ดัดจริตนั่งไหว้ให้บุปผา
พระขวยเขินเมินพักตร์ไม่พูดจา คนเขาฮาโห่ลั่นสนั่นไป
๘๕. อีกระจงหลงลืมละอายเหนียม ทำและเลียมรอเรียงเข้าเคียงไหล่
เห็นพราหมณ์ไม่เกี้ยวพานรำคาญใจ ใครเฮฮาด่าให้ด้วยโกรธา
๘๖. จะกล่าวถึงท่านยายนายวิเสท ครั้นสุริเยศบ่ายคล้อยก็คอยหา
อีกระจงเป็นกระไรมิใคร่มา จึงสั่งข้าคนใช้ให้ไปตาม
๘๗. นางทาสามาถึงหน้าตลาด เห็นกระจาดทิ้งไว้เที่ยวไต่ถาม
เขาบอกว่าข้าเห็นไปตามพราหมณ์ ก็รีบตามติดพลันไปทันตัว
๘๘. เห็นเดินตามพราหมณ์น้อยเดินลอยหน้า นางทาสาเข้าขยิกจิกเอาหัว
พาเข้าไปให้ท่านยายเป็นนายครัว แกเห็นตัวจับไม้เข้าไล่ตี
๘๙. แล้วว่าเอาเข้าของไปไหนเสีย กระบุงเบี้ยหมดมาน่าบัดสี
หรือเที่ยวสู่ชู้ผัวของมึงมี หรือเจ้าหนี้ยื้อแย่งจงแจ้งความ”
๙๐. นางกระจงหลงละเมอพูดเพ้อพก กล่าวโกหกหน้าตายเมื่อยายถาม
ข้านี้ไซร้ได้เสียเป็นเมียพราหมณ์ จึงติดตามมาหาท่านสามี
๙๑. ยายร้องด่าพาไปที่สี่พี่เลี้ยง นางไล่เลียงเจรจากับทาสี
สั่งขอเฝ้าเอาตัวไปทันที ให้มันชี้ตรงตัวผัวของมัน
๙๒. นางทาสีชี้ตัวนั่นผัวข้า ที่ใบหน้าสวยสมแสนคมสัน
พวกขอเฝ้าเข้าไปที่ศรีสุวรรณ ไฉนนั่นเจ้าชู้ไม่ดูแล
๙๓. มาเกี้ยวสาวชาววังหลังจะลาย ทำวุ่นวายนี่กระไรพวกไก่แจ้
นายด่านเฒ่าเข้าไปขวางห้ามรังแก อีตอแหลเกี้ยวพานเอาหลานกู
๙๔. ขอเฝ้าว่าตาเฒ่าทำเอะอะ ประเดี๋ยวจะหลังลายอายอดสู
จะคุมไปให้ทางฝ่ายเจ้านายดู แกอย่าจู่เข้ามาขวางหลีกทางไป
๙๕. “ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงเมียงชม้อย เห็นพราหมณ์น้อยโสภาจะหาไหน
ดูผิวเหลืองเรืองรองทองอุไร งามวิไลแลเล่ห์เทวดา
๙๖. ขนงเนตรเกศกรรณและกรแก้ม แลแฉล้มน่ารักเป็นหนักหนา
พิศวงหลงลืมกระพริบตา เสน่หาปั่นป่วนรัญจวนใจ”
๙๗. คิดอุบายหมายจะให้ไปรู้จัก กับนงลักษณ์ราชธิดาได้ปราศรัย
สั่งขอเฝ้าเจ้าจงพาพราหมณ์คลาไคล พำนักในสวนขวัญทันทิวา
๙๘. ให้อยู่กับสองเฒ่าที่เฝ้าสวน ตะวันจวนค่ำคล้อยไม่คอยท่า
ค่อยสอบสวนทวนใหม่ในเวลา วันพรุ่งนี้ที่หน้าตำหนักใน
๙๙. สั่งแล้วสี่พี่เลี้ยงเลี่ยงลีลาศ คืนปราสาทมนเทียรวิเชียรใส
บำเรอองค์นงพงาธิดาไท ทูลเชิญให้ทรงเสวยเช่นเคยมา
๑๐๐. แล้วจำนรรจ์กันในสี่พระพี่เลี้ยง พระน้องเพียงเพ็ญจันทร์ดั้นเวหา
สมกับพราหมณ์งามผ่องทั้งสองรา ต่างพูดจาอุบอิบกระซิบกัน
๑๐๑. “ฝ่ายโฉมแก้วเกษราธิดาราช ฟังประหลาดหลากจิตคิดกระสัน
จึงว่าพี่นี้ผิดกว่าทุกวัน อะไรนั่นน่าชมสมกับพราหมณ์
๑๐๒. ประภาวดีพี่เลี้ยงฉลาดแก้ ไม่ดอกแม่มิใช่การวานอย่าถาม
เมื่อคืนนี้พี่ฝันสักสามยาม ว่าเจ้าพราหมณ์หนุ่มน้อยคนหนึ่งมา
๑๐๓. ดูรูปร่างรุ่นราวคราวพระน้อง ผิวผุดผ่องน่ารักเป็นหนักหนา
บุรุษใดในพิภพโลกา ที่จะหาเปรียบได้นั้นไม่มี
๑๐๔. พอเสียงฆ้องย่ำรุ่งสะดุ้งตื่น กับคนอื่นไม่กล้าบอกออกบัดสี
จึงแก้ฝันแม่อุบลจงกลณี เขาว่าดีอยู่แล้วก็แล้วกัน
๑๐๕. พระธิดาว่าฉันไม่อยากเชื่อ นี่แหละเนื้อใส่ไคล้ว่าใฝ่ฝัน
เมื่อตะกี้พี่พูดไม่เช่นนั้น หรือสำคัญข้อผิดจึงปิดบัง
๑๐๖. จงกลณีพี่เลี้ยงฉลาดเฉลย ไม่ลวงเลยพี่จะเล่าเนื้อความหลัง
แม่ประภาแก้ฝันให้ฉันฟัง ว่าเจ้าพราหมณ์งามดังเทวดา
๑๐๗. เมื่อตะกี้พี่ชมโฉมพระน้อง นวลละอองน่ารักนั้นหนักหนา
คิดถึงพราหมณ์ความฝันแม่ประภา จึงแกล้งว่าเย้ยเยาะหัวเราะกัน”
๑๐๘. นางตัดพ้อต่อว่าอย่าลดเลี้ยว พูดแก้เกี้ยวกล่อมกวนชักชวนฉัน
ให้น้องนี้มีใจใฝ่สัมพันธ์ ไม่มีวันที่จะหมายให้ชายชม
๑๐๙. ทั้งสี่นางต่างว่าแม่อย่าโกรธ พี่ขอโทษแล้วจะเปรียบเทียบให้สม
แม่คือจันทร์อันกระจ่างอยู่กลางลม ย่อมนิยมท่องนภาเป็นอาจิณ
๑๑๐. บุรุษเป็นเช่นกระต่ายที่หมายแข ได้แต่แลมิได้ชมสมถวิล
เพราะต่ำต้อยด้อยแสนอยู่แดนดิน ขอยุพินอย่าแหนงระแวงใจ
๑๑๑. แล้วขับกล่อมพร้อมเพรียงสำเนียงเสนาะ เพลงไพเราะมโหรีปี่ไฉน
จนดึกเดือนเคลื่อนคล้อยเคลิ้มม่อยไป อรทัยนิ่งสนิทในนิทรา



ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา

๑๑๒. “พอหลับลงทรงซึ่งสุบินนิมิต ประหวัดจิตนุชนาฏหวาดผวา
ตื่นสะดุ้งรุ่งแสงสุริยา พระธิดานึกแหนงแคลงพระทัย
๑๑๓. จึงเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงข้าง นุชนางเล่าแจ้งแถลงไข
ฉันฝันว่าวาสุกรีอันเกรียงไกร เข้ามาในแท่นสุวรรณอันบรรจง
๑๑๔. เกี่ยวกระหวัดรัดรอบอุราน้อง ฉันร่ำร้องอยู่บนเตียงจนเสียงหลง
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มจิตพิษภุชงค์ หมายว่าปลงชีวานิคาลัย
๑๑๕. จนเดี๋ยวนี้นึกกลัวจนตัวสั่น อันความฝันพี่เห็นเป็นไฉน”
พี่เลี้ยงว่าฝันดีไม่มีภัย คงจะได้คู่ชมภิรมยา
๑๑๖. พระธิดาว่าไฮ้อะไรนี่ ดูหรือพี่พูดปดประชดข้า
ฉันไม่เชื่อเบื่อนักชอบชักพา ผู้ชายมาพันพัวถึงตัวน้อง
๑๑๗. “ทั้งสี่นางต่างคนเห็นเคืองขัด ชุลีหัตถ์นบนอบไม่ตอบสนอง
ครั้นสุริย์ฉายสายแสงขึ้นเรืองรอง ออกจากห้องไสยาปรึกษากัน
๑๑๘. พระบุตรีนิมิตผิดประหลาด ที่เราคาดนั้นก็งามกับความฝัน
แสนสงสารเจ้าพราหมณ์อยู่ครามครัน จะโศกศัลย์อยู่ในสวนรัญจวนใจ”
๑๑๙. ปรึกษากันทันทีทั้งสี่สาว ใคร่แจ้งข่าวต่อพราหมณ์เล่าความไข
จึงบอกยามเฝ้าทวารว่าท่านใช้ ให้ไปหามาลัยมาร้อยกรอง
๑๒๐. แล้วพาเหล่าสาวใช้ไปในสวน ตามเป็นพรวนเลือกหาบุปผาผอง
พลางสอดส่ายสายตาเขม้นมอง หวังจะพ้องพบพราหมณ์งามวิไล
๑๒๑. “เห็นเจ้าพราหมณ์สามคนก่นถากหญ้า เวทนากรรมกรรมจะทำไฉน
แค้นไอ้เฒ่าเฝ้าสวนแสนจัญไร มันแกล้งใช้กรากกรำให้ทำการ
๑๒๒. แล้วแลดูพราหมณ์น้อยเห็นสร้อยเศร้า เข้าแฝงเงาพฤกษาน่าสงสาร
ทั้งสี่นางต่างว่าน่ารำคาญ จะคิดอ่านแก้ไขอย่างไรดี
๑๒๓. นางประภาว่าเราจะพูดด้วย ก็คิดขวยวิญญาณ์น่าบัดสี
เราออกไปให้เขาเห็นพอเป็นที ฟังไมตรีเขาก่อนจึงผ่อนปรน
๑๒๔. ปรึกษาพลางทางเดินเด็ดดอกไม้ เข้ามาใกล้สระน้ำแล้วทำบ่น
ทำไฉนจึงจะได้ดอกอุบล แล้วทำกลแวดชายชม้ายเมียง
๑๒๕. เจ้าโมราสานนพราหมณ์วิเชียร กำลังเพียรฟันดินได้ยินเสียง
พอเหลียวมาเห็นหน้านางพี่เลี้ยง เอาจอบเหวี่ยงไว้กับที่ด้วยดีใจ
๑๒๖. มาบอกความพราหมณ์น้อยค่อยกระซาบ คงตายราบมั่นคงอย่าสงสัย
พ่อไปพูดกับเขาเล่นก็เป็นไร ดูท่าทางนางในจำนรรจา”
๑๒๗. ศรีสุวรรณสั่นหัวฉันกลัวผิด ขอทำกิจคั่งค้างก่นถางหญ้า
พวกพี่พราหมณ์สามคนเชิญสนทนา อย่าให้ข้าเกี่ยวข้องไม่ต้องการ
๑๒๘. มาณพพราหมณ์สามนายภิปรายทัก เหล่านงลักษณ์นี้หรือคือขุนศาล
สั่งคนคุมกุมฉันเมื่อวันวาน ทรมานคืนยังรุ่งริ้นยุงชุม
๑๒๙. ไม่ซักถามความจริงสักสิ่งหนึ่ง เกิดมาพึ่งเจอข้อหามันน่ากลุ้ม
เพราะเหตุไรไม่ทราบจึงจับกุม มาควบคุมจำกัดเขตไม่เมตตา
๑๓๐. “ทั้งสี่นางต่างอายระคายเขิน ชม้ายเมินยิ้มละไมอยู่ในหน้า
จึงตอบความตามธรรมดามา ฉันมิใช่เป็นสุภาตระลาการ
๑๓๑. ความข้างในให้คุมไว้เพียงสวน เป็นสำนวนแล้วจะส่งไปโรงศาล
เขากราบทูลพระธิดายุพาพาล เมื่อเย็นวานนี้จึงให้ไปเอาตัว
๑๓๒. อีกระจงแจ้งความว่าพราหมณ์น้อย มาติดสอยสมสู่เป็นชู้ผัว
เมื่อคบค้ากันเองไม่เกรงกลัว ถึงดีชั่วก็เขาเป็นชาววัง”
๑๓๓. พราหมณ์จึงว่าทาสีมาชี้มั่ว อ้างเป็นผัวพกเพ้อละเมอคลั่ง
อันน้องข้าพึ่งจะมาว่าให้ฟัง เราขึ้นฝั่งชลธารเมื่อวานซืน
๑๓๔. เมื่อวานนี้พี่พาน้องมาเที่ยว ไม่ได้เกี้ยวสาวใดที่ไหนอื่น
ค้องโทษกรณ์ร้อนใจเหมือนไฟฟืน พี่ขอยืนยันคำไม่อำพราง
๑๓๕. พลางเกี้ยวพาราสีตีสนิท สาวพึงจิตปฏิพัทธ์ไม่ขัดขวาง
จึง แนะนำทำนองชี้ช่องทาง จะทูลนางพระธิดาให้ปรานี
๑๓๖. รับเอาไว้ในพระอุปถัมภ์ ให้ได้ทำงานส่วนทางสวนศรี
ตะวันรอนอ่อนแสงพระสุรีย์ ทั้งสี่พี่เลี้ยงพากันลาไป
๑๓๗. “ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายสบายจิต มานั่งชิดอนุชาแล้วปราศรัย
เมื่อตะกี้พี่ไปเกี้ยวประเดี๋ยวใจ ท่านข้างในให้หมากมาฝากน้อง
๑๓๘. แล้วกล่าวโฉมพระธิดาว่าน่ารัก ประเสริฐศักดิ์กษัตรีไม่มีสอง
เห็นจะสมคะเนนึกที่ตรึกตรอง พระน้องลองเล่นชู้ดูสักคราว”
๑๓๙. ศรีสุวรรณว่าฉันไม่ชอบใจดอก อย่ามาหลอกกลัวจะลือกันอื้อฉาว
เดินดีดีก็ยังมีราคีคาว เกิดเรื่องราวจับกุมกันกลุ้มไป
๑๔๐. “พี่เลี้ยงพราหมณ์สามนายภิปรายปลอบ ให้ชื่นชอบวิญญาณ์อัชฌาสัย
พ่อไม่รักรูปงามก็ตามใจ จะไปไหนไปด้วยจนม้วยมรณ์
๑๔๑. เวลานี้จวนค่ำไปสำนัก ที่ตำหนักพระบุตรีมีฟูกหมอน
เสียแรงเขาชาววังสั่งให้นอน ล้วนอ่อนอ่อนอุ่นใจจงไคลคลา
๑๔๒. พลางสำรวลชวนศรีสุวรรณน้อง เดินประคองเคียงกายทั้งซ้ายขวา
ขึ้นตำหนักผลักเผยทวารา ทัศนาที่ในห้องทุกช่องชั้น
๑๔๓. มีฉากพับลับแลมู่ลี่แขวน บรรจถรณ์แท่นบรรทมภิรมย์ขวัญ
ต่างแย้มสรวลชวนศรีสุวรรณพลัน ขึ้นบนบรรจถรณ์แท่นแสนสบาย”
๑๔๔. สี่พี่เลี้ยงเคียงองค์อนงค์น้อย แล้วจึ่งค่อยเล้าโลมชวนโฉมฉาย
ทำปรายเปรยเอ่ยว่าน่าเสียดาย กุหลาบหลายลำดวนจวนโรยรา
๑๔๕. อยากชวนแก้วเกษราธิดาราช เที่ยวประพาสสวนขวัญให้หรรษา
นฤมลสนใจจะไคลคลา นางรับว่าวันใหม่จะไปเยือน
๑๔๖. พี่เลี้ยงร้องเพลงกล่อมถนอมขวัญ เสนาะกรรณเพลินฤทัยหาใดเหมือน
จนม่อยหลับกับที่ฤดีเฟือน ราตรีเคลื่อนคล้อยเวียนเปลี่ยนทิวา
๑๔๗. “ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ จิตกำหนัดนึกคะนึงถึงบุปผา
บรรทมตื่นแต่งองค์อลงการ์ ผลัดภูษาจัดกลีบจีบประจง
๑๔๘. ทรงสะพักสไบกรองสายทองริ้ว สัมผัสผิวพระนลาฏวาดขนง
สร้อยสังวาลบานพับประดับองค์ ดังอนงค์นางสวรรค์ชั้นโสฬส
๑๔๙. ครั้นเสร็จใส่ฉลองบาทแล้วยาตรย่าง กำนัลนางแวดล้อมมาพร้อมหมด
นางสาวสาวชาววังนั่งประณต ทรงพระกลดคันสั้นกั้นกางมา
๑๕๐. ขึ้นปราสาททรงฤทธิ์บิตุเรศ นางก้มเกศอภิวันท์ด้วยหรรษา
ทูลสนองสองกษัตริย์ขัตติยา ลูกจะลาออกไปเล่นอุทยาน”
๑๕๑. สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงอนุญาต นุชนาฏปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
กราบพระบาทราชบิดาไม่ช้านาน เสด็จออกนอกสถานมณฑียรพลัน
๑๕๒. “นางโฉมยงทรงใส่ฉลองบาท ยุรยาตรนาฏนวลเข้าสวนขวัญ
พระพี่เลี้ยงเคียงคลอจรจรัล ชวนชมพรรณบุปผาระย้าย้อย
๑๕๓. เห็นพิกุลชวนกันขึ้นสั่นต้น ให้ดอกดวงร่วงหล่นลงผอยผอย
พวงพะยอมหอมรื่นดูชื่นช้อย นางโฉมยงทรงสอยกระชากชัก
๑๕๔. พวกข้าหลวงหน่วงน้าวกิ่งสาวหยุด บ้างแย่งยุดชิงกันเก็บจนเล็บหัก
บ้างเด็ดดอกโศกแซมแกมดอกรัก ให้ประจักษ์แจ้งเพื่อนว่าเหมือนใจ
๑๕๕. บ้างเด็ดช่อชุมแสงมดแดงกัด เต้นตะปัดตะป่องจะร้องไห้
บ้างเดินร้อยสร้อยสนสุมาลัย จะเอาไปฝากน้องของสำคัญ
๑๕๖. พระบุตรีกรีดเล็บเก็บกาหลง บรรจงทรงแซมเกล้าให้สาวสรรค์
นางข้าหลวงน้อยน้อยสอยลูกจันทน์ ต่างชวนกันเก็บอึงคะนึงไป”
๑๕๗. สี่พี่เลี้ยงเมียงชม้ายเห็นชายหนุ่ม แอบหลังพุ่มพฤกษ์พรางร่างไหวไหว
จึงสั่งนางสาวสรรค์กำนัลใน ให้เที่ยวหามาลัยที่ไกลตา
๑๕๘. กระซิบถามพราหมณ์ว่าพ่อมาณพ เธอคอยพบพระบุตรีที่ไหนหนา
พราหมณ์บุ้ยใบ้ไปพลันเป็นสัญญา ให้รู้ว่าพระแฝงอยู่แห่งใด
๑๕๙. พี่เลี้ยงพาพระธิดาไปตามทิศ แกล้งชวนพิศบุปผาจนมาใกล้
ศรีสุวรรณปั่นป่วนรัญจวนใจ เห็นทรามวัยพักตราไร้ราคิน
๑๖๐. “ดูจิ้มลิ้มพริ้มเพราดังเหลาหล่อ พระทรวงศอสองขนงดังวงศิลป์
นวลละอองสองปรางอย่างลูกอิน ช่างงามสิ้นสรรพางค์สำอางองค์
๑๖๑. ยิ่งพินิจพิศเพ่งให้เปล่งปลั่ง ใจกำลังรุ่นหนุ่มให้ลุ่มหลง
กระแอมพลางทางออกให้เห็นองค์ ดูโฉมยงอยู่แต่ไกลมิให้เคือง
๑๖๒. พระบุตรีแว่วเสียงสำเนียงชม้อย เห็นพราหมณ์น้อยสีเนื้อนั้นเหลือเหลือง
นางหลีกเลี่ยงเอียงอายชายชำเลือง ดูทรงเครื่องเหมือนพราหมณ์งามวิไล
๑๖๓. พอเนตรน้องต้องเนตรหน่อกษัตริย์ หวนประหวัดหวาดจิตคิดสงสัย
องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ แฝงต้นไม้เมียงชม้อยคอยชายตา
๑๖๔. ทั้งสี่นางต่างเมินทำเดินเฉย แกล้งแหงนเงยดูดวงพวงบุปผา
พราหมณ์พี่เลี้ยงเมียงมองเห็นสองรา ต่างก็ว่าเข้าช่องแล้วน้องเรา”
๑๖๕. พอนางกลับลับร่างไปห่างเนตร แสนสังเวชศรีสุวรรณเงียบงันเหงา
ด้วยความรักหนักอุราไม่ซาเซา นั่งหน้าเศร้าอยู่บนแท่นแผ่นศิลา
๑๖๖. พระซักถามพราหมณ์ไปไฉนนี่ เราจะมีโอกาสวาสนา
ได้เห็นองค์นงลักษณ์อีกสักครา พี่เลี้ยงว่าเดือนใหม่คงได้ยล
๑๖๗. ศรีสุวรรณรัญจวนถึงนวลน้อง เข้าในห้องไสยาอุราหม่น
จนเวลาฟ้าสลัวมืดมัวมน ระทมทนทุกข์ทับไม่หลับนอน



ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา

๑๖๘. ฝ่ายนางแก้วเกษราธิดาราช พิศวาสหวามในฤทัยสมร
ป่านฉะนี้พี่พราหมณ์ผู้งามงอน จะจากจรหรือยังอยู่ไม่รู้เลย
๑๖๙. เห็นแย้มยิ้มริมปากเหมือนอยากทัก กลับชะงักงันเงียบอยู่เชียบเฉย
นางร้อนรุ่มกลุ้มใจเพราะไม่เคย งดเสวยโภชนาด้วยอาวรณ์
๑๗๐. พี่เลี้ยงดูรู้ในพระทัยน้อง เข้าในห้องปลอบประโลมโฉมสมร
แล้วหยิบกรับขับเพลงบรรเลงกลอน ให้สุนทรสารสะกิดวนิดา
๑๗๑. “ว่าปางหลังยังมีเจ้าพราหมณ์น้อย โฉมแฉล้มแช่มช้อยดั่งเลขา
ทั้งผิวเหลืองเรืองรองดังทองทา เที่ยวเสาะหานุชนางมาทางไกล
๑๗๒. เวลาค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย พ่อโฉมงามพราหมณ์น้อยจะไปไหน
สตรีงามสามภพไม่สบใจ จะใคร่ได้ดอกฟ้าลงมาเชย
๑๗๓. ถ้าแม้นเหมือนหมายมาดไม่คลาดแคล้ว ดังดวงแก้วแกมทองเจียวน้องเอ๋ย
น่าน้อยใจที่ไม่ไว้อาลัยเลย แล้วลงเอยอภิวันท์อัญชลี”
๑๗๔. นางฟังกลอนค้อนควับช่างขับขาน ไปรับงานแม่สื่อมาหรือนี่
จะทูลฟ้องร้องเรียนให้เฆี่ยนตี โทษฐานที่ชักชายเป็นสายใย
๑๗๕. เพราะกระนี้นี่เองจึงเร่งเร้า ให้น้องเข้าสวนขวัญฉันสงสัย
จะเด็ดดวงพวงผการ้อยมาลัย ที่แท้ไปนัดพราหมณ์มาลามลวน
๑๗๖. หรือรักเขาเอาน้องไปบังหน้า อำพรางพาน้องไปที่ในสวน
แกล้งตีกรับขับลำเป็นสำนวน อย่าหมายชวนให้ฉันเชื่อเบื่อจะตาย
๑๗๗. พี่เลี้ยงฟังหยั่งในฤทัยน้อง ใช่ขุ่นข้องเคืองขัดเรื่องนัดหมาย
จึงว่าพี่ไม่มีเล่ห์เพทุบาย สี่พราหมณ์ชายเขามาเสาะหางาน
๑๗๘. ขอทำสวนจวนค่ำให้พำนัก ณ ตำหนักจันทน์ว่างที่ข้างศาล
พราหมณ์ที่พบประสบกันเมื่อวันวาน สวยสะคราญเอี่ยมละอองเป็นน้องชาย
๑๗๙. พรุ่งนี้เช้าพี่จะเข้าไปต่อว่า มิให้มาทอดหุ่ยทำฉุยฉาย
พระธิดาว่ามีถึงสี่นาย คงนัดหมายครบคู่ฉันรู้ทัน
๑๘๐. อยากสมัครรักกันฉันไม่ว่า แต่อย่ามาพันพัวถึงตัวฉัน
แม้นดื้อรั้นดันทุรังไม่ฟังกัน จะเคียมคัลทูลถวายคำรายงาน
๑๘๑. พระพี่เลี้ยงเกี่ยงแก้แปรประดิษฐ์ พี่นี้คิดจักช่วยด้วยสงสาร
พ่อพราหมณ์น้อยคอยฟังคำสั่งการ ขอนงคราญรับไว้ให้ทดลอง
๑๘๒. นางชำเลืองเคืองค้อนแล้วค่อนว่า ยังจะมาเซ้าซี้พูดชี้ช่อง
แล้วไขหีบหยิบสมุดชุดรงค์ทอง เรื่องร้อยกรองกาพย์ฉันท์วรรณ(ะ)นา
๑๘๓. ตอนเทวาพาพระอุณรุท ไปสมสองน้องนุชนางอุษา
สี่พี่เลี้ยงเรียงนั่งฟังธิดา อ่านสาราเรื่อยร่ำคำกวี
๑๘๔ ทางฝ่ายศรีสุวรรณก็หวั่นไหว ด้วยจิตใจรัญจวนถึงนวลฉวี
จนยามดึกตรึกตราในราตรี ลุกมาที่ช่องพระแกลแลดูเดือน
๑๘๕. งามผุดผ่องส่องสว่างกระจ่างจ้า ดุจดวงหน้านวลใยใครจะเหมือน
พระเพ้อพร่ำรำพันจนฟั่นเฟือน พราหมณ์พี่เตือนให้ระงับดับอารมณ์
๑๘๖. แนะให้ทรงส่งสารถึงมารศรี ถ้าแม้นมีบุญปางเคยสร้างสม
นางคงตอบขอบคืนให้ชื่นชม อย่านอนซมซึมอยู่หดหู่ใจ
๑๘๗. พระว่าพี่ชี้ชอบฉันขอบจิต อันเรื่องคิดเขียนคำพอทำได้
พระตรัสพลางสร่างคลายสบายพระทัย เข้าข้างในห้องนอนผ่อนอินทรีย์
๑๘๘. ฝ่ายพี่เลี้ยงเรียงรอพนอน้อง อยู่ในห้องพระธิดามารศรี
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสุรินทร์ก็ยินดี บรรจงหวีเกศสางสำอางตา
๑๘๙. แล้วผัดหน้าทาแป้งตกแต่งแต้ม ให้สองแก้มนวลใยกลบไฝฝ้า
เรียกบ่าวไพร่ให้ถือหีบหมากมา พอเวลาสายจึงถึงอุทยาน
๑๙๐. ส่งเสียงไปให้พราหมณ์ทั้งสามรู้ มารออยู่พร้อมเพรียงเรียงสมาน
พราหมณ์รู้จักทักทายฝ่ายนงคราญ ชวนไปลานร่มพุ่มเรียงคุยเคียงกัน
๑๙๑. ทั้งสี่นางต่างถามถึงทุกข์สุข ฉุกละหุกเจ็บไข้หรือไม่นั่น
ตั้งแต่ปะพระธิดาวิลาวัณย์ พราหมณ์น้องนั้นหน่วงเหน็บเจ็บหัวใจ
๑๙๒. แม้นมียามาด้วยช่วยรักษา ชุบชีวาพราหมณ์น้องให้ผ่องใส
พี่เลี้ยงยิ้มพริ้มพรายชม้ายไป เป็นอย่างไรหนักหนาหรืออาการ
๑๙๓. ศรีสุวรรณนั้นว่าข้ามีไข้ มันร้อนรุ่มกลุ้มใจสุดไขขาน
ทั้งหนาวเหน็บเจ็บกมลสุดทนทาน ได้หมอมาพยาบาลคงรอดตาย
๑๙๔. “พระว่าพลางทางตัดใบตองอ่อน มาเขียนกลอนกล่าวประโลมนางโฉมฉาย
จนลงเอยอ่านต้นไปจนปลาย ไม่คลาดคลายถูกถ้วนแล้วม้วนตอง
๑๙๕. เอาโศกแซมแกมรักสลักหนาม เหมือนบอกความรักนางว่าหมางหมอง
พี่เลี้ยงรับพับใส่ไว้ในซอง แล้วว่าน้องหวังพี่เป็นที่อิง
๑๙๖. ทุกวันนี้มีผ้าจำเพาะผืน ถ้ากลางคืนหนาวก็ได้แต่ไฟผิง
ถ้าแม้นหม่อมกรุณาเมตตาจริง ช่วยว่าวิงวอนทูลพระธิดา
๑๙๗. ประทานสีที่ห่มมาชมสวน ควรมิควรขอประทานซึ่งโทษา
แล้วถอดธำมรงค์ครุฑบุษรา ฝากถวายพระธิดาวิลาวัณย์”
๑๙๘. พี่เลี้ยงรับกลับมายังปราสาท เฝ้าพระราชบุตรีขมีขมัน
ถวายพระธำมรงค์เรือนสุวรรณ เป็นคู่กันกับใบตองที่กรองกลอน
๑๙๙. แล้วเสริมว่าน่าจะทรงเป็นวงศ์กษัตริย์ วจีชัดบ่งบอกไม่หลอกหลอน
สังวาลรัตน์วัชราเป็นอาภรณ์ ทั้งกายกรผิวละเอียดละเมียดละมุน
๒๐๐. เชิญอนงค์ทรงพินิจไม่ผิดแน่ จะทูลแต่แรกทีเดียวเกรงเฉียวฉุน
โปรดเอื้ออวยช่วยเหลือจานเจือจุน จะเป็นบุญกุศลส่งแก่นงราม
๒๐๑. “นางโฉมยงทรงหยิบใบตองอ่อน เห็นโศกซ้อนแกมรักสลักหนาม
ก็แจ้งจิตปริศนาปัญญาพราหมณ์ แกล้งนิ่งความคลี่สารออกอ่านพลัน
๒๐๒. ในสารศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ บุรีรัตนามหาศวรรย์
สวาทหวังพระธิดาวิลาวัณย์ สู้เดินดั้นดงแดนแสนกันกันดาร
๒๐๓. พยายามข้ามมหามหรณพ หวังประสบวรนุชสุดสงสาร
มาอาศัยในสวนอุทยาน บุญบันดาลดลจิตพระธิดา
๒๐๔. เผอิญให้โฉมงามทรามสวาท มาประพาสชมพรรณ(ะ)บุปผา
พี่ยลยอดเยาวเรศเกษรา ช่างโสภานิ่มน้องละอองนวล
๒๐๕. ประไพพริ้มนิ่มน้อยกลอยสวาท ดังนางในไกรลาสมาเล่นสวน
เสด็จกลับลับไปให้รัญจวน เฝ้าอักอ่วนอาวรณ์ร้อนฤทัย
๒๐๖. ด้วยยามยากจากเมืองมามุ่งหมาย ดังกระต่ายเต้นแลดูแขไข
ครั้นเดือนดับลับเหลี่ยมเมรุไกร โอ้อาลัยเหลือแลชะแง้คอย
๒๐๗. เหมือนอกพี่ที่แสนเสน่ห์นุช เห็นสูงสุดที่จะได้สิ่งใดสอย
ถ้าได้ดวงดอกฟ้าลีลาลอย ก็จะค่อยประคองนวลสงวนเชย
๒๐๘. จึงแต่งสารเสี่ยงทายถวายแหวน ใบตองแทนแผ่นทองพระน้องเอ๋ย
ถ้าแม้นมาตรชาติก่อนเป็นคู่เคย ขอให้เผยพจนารถประภาษมา
๒๐๙. แม้นแม่ไม่อนุกูลสูญสวาท เห็นสิ้นชาติชีวังจะสังขาร์
จะเอากรุงรมจักรนัครา เป็นป่าช้าสุมเพลิงเชิงตะกอน
๒๑๐. ขอเชิญนุชบุตรีปรานีสนอง อย่าหม่นหมองหมางรักในอักษร
ช่วยชี้ชอบตอบถ้อยสุนทรวอน ให้วายร้อนที่วิตกในอกเอย”
๒๑๑. พี่เลี้ยงนั่งฟังอ่านว่าหวานนัก ช่างฝากรักเรียงคำร่ำเฉลย
ขอภูษาผ้าห่มไปชมเชย อย่านิ่งเฉยแม่จงตอบให้ชอบใจ
๒๑๒. นางตรัสว่าน่ารำคาญสารเสนอ สำนวนเพ้อสิ้นดีไม่มีไหน
แต่ธำมรงค์วงนี้ดีกระไร จะซื้อไว้วานพี่ตีราคา
๒๑๓. ธำมรงค์วงนี้มณีรุ้ง เจ้าของมุ่งหมายมาดปรารถนา
ถวายไว้ให้อนงค์องค์ธิดา มีมูลค่าตั้งแสนตำลึงทอง
๒๑๔. ถ้าแม้นมาตรนาฏอนงค์ประสงค์ซื้อ กรมคลังหรือจะอนุมัติคงขัดข้อง
ผ้าห่มองค์อรทัยที่ใช้ครอง พราหมณ์น้อยปองปันเขาคงเท่าเทียม
๒๑๕. พระน้องว่าข้าไม่อยากฝากไปให้ คิดคิดไปไม่วายจะอายเหนียม
เอาผ้าไปให้คนอื่นฝืนธรรมเนียม จะลอมเลียมภายหลังไม่สังวร
๒๑๖. แล้วอนงค์ปลงเปลื้องเครื่องสะพัก ลายทองปักเลื่อมจำรัสประภัสสร
ส่งให้นางพลางว่าวัตถาภรณ์ มอบให้หล่อนใช้กันอย่าปันใคร
๒๑๗. ค่ำลงแล้วแก้วเกษรานาฏ หยิบกระดาษเขียนกลอนสุนทรไข
เอาดอกรักอักขรามารวมไว้ ห่อด้วยใบเต่าร้างวางบนพาน
๒๑๘. รุ่งสุรีย์สีทองสาดส่องฟ้า สี่กัญญาชำระสระสนาน
นุ่งสุหรัดผัดหน้าให้นวลนาน เอาห่อสารใส่หีบไว้ดิบดี
๒๑๙. กับผ้ากรองของธิดานำมาพร้อม บ่าวไพร่ล้อมหน้าหลังนางทั้งสี่
ออกทวารผ่านมาไม่ช้าที จนถึงที่สวนขวัญส่งสัญญาณ
๒๒๐. พราหมณ์พร้อมหน้ามากันที่นั่นหมด นางประณตแด่พระองค์ยื่นส่งสาร
กับภูษาผ้าสไบที่ใส่พาน แล้วลนลานลาไปทอดนัยนา
๒๒๑. ให้สามพราหมณ์ตามไปที่ในสวน จึ่งชักชวนเก็บดวงพวงบุปผา
เจ้าสานนเก็บชงโคโยทกา หอบเอามาให้อุบลยลมาลี
๒๒๒. เจ้าโมราหาดอกจำปีได้ ก็ส่งให้นางประภาวดีศรี
วิเชียรได้ดอกกระถินก็ยินดี รีบเร็วรี่มาส่งให้จงกล
๒๒๓. ศรีสุดาหน้ามุ่ยเดินดุ่ยด่วน หุนหันหวนห่างไกลชายไม่สน
พอสามพราหมณ์ตามไปให้สุคนธ์ นฤมลฉวยฉีกแล้วหลีกไป
๒๒๔. ส่วนสามคู่ชู้ชื่นระรื่นจิต ชายเข้าชิดคลอเคียงเดินเรียงไหล่
แกล้งกระแซะแตะต้องทำลองใจ หญิงผลักไสหยิกข่วนยวนอารมณ์
๒๒๕. ศรีสุดาหน้าบึ้งเพราะหึงสา นางบ่นว่าเกี่ยวเกาะไม่เหมาะสม
ช่างชักช้าน่ารำคาญร่านระงม กลับถึงกรมเถอะจะต้องทูลฟ้องนาย
๒๒๖. ทั้งสามนางต่างว่าท่าจะแย่ ถ้าแม้นแม่คุ้ยเขี่ยคงเสียหาย
จำต้องขอจรลีจากพี่ชาย ค่อยพบภายหลังหนอน้องขอลา
๒๒๗. พราหมณ์พินิจพิศศรีสุวรรณน้อง เห็นยิ้มย่องแย้มละไมที่ใบหน้า
ต่างกระเซ้าเย้าเล่นเจรจา ขอดูผ้าห่มนางบ้างเป็นไร
๒๒๘. พระสำรวลสรวลร่าชูผ้าห่ม นาสิกดมสูดรื่นชื่นไฉน
นี่สาราข้าได้รับเพราะจับใจ จะอ่านให้พี่พราหมณ์ทั้งสามฟัง
๒๒๙. “ศุภสารฉานสนองใบตองอ่อน ซึ่งวิงวอนว่าไม่ขาดสวาทหวัง
ก็ขอบใจไมตรีดีกว่าชัง ไม่ปิดบังบอกวงศ์พงศ์ประยูร
๒๓๐. อันบุรีรัตนามหาศวรรย์ สารพันโภไคยทั้งไอศูรย์
แสนสมบัติสตรีบริบูรณ์ ย่อมเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา
๒๓๑. ไฉนต้องท่องเที่ยวแสวงคู่ น่าอดสูเสียเดชพระเชษฐา
ซึ่งเสี่ยงทายหมายมาดสวาทมา มิเมตตาชีวันจะบรรลัย
๒๓๒. ทั้งรำพันสรรเสริญเห็นเกินนัก ถึงจะรักก็ไม่รักจนตักษัย
ที่ข้อนั้นครั้นจะเชื่อก็เหลือใจ เขาว่าไว้หวานนักก็มักรา
๒๓๓. ถ้ารักนักมักหน่ายคล้ายอิเหนา ต้องจากเยาวยุพินจินตะหรา
แม้นพระองค์ทรงเดชเจตนา จงตรึกตราตรองความตามบุราณ
๒๓๔. เสด็จกลับกรุงไกรไอศวรรย์ จึงจัดสรรทูตถือหนังสือสาร
มาทูลองค์ทรงศักดิ์จักรพาฬ โปรดประทานก็จะได้ดังใจจง
๒๓๕. ซึ่งจะลอบชอบชิดพิสมัย เห็นจะไม่เหมือนจิตคิดประสงค์
ทูลแถลงแจ้งความแต่ตามตรง พระโฉมยงอย่าได้อางขนางเอย”
๒๓๖. ศรีสุดามาถึงวังกำลังโกรธ รีบกล่าวโทษเพื่อนหญิงไม่นิ่งเฉย
ธิดานั่งฟังว่าไม่น่าเลย อีกหน่อยเคยตัวแล้วไม่แคล้วคาว
๒๓๗. สักครู่ยามสามกัญญาก็มาถึง เห็นพักตร์ขึงแค้นเคืองเรื่องคงฉาว
จำจะต้องปองเปลื้องปิดเรื่องราว รายงานข่าวศรีสุวรรณป้องกันตัว
๒๓๘. ว่าพระองค์ทรงซักจึงชักช้า กว่าจะมาได้เจียนจะเวียนหัว
ถามปัญหาสารพันจนฉันกลัว ล้วนพันพัวถึงนุชพระบุตรี
๒๓๙. ฟังแล้วปลื้มลืมโกรธที่โจทก์ฟ้อง อนงค์น้องเฝ้าพะวงถึงทรงศรี
ศรีสุดาหน้าเง้าคอยเซ้าซี้ สามนารีรุมเถียงขึ้นเสียงดัง
๒๔๐. พระธิดาว่าไฮ้อะไรนั่น ช่างโมหันธ์หึงสาเป็นบ้าหลัง
เรื่องโฉ่ฉาวสาวไส้ไม่ระวัง ใครได้ฟังก็จะเอาไปเล่าลือ
๒๔๑. ใครเขาใช้ให้พี่ตีหมากผัว ไม่เกรงกลัวคนมานินทาหรือ
ไฟกองน้อยเอาฝอยซุกจนลุกฮือ ล้วนดึงดื้อถือดีทั้งสี่คน
๒๔๒. ศรีสุดาหน้าง้ำให้ช้ำจิต นางยิ่งคิดแค้นใจพิไรบ่น
แต่นี้ไปใครจะชั่วใช่ตัวตน เราไม่รนหาที่ตะบี้ตะบัน






Create Date : 25 มีนาคม 2551
Last Update : 25 มีนาคม 2551 20:20:02 น. 2 comments
Counter : 2754 Pageviews.

 
ดี จ ร้ า

พี่ๆ ทุ ก ค น

ห นูช อ บ ผ ล ง า น ข อ ง พ พี่

ม า ก จ ร้ า

บ า ย น ะ จ ร้ า


โดย: พิมพ์ IP: 203.172.159.82 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:40:00 น.  

 
ผลงานของพี่พี่เยี่ยมมากเลยค่ะ


โดย: ............................... IP: 124.121.26.154 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:24:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ณธีร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




๏ กลั่นความรู้สึกวันละนิด
กรองความคิดวันละหน่อย
คั้นอารมณ์วันละน้อย
เรียงร้อยรอยลักษณ์อักษรา ฯ

Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ณธีร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.