lozocat
ใส่ข้อความที่ต้องการให้เลื่อนๆๆที่นี่
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

เพราะมี “เธอ” ฉันถึงได้มีวันนี้

เพราะมี “เธอ” ฉันถึงได้มีวันนี้


ขึ้นหัวข้อซะหวานหยดย้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เลี่ยนอะไรขนาดนั้นค่ะ แค่จะบอกว่า “เธอ” ที่กำลังจะพูดถึงนี้ก็คือ “ภาษาอังกฤษ”

สมัยเป็นเด็กๆ ที่บ้านมักจะหาหนังสือเกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กก่อนเรียนมาให้หัดเล่น หัดเขียน ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่าอยากเรียนหนังสือมาก ( กำลังย่างเข้าสู่วัยอยากรู้อยากเห็น ) เลยหัดเขียน A – Z ได้ครบทุกตัว เมื่อได้ไปโรงเรียนอนุบาลก็ตั้งใจเรียน แต่เรียนได้ไม่นานก็ต้องย้ายโรงเรียนเพราะค่าใช้จ่ายสูง เปลี่ยนเป็นโรงเรียนของรัฐบาล กว่าจะได้เรียนภาษาอังกฤษก็ต้องรอให้ถึง ป. 5 คราวนี้ก็เลยขี้เกียจ เพราะห่างหายไปนาน ยิ่งพอเรียนมัธยม ทุกวันก็จะต้องเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมง แถมอาจารย์ที่สอนก็ดุได้ใจ ยิ่งทำให้เบื่อภาษาอังกฤษเข้าไปใหญ่ พอขึ้นม. 4 เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น คราวนี้แถบจะทิ้งภาษาอังกฤษไปเลย ทั้งๆ ที่ก็เรียนภาษาอังกฤษ วันละสองถึงสามคาบ ทั้งอ่าน พูด เขียน ครบสูตร เรียกง่ายๆ ว่าเรียนไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจ ทั้งที่กำลังจะเอนทรานซ์ ( อาจจะเดากันได้ว่ามันนานแค่ไหน) พอขึ้นม. 5 ก็เริ่มขยันขึ้นมานิดหน่อย พยายามทำการบ้านและหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ได้ สื่อสารได้แต่ต้องท่องจำก่อน เพื่อเอาไว้สอบกับอาจารย์ ครั้นสอบติดมหาวิทยาลัยก็เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาล และเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ถ้าใครเคยได้ดูละครเรื่องน้ำใสใจจริงรุ่นหนุ่ม ศรราม กับ นัท มีเรีย แสดงแล้วล่ะก็ คงจะเข้าใจความรู้สึกเราในช่วงนั้น..


คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาการจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม เป็นตัวเลือกเดียวที่ใฝ่ฝัน แต่ระดับสติปัญญาในตอนนั้น ไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯได้ ก็เลยต้องระเห็จมาสูดอากาศที่ต่างจังหวัด จนถึงตอนนี้ อยากจะบอกว่า ไม่เคยเสียใจเลยที่ได้เรียนไกลบ้าน เพราะมันทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ได้เติบโตมากขึ้น กล้าที่จะทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม....นอกเรื่องไปนิด กลับมาถึงเหตุผลที่เลือกเรียนสาขานี้ ก็เพราะว่า อยากพูดภาษาอังกฤษ และทำงานโรงแรม แต่...ชั่วโมงเรียนภาษาเราน้อยมากเมื่อเทียบกับนักศึกษาสาขาภาษาอังกฤษ เราเน้นหนักทางด้านมัคคุเทศก์ น้อยมากด้านโรงแรม ( แล้วเลือกทำไมฟระตรู) ยิ่งต้องเลือกสถานที่ฝึกงานก่อนจบการศึกษา เป็นอะไรที่ค่อนข้างเครียด เพราะ งานด้านท่องเที่ยวและโรงแรมนี้ ภาษาค่อนข้างสำคัญ แต่สำหรับเรา พูดอังกฤษได้นิดหน่อย ได้ญี่ปุ่นซะมากกว่า แต่ไม่อยากทำงานบริษัททัวร์ญี่ปุ่น อยากทำโรงแรมอ่ะ...ก็เลยเลือกทำงาน...ในครัวจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุง ที่เลือกเพราะ หนึ่ง ตามเพื่อน สอง ไม่อยากใช้ภาษาอังกฤษ สาม ได้อยู่บ้านกับครอบครัว และสี่ งานในครัวไม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง


เมื่อย้อนกลับไปนึกถึง สองเหตุผลแรก ก็ขำตัวเอง เพราะยิ่งเกลียดอะไรก็ยิ่งเจอ ใครว่าทำงานครัวจัดเลี้ยงในโรงแรมจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ คิดผิดอย่างแรง.. เพราะไม่ว่าจะเป็นเอกสารอะไรในครัว ทุกอย่างจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด หรือแม้แต่การฝึกงานในครัวร้อน(อาหารฝรั่ง) เชฟคนไทย จะสั่งงานเราเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ครั้งหนึ่งเชฟ ให้เข้าไปในตู้เย็น แล้วให้เราเอาแครอทกับเทอนิฟ มาให้เค้า เพื่อที่จะทำอาหาร เราก็พยักหน้ารับคำอย่างดี เดินเข้าตู้เย็น ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็กๆ เก็บผักและผลไม้สดสำหรับทำอาหารจัดเลี้ยง เมื่อหยิบแครอทแล้ว ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า อะไรคือ เทอนิฟวะ วินาทีนั้นจะวิ่งไปเปิดพจนานุกรมก็น่าเกลียด ครั้นจะออกไปถามพี่ๆ ก็อาย ยิ่งถ้ากลับไปถามเชฟ ยิ่งโดนด่า ....นาทีนั้นสงสารตัวเองจับใจ คำศัพท์อะไรวะ ง่ายๆ แค่นี้ก็ไม่รู้ ลองนึกว่าพี่เค้าจะเอาไปทำอะไร ก็เสี่ยงหยิบหัวไชเท้าไปหนึ่งหัว ปรากฏว่า แจ็คพอต ดันหยิบไปถูก คราวนี้เลยเรียกหัวไชเท้าว่าเทอนิฟตลอด


หลังจากฝึกงานจบลง ความรู้สึกเกี่ยวกับภาษาอังกฤษก็เปลี่ยนไปมากมาย ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ จึงตัดสินใจวิ่งชน คราวนี้ตั้งใจแล้วว่าจะต้องพูดให้ได้ จึงไปสัมภาษณ์งานรีสอร์ทระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ที่หัวหิน ซึ่งเพื่อนเคยฝึกงานอยู่ แล้วเค้ากำลังเปิดรับพนักงาน เราก็หน้ามึนไปสมัคร ทั้งๆ ที่ภาษาไม่พร้อม สอบข้อเขียนก็เกือบไม่ผ่าน เพราะเป็นภาษาอังกฤษ เวลาสอบสัมภาษณ์ก็แนะนำตัวได้แค่สองประโยค ตอบเยสๆ โนๆ ไปเรื่อย เพราะนาทีนั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ ผู้จัดการที่สัมภาษณ์ก็เป็นฝรั่ง แม่เจ้า..เกิดมายังไม่เคยได้นั่งคุยกับฝรั่งนานสิบนาทีมาก่อน งานนี้ไม่แน่ใจว่าโชคช่วยหรือเค้าต้องการพนักงานจริงๆ ก็ไม่รู้ ปรากฏว่าไปสมัครกับเพื่อนสามคน ได้งานกันทุกคน ทั้งที่จริงแล้ว ทางรีสอร์ทได้แจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ตอนนี้ตำแหน่งที่ว่างเหลือแค่ตำแหน่งเดียว แต่ทางผู้จัดการเห็นความตั้งใจ ก็เลยรับทั้งหมด


เมื่อได้งาน ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสในการฝึกฝนภาษาอังกฤษผ่านเลยไป สามปีที่มีสัญญาการจ้างงาน จะเป็นเครื่องการันตีว่า หนึ่ง ฉันมีงานทำ สอง ฉันต้องได้ภาษา แล้วฉันก็ไม่ผิดหวัง เพราะรีสอร์ทที่นี่รับลูกค้า 99 % เป็นชาวต่างชาติ อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่แหลือ คือคนไทย ที่เป็นสมาชิกของทางรีสอร์ทเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครบ้างที่จะได้เข้ามาเป็นสมาชิกของทางรีสอร์ท งานนี้ได้เห็นคนดังระดับประเทศ และระดับโลก ตัวเป็นๆ เดินกันให้วุ่นรีสอร์ท
สามปีที่รีสอร์ท ทำให้ฉันสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมากขึ้น จากที่พูดคุยกับฝรั่งได้แค่สองนาทีก็วิ่งหนี กลายเป็นว่าการเข้าสังคมที่มีเพื่อนต่างชาตินั้น ทำให้เราได้เรียนรู้และ เป็นการเปิดกะลาใบน้อยๆ ที่เคยปิดครอบเราเอาไว้ ให้โลกของฉันกว้างขึ้น ทำให้รู้ว่า โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่เคยพบ เคยเห็น


เพราะภาษาที่พอสื่อสารได้และประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ฉันกล้าที่จะเดินทางไปเที่ยวคนเดียว และอาศัยอยู่ต่างประเทศ อย่างมั่นใจ ( พูดเหมือนโรงเรียนสอนภาษายังไงไม่รู้แฮะ)


สำหรับใครที่กำลังท้อแท้กับความแย่ของตัวเองด้านภาษาอังกฤษ อย่าคิดมากค่ะ แค่เรามีความตั้งใจแน่วแน่ หมั่นฝึกฝน อย่ากลัวที่จะหาช่องทางและโอกาสให้ตัวเองได้เข้าไปใช้ภาษาอังกฤษ ช่วงแรกๆ อาจจะดูยาก ลำบากสักเล็กน้อยกับการฝึกพูด แต่เมื่อทำบ่อยๆ ขึ้น มันจะกลายเป็นความเคยชิน ที่เราจะใช้ภาษาออกไปอย่างอัตโนมัติค่ะ ที่สำคัญ อย่าไปเครียดค่ะ อย่าเครียด เพราะมันไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่เรา อย่าอายถ้าพูดผิด เพราะเราจะเรียนรู้ไปได้ด้วยตัวเองว่า คราวนี้พูดผิด คราวหน้าจะไม่พูดแบบนี้ แต่ถ้ายังคิดมากอยู่ว่า ฝรั่งเค้าจะเข้าใจที่เราพูดหรือเปล่า ก็ให้ลองดูฝรั่งที่พยายามพูดภาษาไทยนะคะ ว่าเวลาเราเห็นเค้าพูดภาษาไทย เรารู้สึกยังไง เอ็นดูเค้าแค่ไหนที่มีความพยายามที่จะพูดภาษาเรา แล้วลองคิดกลับกันนะคะ เค้าเองก็เอ็นดูเราไม่น้อยค่ะที่เราพยายามอยากจะสื่อสารกับเค้า ด้วยภาษาบ้านเค้าที่เค้าคิดว่า “ยาก” สำหรับคนไทย


ปล. แต่คนไทยก็เก่งนะคะ แกรมม่าภาษาอังกฤษเนี่ย ฝรั่งสู้เราไม่ได้เลย คอนเฟิร์ม 5555555


สู้ๆๆ ค่ะ เอาใจช่วย
Naririn





 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2554
0 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 18:36:39 น.
Counter : 740 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


naririn
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ.....

lozocat

ข้อความและรูปภาพทั้งหมดในBlog นี้ขอสงวนลิขสิทธิ์นะคะ ไม่นำออกเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตนะคะตัวเอง

เพลง
MusicPlaylistView Profile
Create a playlist at MixPod.com
Friends' blogs
[Add naririn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.