Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
23 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
พาเพื่อนเที่ยวงานพืชสวนโลก



กลับมาได้ไม่ทันไร หวังกบดานทำขาวสักหน่อยแต่ไม่สำเร็จ 555 เพื่อนยกกองมาจากพระนคร เนื่องจากปีนี้ฉันไม่ลงไปงานหนังสือ เลยย้ายขบวนกันมาเที่ยวหาแทน ชวนกันไปเที่ยวงานพืชสวนโลกสองวันติดกันเลย

แดดร้อนมากกกกกกก...

ทั้งคนทั้งดอกไม้เฉาไปตามๆ กัน

ใครจะไปเที่ยวควรพอกครีมกันแดดไปเยอะๆ แล้วก็พกร่มไปด้วยสำคัญมาก

มีข่าวโคมลอยบอกว่าอาหารที่นั่นแพงหฤโหด ด้วยความไม่ประมาทเราเลยพกอาหารเที่ยงไปปิกนิคกันเอง แต่ผลปรากฏว่าราคาอาหารก็ธรรมดานะ ไม่ได้แพงมากมายอย่างที่ว่ากันสักกะหน่อย

(หนักฟรีเลย ข้าวเหนียวหนึ่งกิโลเหลือกลับมาอีกตะหาก คนแบกบอกกินให้หมดซี้...แต่ไม่ไหวแล้ว +_+)

ที่รักเราอาหารเป็นพิษนิดหน่อยหลังจากลองน้ำปั่นโลว์คอลแถวตลาดไป ช่างน่าสงสารจริงๆ แต่ชีฟื้นพลังเริงร่าได้น่าอัศจรรย์ตอนเห็นร้านเช่าหนังสือที่พาไป

มีนักเขียนฝูงหนึ่ง (กรุณานึกภาพตาม) วิ่งกรี๊ดกร๊าดไปทั่วร้านและสูญหายไปในหลืบชั้นหนังสือ

....โปรดรอสักครู่ ติ๊ด...

เอ้อ หลังจากที่ทุกคนได้หนังสือกันมากองใหญ่ ทำให้พี่พนักงานเหงื่อตกไปหนึ่งเม็ดแล้ว ก็มีการถ่ายรูปอีกหลายช็อต (อาจจะได้เห็นในบล็อกคนใดคนหนึ่งในเร็วๆ นี้) พร้อมกับเสียงกรีดร้องของพี่เขาที่ลอยมาว่า อย่าลงชื่อร้าน เดี๋ยวสรรพากรตามมา

พวกเราเลยรับปากว่าจะไม่ลงชื่อร้าน ไม่พูดแน่นอน แหม สรรพากรจะไม่ตามมาได้กระไร หลายปีก่อนอิฉันเคยถามรายได้ของร้าน(เฉพาะสาขานี้) ก็เดือนหนึ่งอย่างต่ำสี่แสนบาท นี่ก็ผ่านมานานนม ไม่รู้เช่นกันว่าคลังหนังสือที่เหมือนห้องสมุดนี่มีรายได้เดือนละเท่าไร

ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเข้าใจ (ทั้งน้ำตาแห่งความอาดูร...ทำไมที่บ้านตูไม่มีงี้บ้าง) ว่าด้วยเหตุใดอิฉันถึงไม่ค่อยซื้อหนังสือนัก และไม่ยอมย้ายไปไหนไกลร้านเช่าแห่งนี้ด้วย

หลังจากเป็นลูกค้ามาตั้งแต่มัธยมกระทั่งเรียนจบมหาลัยมาหลายปี เห็นทีคงจะตายอยู่แถวนี้เป็นแน่แท้

ว่าจะเล่าเรื่องงานพืชสวนนี่นา

กลับมาในงานก่อน วันที่สองเนื่องจากเราเรียนรู้แล้วว่าวันแรกมันร้อนขนาดไหน วันต่อมาก็เลยไปงานกันตอนบ่ายสาม หลังจากเอ้อระเหยลอยชายนั่งกินอาหารเที่ยงกันจนอิ่มหนำ (ใช้เวลาไปสองชั่วโมง)

งานตอนเย็นถึงค่ำ สวยมาก ช่างแตกต่างจากกลางวันแดดเผาราวฟ้ากะเหว ซุ้มต่างๆ มีการเปิดไฟ ทำให้โรแมนติกขึ้นมาทันทีทันใด บางทีก็มีจุดประทีปด้วย

สวนของประเทศที่พวกเราชอบกันมากที่สุดคือสวนโมร็อคโค เป็นสวนสไตล์อาหรับ กับสวนอินเดีย สองที่นี้แวะเวียนไปทั้งกลางวันกลางคืนเลย ได้บรรยากาศไปคนละแบบ

ที่สวนโมร็อคโคจะมีกาแฟและชาแบบอาหรับแท้ให้ชิมด้วย แก้วเพนท์สีเล็กๆ แต่กาแฟชุ่มไปด้วยรสเครื่องเทศและความหวาน ชาเองก็หวานไม่แพ้กัน จริงๆ มีขนมด้วยแต่ว่าไม่ได้ลอง

นอกจากสวนโมร็อคโคที่น่าสนใจแล้ว ก็ยังมีน้ำหอมของโซนสมุนไพรไทย แบบว่าหอมสุดๆ กลิ่นดอกไม้ไทยนานา หลังจากลองอยู่พักนึงก็ตัดสินใจซื้อกลิ่นกุหลาบ กับ ราตรี มาอย่างละขวด

ผลของการใช้ คนขายบอกให้ฉีดทีเดียว อิฉันล่อเสียสองปื้ด แล้วก็นอนตลบฟุ้งกุหลาบท่วมไปยันเช้า แม้ฉีดไปหลายชั่วโมงแต่กลิ่นยังติดนานติดทน และไม่เปลี่ยนด้วยแฮะ คิดว่าจะกลับไปอีกครั้งเพื่อซื้อกลิ่นชมนาดอีกสักขวด ใครที่ชอบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ก็แนะนำเลย

งานพืชสวนโลกปิดประตูทางเข้าตอนทุ่มนึง แต่ว่าปิดประตูทางออกตอนสองทุ่ม ตอนทุ่มนึงนั้นจะมีขบวนแมสคอตออกมาเดินให้ถ่ายรูปกันหน้าบริเวณหอคำ

ฝูงชนมหาศาลตอนแรกก็ชมขบวนดีหรอกค่ะ แต่พอบอกให้ถ่ายรูปได้นี่วิ่งกรูกันอย่างน่ากลัวไปรุมทึ้งแมสคอต ก็มันน่ารักจริงๆ นี่นา ฉันก็เลยเริงร่าวิ่งหายไปกะเค้าด้วย

"แมวตัวนั้นล่ะ?"

"ไม่รู้สิ แต่เป็นแมวก็ต้องกลับบ้านได้เอง รอตรงนี้แหละ"

แล้วเพื่อนฝูงผู้ใจเย็นก็ไม่คิดตามสักนิด แถมกะฉวยโอกาสไปถ่ายหอคำเพราะคิดว่าไม่มีคน แต่ไม่สำเร็จ เหมือนฝูงชนจะตื่นจากมนตร์สะกดของแมสคอตและกรูกลับไปถ่ายรูปหอคำเหมือนกัน

ฉันเห็นยัยรองเท้านารีนั่นกำลังจะตาย...

ทั้งเด็กผู้ใหญ่มะรุมมะตุ้มให้หันซ้ายหันขวาจนหัวหมุน มือรองเท้านารีก็สั่นแด่กๆ ตัวอื่นๆ ก็สภาพวิกฤตพอกัน คนไม่ได้มาด้วยกันต่างก็ไม่ยอมผละ กลายเป็นการถ่ายรูปหมู่ไปโดยปริยาย น่ากลัวจริงๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่ดีใจเมื่อเห็นคือ มีของที่ระลึกของงานนี้ออกมามากมายหลายอย่าง ในที่สุดคนไทยก็รู้จักเอาอย่างญี่ปุ่นบ้างแล้ว แมสคอตที่ออกแบบมาน่ารักน่าชัง เอาไปทำอะไรก็ขายได้ ทั้งเข็มกลัด พัด ผ้าเช็ดตัว รองเท้าแตะ ชุดชั้นใน พวงกุญแจ ตุ๊กตา บลาๆๆ

งานนี้ไม่ได้ซื้อไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากพัดอันนึง เนื่องจากคงต้องเข้างานนี้อีกหลายรอบ แต่ก็คิดว่ามันน่ารักดีถ้าจะเก็บสะสม แอบวาดหวังลึกๆ ว่าหลังจากงานนี้ไปแล้วราคาตุ๊กตาจะลดลงนะ (ถ้าไม่หมดไปเสียก่อน งือๆๆ)

วันแรกเดินงานพืชสวนตอนเย็นมีเวลาเลยไปถนนคนเดินกัน ชาวบางกอกบอกมีของประหลาดมากมาย แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะว่าของมันเยอะและคนก็แยะละลานตามาก สนุกสนานกันจริงๆ นะ

นอนตื่นสาย เที่ยวกันแบบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่รีบร้อน ไปกินอาหารอร่อยๆ ได้ดื่มกาแฟคั่วสดๆ รสชาติอร่อยกว่าสตาร์บั๊คแต่ราคาถูกกว่าครึ่งๆ พอกลางคืนก็อ่านหนังสือที่เช่ามา นอนทำกิจกรรมหมู่ในความเงียบ (อ่านหนังสือหมู่) รู้สึกเป็นสุขสบาย สมกับเป็นการมาเที่ยวพักผ่อน

เพื่อนบอกว่ามาเที่ยวกะทัวร์หรือครอบครัวนั้น ส่วนใหญ่ก็ไปแต่วัดกับดอยๆ ไม่ได้มาเดินเรื่อยเปื่อยแบบนี้

แหม...ฉันก็พาไปไหนไม่ได้ไกลหรอกนอกจากถิ่นหากิน 555

คาดการณ์กันว่าคราวหน้าเราจะย้ายขบวนไปรากงอกกันที่ราชบุรี บุกบ้านสวนดูหิ่งห้อยกัน งานนี้เจ้าบ้านยังไม่รู้ตัวเลยเนี่ย งั้นบอกกล่าวไว้ตอนนี้เลยละกัน






Create Date : 23 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 23 กันยายน 2552 3:44:53 น. 4 comments
Counter : 520 Pageviews.

 
อยากไปมั่ง


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:21:12 น.  

 
อ่านแล้วอยากไปง่ะ

อยากได้น้ำหอมดอกไม้ไทยๆ ด้วยมั่งจัง



เอ่อ..ร้านหนังสือที่ว่าอยู่ไหนฤา?

คิดจะไปตั้งรกรากอยู่เชียงใหม่ จะได้ไปอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นบ้าง


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:04:18 น.  

 
อยากไปมั่งจังเลย


โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:30:07 น.  

 
อ่านไปก็อิ่มกับบรรยากาศที่ไม่ได้ไปนะคะ อยากไปมั่งล่ะน๊อ


โดย: JewNid วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:41:43 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นราเกตต์
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]




ดาวน์โหลด E-book

กระต่ายในเงาจันทร์

Friends' blogs
[Add นราเกตต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.