ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
18 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ผจญภัยสุดขอบฟ้า แคมป์ปิ้งริมแม่น้ำแคว @ หินตกริเวอร์แคมป์ [KTC Real Team]

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เคยหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าอยากจะท่องเที่ยว
แบบผจญภัยกับครอบครัวดูบ้าง
เมื่อได้รับคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรม
KTC Real Team ครั้งที่ 22
ตอน ซาฟารี แคมป์ปิ้ง

ที่หินตกริเวอร์แคมป์ จ. กาญจนบุรี
กับสโลแกน...เที่ยวเท่ ท้าต้นหนาวก่อนใคร
พลันให้รู้สึกตื่นเต้นและท้าทาย
ในกิจกรรมผจญภัยที่รอเราอยู่เบื้องหน้า



ความชุ่มฉ่ำจากเม็ดฝนยังไม่ทันขาดสาย
ลมหนาวยังไม่ทันโบกโบยโชยชื่นเต็มที่นัก
จากบ้านมาในช่วงเฝ้าระวังน้ำท่วม
จะได้ประสบการณ์คุ้มหรือไม่
ครอบครัวเราจะพบเจอกับอะไรบ้างในระหว่างทาง
......โปรดติดตาม



สืบค้นข้อมูลก่อนออกเดินทาง
เห็นข้อมูลนี้แล้วยิ่งอยากไปในทันใด
อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้ววว..จ้า.....
อโกด้าประกาศให้หินตกริเวอร์แคมป์
ให้เป็น 1 ใน 10 รีสอร์ทแบบผจญภัยที่ดีที่สุด
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในปี ค.ศ. 2009




อ้างอิง
1. นสพ. บางกอกทูเดย์
พฤหัสบดี 21 พ.ค. 2552 หน้า 44 (เต็มหน้า)
คอลัมน์ : TRAVEL GUIDE
: 10 สุดยอดรีสอร์ทผจญภัยในเอเซีย
2. นสพ. กรุงเทพธุรกิจ
จันทร์ 9 มีนาคม 2552 หน้า 1 (เต็มหน้า), 2
Section : ฉบับพิเศษ
หัวข้อข่าว : ท่อง 10 รีสอร์ทผจญภัย

อ้างอิงเพิ่มเติม
อ่านที่นี่ (1)
อ่านที่นี่ (2)


การเข้าร่วมกิจกรรม KTC Real Team ครั้งที่ 22
เราได้เข้าพักหินตกริเวอร์แคมป์ 3 วัน 2 คืน
โปรแกรม Journey on the River Kwai
พร้อมอาหาร 6 มื้อที่รีสอร์ท
และอาหารกลางวัน 1 มื้อที่ท่าเรือปากแซง
รถรับส่งจากกรุงเทพฯ ถึงกาญจนบุรี
พร้อมนำชมพิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า
สุสานสหประชาชาติ สะพานข้ามแม่น้ำแคว
พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด หมู่บ้านมอญ
นั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ สำหรับ 2 คน

เกาลัดเด็กแสบซนวัย 8 ขวบ
ติดตามพ่อแม่ไปท่องโลกกว้าง
ได้รับการอนุโลมให้เข้าร่วมกิจกรรม
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม


วันแรก

หกโมงเช้ารถตู้มารับจากจุดนัดหมาย
ที่โรงแรมใจกลางเมืองกรุงเทพ
วันนี้ค่อนข้างงัวเงียเพราะตื่นเช้ากว่าปกติ
จากนั้นไปขึ้นรถบัสที่บริเวณสนามหลวง
ร่วมกับลูกทัวร์กลุ่มอื่น ๆ

การเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว


ระหว่างทางได้แวะปั๊ม
หาอะไรใส่ท้องและพักเข้าห้องน้ำเพิ่มพลัง

กินอาหารเสร็จแล้ว
ลูกชายนอนหนุนตักพ่องีบเอาแรง




ตามรอยสงครามโลกครั้งที่สองที่กาญจนบุรี


ถึงกาญจนบุรีแล้วค่ะ
ลูกชายตื่นขึ้นจากการงีบหลับด้วยความสดชื่น
พร้อมที่จะลุยกันต่อ

กาญจนบุรีนับเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์
โดยเฉพาะเหตุการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
มีอนุสรณ์สถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน
เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานทหารสัมพันธมิตร
พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ
ซึ่งเราจะได้ไปชมในทริปนี้

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึก
มาสร้างทางรถไฟไปยังพม่า
ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก



ความทารุณ การโหมงานหนักทั้งกลางวันกลางคืน
โรคภัยไข้เจ็บและขาดอาหาร
ทำให้เชลยศึกจำนวนมากต้องเสียชีวิตลง

เดินดูไม่นาน เดินสะพานได้ไม่ไกล
เพราะอากาศค่อนข้างร้อน



ใกล้กันนั้นมีตลาดค้าพลอย
เราพากันไปเดินดูเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไร



นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกับลูกเสือตัวน้อย




พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า


พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า
จัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่การเข้ามา
ของทหารญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ออกแบบและเกณฑ์เชลยศึก
มาร่วมกันก่อสร้างทางรถไฟสายนี้
ระหว่างการสร้างมีผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก
จึงได้ชื่อว่าทางรถไฟสายมรณะในปัจจุบัน




นอกจากนี้ยังจัดแสดง
สภาพภูมิศาสตร์ของทางรถไฟ
สภาพชีวิตในค่ายเชลยศึก ด้านการแพทย์
การทิ้งระเบิดและการทำลายทางรถไฟ
รวมไปถึงเหตุการณ์หลังจากสงครามยุติ



ค่าเข้าชม




พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ข้อมูลละเอียด
จัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ
เข้าชมแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ
ในความโหดร้ายของมนุษย์
ที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ปกหนังสือที่ระลึก
ที่วางจำหน่ายในพิพิธภัณฑ์




"ไม่มีวิธีแห่งเกียรติยศในการฆ่า
ไม่มีความสุภาพในการทำลาย
สงครามไม่มีอะไรดี
นอกจากจุดจบของมัน"

ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอร์น


ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า
เป็นที่ตั้งของสุสานทหารสหประชาชาติ
เคยเป็นค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่
บรรจุศพทหารเชลยศึกประมาณ 1,740 หลุม




เจ้าหน้าที่กำลังดูแลสวน
ทำความสะอาดสุสาน



" โลกที่เต็มไปด้วยสงครามนี้
ไม่ได้เพียงแต่สิ้นเปลืองเงินอย่างเดียว
มันจะเป็นการสิ้นเปลืองหยาดเหงื่อของแรงงาน
ความฉลาดของนักวิทยาศาสตร์
และความหวังของเยาวชนทุกคน"

พลเอกดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์,
ปราศรัยแก่ American Society
of Newspaper Editors, 1953



การเดินทางสู่หินตกริวเวอร์แคมป์

รถบัสที่พาเรามาจากกรุงเทพ
ไปส่งเราที่ท่าเรือปากแซง
เพื่อส่งถ่ายลูกทัวร์กลุ่มต่าง ๆ
กระจายไปตามรีสอร์ทในเครือเดียวกัน
สำหรับคณะของเรา 3 คนพ่อแม่ลูกนั้น
มีรถตู้จากหินตกริเวอร์แคมป์มารับ

ถนนช่วงใกล้ถึงรีสอร์ท เป็นทางลงไหล่เขา
ที่ค่อนข้างชั้นและคดเคี้ยว
อย่างไรก็ตามเห็นมีรถชนิดต่าง ๆ
ทั้งรถเก๋ง รถตู้ รถกระบะไปถึงกันได้

ถึงแล้วค่ะหินตกริเวอร์แคมป์
ชื่อเต็มคือ
หินตกริเวอร์แคมป์ แอท เฮลล์ไฟร์พาส รีสอร์ท
[Hintok River Camp @ Hellfire Pass]
ตั้งอยู่ที่ช่องเขาขาด

เช็คอินที่นี่ก่อนเลย



เวลคัมดริงค์



กินอาหารกลางวัน
รีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ตลอดทั้งทริป



หลังอาหารกลางวัน
นำสัมภาระเก็บเข้าที่พัก
เป็นเต๊นท์ขนาดใหญ่ ติดแอร์
มีพัดลม ตู้เย็น น้ำอุ่น
แต่ไม่มีโทรทัศน์ให้ดู
สวยงามและน่าตื่นเต้นตามคาดหมาย



นักผจญภัยวัยซน
พร้อมที่จะออกเดินทางต่อแล้วครับ




เดินทางไปชม
พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด
อยู่ไม่ห่างจากรีสอร์ท
ตั้งอยู่ที่กองการเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี




ช่องเขาแห่งนี้ขาดด้วยแรงงานมนุษย์
ขุดเจาะช่องเขาหินเพื่อสร้างทางรถไฟไปพม่า
สมญานามอีกอย่างของช่องเขาขาด
คือ "ช่องไฟนรก" (Hell Fire Pass)
ด้วยเหตุที่พวกเขาถูกบังคับให้ทำงาน
ตลอดทั้งวันทั้งคืน
โดยอาศัยแสงสว่างจากคบไฟ
ที่สว่างไสวเหมือนกลางวัน

ในบันทึกที่ปรากฏในพิพิธภัณฑสถานช่องเขาขาด
บรรยายเหตุการณ์ว่าเชลยศึกเหล่านี้
ต้องใช้ค้อนหนัก 8 ปอนด์ สว่าน ระเบิด
เสียม พลั่ว จอบ ขุดเจาะช่องเขาทีละนิด
แล้วขนใส่ตะกร้าหวายอันเล็กๆ
ขนเศษหินและดินออกไปทิ้ง
พวกเขาทำงานตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
นอกจากงานหนักและทารุณแล้ว
หลายคนยังเจ็บป่วยล้มตายลงเป็นใบไม้ร่วง

ชมวีดิทัศน์บอกเล่าเรื่องราวสงคราม
ความโหดร้ายของสงคราม ส่งผ่านตัวอักษร
ภาพวาด และสิ่งของที่จัดแสดง




เดินเท้าตามเส้นทางรถไฟสายมรณะ
ที่ช่องเขาขาด


ด้านหลังพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด
มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด

ระหว่างทางเดิน



เส้นทางนี้เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะ
ที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือปราศจากเครื่องมือทันสมัย
ให้เป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟ




ถึงแล้ว..ช่องเขาขาดกลางสายฝน

ช่องเขาที่แบ่งภูเขาหินขนาดย่อมๆ
ขาดออกเป็นสองฝั่ง มีทางทอดยาวเข้าไป
เป็นที่ซึ่งเชลยศึกต้องสังเวยชีวิตมากมาย
ว่ากันว่า 1 หมอนรางรถไฟเท่ากับ 1 ชีวิตของเชลยศึก




"ในสงครามไม่มีชัยชนะมาทดแทนได้"
นายพลดัคคลาส แมคอาเธอร์
จากวิกิคำคม
//th.wikiquote.org/wiki/สงคราม


ตอนนี้ตากฝนเปียกทั้งตัว
กำลังขึ้นรถตู้กลับที่พัก



ตอนเย็นอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า
พักผ่อนตามอัธยาศัย
แล้วไปกินอาหารเย็นประมาณหนึ่งทุ่ม

เย็นนี้เป็นบาร์บีคิว ซึ่งตามปกติ
จะจัดที่แคมป์ไฟกลางสนาม
แต่เย็นนี้ฝนพรำๆ ไปจนถึงกลางคืน
จึงจัดในร่มแทน
บรรยากาศมื้อค่ำ



อาหารเย็น



เกาลัดรู้สึกไม่ค่อยสบาย
อ้อนให้พ่อป้อนข้าวต้มในเต๊นท์
พี่ๆ ใจดีทำข้าวต้มปลาไว้ให้เป็นพิเศษ



จากนั้นก็นอนหลับไป
ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย
ไม่ต้องเปิดแอร์
ส่วนพ่อนั้นอ่านหนังสือต่อ






วันที่สอง
วันแห่งการผจญภัยที่รอคอย


วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันในทริป
เป็นวันที่ครอบครัวเรารอคอยด้วยความตื่นเต้น
พ่อเล่ากิจกรรมวันนี้ให้ลูกฟังคร่าว ๆ
ลูกบอกว่าน่าสนุกและอยากไป

อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟต์
ตลอดทริป เราเจริญอาหารทุกมื้อเลย


พ่อบอกว่าต้องกินอาหารเช้าเพิ่มพลังให้อิ่ม
..ไข่ดาว



แต่ก็กินได้ไม่มากเท่าไหร่



กินเสร็จแล้ว ไปรอลงเรือ



เกาลัดตื่นเต้นมากกว่าใครๆ



ไปกันเล้ย
ลงเรือแล้ว ยังช่วยใส่ชูชีพให้พ่อด้วย



ไม่นานก็ถึงที่หมาย
นั่นคือเรือนแพริเวอร์เเคว จังเกิ้ลราฟท์
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย
และอยู่ในเครือ SERENATA Hotels & Resorts Group
เช่นเดียวกับหินตกริเวอร์แคมป์


ชมหมู่บ้านมอญ ถ้ำพระ ผาเอน


กาญจนบุรีเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติ
อันอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้ ถ้ำ น้ำตก
รวมไปถึงประเพณีวัฒนธรรม
อันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติ
ที่อาศัยอยู่ร่วมกันทั้งไทย พม่า
มอญ กะเหรี่ยง ฯลฯ

ตามโปรแกรมเช้านี้เราจะเดินชม
หมู่บ้านมอญ ถ้ำพระ ผาเอน
ซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย
ใกล้กับริเวอร์เเคว จังเกิ้ลราฟท์

บ้านในป่า



ร้านค้าในชุมชน



ไก่ชน พบได้ทั่วไปในหมู่บ้าน



ปางช้าง



ร้านขายของที่ระลึก



ภายในร้าน



ซุ้มประตูจากหลังร้านไปจนถึงหน้าร้าน



ชาวมอญเป็นชนชาติเก่าแก่
ที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรม
ศาสนา และการค้าในแถบดินแดนสุวรรณภูมิ
ซึ่งในปัจจุบันได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย
พม่า เขมร ลาว และเวียดนาม
ชาวมอญเป็นชนชาติที่รักความสงบ
แต่กลับถูกรุกรานจากชาติที่มีกำลังเหนือกว่า
ด้วยมุ่งหวังความเป็นใหญ่
จนเป็นเหตุให้มอญต้องสูญเสียแผ่นดินในที่สุด

มรดกทางวัฒนธรรมของชาวมอญ
ทั้งในด้านลัทธิศาสนา ความเชื่อ ประเพณี
พิธีกรรม ประติมากรรม ภาษา วรรณคดี
การดนตรี และการบันเทิงได้ฝังรากลึก
ในดินแดนสุวรรณภูมิและประเทศไทย
วิถีชีวิตของชาวมอญกับชาวไทย
จึงมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก
แม้ความเชื่อ ประเพณี และการละเล่น
ของไทยบางอย่างก็ได้รับอิทธิพลจากมอญ


เด็กน้อยเล่นมวยปล้ำกันอย่างเอาจริงเอาจัง



โรงเรียนในหมู่บ้าน
อุปถัมภ์โดยเจ้าของเวอร์เเคว จังเกิ้ลราฟท์
วันนี้เด็กๆ มาเรียนภาษามอญ
นอกจากนั้นทางรีสอร์ท
ยังได้จัดรถรับส่งให้เด็กน้อยในหมู่บ้าน
ไปเรียนที่โรงเรียนบ้านพุเตยด้วย



เด็กผู้ชายนุ่งโสร่ง
ทั้งชายหญิงทาหน้าด้วยสมุนไพรทานาคา



ตั้งใจเขียน




เดินเข้าไปในป่าใผ่



ภาพเขียนที่ผาเอน



ถ้าพระ



ถ้ำพระ ผาเอน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน
ซึ่งชาวบ้านจะเดินทางมาสักการะอยู่เสมอ



ไปต่อกันที่วัด







เสร็จสิ้นกิจกรรมในช่วงเช้า
เราไปริเวอร์แควจังเกิลราฟท์
เพื่อรอทำกิจกรรมช่วงบ่ายต่อ




ดื่มน้ำกันที่จังเกิลบาร์



ได้โอกาสถ่ายภาพบริเวณแพ



ความสามารถพิเศษของแม่บ้าน
ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ประจำวัน





นั่งชิงช้าดีกว่า ยังมีเวลาอีกเยอะ



พ่อ...ถ่ายรูปให้เกาลัดหน่อย
ว่าแล้วก็เผ่นแผลวไปแบกลูกฟัก
อย่างว่องไว...พ่อแม่ตามไม่ทัน
พี่รอด..ไกด์ของเราบอกว่าระวังจะคัน
..ไม่ทันซะแล้ว



ได้เวลาอาหารกลางวัน



กินข้าวเที่ยงสร็จ
เกาลัดแบตหมดขอนอนหลับ
แม่นั่งๆ นอน ๆ คอยพัดวีให้



ส่วนพ่อเกาเหลานวดเท้ารอ
ระหว่างลูกนอนกลางวัน



เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ลูกตื่นขึ้นมาพร้อมกับแบตในร่างกาย
ที่ถูกชาร์ตจนเต็ม กลับมาคึกคักอีกรอบ
และก็ได้เวลาต่อกิจกรรมในช่วงบ่ายพอดี
พร้อมแล้วก็ลุยกันเลย..

พายเรือเเคนู
ชมระบบนิเวศและทิวทัศน์แม่น้ำแควน้อย




ฝูงควายริมฝั่งน้ำ




ลูกชายสนุกตื่นเต้น
กับประสบการณ์ใหม่



เพลิดเพลินไปกับท้องฟ้า ภูเขา แม่น้ำ
เรือไหลไปตามกระแสน้ำ
จนแทบไม่ต้องออกแรงพาย



มุมกว้าง ๆ



ก่อนออกเดินทาง
ไกด์ของเราถามว่าจะใช้ชูชีพรองนั่งหรือเปล่า
เราบอก..ไม่ต้องก็ได้

ขณะที่กำลังพายไป ถ่ายรูปไปอยู่นั้น
พบว่ามีน้ำซึมเข้ามาจากท้องเรือ
ทำให้กางเกงเปียกนิดหน่อย
ไกด์บอกว่าเป็นเรื่องปกติ
เรือแคนูจะมีช่องที่น้ำเข้ามาได้
เพิ่งจะเข้าใจ ก็เปียกไปแล้ว
ไม่ทันซะแล้ว..เง่อ..



พายเรือผ่านรีสอร์ทแห่งใหม่ในเครือเดียวกัน
ซึ่งจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้
มองเข้าไปเห็นกำลังตกแต่งไว้อย่างสวยงาม



พายเรือเเคนูเข้าเทียบท่า
ที่ริเวอร์เเคว รีโซเทล รีสอร์ท



ริเวอร์เเคว รีโซเทล รีสอร์ท
หรือรีโซเทล แก่งละว้า
เรามาที่นี่เพื่อนำชมถ้ำละว้า
ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค



เดินลัดเลาะ
จากริเวอร์เเคว รีโซเทล รีสอร์ท
ไม่ทันเหนื่อยก็ถึงเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค
อยู่ใกล้กันมาก
ไปกันที่เส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติแก่งละว้า



เกาลัดเดินตามพี่รอด
เข้าถ้ำละว้าไปติดๆ



ไหว้พระในถ้ำ



ชมหินงอกหินย้อย



หลังจากเข้าถ้ำ
ก็นั่งเรือกลับหินตก ฯ



กลับมาถึงรีสอร์ทแล้ว
ที่หินตกริเวอร์แคมป์มีสระน้ำธรรมชาติ
ไหลมาจากลำธารบนภูเขา
ไปเล่นน้ำกันดีกว่า





อาหารเย็น



อ่านหนังสือก่อนนอน
จากนั้นก็หลับสบาย
ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขากับสายน้ำ




วันที่สาม


เกาลัดตื่นเช้ากว่าแม่อีกแน่ะ
ติ่นมาก็อ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ต่อ
เป็นเรื่องย่อบทโทรทัศน์ละครเสือสั่งฟ้า
พ่อลูกเคยดูบ้างบางตอนแล้วชอบ
เลยซื้อมาอ่านด้วยความสนใจ



ไปกินข้าวกัน
ลูกไปทั้งชุดนอนนี่แหละ
ขอถ่ายภาพกับบหน้ากากหน่อยคร้าบ



กินไปอ่านไปจนหมดชาม




กิจกรรมสนุกที่หินตกริเวอร์แคมป์

อาบน้ำแล้วก็ขี่จักรยานเล่น



ชมทิวทัศน์แม่น้ำแคว



ม้าโยก



ขี่จักรยานดูชุมชนใกล้ๆ รีสอร์ท



ปีนหอคอย



ข้ามสะพานขอนไม้



พักกินไอศครีม



จากนั้นก็ได้เวลาเก็บของกลับบ้าน
เราเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทเวลา 11.00 น.
ไปที่ท่าเรืองปากแซง
เป็นจุดนัดหมายเพื่อรอกิจกรรมในช่วงบ่าย



กินอาหารกลางวันที่ร้านสมหมาย
ณ ท่าเรือปากแซง



เสร็จจากอาหารกลางวัน
มีไกด์มารับไปทัวร์รถไฟ
รถไฟเส้นทางสายประวัติศาสตร์
เริ่มต้นที่สถานีน้ำตก



รถไฟกำลังจะมา




ขึ้นรถไฟไปตามเส้นทางสายประวัติศาสตร์
ผ่านช่วงโค้งเลียบถ้ำกระแซ
และแม่น้ำแควน้อย





ทิวทัศน์สวยงาม
ถ่ายภาพผ่านหน้าต่างรถไฟ



ใกล้ถึงปลายทางที่ต้องต่อรถบัสแล้ว
เกาลัดง่วง แต่พ่อไม่ยอมให้หลับ



เราใช้เวลาสุดพิเศษ
บนรถไฟเส้นทางสายประวัติศาสตร์
ประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นก็ขึ้นรถบัสกลับกรุงเทพ ฯ
ด้วยความปลอดภัย



ขอบคุณโครงการ KTC Real Team
และ KTC WORLD
รวมทั้งหินตกริเวอร์แคมป์
ที่เปิดโอกาสให้ครอบครัวของเราเรา
ได้เข้าร่วมการเดินทางผจญภัย
อันแสนสนุกและน่าจดจำ



---------------------------------------------------------


ข้อมูลเพิ่มเติม


หินตกริเวอร์แคมป์ แอท เฮลล์ไฟร์พาส รีสอร์ท
[Hintok River Camp @ Hellfire Pass] จ.กาญจนบุรี
ตั้งอยู่ที่ช่องเขาขาด จ.กาญจนบุรี



เข้าไปก็จะเจอหอคอยก่อน



เช็คอินที่นี่



โต๊ะอาหารชมวิวแม่น้ำ



บาร์เล็กๆ ที่ล็อบบี้



ไวน์ก็มี



สมุดเซ็นเยี่ยม




ร้านขายของที่ระลึกและของใช้จำเป็น
เช่น ขนม ไอศครีม ถ่ายไฟฉาย ฯลฯ







จักรยานเสือภูเขาบริการฟรี



ทางเดินไปเรือนนวด



เรือนนวด



เต๊นท์แบบต่าง ๆ ในรีสอร์ท



เต๊นท์ใหญ่แบบเข้าพักเป็นหมู่คณะก็มี






เต๊นท์ของเรา



มุมพักผ่อนหน้าเต๊นท์



อีกมุม



เข้ไปดูด้านในกันค่ะ
สามคนพ่อแม่ลูกพักสบาย ๆ
มีเตียงใหญ่ 1 เตียงเล็ก 1 เตียง



ภายในเต๊นท์กว้างขวาง
อยู่สามคนไม่แคบ ไม่อึดอัดเลย



ได้บรรยากาศซาฟารีเล็กๆ



อีกมุมค่ะ



พัดลม โต๊ะแป้ง หีบใส่ของ ตู้เย็น



ที่ไม่มีก็คือไดร์เป่าผม
และที่สำคัญคือทีวี
เหมาะแก่การหลีกหนีความวุ่นวายโดยแท้





ไปดูห้องน้ำกันบ้าง
มีห้องน้ำในตัว
เสริมออกมาด้านหลังเต๊นท์ค่ะ





มีน้ำอุ่นค่ะ



ที่นั่งชมวิวแม่น้ำแคว



แคมป์ไฟกลางรีสอร์ท



โต๊ะอาหารบริเวณแคมป์ไฟกลางรีสอร์ท





ดูมุมกว้างบ้าง





ผ้าเช็ดตัวสำหรับใช้ที่สระว่ายน้ำ
หยิบได้ที่ล็อบบี้



สระว่ายน้ำที่นี่ เป็นสระธรรมชาติ
รับน้ำจากลำธารที่เกิดจากตาน้ำหรือน้ำซับบนภูเขา







ท่าเรือของรีสอร์ท



พ่อลูกนั่งคุยกันท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม
ริมแม่น้ำและโอบล้อมด้วยป่าเขา


บรรยากาศยามค่ำคืนที่โต๊ะอาหาร





หน้าเต๊นท์ยามค่ำคืน



อาหารเช้าบุฟเฟต์










การผจญภัยกันกับโปรแกรมของรีสอร์ท
อาทิ นั่งเรือชมแม่น้ำแคว



เล่นน้ำในสระธรรมชาติ



พายเรือแคนู



เดินชมระบบนิเวศป่าไผ่ที่หมู่บ้านมอญ



เที่ยวชมถ้ำพระ ผาเอน





เดินช่องเขาขาด



ขี่จักรยาน



และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย




เครดิตแผนที่
travel.sanook.com
คลิกที่นี่


Create Date : 18 ตุลาคม 2554
Last Update : 1 มิถุนายน 2555 16:28:12 น. 0 comments
Counter : 4205 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมจันทร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.