Photo Copyright @ "JUM"
Group Blog
Long Live The King
สารบัญ blog
Cooking 1
Cooking 2
Cooking 3
Cooking 4
Cooking 5
Dessert 1
Dessert 2
Munchies 1
Munchies 2
Baking 1
Baking 2
Baking 3
Baking 4
Cool & Freshy
Talk To U
ส่งการบ้านจุ๋ม
เฉพาะกิจ
นานาสาระเรื่องในครัว (close)
เจ้าตูบ (close)
จิปาถะ (close)
Recipe 1 (close)
Recipe 2 (close)
In My Web (April 2011)
In My Web (May 2011)
<<
มกราคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
19 มกราคม 2550
สัมปันนี
All Blogs
สังขยาจิ้มขนมปัง
ฟักทองแกงบวด
เต้าฮวยนมสด
ครองแครงกรอบ
สัมปันนี
กล้วยบวดชี
หม้อแกง (เผือก)
ฝอยทอง
สัมปันนี
ส่วนผสม
แป้งมันคั่วสุก 2 + 1/2 ถ้วย (ถ้วยตวงของแห้ง)
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (ถ้วยตวงของแห้ง)
มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม คั้นให้ได้กะทิ 1 + 1/2 ถ้วย (ถ้วยตวงของเหลว)
สีผสมอาหาร
ในรูปนี่จะเห็นเป็นชามผสม 2 ใบ ในนั้นจะเป็นน้ำตาลทรายและกะทิที่เคี่ยวรวมกันแล้วนะคะ แป้งมันคั่วแล้วอยู่ในถุง
เดี๋ยวเราค่อยมาดูรายละเอียดกันค่ะ
ขนม
"สัมปันนี"
เป็นขนมไทยโบราณอย่างหนึ่ง แต่โบราณขนาดไหนนั้นจุ๋มก็ไม่ทราบได้ บางตำรับใช้แป้งสาลีทำก็มี เคยอ่านเจอค่ะ แต่ส่วนมากใช้แป้งมันทำ ใช้แป้งมันทำจะนุ่มและแทบละลายในปาก ใช้แป้งสาลีจะออกเหนียวหน่อย ๆ เท่าที่อ่านเจอนะคะ จุ๋มอ่านมาจากหลายเวปนานมากแล้วคะ ไม่ได้จดชื่อเวปไว้ อยากทราบลองเข้าพี่ google keyword สัมปันนีเลยคะ
อุปกรณ์จำเป็น
กระทะทองเหลืองและไม้พาย
สำหรับคั่วแป้งมันและเคี่ยวกะทิและน้ำตาลทรายค่ะ
กรณีไม่มีกระทะทอง อนุโลมใช้กระทะเทปล่อนคั่วแป้งมันแทนค่ะ และใช้หม้อสแตนเลสหรือหม้อเทปล่อนเคี่ยวกะทิและน้ำตาลทรายแทนได้ค่ะ
ภาชนะมีฝาปิดสำหรับใช้อบแป้ง
จะเป็นหม้อสแตนเลส ภาชนะดินเผามีฝาปิด หรือชามแก้วมีฝาปิด แต่ไม่แนะนำพวกพลาสติกนะคะ
พิมพ์สำหรับกดขนม
เวลาไปซื้อเค้าบอกพิมพ์กดทองเอกค่ะ ส่วนมากเค้าจะรู้จักกันในชื่อนี้ มีทั้งที่ทำจากไม้และพลาสติก สมัยก่อนนี้ทำจากไม้ แต่สมัยใหม่ทำจากพลาสติกเสียส่วนมาก เวลาเลือกซื้อเลือกซื้อที่ลายหยาบ ๆ เพราะเวลากดขนมแล้วจะได้ลายที่สวยกว่าค่ะ เท่าที่จุ๋มเห็นในปัจจุบันที่ทำจากพลาสติกจะมี 2 สี คือสีเหลืองและสีน้ำตาล อันที่สีเหลืองลายจะสวย แต่จะดอกหรือตัวใหญ่คะ ส่วนอันสีน้ำตาลลายจะเรียบ ๆ กว่า และดอกหรือตัวเล็กกว่า อันสีเหลืองนี่อันละประมาณ 50 บาท ซื้อมานานแล้วคะ ทำทองเอกไปครั้งนึงแล้ว พิมพ์นี้ใช้กดข้าวตูก็ได้ค่ะ
เนี่ยคะ ลองสังเกตดูลาย ให้มันหยาบ ๆ ถ้าละเอียดกว่านี้ตอนกดออกมามันไม่เห็นเป็นร่องเป็นหยักค่ะ ถ้าเป็นพิมพ์ที่ทำจากไม้ข้อเสียคือล้างและตากไม่ดีระวังขึ้นรา และใช้ไปนาน ๆ ลายมันจะสึกง่ายกว่าอันที่ทำจากพลาสติกค่ะ
เทียนอบ
รูปร่างหน้าตาแบบในภาพค่ะ คล้าย ๆ เกือกม้า ทำจากเครื่องหอมหลากชนิด มาปั้น ๆ เป็นแท่ง แล้วตรงกลางมีไส้ค่ะ มีอันใหญ่กับอันเล็ก หาซื้อได้ตามร้านวัตถุดิบเบเกอรี่ ร้านเครื่องพระบางร้านอาจจะมีค่ะ เวลาซื้อลองดม ๆ ดูว่าหอมไหม แต่เทียนอบสมัยนี้ไม่ค่อยหอมเท่าสมัยก่อนแล้วคะ จุ๋มเคยซื้อเทียนอบที่ชลบุรี หอมมาก ๆ ซื้อจากร้านเครื่องพระที่เค้าทำขายนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ใช่เทียนอบที่ผลิตมาจากโรงงานอุตสาหกรรมแบบนี้นะคะ อันนี้ใช้แก้ขัดไป
มาเริ่มต้นคั่วแป้งกันก่อนคะ แป้งที่เราจะใช้
"แป้งมันสำปะหลัง"
ค่ะ
เทแป้งมันใส่กระทะทองค่ะ
ก่อนคั่วแป้งลองเอานิ้วมือสัมผัสแป้งดูนะคะว่ามันลื่นขนาดไหน เพราะตอนคั่วสุกแล้วแป้งจะฝืดขึ้นค่ะ จะได้รู้ความแตกต่างค่ะ
เวลาคั่วให้ใช้พายไม้พลิกแป้งกลับไปกลับมาค่ะ บ่อย ๆ ค่ะ
ใช้ไฟอ่อน ๆ ค่ะ คั่วไปเรื่อย ใช้ไฟแรงจะไหม้
คั่วไปเรื่อย ๆ จนแป้งสุก ก็ปิดเตา และยกกระทะลงได้เลย เวลาแป้งสุกจะลื่น ๆ ไม่ติดกระทะ และเอานิ้วสัมผัสจะฝืด ๆ ค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว คั่วนานไปแป้งจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ๆ ทำให้ขนมสีไม่สวยได้ค่ะ
หลังจากแป้งสุกบางคนก็อาจจะพักแป้งไว้แบบนี้ แต่เพื่อเพิ่มความหอมให้กับขนมแนะนำให้อบแป้งที่คั่วแล้วด้วยเทียนอบค่ะ บางคนอาจจะอบตอนเอาขนมอัดใส่พิมพ์และเคาะออกมาแล้ว แต่แบบนั้นหอมแต่ข้างนอก ผิวนอกของขนมค่ะ ถ้าอบแป้งเสียตั้งแต่หอมนี้ ตอนกินหอมมาก ๆ เหมือนสาว ๆ ที่เพิ่งแตกเนื้อสาว กลิ่นหอมออกมาจากตัว ไม่ใช่กลิ่นจากน้ำหอมนะคะ เปรียบเปรยยังไงดีเนี่ย หนุ่ม ๆ ห้ามหัวเราะ ฮิฮิ
เทแป้งที่คั่วแล้วใส่ภาชนะที่เตรียมไว้นะคะ โบราณว่าไว้ว่า ภาชนะที่เหมาะสำหรับอบควันเทียน อบเครื่องหอมนั้นคือภาชนะดินเผาคะ แต่จุ๋มไม่มีนะคะ
แล้วก็เอาช้อนตักแป้งตรงกลางไปอยู่รอบ ๆ ให้หมดนะคะ ตรงกลางเราจะไว้วางถ้วยที่ใส่เทียนอบค่ะ
เวลาจะอบแป้งเอาเทียนอบเสียบไม้จิ้มฟันแบบจุ๋มก็ได้คะ เทียนอบจะได้ไม่ล้ม เอาถ้วยวางตรงพื้นที่ที่เตรียมไว้ วางเทียนอบลงไปในถ้วย จุดไฟที่ไส้เทียนอบทั้ง 2 ข้าง ให้ไฟติดสักพักและให้เนื้อเทียนอบละลายหน่อย ๆ ได้กลิ่นหอม ๆ
แล้วก็เอามือปัด ๆ ให้ไฟดับค่ะ จะมีควันเทียนอบออกมา หอมมาก ๆ ตอนนี้
แล้วรีบเอาฝาภาชนะปิดเลยคะ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้อบแป้งข้ามคืนนะคะ ทำแบบนี้แล้วทิ้งไว้สัก 2 ชั่วโมง แล้วก็จุดไฟอีกสักรอบ แล้วทิ้งไว้ข้ามคืนค่ะ
แต่ถ้ากรณีเร่งด่วนอบแป้งตอนกลางวันทำตอนกลางวัน แนะนำให้จุดไฟสัก 3 รอบคะ แต่ละรอบก็ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีค่ะ
ก็พักแป้งไว้ก่อนนะคะ
คราวนี้มาคั้นกะทิค่ะ แนะนำให้ใช้กะทิสดถ้าหาได้ เพราะกะทิสำเร็จทำขนมแล้วกลิ่นไม่น่าชวนกินค่ะ
สาว ๆ คนไหนไม่เคยคั้นกะทิมีไหมคะ จุ๋มคั้นกะทิเป็นตั้งแต่อยู่ประถมแล้วคะ เพราะยายขายกะละแม หน้าที่ของหลาน ๆ คือแช่ข้าวเหนียว โม่แป้ง คั้นกะทิ ตวงน้ำตาล และอื่น ๆ อีกมากมาย
เตรียมกะละมัง 2 ใบนะคะ
แล้วก็ภาชนะใส่น้ำกะทิ 1 ใบ หม้อ กะละมัง หรืออื่น ๆ ตามท่านสะดวก กระชอนสำหรับกรองน้ำกะทิ และจะดีมากถ้ามีผ้าขาวบางเพื่อกรองครั้งสุดท้ายอีกผืน แต่ของจุ๋มหมาเอาไปกัดขาดคะ วันนี้ใช้กระชอนตาถี่กรองอีกรอบ
กระชอนก็วางบนภาชนะที่จะใส่น้ำกะทินะคะ
ระหว่างนี้ตั้งน้ำไว้ก่อน สมมติเค้าบอกว่า มะพร้าวขูด 500 กรัม คั้นให้ได้กะทิ 1 + 1/2 ถ้วย ก็เตรียมตั้งน้ำไว้ประมาณ 1 ถ้วยนะคะ ไม่ต้องใส่น้ำ 1 + 1/2 ถ้วย จะมีน้ำกะทิออกมาจากตัวมะพร้าวบางส่วนค่ะ ตั้งน้ำให้ร้อนแค่มือเราทนได้ ร้อนมากไปมือพองค่ะ
เอามะพร้าวขูดเทใส่กะละมังใบนึงที่เราเตรียมไว้ ปกติแล้วมะพร้าวขูดที่ตลาดเค้าจะปอกเปลือกดำ ๆ ไม่หมดค่ะ สังเกตดูมะพร้าวขูดจะมีสีน้ำตาลของเปลือกติดมาเยอะ บอกแม่ค้าหรือพ่อค้าว่าช่วยปอกเปลือกให้ด้วย จะเอาไปทำขนมค่ะ เค้าจะคิดค่าปอกเปลือกออกเพิ่มกิโลละ 3-5 บาท ประมาณนี้ค่ะ จะได้มะพร้าวขูดที่ขาวมาอีกหน่อย สีขนมจะได้สวยค่ะ ไม่ออกดำ ๆ
ร้านขายมะพร้าวขูดสมัยนี้มีเครื่องคั้นกะทิด้วย ไม่แนะนำให้ซื้อน้ำกะทิที่คั้นแล้วนะคะ เพราะเค้าใส่น้ำเยอะมาก ความมันไม่ได้คะ แบบนั้นทำแกงได้ แต่ทำขนมแบบนี้ไม่เหมาะคะ
แล้วก็เอาน้ำที่เราต้มไว้อุ่น ๆ ใส่ลงไปในมะพร้าวสัก 1/2 นึงค่ะ ไม่แนะนำให้ใส่ทีเดียวหมด การคั้นกะทิจะให้ได้มันมาก ให้ใส่น้ำทีละน้อยค่ะ มันจะออกเยอะกว่าใส่ทีเดียวหมดค่ะ
เอาน้ำใส่ลงไปแล้ว ก็เอามือคน ๆ ขยำ ๆ มะพร้าวและน้ำให้ผสมผสานกัน บีบน้ำออก แล้วก็ขยำใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ซักพักค่ะ จริง ๆ ควรใช้ 2 มือ แต่จุ๋มเก็บอีกมือไว้ถ่ายภาพนะคะ
บีบ ๆ ขยำ ๆ สักพัก ก็ใช้มือขยุ้มมะพร้าวไว้ในอุ้งมือ แล้วบีบน้ำออกไว้ในกะละมังนี้ เอามะพร้าวที่บีบน้ำแล้วไปใส่อีกกะละมังคะ
นี่คือมะพร้าวที่บีบน้ำออกแล้วนะคะ ที่เราแยกไปใส่กะละมังอีกใบ
ส่วนนี่ก็คือน้ำกะทิที่เราคั้น ๆ เอาไว้ในกะละมังแรก แต่ยังไม่ได้กรองเอาเศษ ๆ ออกค่ะ
ก็ยกส่วนที่มีน้ำกะทินี้ไปเทใส่กระชอนที่เราวางบนภาชนะค่ะ
ในภาชนะด้านล่างเราก็จะได้กะทิน้ำที่ 1 แล้วนะคะ ซึ่งเรียกว่า
"หัวกะทิ"
นั่นเอง คำว่าหัวกะทิคือแบบนี้ละคะ ถ้าเปรียบกับกะทิกล่อง ๆ แล้วก็คือกะทิในกล่องเลยยังไม่ต้องผสมน้ำ
มะพร้าวบนกระชอนก็บีบน้ำออกแล้วไปรวมกับกะละมังมะพร้าวอีกใบเมื่อกี้นะคะ
จากนั้นก็คั้นกะทิด้วยน้ำที่เหลือ น้ำที่สองเรียก
"กะทิ"
น้ำที่ 3 และน้ำต่อ ๆ ไปเรียก
"หางกะทิ"
แต่น้ำที่สามของมะพร้าวบางครั้งอาจจะยังเป็น
"กะทิ"
ได้ถ้ามีความมันเยอะ ขึ้นกับว่ามะพร้าวอ่อนหรือแก่คะ ต้องดูที่สีผิวของกะลา ไม่พูดรายละเอียดตรงนี้นะคะ
ก็คั้นกะทิแล้วตวงให้ได้ตามส่วนค่ะ
คราวนี้มาเคี่ยวกะทิกับน้ำตาลทรายกัน
น้ำตาลทรายใส่กระทะทองค่ะ
เทกะทิตามลงไป กะทิเมื่อกี้จุ๋มกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ อีกครั้งคะ
ใช้พายไม้คนพอน้ำตาลทรายละลายแล้วเอาไปตั้งไฟกลาง ๆ คะ
กลาง ๆ พอคะ แรงไปแตกมันมากไปค่ะ
ไม่ต้องไปคนมันบ่อยคะ คน 2-3 ทีพอ แล้วก็ปล่อยให้มันเดือดค่ะ แบบนี้ เริ่มเดือดค่ะ ระหว่างที่มันเดือดถ้าน้ำกะทิมันขึ้นไปตรงขอบ ๆ กระทะให้เอาพายไม้ปาด ๆ ลงมาบ่อย ๆ ถ้าไม่ปาดจะทำให้ตกทรายได้ค่ะ
ปล่อยให้มันเดือดสักพักจนเดือดแรงแบบนี้
ลดไฟลงอ่อน แล้วเคี่ยวต่อจนเป็นยางมะตูม ประมาณ 15 นาทีค่ะ
เคี่ยวจนเป็นยางมะตูม น้ำกะทิจะเดือดฟองเล็ก ๆ แบบนี้ค่ะ
ถ้าเคี่ยวกะทิน้อยไป ขนมจะไม่อยู่ตัว ถ้าเคี่ยวนานเกินไป ขนมจะตกทรายมากไปและเนื้อขนมแข็งกระด้าง เทคนิคของขนมนี้อยู่ตรงนี้นะคะ
ก็ลองยกพายไม้ขึ้นมาดูค่ะ จะมีน้ำเชื่อมข้น ๆ ติดพายไม้ ลองเอานิ้วแตะ ๆ ดู นิ้วจะหนึบ ๆ ค่ะ
น้ำเชื่อมได้ที่แล้ว ปิดเตาได้เลยคะ แต่ให้เอาพายไม้คน ๆ ตลอดจนน้ำเชื่อมขุ่นเหมือนนมข้นค่ะ
จากนั้นปล่อยให้มันอุ่นตัวค่ะ รอสักพัก เพราะถ้าเราผสมสีตอนน้ำเชื่อมร้อนจะทำให้สีเพี้ยนได้คะ
ก็รอน้ำเชื่อมอุ่น ๆ นะคะ ก็แบ่งน้ำเชื่อมตามจำนวนสีที่เราต้องการ สีที่นิยมนั้นได้แก่ ชมพู เขียว เหลือง ฟ้า ม่วง ขาว เน้นว่าสีอ่อน ๆ ค่ะ จะไม่ผสมสีเข้มเกินไป สีขาวคือไม่ต้องผสมสีลงไปค่ะ
แป้งก็แบ่งตามจำนวนสีที่ต้องการเช่นกันค่ะ
ก็เอาสีหยดลงไปค่ะ แนะนำว่าทีละ 1-2 หยด ยิ่งแบ่งทำหลายสีใส่ทีละหยดเลยคะ พอดีจุ๋มทำ double สูตร และทำแค่ 2 สีนะคะ เลยใส่ 3 หยด
ถ้าใช้ dropper หยดจะดีมาก มันจะออกมาทีละน้อย ใช้เทระวังสีหยดใส่มากไปค่ะ dropper มีขายตามร้านอุปกรณ์เบเกอรี่ ไม่ก็ศึกษาภัณฑ์ค่ะ อันละประมาณ 15 บาท ลืมถ่ายรูปมาให้ดูว่ามันคือแบบไหน เดี๋ยวไปโพสต์รวมกับอุปกรณ์เบเกอรี่แล้วกัน พรุ่งนี้ถ้าว่างจะโพสต์อุปกรณ์เบเกอรี่ของจุ๋มทั้งหมดที่มีให้คะ
แล้วก็เอาช้อนหรือพายไม้อันเล็ก ๆ คนให้สีเสมอทั่วกันทั้งน้ำเชื่อมค่ะ
สีทั่วกันดีแล้วทะยอยใส่แป้งที่เราอบไว้ลงไปค่ะ ทะยอยใส่ทีละน้อย ๆ ค่ะ ใส่ไปคนไป
ก็ใช้ช้อนหรือพายไม้อันเล็ก ๆ คนจนเข้ากัน ถ้าแป้งมันเปียกไปค่อย ๆ ทะยอยใส่แป้งเพิ่ม จนกระทั่งแป้งหมาด ๆ ค่ะ ยังไม่เข้ากันดีไม่เป็นไร เดี๋ยวต้องใช้มือนวดต่อค่ะ
แล้วใช้มือนวดต่อจนเนียน ๆ แบบนี้ค่ะ เนื้อแป้งที่ดีจะต้องหมาด ๆ ค่ะ ไม่แห้งไป และไม่เปียกไปค่ะ
ก็ทำไปตามจำนวนสีที่ต้องการนะคะ จุ๋มทำสีเดียวก่อน กลัวไม่ทัน ฮ่าฮ่าฮ่า ที่เหลือเดี๋ยวจะไปทำค่ะ
นวดแป้งได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 1 นิ้วค่ะ
แล้วก็เอาไปใส่ในพิมพ์ค่ะ
ลืมบอกไปอย่าง แป้งจะคั่วเกินสูตรไว้หน่อยก็ดีค่ะ แล้วเก็บแป้งบางส่วนไว้ทำนวลเวลาปั้นแล้วกดลงพิมพ์ค่ะ คือให้เอาแป้งที่คั่วแล้วทาที่พิมพ์ตรงเบ้า ๆ ที่เป็นรูปค่ะ แล้วก็เคาะแป้งส่วนเกินออกบ้าง ช่วยไม่ให้ขนมติดพิมพ์ค่ะ แต่ขนมจะติดพิมพ์หรือไม่นั้นขึ้นกับการเคี่ยวน้ำเชื่อมค่ะ ถ้าใสไปขนมก็ติดพิมพ์ เคาะแล้วขนมไม่ร่อนออกจากพิมพ์ค่ะ
ที่จุ๋มทำก็ทานวลที่พิมพ์บ้างเป็นระยะ แต่ไม่ได้ทามากมายค่ะ
แล้วก็เอานิ้วมือเรากด ๆ แป้งลงไปให้เป็นรูปพิมพ์ค่ะ แน่น ๆ จะสวยค่ะ
ทีนี้จะมีแป้งส่วนเกิน มันมากไป ก็เอานิ้วมืดปาดแป้งส่วนเกินออกไป
แล้วก็เอานิ้วมือกด ๆ แป้งเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อยหน่อยเพื่อความสวยงาม
แล้วก็คว่ำพิมพ์เคาะขนมออกมาค่ะ เคาะกับโต๊ะเบา ๆ โต๊ะรองด้วยพลาสติกหรือใบตองไว้นะคะ แล้วก็เอาขนมใส่ถาดผึ่งลมไว้ก่อน รอให้ตกทราย ซึ่งพรุ่งนี้จุ๋มจะถ่ายรูปให้ดูตอนมันตกทรายไว้นะ เมื่อกี้ไปดูมันตกทรายล่ะ แต่แสงไม่มีแล้วค่ะ
ทำไปจนหมดค่ะ ไม่ได้นับว่าได้กี่อัน ยังไม่ทันนับค่ะ
ถ้าอยากให้ขนมหอมเพิ่มมากขึ้น พอขนมตกทรายแล้วนำไปอบเทียนอบอีกรอบได้ค่ะ
ขอบคุณผู้มาเยี่ยมชม blog ทุกท่าน สวัสดีค่ะ
Create Date : 19 มกราคม 2550
Last Update : 20 มกราคม 2550 12:20:17 น.
27 comments
Counter : 23544 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีค่ะ พี่จุ๋ม
สีชมพูสวยจังค่ะ ช๊อบชอบ
โดย: habibe IP: 195.93.21.7 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:7:49:14 น.
น่ากินดีครับ สีอ่อนสดใสสวยงาม
โดย: หลั่มหมั่นเหม่ง (
หลั่มหมั่นเหม่ง
) วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:8:22:45 น.
น่าหม่ำจังค่ะ สีถูกใจมี่สุดๆ เลยค่ะพี่จุ๋ม
โดย: ammie (
luvammie
) วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:12:28:05 น.
รูปสวย ขนมลักษณะงาม น่ากิน หอมเทียนอบ ขั้นตอนละเอียดยิบ รูปใหญ่ เบ้อเริ่ม แล้วจะไม่ให้เทใจให้คุณจุ๋มได้ไงคะเนี่ยะ
โดย:
กิน ๆ เที่ยว ๆ
วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:12:58:29 น.
....ท่าทางจะหอมเทียนอบมากๆ เลยนะคะ....
ขนมสัมปันนี แมวน้อยยังไม่เคยทานเลยค่ะ
แต่เห็นปุ๊ป!!!.. ตอนนี้อยากทานเลยทันที...
**คุณจุ๋มคะ อยากเห็นตอนทำเสร็จหลายๆ
สีด้วยค่ะ สีอ่อน หวานๆ อย่างนี้ ชอบค่ะ**
โดย:
แมวน้อยตาพราว
วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:15:27:01 น.
หน้าตาขนมสวยจังเลยค่ะ ต้องหาอุปกรณ์ก่อนนะคะ
โดย: ปูเป้ IP: 213.140.22.70 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:15:31:23 น.
มาเทใจให้อีกคนค่ะ อย่างนี้เค้าเรียกว่าเซียนใช่ใหมค่ะคุณจุ๋ม
โดย:
คุณแม่แมว@Israel
วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:21:31:54 น.
คุณจุ๋มร่ายวิธีการทำละเอียดยิบเลย น่าจะเอาไปเขียนหนังสือ ขอบคุณสำหรับข้อมูล
ออกหนังสือเมื่อไหร่จะตามไปซื้อมาอ่าน
โดย: แหม่ม IP: 222.123.6.107 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:19:05:08 น.
น่าทานมากๆ เลยค่ะ
โดย: akikonoh IP: 125.25.221.83 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:10:38 น.
พออบเทียนเสร็จแล้วกินได้เลยหรือค่ะ ไม่ต้องไปตั้งไฟอีกรอบหรือค่ะ
โดย: fuji IP: 203.146.88.178 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:27:09 น.
It's a very nice, beautiful and delicious Thai dessert and I will try to make it because you give me a recipe.
โดย: Pae IP: 125.26.5.209 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:38:18 น.
คุณจุ๋มคับ ผมหาซื้อตัวแม่พิม์มาหลายที่แล้วหาไม่ได้เลย
ช่วยแนะนำร้านที่ขายหน่อยนะคับ
ขอบคุณล่วงหน้านะคับ
โดย: pong IP: 124.121.26.111 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:24:57 น.
ขอบคุณครับ
ขนมน่าทานจัง
โดย: J IP: 85.250.37.73 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:19:59:27 น.
ดีมาก
โดย: ยนย IP: 61.19.215.2 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:29:49 น.
ใช้สีของเฮลล์บูลบอยแทนได้มั๊ยคะ
โดย: tom IP: 125.25.37.131 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:19:35:17 น.
กำลังจะลองทำสูตรของพี่จุ๋มดูเหมือนจะง่ายดีเน๊อะ
น่ารักดี
โดย: มะนาวคับผม IP: 222.123.22.192 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:17:24:52 น.
น่าทานมากเลยค่ะ
นุ้ยกำลังหาสูตรขนมสัมปันนี และวิธีทำอย่างละเอียดอยู่พอดี (นุ้ยเองก็ไม่เคยทำมาก่อน) บังเอิญว่าอาจารย์แนะนำให้ทำเป็นหัวข้อปัญหาพิเศษ ก่อนเรียนจบอ่ะคะ
ขอบคุณมากๆ นะคะพี่จุ๋ม
^^
โดย: นุ้ย IP: 158.108.92.29 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:15:53:52 น.
เธฅเธญเธเธเธณเธเธนเนเธฅเนเธงเธเนเธฐ เธเธฃเธฒเธเธเธงเนเธฒเนเธซเธฅเธงเนเธเธดเธเนเธเธเธณเนเธกเนเนเธเน เธเธญเนเธชเนเนเธเนเธเธเนเนเธกเนเธเธเธเธฃเธฒเธขเธญเธตเธ เนเธเนเธเธณเธชเธตเนเธเธตเธขเธงเธชเธงเธขเธเธตเธเนเธฐ เธเธฑเธเนเธเธเธณเธชเธนเธเธฃเธชเธญเธเนเธเนเธฒเธเนเนเธฅเธขเนเธเธเธฑเธเนเธซเธเนเธเธฅเธฑเธงเธเธฐเธเธดเธเนเธกเนเธเธญ เนเธเนเธเนเธซเธฅเธทเธญเธเธฃเธธเนเธเธเธตเนเธเธฐเธฅเธญเธเธเธณเธเธเธกเธเธดเธเนเธเธ เธญเธดเธญเธด
โดย: เธเธฑเธเธ IP: 125.27.166.148 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:17:41 น.
เพิ่งรู้ว่า สัมปะนี ที่ชอบทาน ทำแบบนี้นี่เอง
ขนมไทยนี่ ทำยากจังเลย นะคะ
แต่อร่อยทุกอย่างเลย :)
โดย: aprileighth IP: 125.24.157.234 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:23:47:39 น.
คุณจุ๋มทำขายด้วยหรือเปล่าค่ะ หรือช่วยแนะนำร้านที่ทำอร่อย ๆ ด้วยค่ะ ตอนเด็ก ๆ เคยทานอยู่เจ้านึงอร่อยมาก ตอนหลังหาคนทำขายไม่ค่อยมีเลยค่ะ
โดย: เปิ้ล IP: 58.9.226.38 วันที่: 15 มกราคม 2553 เวลา:13:46:51 น.
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับการแบ่งปันสูตรขนมดีๆแบบนี้
ได้ลองเอาไปทำแล้วค่ะ แต่ผลออกมาคือมันไม่นุ่มลิ้นเท่าที่ควร จะมาจากสาเหตุอะไรค่ะ
โดย: จ๊วบจ๊วบ IP: 125.25.164.197 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:10:25 น.
เยี่ยมยอดมากๆๆๆๆๆ
โดย: jaja IP: 118.172.146.132 วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:22:06:33 น.
5555 ได้สูตรมั่ว ๆ มาลองทำแล้ว 1 หน ออกมาหวานเจี๊ยบเลย คราวนี้แหบะ สำเร็จแน่ ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไปนะจ๊ะ
โดย: AUNG+PAO บ้านสวน IP: 223.206.109.133 วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:14:52:45 น.
น่าทานจังเลยค่ะ มีวิธีทำละเอียดมากๆ เอาไว้จะลองทำนะค๊ะ ^^
โดย: ต้นรัก IP: 125.27.156.124 วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:14:24:42 น.
น่ารับประทานมากเลยคะ
โดย: แววสวาท มิรู้ลืม IP: 180.183.125.166 วันที่: 31 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:30:11 น.
เก็บได้กี่วันค่ะ
โดย: มลิวัลย์ ศรีวรเวทย์ IP: 171.98.186.242 วันที่: 18 มกราคม 2559 เวลา:23:05:51 น.
ทำตามสูตรแล้วมันแตกลายเป็นเพราะอะไรคะ
โดย: ชนก IP: 101.108.116.48 วันที่: 3 ธันวาคม 2559 เวลา:23:04:13 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
แม่สลิ่ม
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 980 คน [
?
]
Always be myself
ปากตรงกับใจ
ไม่สตอเบอแหล
และไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะจ๊ะ
Emergency contact me 081-804-0952
Going Home : Mark Knopfler
.
.
.
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add แม่สลิ่ม's blog to your web]
Links
Horapa
Marthastewart
Convert
Tipfood
Maama
Chompookitchen
Ampaikitchen
Tripparty
Pop
Kitchenunplugged
Moderncake
Kraftfoods
Hershey
Zmeal
9leang
Breakingbread
Joyofbaking
Baking911
Bakingsheet
101cookbooks
Allrecipes
Cuoca
Cakechef
Epicurious
Charlottecake
Creampuffsinvenice
Larnahouse
Willkommen
Farmhouse
Pierreherme
Jamieoliver
Maeban
Maejj
Little-ampaikitchen
Ampaikitchen
Kruaklaibaan.com
Chocolatetradingco.com
Honyaku.yahoo.co.jp
Maya
Godiva
MCOT
Kubeef
Biothai
Tmd
Yothaka
one2car
ChefschoolDusit
Bkkfood
Hawkins
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สีชมพูสวยจังค่ะ ช๊อบชอบ