พฤษภาคม 2550

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
13 พฤษภาคม 2550
ชายคนนี้ (^_ ^')
ก่อนอ่านเรื่องนี้ ลองฟังเพลงนี้ดูนะ
เพลงนี้คือเพลงแรกที่ลองเรียนรู้
การแปลงไฟล์เพลงจาก mp4 เป็น mp3
เพื่อนำมาลงบล็อก

ฟังครั้งแรกสะดุดใจเลย
ทั้งทำนองที่เรียบง่าย
เนื้อเพลงที่ฟังแล้วชวนคิด
เสียงร้องนุ่มๆ
และความหมายของเพลง




พอได้ฟังเพลงนี้
ก็เลยทำให้คิดถึงชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง

"ชายคนนี้" ไม่มีอะไรเกี่ยวพันใดๆ กับฉันเลย
เราเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้นเอง

แต่ชีวิตเขาที่ฉันรับรู้มาตลอดเวลาที่รู้จักกัน
ฉันไม่เข้าใจ และไม่เคยเข้าใจ
จวบจนวันนี้
วันที่ไม่มีเขาอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว


สิ่งที่จะเล่าให้ฟังนี้ คือ เรื่องจริงล้วนๆ
เจ้าของเรื่อง "ชายคนนี้"
ณ วันนี้ เขาได้ตายไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เขาเป็นคนคนแรกที่ฉันอยากให้ตาย
เขาไม่ได้เลวร้าย
เขาไม่ใช่คนไม่ดี

แต่...ชีวิตเขา...ที่ฉันเห็น
ฉันว่า ถ้าเขาตาย เขาน่าจะดีกว่า



วันที่รู้ว่าเขาตาย ฉันได้แต่คิดว่า
ในที่สุด
เขาก็หมดเวรหมดกรรมเสียที

**********


กฎเหล็กที่ทำงานของฉันประการหนึ่ง
ซึ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ คือ
คนที่ตำแหน่งงานสูงกว่า
ต้องดูแลคนที่ตำแหน่งงานน้อยกว่า

และไม่รู้กรรมเวรอะไร
เขาต้องมาอยู่ในความดูแลตามสายงานของฉัน

ชายคนนี้เป็นที่รู้จักกันในที่ทำงานว่า
ชีวิตเขาอยู่กับขวดเหล้า
เช่าบ้านหลังวัดอยู่
เงินไม่ค่อยมี
หยิบยืมเขาไปทั่ว
น้ำท่าไม่ค่อยอาบ
เพราะอาบเหล้าเป็นหลัก

เมื่อฉันต้องมาดูแลการทำงานของเขา
ก็เคยคุย เคยขอร้อง ขอไม่ให้กินเหล้า
เมื่อมาทำงาน
แต่เขาก็ทำให้ฉันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง


ชีวิตเขากับฉัน ถูกโยงเข้ากันมากขึ้น
เมื่อที่ทำงานเปิดโอกาสให้พนักงาน
เข้าพักอาศัยในบ้านพักสวัสดิการของที่ทำงานได้

ฉันรู้ว่าเขาไม่มีบ้านและต้องเสียเงินค่าเช่าอยู่
ก็เลยทำเรื่องขอบ้านพักให้เขา
พร้อมๆ กับที่ตัวเองก็ขอด้วย
โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้หรอก
เพราะตอนที่ทำนั้น
ฉันเดินเรื่องให้เขาหมดทุกอย่าง
ตั้งแต่เตรียมเอกสารจนได้รับอนุมัติ

เขาเพียงลงชื่อคำร้องขอ เท่านั้น
(ไม่รู้ใครหัวหน้า ใครลูกน้อง)


สุดท้ายเราสองคนได้บ้านพักสวัสดิการอาคารเดียวกัน
แต่คนละชั้น สิ่งที่เขาต้องทำต่อมาคือ
การย้ายชื่อตัวเองและครอบครัวเข้าบ้านสวัสดิการ

วิบากกรรมเริ่มทันที


เวลาผ่านไป 3 เดือน
เขาไม่ทำเรื่องย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้าน
ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพราะคิดว่ามันเป็นประโยชน์ของเขา
แต่สุดท้าย ก็ไม่พ้นฉัน

เมื่อที่ทำงานจะเรียกบ้านพักคืน
หากเขาไม่ทำเรื่องย้ายทะเบียนให้เรียบร้อย

กลายเป็นว่า
ฉันต้องเป็นผู้ปกครองพาเขาไปทำเรื่อง
ซึ่งตอนนั้นสภาพร่างกายเขาย่ำแย่มาก
เพราะโรคพิษสุราเรื้อรังที่กำลังมาเยือน

และก่อนหน้าจะมีปัญหา
เขาไปนอนถ่ายเลือดทั้งตัวที่โรงพยาบาล
และเกือบตายไปแล้ว ถ้าหมอไม่ปั๊มหัวใจ
แต่เขายังรอดมาได้

หลังออกจากโรงพยาบาล
เขาดูดีมาก อ้วนท้วมสมบูรณ์
ก่อนจะกลับไปอยู่บ้าน
และเริ่มกลับมามีสภาพเหมือนเดิม
และหนักกว่าเดิม

ฉันถอดใจจากเขา และไม่ใส่ใจอีกเลย
จวบจนรู้เรื่องบ้านพักเขาจะถูกเรียกคืน
จึงต้องมาจัดการให้เขาอีก
ฉันพาเขาไปเขตเพื่อทำเรื่องขอย้ายทะเบียน
เจอแต่เรื่องปวดหัวและท้อใจ

เพราะจากการตรวจสอบของเขตพบว่า
เขาเป็นคนไม่มีทะเบียนบ้าน
ชื่อเขาอยู่ในทะเบียนบ้านกลางที่ชลบุรี
สำหรับบุคคลที่ไร้ที่อยู่แน่นอน
ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่เขาเข้าทำงาน

เขาจะต้องไปทำเรื่องขอย้ายชื่อ
ออกจากทะเบียนบ้านกลางที่ชลบุรีก่อน
พอได้ยินฉันหมดแรงทันที
เพราะเทียวไปมาที่เขตกับเขาก่อนหน้านี้ 2 ครั้งได้
เนื่องจากเอกสารไม่ครบ

ฉันบอกเขาว่า
สิ่งนี้ยากเกินไปที่จะช่วยเหลือแล้ว
ถ้าเขาไม่ไปดำเนินการเอง
ฉันก็หมดปัญญาช่วยแล้ว

คนเราเมื่อถึงทางตันและสุดทางจริงๆ
สิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ ก็กลับทำได้



เขาพาร่างสะเงาะสะแงะไป จว.ชลบุรี
และสามารถทำเรื่องขอย้ายชื่อตัวเองมาให้ฉันได้
ทำเอาฉันทึ่งไปเหมือนกัน

ถามไถ่จากเขาได้คำตอบว่า
เขาไปยื่นเรื่องและนั่งรอนานพอสมควร
เจ้าหน้าที่คงเห็นก็เลยช่วยเหลือเดินเรื่องให้เขา
(สงสัยเห็นสภาพเขาแล้วคงสงสารมั้ง)

เมื่อได้เอกสารการย้ายทะเบียนบ้าน
เราก็ไปที่เขตกันอีกครั้ง
และทำเรื่องขอย้ายทะเบียนบ้าน
คราวนี้เรื่องย้ายทะเบียนบ้านเรียบร้อย
แต่....แต่....

ไหนๆ ก็มาเขตแล้ว
ฉันก็เลยจับเขาทำบัตรประชาชนใหม่ด้วยเลย
เพราะรู้มาว่า บัตรประชาชนเขาไม่มี
มีแต่บัตรประจำตัวที่ทำงาน
ก็เลยขอตรวจสอบเลขบัตรประชาชน
ปรากฏว่า
เลขบัตรประชาชนที่เขาอ้างอิงมาตลอดนั้น
มันไม่ใช่

มันคนละเลขกันเลย

อีกแล้ว...ปวดหัวอีกแล้วฉัน
ก็เลยต้องไปหาเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องบ้าน
รบกวนพี่เขาตรวจสอบให้หน่อยว่า
ชายคนนี้ พ่อชื่อนี้ แม่ชื่อนี้ บ้านเดิมอยู่ที่นี่
เลขประชาชนคืออะไร????
ถึงได้เลขบัตรประชาชนมาและทำเรื่องได้

ตอนทำเรื่องมีขั้นตอนมากพอสมควร
คนที่ทำให้เขาทั้งหมดก็ไม่พ้นฉัน
จนเจ้าหน้าที่ถามว่า ฉันเป็นอะไรกับเขา
ก็บอกว่าเป็นหัวหน้างาน
(มันต้องมีการรับรองเอกสารด้วย)

และช่วงที่พิมพิ์นิ้วมือ
คุณเชื่อหร้อไม่ว่า
เจ้าหน้าที่ไม่กล้าแม้จะจับมือเขา
เพราะนิ้วมือเขามันแห้งลอก
เล็บก็หลุดเกือบทุกเล็บ
อันเป็นผลมาจากโรคพิษสุราเรื้อรังของเขาเอง

ฉันจึงต้องเป็นคนจับเขาพิมพ์มือแทนเจ้าหน้าที่

และวันนั้น...เราก็ได้ทะเบียนบ้าน
และบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเขา

ชายคนนี้ เป็นคนถูกต้องตามกฎหมายนับแต่วันนั้น
หลังจากเป็นคนเถื่อนไร้ที่อยู่และไร้บัตรประชาชน
มาตลอด 20 กว่าปี

ก้อไม่รู้ว่า เอกสารปลอมที่เขามี
มันไปอ้างอิงนิติกรรมต่างๆ ได้ยังไง

ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

จนวันหนึ่งที่ทำงานได้แจ้งขอให้จัดทำบัตรสวัสดิการ
เกี่ยวกับเงินช่วยเหลือให้พนักงานเพิ่มเติม
หลังจากพนักงานตายลง

ฉันเองก็ยังไม่ได้ทำ และรู้มาว่า
ชายคนนี้ก็ยังไม่ได้ทำเช่นกัน
ฉันก็ทำให้ตัวเองพร้อมๆ กับเขา

โดยคิดว่า หากเขาเป็นอะไรไป
ครอบครัวเขาจะได้ไม่เดือดร้อน
เพราะเขามีลูก 2 คนกับภรรยาเก่าที่ตายไป
และแม่ที่อายุมาก

ฉันพบแม่เขา ตอนที่ท่านมาเยี่ยมลูกชาย
ฉันสงสารแม่เขามาก
ท่านควรจะได้รับการดูแลจากลูกชายคนนี้
ด้วยอาชีพที่มั่นคงและ
เป็นหน้าตาให้ครอบครัวต่างจังหวัดได้อย่างมาก
แต่การกลับไม่เป็นเช่นนั้น
แม่เขากลับต้องมาดูลูกชายที่ใกล้ตาย
เพราะเหล้าที่เขาดื่มมัน

นอกจากนี้เขายังมีลูกที่เกิดกับภรรยาใหม่
ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอีกหนึ่งคน

พอทำให้เขาเสร็จ ฉันรู้สึกว่า
ชีวิตเขาเริ่มมีค่ามากขึ้น
อย่างน้อยๆ หากเขาเป็นอะไรไปด้วยโรคร้ายนี้
ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนมากมายเท่าไรนัก
เพราะมีเงินสวัสดิการมากพอที่จะช่วยเหลือแล้ว

เขากลับมาเป็นคนดีได้ไม่เท่าไหร่
ก็กลับเป็นเหมือนเดิม และคราวนี้หนักกว่าเดิม
เพราะขาดงานหลายวัน


ฉันได้ย้ายตำแหน่งงานใหม่
ก็เลยไม่ต้องดูแลเขาอีกแล้ว

ก่อนจะย้ายตำแหน่งงานใหม่
ฉันต่อว่าเขารุนแรง
คืนเอกสารเขาทุกอย่างที่ฉันเก็บรักษาไว้
ทั้งตัวจริงและสำเนา
จนที่ทำงานเขามองว่าฉันทำเหมือนเป็นผู้ปกครองเขา
แต่เชื่อหรือไม่
เขาไม่สามารถเก็บเอกสารของตัวเองได้เลย

บัตรประจำตัวที่ทำงานฉันทำให้ใหม่ๆ
ไม่กี่วันก็หายไปพร้อมกระเป๋าตังค์

เหตุผลที่ฉันต้องเก็บ
เพราะมันคือหลักฐานที่จะใช้เดินเรื่องต่างๆ
ให้เขาในวันข้างหน้า

แต่เมื่อเขาไม่รักตัวเอง ฉันก็ไม่รู้จะสนเขาทำไมอีก
มันหมดแรง หมดความสงสาร หมดความเห็นใจ
ฉันหอบเอกสารมาคืนเขาทั้งหมด
พร้อมคำกล่าวลา และบอกว่า
หากแม้เจอกัน ไม่ต้องมาทักทายฉันอีกต่อไป

ฉันเลิกใส่ใจเขา
แต่รับรู้ข่าวคราวของเขาเสมอ
รู้ว่าเขาไปกู้เงินมา 2 แสนกว่า
โดยอ้างว่าจะไปสร้างบ้านให้แม่
สุดท้ายไม่รู้ถึงแม่เท่าไหร่
ได้ยินว่าถูกเพื่อนหยิบยิมและไปกินเหล้าจนหมด

ภรรยาก็เป็นฝ่ายสนับสนุน
เพราะตัวเองก็กินด้วย
สามีให้ซื้อก็ซื้อ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสามีกินไม่ได้อีกแล้ว


ช่วงนี้แหล่ะ ที่ฉันอยากให้เขาตาย
เพราะสภาพเขาไม่ต่างจากคนตาย
ที่อยากให้ตาย
เพราะกลัวว่าเขาจะถูกไล่ออกจากงาน
และจะไม่ได้เงินช่วยเหลืออะไรสักบาท

แต่ถ้าเขาตาย
เขาจะได้เงินสวัสดิการหลังจากที่ตาย
จำนวนมากเลย ยังคุยเล่นๆ กับเพื่อนๆ ว่า
ไปผลักเขาให้รถชนเลยดีไม๊
ด้วยความอยากช่วยเหลือนะเนี่ย

แต่ยังไงเขาก็ไม่ตาย
เพียงแต่ทำงานไม่ได้
ไม่มีแรงจะเดินทางมาทำงาน
หรือแม้แต่จะเดินประคองตัวเองยังยาก

ฉันเคยเฝ้ามองเขาจากอาคารที่พัก
เห็นสภาพเขาแล้ว
ทำไม เขาทำร้ายตัวเองได้สุดๆ แบบนี้

เขาขาดงานเกือบเดือน
หัวหน้างานผ่อนผันให้เขา
จนผ่อนผันไม่ได้อีกแล้ว
เพราะหากผ่อนผันอีก
หัวหน้างานเองอาจต้องรับโทษตามกฎที่ทำงาน

สุดท้ายเขาถูกขอให้เขาลาออก
ไม่เช่นนั้น เขาจะถูกไล่ออก
เป็นการยื่นคำขาดที่ไม่มีทางปฏิเสธได้

โชคดีที่อายุงานเขาถึงกำหนด
ที่จะได้รับเงินเดือนสวัสดิการกินทุกเดือนเมื่อลาออก
และเพื่อนๆ ที่ทำงานก็พยายามช่วยทำเรื่อง
การขอลาออกของเขา เพื่อให้เขาได้สิทธิ์ประโยชน์
ในสวัสดิการต่างๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้วยเพราะสงสารเขานั่นเอง


เขาถูกให้คืนบ้านพักสวัสดิการ
และหาที่อยู่ใหม่
ชีวิตช่วงนี้เขาแย่สุดๆ
ฉันเห็นแล้วได้แต่เศร้าใจ
ทำไม เขาปล่อยสิ่งดีๆ ในชีวิตเขาแบบนี้

กว่าเขาจะย้ายออกจากบ้านพักได้
ฉันรู้มาว่า เขาไม่มีเงินแม้จะย้ายของ
และต้องรอเงินช่วยเหลือก้อนแรก
ฉันเองก็อยากช่วยเขาตอนนั้น
แต่รู้สึกว่า หากฉันช่วยเขาอีก
เกรงว่าเขาจะยึดฉันเป็นผู้ช่วยเขาตลอด

และเมื่อไม่มีที่ไป
ฉันก็อาจต้องช่วยเหลือเขาตลอดชีวิตที่เขาเหลืออยู่

ฉันคิดว่า ฉันช่วยเขามามากถึงมากที่สุดแล้ว
ไม่อาจช่วยเขามากกว่านี้ได้

เขาต้องช่วยตัวเองบ้างแล้ว

ระหว่างที่ยังไม่มีเงินย้ายของ
เขาก็ถูกตัดไฟ และเชื่ออาหารกินกับร้านที่รู้จัก
โดยมีเหล้าเป็นอาหารเสริมเสมอ

จนได้เงินมาจึงย้ายและไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย
มารู้อีกทีเขากลับไปบ้านและเสียชีวิตลงที่นั่นเอง

หมดเวรหมดกรรมกันที
กับชีวิตหนึ่ง

ฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่เจอฉัน
ชีวิตเขาเป็นอย่างไร
และทำไมปล่อยให้ชีวิตตัวเองไร้หางเสือขนาดนี้

เขาดูเหมือนคนไม่เอาอะไรกับชีวิตอีกแล้ว
ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม
ใครจะชักลากไปทางไหนก็ไป
และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ

การถูกซ้ำเติมจากคนใกล้ตัว
ทั้งภรรยาใหม่และเพื่อนแย่ๆ ทั้งหลาย
ที่พอรู้ว่าเขามีเงิน ก็พากันมาหยิบยืม

แต่เมื่อเขาไปขอทวงคืน
กลับไม่มีใครยอมคืนเขาสักบาท
โกงคนไร้ทางสู้กันเห็นๆ
พวกนี้แข็งแรงกว่าเขาด้วยนะ
สังคมวิปริตจริงๆ

หากจะว่าไปแล้ว
ชีวิตเขาดีกว่าหลายๆ ชีวิตในสังคมนี้
ถ้าเพียงเขาประคองมัน
ให้เดินตามเส้นทางที่ควรเดินได้ตลอดรอดฝั่ง

แต่....ไม่เข้าใจ

บนทางเดินวันนี้ของเขา
ทำไมจึงเลือกทางเดินนี้

ขออโหสิกรรมทุกอย่างระหว่างฉันกับเขา
และขอให้เขาเกิดมามีชิวติที่ดีกว่าในภพนี้
สิ่งที่เขาประสบในชีวิตนี้
ฉันว่า มันหนักหนาสาหัสและทุกข์ทรมานจริงๆ

ฉันกับเขา อาจเคยมีเวรกรรมต่อกัน
ชีวิตฉันบางส่วน จึงต้องมาชดใช้ให้กับเขา
ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กันเลย
หวังเพียงว่า
เราสองคน...คงจะไม่ติดค้าง
หนี้เวรกรรมเก่าต่อกันและกันอีก



Create Date : 13 พฤษภาคม 2550
Last Update : 14 พฤษภาคม 2550 21:29:06 น.
Counter : 101 Pageviews.

53 comments
  
อ่านแล้วถอนใจเลยค่ะ

แต่อย่างน้อยก็ทำให้รุ้อย่างหนึ่งว่า

สังคมยังมีคนดีเสมอ
โดย: เปิ้นบอกว่าจะมาขอ วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:03:24 น.
  

ขอบคุณ คุณเปิ้นบอกว่าจะมาขอ ที่อ่านจบเลย
ยาวดีเนาะ....
อิอิ

แต่.....
อย่าเพิ่งมองว่า
สิ่งที่ทำลงไป คือ การทำความดี
ทีเดียวนัก

อย่าลืมว่า....สิ่งที่ทำไปนั้น
ส่วนหนึ่งมาจากกฎที่ทำงาน
ที่บังคับให้ต้องดูแลเขากลายๆ

การกินเหล้าของเขาอาจทำให้เดือดร้อนมาถึงเรา
เราจึงต้องเข้าไปดูแลเขาเพื่อป้องกันตัวเอง

อาจใช่บางส่วนว่า
สิ่งทีทำ มันเกินไปในการดูแล

แต่มันคือ......
การตกกระไดพลอยโจน


เมื่อเริ่มต้นแล้ว ก็เหมือนต้องสานต่อ
แต่เมื่อสานต่อ และเขากลับค่อยๆ รื้อสิ่งที่เราสาน
ก็เลยเหนื่อยและเลิกที่จะสานอีกเลย


และที่นำมาเล่า ไม่ได้อยากอวดสิ่งที่ตัวเองทำ

แต่ไม่อยากให้ใคร
ทำร้ายตัวเองแบบเขาอีก

คุณจะกินเหล้ายังไง
ขออย่าให้เหล้ามันกินคุณ
จนกินชีวิตคุณไปด้วย ก็พอ

เชื่อไม๊ เขาตายด้วยอายุเพียง 45 ปี
และยังมีอายุงานที่เหลืออีกถึง 15 ปี
ที่จะได้อะไรๆ ให้กับชีวิตและคนข้างหลังอีกมาก

น่าเสียดายไม๊ล่ะ
โดย: sunny-low วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:15:44 น.
  
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคำว่า

อยู่ก็เหมือนตาย
แต่บางคนตาย แต่เหมือนยังอยู่

........................


กับชีวิตบางคน เราทำได้แค่ยืนมองจริงๆครับ
เอามือยื่นให้ก็แล้ว เอาเชือกโยนให้ก็แล้ว
เขาก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ในหลุมลึกที่ตัวเองขุดไว้
เพื่อรอเวลาที่จะฝังตัวเอง


........................


ผมไม่ดื่มเหล้า
แต่ไม่เกลียดคนดื่มเหล้า
ไม่โกรธคนผลิตเหล้า
แต่แค่คิดว่า เหล้ามีข้อดีอะไรหรือ
คนบางคนถึงต้องเอาชีวิตไปยึดถือ
แล้วก็ราดรดตัวเอง เผาไหม้ตัวเอง

........................

ที่รู้สึกเยอะ...
เพราะลูกน้องคนหนึ่งก็เคยเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง
เขาอาจเป็นครูคนแรกของผม
ครูที่เหลาดินสอด้วยมีดเล็กๆได้สวยที่สุดในโลก
แต่ต้องตายทั้งๆที่อายุยังน้อยเหลือเกิน

.........................

ผมคิดว่าพี่ทำดีที่สุดแล้วครับ
เขาคงรู้สึกได้เช่นเดียวกัน
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:03:43 น.
  
เศร้า
และเข้าใจ
ความรู้สึกครับ...
โดย: pu IP: 203.150.137.71 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:51:50 น.
  
เพลงนี้ผมมีเป็นเทป ครับพี่อิ๋ว ตอนซื้อไม่รู้จักเพลงไม่รู้จักนักร้อง แต่ชอบปกเทปเลยซื้อมาฟัง
โดย: LASIP วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:06:22 น.
  



สวัสดีวันฝนตกเจ้า อากาศน่านอนจัง อิอิ

ถ้าเราไม่มีความดีเป็นพื้นอยู่แล้ว สิ่งที่ต่อยอดขึ้นมามันก็ไม่ใช่หรอกค่ะ จริงไหมเอ่ย
โดย: เปิ้นบอกว่าจะมาขอ วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:08:52 น.
  

อืมมม

สงสัยจะจริงอย่างที่คุณเปิ้นบอกว่าจะมาขอบอก เนาะ
หากเราไม่มีความดีเป็นพื้น คงไม่มีการต่อยอด
ขอบคุณค่ะ.....

อากาศน่านอนจริงๆ
อยากนอนมากกกก
แต่อยู่ที่ทำงานน่ะดิ
นอนม่ายด้ายยยยยย


ตา lasip แล้วตกลงนักร้องเขาชื่อ
พจนารถ นามสกุลอะไรเหรอ
มีอีกเพลงของเขาก็เพราะดีนะ


ขอบคุณคุณภู ค่ะ
ถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ในชีวิตนะ

กะว่าก๋า...

พี่เองยังอยากรู้ว่า
ตอนเขามีชีวิตอยู่นั้น
ตกลงเขาอยากอยู่หรืออยากตาย
ถ้าอยากอยู่ ทำไมทำแบบนี้
แต่ถ้าอยากตาย ทำไมไม่ฆ่าตัวตายซะเลย
ทรมานตัวเองแบบนี้ทำไม

ตอนไปเยี่ยมเขาที่ รพ. อาการโคม่า
ทำอะไรไม่ได้ เขาถูกถ่ายเลือดทั้งตัวจริงๆ นะ
เลือดเขามีแต่กลิ่นแอลกอฮอลล์

ทรมานและน่ากลัวจะตาย


เหล้าเนี่ย ถ้าเรากินแค่พอประมาณ
เมาได้นิดหน่อย มันจะดูน่ารัก
เคยกันมากๆ เพราะความไม่รู้
ถึงกับกอดคอห่านเลยนะ
เพื่อนขำและเอามาอำเรื่อย
เข็ดเลย

แต่หากเมาจนคุมตัวเองไม่อยู่
มันจะน่าเกลียดโดยไม่รู้ตัว

ชอบข้อความที่บอกว่า

เรากินเหล้า แต่อย่าให้เหล้ากินเรา

หลังๆ เริ่มสนใจลองลิ้มลองบ้าง
ก็อร่อยพอใช้ได้เนาะ เมื่อผสมโค้ก
อิอิ
โดย: sunny-low วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:29:35 น.
  
เคยหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต
อยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน

จากสิ่งที่ประสบ
มันยากเกินจะทำใจ

ผมเคยกินเหล้าติดต่อกันทุกวัน
เกือบสามเดือน ข้าวปลากินบ้าง
แต่น้อยมาก
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีชีวิตรอดมาได้

จนมามองตัวเองในกระจก
เราเหมือนไม่ใช่คนแล้วหละ

ประกอบกับเริ่มทำใจได้บ้าง
จึงหยุดกิน และเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ให้กับมาใกล้เคียงกับ
ความเป็นคนที่เคยเป็น

ชีวิตดีขึ้นเริ่มเข้ารูปเข้ารอย
กลับมาหางานหาการทำ

ถึงแม้ต้องกลับมาเป็นลูกจ้างเขา
ก็ต้องจมให้ลง ชีวิตคงต้องมีการเริ่มต้นใหม่

ประกอบกับได้เจอคนคนนึง
เดินเข้ามาในชีวิต

เขาไม่เคย ห้ามผมกินเหล้า
เพราะรู้ว่าห้ามไม่ได้
จึงขอตามไปด้วย
ทั้งที่เป็นคนง่วงง่าย

แต่การกินเหล้า ของผมในช่วงนี้
ถือว่าโชคดี ที่ได้ร่วมสังสรร
กับเพื่อนที่รู้ใจ ในร้านที่อยากจะไป

ไม่รู้นะ ผมว่าผมกินเหล้าน้อยลงเยอะ
สงสัยจะเน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ
และเป็นห่วงงานที่ต้องรับผิดชอบ
ค่อนข้างสูง


สำหรับ อิ๋ว โดยส่วนตัว
ผมรู้สึกเหมือน อิ่วเป็นแม่พระ
ในสายตาของผมนะ
จากการได้พุคคุย
ผ่านตัวอักษร
เมื่อครั้งแรกตั้งห้องเพื่อชีวิต
จนได้เจอตัวเป็น ๆ จนถึงวันนี้
มองเห็นน้ำใจที่มีครับ

เรื่องที่อิ๋วเล่ามาน่าสนใจ
และเป็นอุทาหรณ์ได้ดีครับ


ส่วนเพื่อนท่านอื่น ๆ ในชมรม "แฟนคลับ ตับแข็ง"
ก็น่ารักทุกคน เช่นกัน
โดย: ปุ๊ กลับใจ (suchacree ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:24:39 น.
  

ขอบคุณค่ะ....พี่

และพี่นี่แหล่ะ
ทำให้อิ๋วต้องเข้าร้านเพลงเพื่อชีวิต
ครั้งแรกในชีวิต ไปแบบลุยเดี่ยวด้วยนะ
ถึงได้เจอผัดมาม่าแสนอร่อย
และนำมาซึ่งมิตรภาพที่ยาวนาน

สองปีแล้วนี่ เดือนนี่แหล่ะจำได้

โอวววว....นานมากๆ ที่พวกเรารู้จักกัน
โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:51:09 น.
  

เพลงนี้ฟังกี่หนก็ชอบ
ฟังกี่ครั้งก็รูสึกดี
ฟังแล้วก็เลยต้องนั่งถอดเสื้อ เอ๊ย ถอดเนื้อ
ถูกผิดไม่แน่ใจค่ะ


เพลง “ผ่าน”

เรายังมีความเหงา เรายังมีความเหงา
เรายังมีความเหงา เต็มเปี่ยม

ชีวิตมีแค่นี้ สิ้นสุดลงแค่ไหน
ไม่มีใครรู้ได้หรอกหนา

คนที่เคยร่วมหวัง คนที่เคยร่วมหวัง
ป่วยการเหงาไปฝากเขาว่า

รักยังอยู่ในรัก รักยังอยู่ในใจ
รักนั้นยังอยู่ในศรัทธา

เป็นความเชื่อ เมื่อเหงาผ่าน บอกกับดาวที่ทุ่งขอบฟ้า
เป็นสัญญาของหยดน้ำตา...บนใบไม้ฝัน

เพลงของความเงียบเหงา
เพลงราตรีเงียบงัน ในราตรีเหล่านั้นเราเจ็บ

เจ็บในห้วงคำนึง เจ็บในความซาบซึ้ง
ว่าวันหนึ่งอาจถึงเวลา

บนทางเดินวันนี้ ก่อนนาทีผ่านไป
จะมีใครจำได้ไม๊ว่า

บนทางเดินแห่งฝัน บนทางเดินเดียวกัน
กี่สิ่งอยู่ในนั้นผ่านมา

เป็นความเชื่อ...เมื่อเหงาผ่าน บอกกับดาวที่ทุ่งขอบฟ้า
เป็นสัญญาของหยดน้ำตา...บนใบไม้ฝัน

วันเวลาผ่านไปอย่างนั้น เขาคงไม่รู้หรอก
วันเวลาผ่านไปอย่างนั้น

เป็นความจริงหรือว่าความฝัน ไม่มีใครรู้หรอก
เป็นความจริงหรือว่าความฝัน

เก็บที่รักและที่ปวดร้าวข้างใน สักวันคงหาย
เป็นเพียงความเดียวดายไร้เหตุผล

หากที่รักและที่ปวดร้าวนั้นทำให้เธอหมองหม่น
ปล่อยไปตามฟ้าฝนและใบไม้ฝัน

******************
โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:55:06 น.
  
บางทีผมอาจมองเห็นแค่มุมเดียว
คือมุมที่ไม่ได้ดูแลใส่ใจ

แน่นอน...ในเรื่องหนึ่งๆ
ต้องมีมุมอื่นที่เราไม่รู้ ไม่ได้เห็น
และนั่นไม่ได้หมายความว่า "สิ่งนี้" จะไม่มีอยู่

"ความรัก" ซับซ้อนมาก
มุมที่เราคิดว่าทำไมคนสองคนที่ดูเป็นคนดีทั้งคู่
กลับอยู่กันไม่รอด

ทำไมคู่ที่ซ้อมเช้าซ้อมเย็น กินเหล้า เล่นไพ่กันทั้งวัน
กลับอยู่ยาวจนลูกเต้ายั้วเยี้ย

............................

แน่นอน....
เบื้องหลังการยกแก้วเหล้าสาดเข้าลำคอ
และการปล่อยใจปล่อยตัวให้เมามาย
คงมี "บางสิ่ง" ซ่อนอยู่ใน "เหล้าแก้วนั้น"
ซึ่งบางที....ผมก็ไม่อยากรู้
ว่าในนั้นได้ซ่อนอะไรไว้
นอกจากเฝ้ามองเงียบๆ....ด้วยความไม่เข้าใจ

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:34:25 น.
  
โห....ตั้ง 70 กว่าข้อแระ
ปีนี้ได้อ่านแน่นอน เย้ๆๆๆๆๆ
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:37:07 น.
  
อ่านแล้วไม่มีคอมเม้นท์อ่ะดิป้า
ขอยืนไว้อาลัยสักแปบ 1 เน๊าะ
สบายดีเน๊าะ
ทำงานต่อดีกว่า
คิดถึงจ้า
โดย: อุ้มสี วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:22:27 น.
  

สบายดีจ้า

พี่อุ้ม

กระติกโดเรมอนได้ใช้งานบ้างยัง

ลงทุนมากเลยนะนั่นน่ะ แต่ถูกขโมยขนมเฉยเลย

เจ็บใจจิงๆ ร้านนี้ขโมยชุมจิงเนาะ

อิอิ

ตากะว่าก๋า ดูถูกมากไปแล้ว

อย่างมากก็สิ้นปีแหล่ะ

อิอิ

คำถามปวดหมองดีแท้


คนเราสูบบุหรี่เพราะอะไร
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรต่อสุขภาพเลย

เหล้ายังดีเสียกว่า ช่วยสูบฉีดเลือดบ้าง

รู้คำตอบไม๊

พี่ก็ไม่เข้าใจ เขาสูบกันทำไม

แต่เห็นสูบกันครึ่งค่อนประเทศ

บางทีอาจไม่มีคำตอบก็ได้
โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:19:49 น.
  
อ่านจนจบ

แล้วแต่ การกระทำของแต่ละคน อาจจะเป็นเวรกรรม
ของคนคนนั้นมาก่อนก็ได้

อ่านแล้วก็ขออนุโมทนา ความใจบุญนะ
และก็ขอให้ถืออุเบกขา เพื่อใจเราจะได้สงบครับ

บุหรี่กับเหล้า 2 อย่างนี้ ลุงไม้ขอบอกว่า เหล้าดีกว่า
ถึงจะไม่ดีทั้ง 2 อย่างก็เถอะ



ฝากบอกแม่ของจิตรด้วยว่า ลุงไม้ได้รับ กำลังใจแล้วนะ
เป็นแก้วรูป Angel ครับ

ยังไม่ได้ถ่านรูปเลย เพิ่งเห็นเมื่อวานตอนเย็น

โดย: ลุงไม้ (ไม้หลักปักมั่นคง ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:49:06 น.
  

อิจฉามากๆๆๆๆๆๆ

ของเราดันหายเฉยเลย

ไม่ย๊อมมมม

สิ่งนั้นจะทำให้ลุงแข็งแรงมากขึ้นนะคะ

อยากเห็นน่ะลุง

มีรูปแล้วบอกด้วยนะ จะแวะไปดู

อิจฉาจิงๆๆ เชอะ
โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:13:03 น.
  

อ่านแล้วเศร้า


เมาดีกว่า......

โดย: หัวใจไข้ขึ้น IP: 202.12.74.8 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:52:16 น.
  
หนทางยังอีกยาวไกลนักขอรับ...ถ้าผมไม่ตายไปซะก่อนนะป้า!

โดย: มันก็แค่...ตากล้องขี้เมา IP: 203.150.116.216 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:52:32 น.
  
แปะรูปประกอบการเดินทาง(อีกที)

โดย: มันก็แค่...ตากล้องขี้เมา IP: 203.150.116.216 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:54:38 น.
  
เวลาผมนั่งฟังถ้ารู้สึกไม่เมื่อยมือ
ผมจะยกมือไหว้ตลอดจนจบการเทศน

แต่ถ้าพระเทศน์ไม่สนุก ผมฟังไม่เข้าหัว
ก็จะลดมือลงแล้วก็นั่งเงียบๆครับ

ผมก็ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมเหมือนกันนะพี่

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:56:16 น.
  

คุณหัวใจไข้ขึ้น

อยากได้เพื่อนเมาไม๊คะ

ขออาสาค่ะ

อิอิ...

อาสาเก็บคุณ...เวลาเมาไม่รู้ตัวน่ะ



ตากล้อง

หนทางยังอีกยาวไกล กว่าเราจะตายน่ะ

ใจเสาะจิงเนาะ

ไม่เป็นไร ชอบกินไร บอกล่วงหน้านะ

จะให้คนครัวทำเป็นพิเศษเลย

วันนั้นของเรา ดีปะ


กะว่าก๋า...

ส่วนมากพี่จะยกมือช่วงแรกๆ

พอนานเข้าเมื่อยมือ

ก็วางลง รอพระท่านเทศน์เสร็จไม่ไหว

แต่ถ้าพระสวด จะพนมมือตลอดนะ

วันนั้นพี่ก็เลย งง ตกลงเวลาพระสวด
เราควรพนมมือทุกครั้งหรือเปล่า

คนไทยนะเนี่ย


เฮ้อ...





โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:27:05 น.
  
เรื่องนี้เยี่ยมยอดจริง ๆ อ่านแล้วขนลุก แทบจะต้องพนมมืออ่านน่ะ

ในยุคสมัยนี้จะหาคนที่ช่วยเหลือคนได้"ขนาด"นี้ได้อีกไหมนะ
แค่หาคนหน้าไหว้หลังไม่หลอก ก็แทบจะพลิกแผ่นดินแล้วน่ะ


โดย: กกซ IP: 61.7.175.249 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:21:27 น.
  



สวัสดีวันแผ่นดินไหวเจ้า ทำไมไม่รู้สึกก็ไม่รู้สงสัยตัวคงหนักแหงมๆ
โดย: เปิ้นบอกว่าจะมาขอ วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:02:53 น.
  

อืมมม

สงสัยคุณเปิ้นบอกว่าจะมาขอกับพี่ น้ำหนักจะพอๆ กัน

เพราะ แถวที่ทำงานพี่ก็ไม่รู้สึกเหมือนกัน

แต่เห็นเขาบอกว่าแถวสีลม

บริษัทปิดให้พนักงานกลับหมดเลย

ดีจัง

(ดีตรงไหนเนี่ย น่ากลัว)

น้อง กกซ.ถ้าตัวอักษรที่น้องเขียนมา
มาจากความรู้สึกจริงๆ
พี่ก็คงรู้สึกดี แม้ภาษาจะอ่านแล้วแปร่งๆ ชอบกล


คนหน้าไหว้หลังหลอกบางคนอยู่ใกล้ตัวเรา
เราก็อาจแกล้งมองไม่เห็นก็มีเยอะ นะ
หรือบางทีมองเห็นก็แกล้งไม่สนใจก็มี


แต่กลับบางคนที่เขาจริงใจ
แต่เรารู้สึกอคติ หรือรู้สึกกับเขาไม่ดีเสียแล้ว
เราอาจมองว่าเขาหน้าไหว้หลังหลอกก็มีเช่นกัน


เป็นการมองคนในมุมที่ต่างกัน
เป็นเรื่องของคนมอง


คนหน้าไหว้หลังหลอกบางคน
อาจน่าคบหากว่าคนที่ดูจริงใจบางคนก็ได้


"คบได้ก็คบ คบไม่ได้ก็ไม่ต้องคบ"

ง่ายดี

มองคน มองโลกง่ายๆ
ไม่กี่ปีก็ตายจากกัน

อ้อ....

เท่าที่เคยได้ยินข่าว
ยุคสมัยนี้ยังมีคนที่ช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ "ขนาด" นี้
และมากกว่านี้ อยู่หลายคน
ช่วยแบบไม่หวังอะไรตอบแทน
ช่วยเขาจนตัวเองตาย
หรือช่วยเขาแล้วเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็ยังมี
เป็นน้ำใจที่ยังพอหาเจอได้


แต่จะว่าไป
จริงๆ น้อง กกซ. ไม่ต้องมองหาคนแบบนี้ไกลเลย
เพราะรอบๆ ตัวน้องเอง
ก็มีคนแบบนี้อยู่หลายคน
หรือไม่จริง???


โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:35:36 น.
  
ไหวแรงเหมือนกันนะพี่
ผมยืนคุยอยู่กับลูกค้า
รู้สึกเวียนหัวเหมือนจะเป็นลม
หันไปดูโมบายอีกที
แกว่งไปแกว่งมา

โลกถ้าจะใกล้แตกแล้วมั้ง
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:55:07 น.
  

นั่นสิ กะว่าก๋า

คลื่นยักษ์

น้ำท่วม

แผ่นดินไหว

เหลืออะไรอีกเนี่ย

ที่ประเทศไทยเรายังต้องเจอ

สงสัยต้องรีบไปจองพื้นที่บนดาวอื่นจริงๆ

ไปดาวไหนกันดีล่ะน้อง
โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:29:47 น.
  
อยู่ที่ว่าคนนั้นจะไหว้ใคร และ หลอกใครต่างหากล่ะพี
บางคนหลอกได้แม้กระทั่งตัวเอง

ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือคนที่โดนหลอกแต่ไม่รู้ตัวว่าโดนหลอก
อยากเดินไปบอกเหมือนกันว่า พี่คะ ชุดควายที่พี่ใส่นี่สวยจังนะคะ
รู้สึกว่าจะเคยบอกแล้วนะ แต่ไม่เชื่อ หาว่าเราตาฝาด

คิดมากทำไมละพี่ ภาษาของ กกซ ก็งี้ล่ะ เรียนมาน้อยแถมไม่ได้เป็นข้าราชการอีก เลยแลดูเป็นชาวบ้าน ๆ ยังงี้แหละจ้ะ

จริงจริ๊งงงง
โดย: กกซ IP: 203.150.105.112 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:27:08 น.
  

คนเรียนน้อยบางคน
เขาก็ฉลาดและรู้จักคิด
แยกแยะเหตุและผลเป็น
คงไม่เกี่ยวว่าต้องเป็นอะไร

แต่คนที่มีพรสวรรค์และดูฉลาด
กลับไม่รู้จักคิดนี่สิ ...น่าเสียดายมากกว่า

มั่นใจขนาดนั้นเทียวหรือ
ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้ หรือได้ข้อมูลมานั้นถูกต้อง

บางทีสิ่งที่ตาเห็น หรือหูได้ยิน
หรือสัมผัสมา หรือลิ้มรสมา
ก็อาจไม่ได้เป็นเหมือนสิ่งที่ตัวเองคิดเสียทั้งหมด
อย่ามั่นใจในสิ่งที่รู้มามากนักเลย

เหมือนที่รู้สึกไม่ชอบใครสักคน
ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักเขาดีพอ


และเหมือนเคยบอกแล้วเช่นกัน
ว่าจะพิจารณาเอง

ถ้าบังเอิญได้สวมชุดควาย
ก็คงพิจารณาแล้วว่า
ชุดนี้ดูปลอดภัยและอบอุ่นกว่า
ชุดสัตว์บางประเภทที่ดูน่ารักแต่ภายนอก
เพราะชุดนั้นเคยลองสวมมากับตัวแล้วเหมือนกัน
ถึงได้ถอดออกและไม่คิดจะสวมอีกเลย


ขอบคุณ

อ้อ...ชาวบ้านที่เคยสัมผัสน่ะ
เขาน่ารักนะ
ใช้ภาษาที่ใสซื่อและจริงใจ
ไม่มีเลสนัย ไม่ต้องแปลความหมาย


แน่ใจเหรอ เราเป็นชาวบ้าน???



โดย: sunny-low วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:02:11 น.
  



มาส่งเข้านอนค่ะ
โดย: เปิ้นบอกว่าจะมาขอ วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:50:50 น.
  

คุณเปิ้นบอกว่าจะมาขอ

มาส่งเข้านอนดึกจัง

เวลานั้นคงหลับไปสักพักแระล่ะ

อิอิ

วันนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่นอนไม่ค่อยหลับ

เพราะดันกินชาดำเย็นไปตอนเย็น

ตาเลยสว่างซะงั้น

เช้ามาก็เลยง่วงมักมาก

แต่ไม่อยากไปสาย
ก็เลยออกจากบ้านเช้ากว่าทุกวันที่ผ่านมา
หวังจะได้ขึ้นรถเมล์ว่างๆ จะได้นั่งหลับสบาย

ปรากฏว่า รถแน่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลย
นี่แหล่ะ กทม. ก็เลยต้องยืนไปแทน
แย่จิงๆ

ระหว่างที่ยืนบนรถเมล์มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า
กระเป๋าค่อนข้างหนัก เท่าที่สังเกตดู แต่ไม่มีใครช่วยเธอถือ

ยืนประมาณ 20 นาที ที่นั่งตรงที่ตัวเองยืนว่างพอดี
และที่นั่งข้างหลังซึ่งนั่งลำบากกว่าก็ว่างพอดีเช่นกัน
ตัวเองเลือกไปนั่งที่ข้างหลัง ซึ่งต้องปีนป่ายนิหน่อย
และที่นั่งตรงนั้นพี่ผู้หญิงเขานั่ง

เชื่อหรือไม่

พี่ผู้หญิงคนนั้นพอเขาได้นั่ง เขาก็หันมายิ้มให้เล็กน้อย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่เขายิ้มให้เพราะอะไร
ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มองพี่เขาด้วย ไม่ได้พูดอะไรเลย
เดินงุดๆ หันหลังไปปีนที่นั่งข้างหลังเลย

นี่ไง...น้ำใจดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่ยังมีอยู่
และคนที่ได้รับเขาก็รับรู้
แม้เราจะไม่ได้แสดงออกอะไรเลย

ท่ามองในแง่ร้าย
เราอาจชอบที่นั่งข้างหลังมากกว่าก็ได้
พี่เขามองเราในแง่ดีไปมั้ง งั้นสิ
โดย: sunny-low วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:41:05 น.
  
คุณจะใส่ชุดอะไรกันก็ช่าง...มันก็แค่เปลือกที่ใช้ห่อหุ้มตัว......บางครั้งคุณก็แค่ทำตัวให้เข้ากับชุดที่คุณใส่แค่นั้นเอง...



...ผมว่าลองแก้ผ้ามาคุยกันดีกว่า...อาจจะเจอคำตอบที่กระจ่างซะที...
โดย: มันก็แค่...ตากล้องขี้เมา IP: 203.150.192.33 วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:53:46 น.
  

ในความเป็นจริง

หลายๆ คนแก้ผ้าคุยกัน

เขาก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยน้อง

เอาน่า....
อย่าคิดมาก....

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีเสมอ



โดย: sunny-low วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:49:15 น.
  
กระติกน้ำโดเรม่อนยังอยู่มีสุขอยู่น้อง
เมื่อคืนไปนั่งรับประทานอาหารมื้อเที่ยงตอน 4 ทุ่มครึ่ง
อิอิอิ
เพลินดีจัง...มีคนร้องเพลงกบ่อม
นึกเสียว่าสงสารและเพลงตัดใจไม่ลง
แจ่ม
เพราะคนชวนโทรมาหาตอน 3 ทุ่มครึ่ง
เราอยุ่ที่ทำงานกำลังจะกลับบ้านพอดีเลยป้า
ไม่ได้โทรชวนเพราะเห็นว่าหัวค่ำมากๆๆๆๆ
เกรงว่าจะเป็นการปลุกป้าให้ตื่น
และกล้วว่าป้าจะติดลมบน.....หุหุหุ
โทรไปบอก COWBOY ก็ถามว่าป้าๆ อารมณ์ไหน
ไปภูเลตอน 4 ทุ่มครึ่ง
แถมไปกัน 2 คนตามประสาแก๊งค์ใจง่าย
ว่าแต่ว่าเมื่อคืนซุปเปอร์อร่อยมากๆ
ยุ่ยกินง่ายไม่ติดคอ
จบข่าว
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:16:52 น.
  

เล่นเล่ามาซะน้ำลายสอเลย

แต่ไม่ชอบน่ะไอ้ต้มตีน (ไก่) เนี่ย
มันอร่อยตรงไหน
กินไปก็เจอแต่กระดูก
ไม่ไหว ไม่ไหว

อิอิ

โธ่....ชวนแล้วคิดหรือว่า
จะไป

อิอิ

แต่เมื่อคืนนอนดึกนะ

เพราะนอนไม่หลับ

คืนนี้สิ

นอนเร็วแน่

ชดเชยเมื่อคืน
โดย: sunny-low วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:09:54 น.
  
ว่าก็ว่า นะอิ๋ว

มันเหมือนมีลางสังเห่า เอ๊ย สังหรณ์

ว่าจะไปหาอะไรดื่ม แก้เครียดที่ภูเล

กับเขาบ้างเหมียนกัน

แต่เจ้ากรรม รถเพื่อน

ดันไปติดหล่มเหล้า

แถวโชคชัยสี่ ซะก่อน

เลยยย ปายม่ายถึงงงงง
โดย: มะหมา ผีแดง (suchacree ) วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:03:07 น.
  

แหมมม....พี่มะหมา ผีแดง

รถเพือนพี่มันช่างเลือกที่จะติดหล่มเนาะ

อิอิ

วันดีๆ จะชวนไปติดหล่มแถวภูเลด้วยกันอีกเนาะ

เนาะ

อิอิ
โดย: sunny-low วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:36:17 น.
  
ชอบเรื่องบนรถเมล์ครับ
เพราะเคยลุกขึ้นยืนให้คนนั่งเหมือนกัน
โอ้...แม่เจ้า
กว่าจะรู้ตัวว่าต้องยืนไปจนสุดสาย 3 ชั่วโมง
เมื่อย...แต่มีความสุขนะครับ
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:39:19 น.
  


โอ้วว...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด
เมื่อคืนข้าน้อยนอน 3 ทุ่มเจ้าค่ะ
เป็นไปได้ยังไงหนอ
แวะมาบอกป้าว่าหิวข้าว
จะไปทานข้าวก่อนนะ 10 โมงแล้ว
ข้าวเช้ายังไม่ตกถึงท้องเลยล่ะ
แบบคิดถึงด้วยหิวข้าวด้วย
เลยต้อมาบอกป้าก่อน
......ตาปุ๊....พี่คิดว่าจะเจอน้องที่ภูเลเลยนะนั่น
เมื่อคืนนั้นหนุ่มโตะข้างๆ
ร้องเพลงน้ำตาฟ้าได้เพราะมาก
เราเลยขอให้เขาร้องเพลงลาสาวแม่กลอง
เพราะมากๆ
หน้าตาประมาณป๊อดโมเดิ้ลด๊อกมิมีผิด
ผิดย่ะ...คืนนั้นข้าน้อยไม่ร้องเพลงเลย
รับประทานอย่างเดียว
คิดถึง....จบข่าว
โดย: อุ้มสี วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:25:26 น.
  
แวะมาบอกว่า ตอนนี้ยังเหนื่อยง่ายอยู่นะ

อยากนอนพักผ่อนมาก ๆ

ไว้มีเรี่ยวแรงถ่ายรูปจะเอามาอวดแน่นอน
โดย: ลุงไม้ (ไม้หลักปักมั่นคง ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:57:03 น.
  

รับแซ่บ...เจ้าค่ะ คุณลุง

อ้อๆๆ คนส่งของมาให้เขาบอกว่า

" ตุ๊กตานางฟ้าอันนั้นถ้าหมุนปุ่มข้างบน
ก็จะมีไฟสีม่วงอ่อนๆ ส่องลงมาด้วย"

หมุนดิ๊ มีเปล่า แล้วมาบอกด้วยนะ

อยากเห็นเร็วๆ จังเลย

ป้าอุ้มนี่ มาหาทีไร พูดแต่เรื่องของกิน
อาทิตย์หน้านัดมาเลยดีก่า
ร้านเดิม เวลาเดิม เนาะ
อิอิ

ไอ้เดิมๆ ของพวกเราเนี่ย
หลายร้านเหมือนกันเนาะ
แถวอนุสาวรีย์ก็ไม่ได้ไปนานแล้ว
คิดถึงปลาช่อนลุยสวนสมุนไพรจัง

กะว่าก๋า ชอบเรื่องรถเมล์เหรอ
งั้นอ่านอีกนะ
วันนี้ตอนขากลับบ้าน
จะขึ้นรถ ปอ.26 อนุสาวรีย์
มันจะมีทางด่วนทำให้ถึงบ้านเร็ว
แต่เป็นที่รู้กันของคนที่ขึ้นสายนี้ว่า
คุณต้องต่อคิว ถึงจะได้ขึ้น และรักษาคิวตัวเอง
เพื่อป้องกันการถูกแซง
ขณะยืนรอคิว 20 นาที แถวเริ่มยาว
มีผู้หญิงอายุประมาณ 54 มาจะแซงคิวคนข้างหน้า
เขาไม่ยอม เธอก็เลยเดินไปข้างหลัง
และจะไปแซงคิวลุงข้างหลังอีก
แต่คนข้างหลังลุงไม่ยอม
เราเฝ้ามองเธอตลอด เพราะไม่ชอบคนแบบนี้อย่างแรง
ทำไมยืนต่อคิวไม่ได้ ในเมื่อกติกากำหนดให้ต่อคิว
และคิวไม่ยาว ยังไงก็ได้นั่งแน่นอน
เลยอดใจและอดปากไม่ไหว บอกเขาไปว่า
ควรไปต่อคิวหลังๆ โดยถามเขาก่อนว่า
เขาต่อคิวอยู่หรือไม่
ถ้าเขาไม่ต่อ ก็ยืนได้เลย
เธอมองหน้าเรา และถอยไปอีก 2 คน
และไม่ได้ถามใครอยู่ดี
คือ ยังไงเธอก็ไม่ยอมไปต่อแถวคนสุดท้ายแหล่ะ
บังเอิญคนข้างหน้าเธอเป็นผู้ชายใจดี
เขายอมให้เธอแซงได้

ในใจตอนนั้น อยากให้เธอรีบไปต่อแถว เพราะหากเธอมาแซงคนอื่น แล้วเขาไม่ยอม ที่นั่งอาจจะเต็มจนเธอไม่ได้นั่ง ทั้งๆ ตอนนั้น คนยังน้อยมาก

ประมาณเกือบครึ่ง ชม.รถเมล์มา
ทุกคนขึ้นรถและเลือกที่นั่ง ซึ่งยังพอมีที่ว่างจริงๆ

ปรากฏว่า เธออายุ 54 คนนั้นมานั่งกับฉัน

พอเธอนั่งและเห็นว่าเป็นฉัน คนที่บอกเธอว่าให้ไปต่อคิว
เธอก็พูดว่า นึกว่าใคร
ฉันก็ยิ้มให้ แล้วเราก็เริ่มคุยกันไปเรื่อยๆ
โดยไม่มีความรู้สึกขุ่นข้องใจใดๆ

ฉันว่าเธอเข้าใจในเจตนาของฉัน
จึงไม่โกรธในสิ่งที่ฉันบอกเธอ

เราคุยกันหลายเรื่องมากมาย
ถึงรู้ว่าเธออายุ 54 อยู่ในช่วงวัยทอง
และเพิ่งกลับจากไปฟังผลและรับยามากินจาก รพ.รามา
คุยโน่นคุยนี่จนถึงป้ายที่ฉันจะลง

ก่อนลงฉันก็บอกลาเธอ
เธอก็กล่าวให้โชคแก่ฉัน

ดีไม๊....
โดย: sunny-low วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:10:22 น.
  


ป้าป้าป้า
เรามีคิวเดินสายวันจันทร์-วันพุธอยู่จ.เพชรบุรี
อีกแล้วครับท่าน
ป้านัดมาดีกว่า
ข้าวเย็นยังไม่ตกถึงท้องเลย
เพิ่งถึงบ้านง่วงมากๆๆๆๆ
เป็นไรช่วงนี้ง่วงอย่างเดียวเลยนะเนี่ย
ว่าจะนอนก่อนหรือว่ากินก่อนดีหนอเรา
โดย: อุ้มสี วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:20:23 น.
  

มันง่วงตามวัยของตัวเลขที่จะเพิ่มขึ้นแหล่ะค่ะ

อิอิ

งั้นฟันธงเลือกวันที่ป้าอุ้มไม่อยู่แล้วกัน

ดีปะ...

อ่ะ ล้อเล่น

วันพฤหัสดีปะ

วันศุกร์หน้าต้องไปหาป้าค่ะ

เพราะคาดว่าคงบ่นคิดถึงหลานรักแล้วป่านนี้

แว่วๆ ว่าอาทิตย์นี้พี่จะไปสำรวจบ้านครูน้อยไม่ใช่เหรอ
วันนั้นจะได้คุยกันด้วยเนาะ
เพื่อจะได้วางแผนว่าจะยังไงต่อไป



ราตรีสวัสดิ์
โดย: sunny-low วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:41:23 น.
  
ถ้าป้าคนนี้คือ ตัวแทนกลุ่มใหญ่ของสังคมไทย
ถ้าพี่อิ๋วคือ ตัวแทนของคนกลุ่มเล็กๆที่เหลืออยู่
คำถามคือ....

เราเหลือคนประเภทไหนในสังคมมากกว่ากัน
แบบป้า หรือ แบบพี่

.............................

ไม่รู้โชคดี-โชคร้าย
ผมไม่ได้นั่งรถเมล์นานมากแล้วครับ
ตั้งแต่เรียนจบแล้ว...ก็หลายสิบปี
ผมว่าพฤติกรรมมนุษย์ก็ยังไม่เปลี่ยน
โดยเฉพาะความรู้สึกแบบ
"เร่งรีบ ฉกฉวย และช่วงชิง"

ไม่รู้คิดถูกคิดผิด
บางทีผมอาจไม่อยากกลับไปกรุงเทพ
เพราะเรื่อง "รถเมล์"นี่แหละ

..............................

แต่พอฟังเรื่องที่พี่เล่า
ไม่แน่....บางที
ผมอาจกลับไปนั่งรถเมล์อีกสักครั้ง

...............................

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีดี
ในเช้าวันที่ฝนพรำ (อีกแล้ว)
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:20:46 น.
  


ไม่ว่าจะเหลือคนกลุ่มไหนมากกว่ากัน

ขอเพียงอย่าให้คนมีความคิดดีๆ หมดไปก็แล้วกัน

สังคมคงอยู่ไม่ได้ ถ้าคนความคิดดีๆ ยอมแพ้ไปหมด

ความคิดดี ความคิดไม่ดี แล้วแต่การตีความของคนนั้น

อย่างกรณีนี้ พี่คงเป็นความคิดดี เพราะไม่อยากให้ป้าถูกยำ

และป้าคงเป็นความคิดไม่ดี เพราะไม่ชอบต่อคิว

แต่แล้วเราสองคน ก็ยังคุยกันได้

มันคือตรงกลางของคนสองกลุ่ม
เมื่อถึงเวลาและสถานการณ์หนึ่ง

เรื่องรถเมล์พี่เจอมาหลากหลาย ที่ไม่ดีก็มีนะ
แต่ไม่ค่อยจดจำ รู้แต่ว่าคงไม่ทำแบบนั้น

และที่เปลี่ยนไปมากคือ การลุกให้นั่งของผู้ชาย
สมัยนี้หายากเต็มที แต่ก็ยังมีให้เห็นบ้าง
จะรู้สึกดีและชอบทุกครั้ง ที่เห็นสุภาพบุรุษเหล่านั้น
ไม่ได้เรียกร้องให้ผู้ชายมาลุกให้นั่ง
เพราะเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องของใจคน
ไหนๆ ก็สิทธิเท่าเทียมกัน
ทั้งๆ ที่บางเรื่อง สิทธิผู้หญิงก็ยังไม่เท่าเทียมกับผู้ชายหรอก
โดย: sunny-low วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:17:37 น.
  
เรื่องสิทธิของผู้ชาย-ผู้หญิง....
บางทีก็น่าขำ
คือ ไม่เข้าใจว่าจะทะเลาะกันไปทำไม

บางที...
ผมก็ไม่รู้จะแข่งกันไปทำไม
ให้ผมแย่งผลไม้ภรรยามาปอก แล้วก็บอกว่า
"ฉันปอกผลไม้สวยกว่าเธอ"

หรือ

ให้วันหนึ่งผู้หญิงลุกขึ้นมาจับปืนแล้วเข้าสู่สงคราม
เพื่อบอกว่า "ฉันก็ไม่แพ้ผู้ชาย"

วิธีคิดแบบนี้ไปไม่ถึงไหนแน่ๆ....
นอกจาก "หายนะ"


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:14:56 น.
  

เนอะ เนอะ นั่นดิ

พี่ยังขำเมื่อได้ยินผู้ชายบางคนบอกว่า

เมื่อผู้หญิงเรียกร้องสิทธิทัดเทียมผู้ชาย

งั้นก็ยืนไปแล้วกัน

เคยได้ยินประมาณนี้จริงๆ นะ

และวันนี้ก็เห็นกับตาตัวเองเลย

มาทำงานและจะแวะไปทำบุญกับเพื่อน

วันเสาร์ออกสายก็ไม่ต่างจากวันธรรมดาเท่าไหร่นัก

รถติดคนเยอะก็เลยต้องยืนตามระเบียบ

มีผู้ชาย 2 คนยืนข้างหน้า ตัวเล็กคนตัวใหญ่กว่าพี่มากๆ คน

สักพักที่นั่งข้างๆ ผู้ชายตัวเล็กว่าง เขาก็นั่ง

อีกสักพักที่นั่งข้างๆ ผู้ชายตัวเล็กอีกที่ก็ว่าง

ผู้ชายตัวใหญ่ก็นั่ง พอเขานั่งเท่านั้นแหล่ะ

พี่ถึงเห็นว่ามีป้าผู้หญิงอายุประมาณ 50 กว่าๆ
แก่กว่าคนเมื่อวานด้วยมั้งยืนอยู่

พี่ งง เลย ผู้ชายตัวใหญ่เขากล้านั่งไปได้ยังไง ในเมื่อตัวเองแข็งแรงขนาดนั้น และป้าคนนั้นอายุมากขนาดนี้

น้องผู้หญิงที่นั่งอยู่และป้ามายืนอยู่เห็นก็เลยลุกให้ป้าเขานั่ง
และไม่วายชำเลืองสายตามองผู้ชายตัวใหญ่ คงไม่ต้องบอกว่า
สายตาที่น้องผู้หญิงคนนั้นมองผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างไร

เห็นแล้วก็ขำๆ
แบบนี้ก็ดูเกินไปจริงๆ นะ
บางทีขอน้ำใจให้คนที่เขาอ่อนแอกว่าเราบ้างก็คงดี
หากผู้หญิงต้องลุกขึ้นมามีน้ำใจแบบนี้ทุกคน
ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เนาะ
โดย: sunny-low วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:37:46 น.
  


จ้าแล้วค่อยคุยกันเน๊าะ
ไปหาข้าวทานก่อน
คิดถึงจ้า
โดย: อุ้มสี วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:14:24 น.
  

จ้า จ้า จ้า

มาทีไรกินข้าวกับนอนทุกที

วันนี้ไปถวายของให้พระที่อาพาธและรักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬา มาล่ะ เป็นกิจกรรมดีๆ ที่ไม่เคยทำ

แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะว่าทำยังไง
สนุกดีเหมือนกัน

ถ้ามีโอกาส เราไปทำแบบนี้บ้างก็ดีนะพี่อุ้ม

แต่ไปคนน้อยๆ ดีก่า เดี่ยว รพ.แตก

อิอิ

นอนเหมือนกันล่ะ

โดย: sunny-low วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:44:28 น.
  



มาส่งเข้านอนตอนดึกๆ ค่ะ หอบบุญมาฝากด้วยหรือเปล่าคะ
โดย: เปิ้นบอกว่าจะมาขอ วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:08:57 น.
  

เอ้า.... ลื๊ม ลืมแบ่งกุศลให้เรา

อิอิ

ไม่ได้ฝากหรอก เพราะอยากให้ลองไปทำเอง

ได้บุญมากๆ จริงนะ พระท่านที่อาพาธท่านจะสวดมนต์ให้พรเราด้วย

แต่พระบางรูปท่านก็อาการหนัก และอายุมาก ไม่รู้ว่าของที่ให้ท่านไป ท่านจะฉันและใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน

เอาล่ะ ถวายท่านแล้ว ส่วนท่านจะทำอย่างไรต่อไป
เราคงคิดแทนไม่ได้ เนาะ
โดย: sunny-low วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:17:30 น.
  


อิอิอิ น้อยแบบ 1 กองพันพอไหมป้า
หรือจะน้อยแบบนกแตกรังดี
หรือว่าน้อยก็หนึ่ง
มิน่าล่ะว่าเมื่อวันเสาร์ป้าหายไปไหนมา
เห็นไม่อยู่บ้าน
สุขสันต์วันอาทิตย์ยิ้มจ้า
โดย: อุ้มสี วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:24:18 น.
  

ป้าอุ้ม มาเห็นว่าไม่อยู่บ้านได้ไง

เอ...หรือตั้งใจจะมาขโมยอะไรบ้านอิ๋วเหรอ

อิอิ

โดย: sunny-low วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:18:51 น.
  
วันนี้เป็นวันสามีแห่งชาติครับ
ภรรยาตามใจตั้งแต่เช้า
ครึ่งเช้าไปดูงานศิลปะที่หอศิลป์
แล้วก็ไปหาอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆทาน.....
กลับมานอนหลับปุ๋ยไปครึ่งวัน

เฮ้อ....สบายจัง
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:17:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sunny-low
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ความทุกข์
สอนให้อดทน
ถ้าผ่านมันได้
ก็จะเจอความสุข...