ตุลาคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ออกกำลังกายกันดีมั้ย

หลังจากไปเที่ยวมาเกิดแนวคิดใหม่ๆ สองประการ
ประการแรก...เรื่องของการออกกำลังกาย
ประการที่สอง...เรื่องของการอ่านหนังสือ
ทั้งสองประการล้วนมาจากต้นทางเดียวกันคือ...
การหาเวลาว่างให้กับตัวเอง...นั่นเอง

คนเราพอทำงานมากๆ หรือมีภาระในชีวิตมากๆ
ก็จะลืมดูแลเอาใจใส่ในชีวิตของตนเอง
เพราะมัวแต่ไปดูแลคนรอบข้างหรือให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ
ซึ่งในหนังสือ วางลงได้ก็เป็นสุข
เขาแนะนำว่า เราควรหาเวลาว่างอย่างน้อยวันลา 30 นาที
เพื่ออยู่กับตัวเอง ให้เวลากับตัวเอง
ได้พักผ่อนหรือผ่อนคลายจากเรื่องราวต่างๆ
30 นาทีของแต่ละวัน ควรให้เป็นเวลาของตัวเอง
อาจไปเดินช้อปปิ้ง ไปออกกำลังกายเล็กน้อยๆ เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ
หรือนอนอ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ
ก็ถือว่าได้ผ่อนคลายแล้ว

พออ่านหนังสือเล่มนี้จบ
กลับมาทำงานเริ่มปฏิบัติการปรับเปลี่ยนตัวเองทันที
เริ่มจากการออกกำลังกายรอบที่ทำงาน
ซึ่งสถานที่อำนวยมากมาย..
อากาศสดชื่น ต้นไม้เขียวๆ เยอะ เหมือนสวนสาธารณะย่อมๆ

 photo 5e90f118-41f2-496f-b7cf-d898963ef211.jpg

แบบนี้แหล่ะยิ่งทำให้อยากออกกำลังกายทุกวัน


 photo c32f1891-4d91-406b-8f98-21285a31be2c.jpg

คราวนี้จะออกกำลังกายทุกวันเลย
เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง...และลูกชาย เนาะ


อ้อ...วันนี้วันสำคัญนี่นา
สุขสันต์วันฮาโลวีนค่ะ...น่าจะสนุกเนอะงานนี้
ไม่เคยมีโอกาสร่วมงานกับเขาเลย
ทั้งๆ ตอนเรียนประถมก็โรงเรียนคริสตร์นะนั่น
หรืออาจจะลืมบรรยากาศไปแล้วมั้งหลายสิบปีแล้วนี่น่า




Create Date : 31 ตุลาคม 2556
Last Update : 31 ตุลาคม 2556 10:11:47 น.
Counter : 1525 Pageviews.

48 comments
  

สี่แชร์ทำพิษซะแล้ว...
เปิดบล็อกที่แล้วไม่ได้เลย
เสียดายจัง...

เพลงเพราะๆ ทั้งนั้นด้วย
ไม่เอาเพลงมาลงแระ
ทำให้เรื่องราวในบล็อกนั้นเปิดไม่ได้ไปด้วย
ใครพอช่วยได้ รบกวนด้วยนะ
ทำยังไงถึงจะเปิดบล็อกเรื่องแม่ ได้อีกครั้งนะ..

เอาแต่เนื้อหาก็ได้...ไม่เอาเพลงแล้ว...
โดย: sunny-low วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:07:57 น.
  
"คิดถึงพันทิพ คิดถึงหลังไมค์"

เพราะจุดเริ่มมาจากพันทิพ...
ทำให้เข้ามาเล่นเน็ตและเข้ากับสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ค
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว

เกือบสิบปีที่เล่นเน็ต
เกือบสิบปีที่รู้จักเพื่อนๆ
เกือบสิบปีที่รู้จักบางคน...
เป็นเกือบสิบปีที่มีแต่เรื่องราวดีๆ จริงๆ สำหรับโลกออนไลน์น่ะนะ

ช่วงนั้นบ้ามากมาย บ้าเล่นพันทิพ
เล่นในห้องของเพื่อชีวิตก่อน
แล้วไปห้องลูกทุ่ง
อยู่ประมาณสองห้องนี้
พร้อมๆ กับการเล่นบล็อกแก็งค์
มีความทรงจำมากมายเลยนะนั้น

ความทรงจำส่วนหนึ่งก็อยู่ที่กล่องข้อความ
หรือ "หลังไมค์"
ที่ซึ่งเก็บรวบรวมบทสนทนาระหว่างตัวเองกับใครต่อใครไว้มากมาย
เสียดาย...ลบออกไปหมดแล้ว..ข้อความดีๆ เหล่านั้น

หมดยุคของพันทิพ
เข้าสู่ยุคของเฟสบุคและไลน์
บล้อกแกงค์กับหลังไมค์
ก็ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่อีกต่อไป

แต่ตัวเองยังชอบเขียนบล้อกนะ
เพียงแต่ไม่ชอบเขียนให้คนอื่นอ่านเหมือนก่อน
อยากเขียนไว้อ่านเองมากกว่า


ครั้งหนึ่งน้องกะว่าก๋า
ตอบคำถามที่เคยถามไว้ในบล็อก
แล้วฝากไว้ที่กล่องข้อความหลังไมค์
ความที่ไม่เคยเปิดดู มารู้อีกที
ก็ผ่านมาหลายวัน...

แต่ก็ลองเปิดอ่านดู
นั่นแหล่ะ...ทำให้เกิดความคิดถึง "หลังไมค์"
ขึ้นมาในทันที
อยากหลังไมค์ไปหาเพื่อนๆ
ก็ไม่รู้จะมีใครตอบกลับมาหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ มีหนึ่งคนแล้วคือ น้องกะว่าก๋า

คนนี้เขาคงเส้นคงวา
รักมั่นในบล็อกแกงค์และเชื่อมสองโลกเข้าด้วยกัน
คือบล็อกแกงค์กับเฟสบุค...
เขาไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ
ในเฟสก็ใช้ kawaka
อ่านกี่ครั้งก็รู้ว่า คนเดียวกับ กะว่าก๋า

แต่บางคนเปลี่ยนชื่อใหม่
เวลาคุยกัน ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า
เขาคือคนคนเดียวกับที่เราเคยคุยในพันทิพ
บล็อกแกงค์ และหลังไมค์ หรือเปล่า

ถามตัวเองอยู่หลายครั้ง
เขาใช่คนเดียวกันแน่หรือ
การเปลี่ยนชื่อ บางทีมันก็เปลี่ยนบุคลิก
ความเป็นเขาได้เหมือนกัน
บางทีเลยสับสน...ว่าตัวเองกำลังคุยกับใครกันแน่

หลังไมค์ไปหาใครดีนะ...คิดถึงใครก่อนดีหว่า


โดย: sunny-low วันที่: 5 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:28:00 น.
  

เมื่อคืนดูละครทองเนื้อเก้า...
ฉากที่วันเฉลิมโดนเพื่อนๆ ล้อเลียนว่า
เป็นลูกลำยองขี้คุก...
และวันเฉลิมโกรธจนระงับไว้ไม่ได้
จึงเข้าไปชกต่อยเพื่อนๆ ที่ล้อเลียน

หลวงตามาห้ามไว้
และถามวันเฉลิมว่าเจ็บมั้ย
วันเฉลิมตอบว่าเจ็บ

หลวงตาบอกว่าเจ็บสิ
ทำไมจะไม่เจ็บ
แล้วสอนวันเฉลิมในทำนองว่า
เราต้องหัดที่จะ "ไม่" บ้าง
คือ ไม่ได้ยิน ไม่ฟัง ไม่เห็น และไม่มอง
เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกโกรธ

จริงตามคำสอนของหลวงตานะคะ
บางสิ่งบางอย่างเราคงต้องหัดที่จะ "ไม่" กับมัน

ไม่ไปหาสิ่งที่จะทำให้เราคิดโน่นคิดนี่
ไม่ไปมองในสิ่งที่เราจะขัดเคืองใจ
ไม่ไปฟังในสิ่งที่ทำให้เราเศร้าใจ
ไม่ไปอ่านอะไรที่จะทำให้หงุดหงิดใจ....

จะได้ไม่มานั่งคิดมาก โมโห โกรธ หงุดหงิด
คิดเล็กคิดน้อย ......เยอะ

คงต้องหัดเตือนตัวเองให้ท่องคำว่า "ไม่" ไว้บ่อยๆ แระ
โดย: sunny-low วันที่: 5 พฤศจิกายน 2556 เวลา:17:44:23 น.
  


เมื่อเช้าตั้งใจไปซื้อของให้ลูกชายแถวซอยละลายทรัพย์
ระหว่างทางเห็นเขาขายนกหวีด...ก็เลยซื้อฝากลูกชาย
เดินมาอีกนิดเห็นกำไลข้อมือสวยและได้ใจก็เลยซื้อมาใส่
เดินต่อเจอของเล่นให้ริวสีฟ้า ก็เลยซื้อไว้ให้ลูกเล่น
เดินมาเรื่อยๆ เขาแจกธงชาติก็เลยรับไว้
พอกำลังจะกลับ เอ๊ะ ทำไมคนเยอะจัง
รู้ตัวอีกทีกลับไม่ได้ซะแล้ว
ก็เลยอยู่กับพวกเขาซะเลย

ปรากฎว่าของที่ซื้อมาทั้งหมด
ต้องหยิบมาใช้ในวาระโอกาสสำคัญนี้หมดเลย
เป็นประสบการณ์ที่ดีประสบการณ์หนึ่งนะเนี่ย
คราวหน้าไปซื้อของแถวไหนดีนะ

 photo 80c38ab8-71cd-45e0-9a22-24e3d2fa38d7.jpg


 photo cd808b81-535d-4055-9bb6-3757ae09a0ec.jpg


 photo a7a9623c-7a60-4b10-88a3-89bed2edc0e2.jpg


 photo d331c720-44ae-464e-be31-98b1469cae8d.jpg

 photo 75c65838-0e91-4334-b41c-816024087f6a.jpg


********************************

อันนั้นคือข้อความที่โพสในเฟส

แต่ข้อความที่ลงบล็อก

ต้องบอกว่า....ตั้งใจทำทุกอย่างที่อยากจะทำ

คุณยายเสื้อเหลืองอายุเท่าไหร่ไม่รู้

แต่ท่านมายืนเป่านกหวีดเรียกคน

พร้อมโบกธงชาตินานเป็นชั่วโมง

กว่าคนจะมาเยอะขนาดนั้น

เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยนะเนี่ย

ที่ไปร่วมชุมนุมกับเขาแบบนี้

ไม่ไหว...คงไม่ไป
โดย: sunny-low วันที่: 6 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:11:23 น.
  

เมื่อคืนดูละครเรื่องอันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่
ดูเพราะนางเอกเขาเล่นน่ารักดี
และเนื้อเรื่องเบาๆ ตรงข้ามกับทองเนื้อเก้า เลย

ตอนที่ดูเมื่อคืนคือตอนที่พระเอกรู้ว่านางเอก
โกหกและหลอกเขาโดยมีจุดมุ่งหมายบางประการ
พระเอกโกรธมากเพราะเขาเชื่อใจนางเอกมาตลอด
และรู้สึกดีๆ กับนางเอกด้วย
เขาจึงรู้สึกผิดหวังและเสียใจในสิ่งที่นางเอกทำกับเขา
แม้นางเอกจะอธิบายเหตุผลอย่างไรก็ไม่ฟัง
สิ่งที่พระเอกขอกับนางเอกคือ
ขออย่าต้องเจอกับนางเอกอีกต่อไป....

นางเอกเสียใจมาก ตอนแรกที่เธอรับงานจากเจ้านาย
เธอคิดว่า หากพระเอกรู้ความจริงเธอคงไม่เสียใจอะไร
แต่พอถึงเวลา มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด..

น้องที่ทำงานแนะนำเธอให้พยายามหาทางอธิบายกับพระเอกเพื่อให้พระเอกเข้าใจในสิ่งที่เธอทำและยกโทษให้เธอ
นางเอกตอบว่า หากเป็นเธอก็คงโกรธและไม่อยากให้อภัยคนที่ทำกับเธอแบบนี้ เธออาจไม่มีคุณค่าพอที่จะให้เขามายกโทษให้เธอก็ได้

***********************
นอนดูไปก็คิดไป หากมีบางคนโกรธเรามากขนาดว่า
ขออย่าให้เราเจอเขาอีกเลย
หรือเราโกรธเขามากจนขอเขาว่า
อย่ามาเจอกันอีกเลย...

มันจะทำได้เหรอ
เพราะบางทีการเจอกันหรือไม่เจอกัน
มันไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญ
ถ้าความรู้สึกมันยังผูกพันกันอยู่

อีกประเด็นคือเรื่อง "คุณค่าสำหรับบางคน"
ก็เคยคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่ตอนนี้
และมันจะดีกับอีกคนเขาหรือเปล่า
มีค่าพอให้เขามาเสียเวลาด้วยมั้ย
แล้วควรทำยังไง...

*****************
คำตอบข้อสงสัยทั้งหมด
มาจากคุณย่าของนางเอก
คุณย่านางเอกบอกว่า
หากนางเอกรักพระเอกก็จงหาเขาให้เจอ
และพยายามทำทุกอย่างให้เขารู้ถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาและรักษาเขาไว้ให้ดี

ใช่เลย...
หากเขาไม่อยากเจอเรา....แต่เราอยากเจอเขา
หากเขาไม่เห็นคุณค่าของเรา...แต่เราเห็นคุณค่าของเขา
แล้วทำไม...จะไม่รักษาเขาไว้เล่า...เนอะ

ดูละครก็ได้ความคิดดีๆ แฮะ
สี่แชร์เขาไม่ให้เล่นเพลงของเขา
แต่พี่แกรมมี่ยังใจดี
งั้นขอฟังเพลงนี้นะคะ..."รักจัง" ของพี สะเดิด
แกรมมี่จัดให้ค่ะ










โดย: sunny-low วันที่: 7 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:02:43 น.
  
"รู้จุดหมายปลายทาง....แต่ไม่รู้เส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายนั้น"

 photo 35279a74-1e64-4785-ab04-d90e72cc9143.jpg


เกิดอารมณ์เซ็งๆ และเครียดนิดหน่อยวันนี้
อาจเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง...มากไป
เพราะตอนนี้ที่ทำงานถูกล้อมกรอบมาก
จะมาทำงานก็ลำบาก จะกลับบ้านก็ลำบาก
เปลี่ยนเส้นทางเพื่อหารถเมล์กลับบ้าน..จนล้า

"รู้จุดหมายปลายทาง....แต่ไม่รู้เส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายนั้น"

เป็นข้อความที่นึกได้เมื่อวาน...
ขณะนั่งรถเมล์ ปอ.สาย 16 เพื่อกลับบ้าน
แบบไม่รู้อนาคต...

เพราะไม่รู้เส้นทางที่เขาจะพาเราไปหมอชิตเลยจริงๆ
ยิ่งมาเจอรถติดขนัด...มองออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ว่า
ตัวเองอยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ เนี่ย
จะโดดลงและต่อรถสายอื่น ก็ไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ
ขึ้นรถตั้งแต่ห้าโมงเย็น ในราคาสิบกว่าบาท
ถึงหมอชิตสองทุ่มพอดี
คุ้มเกินคุ้ม...
จากไม่รู้ว่ารถเมล์สายนี้วิ่งเส้นทางไหน
คราวนี้ก็รู้ซึ้งไปเลย...
และคงไม่มานั่งอีกแล้วแหล่ะ

ปกตินั่งรถตู้สี่สิบห้าบาท
ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงบ้านแล้ว
คราวนี้ขึ้นรถเมล์รวมเสียค่าใช้จ่าย
ยี่สิบกว่าบาท แต่ถึงบ้านสามทุ่ม
คุ้มไปล่ะมั้งเนี่ย...
เพลียไปเลย...

นี่แหล่ะ...รู้จุดหมายปลายทาง
แต่ไม่รู้เส้่นทางที่จะไปถึงจุดหมายนั้น
ใช้เวลาสามชั่วโมงรู้เลยทันที...

แต่บางเรื่อง...
รู้ว่าจุดหมายปลายทางที่ตัวเองต้องการ...คืออะไร
แต่ไม่รู้หนทางที่จะพาตัวเองไปให้ถึงนี่น่ะสิ...
ยากกว่าเนาะ....ร้องเพลง "รอ" อย่างเดียวเลย


โดย: sunny-low วันที่: 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:36:12 น.
  

"เรื่องสมมติ"

สมมตินะคะ....สมมติว่าคุณมีคนคนหนึ่งที่เป็นแบบนี้

เขาหรือเธอ...เปิดรับคุณในฐานะเพื่อนคนหนึ่งในเริ่มแรกที่รู้จักกัน

เขาหรือเธอ...ให้ความสนิทกับคุณมากกว่าเพื่อนทั่วไปเมื่อเวลาผ่านไป

เขาหรือเธอ...ยังเฝ้าติดตามชีวิตคุณ แม้ว้าห้วงเวลานั้นคุณไม่ได้ทักทายกับเขา เพราะคุณมีคนเคียงข้างแล้ว

เขาหรือเธอ...ยังพยายามจะสื่อสารกับคุณแม้ว่าคุณไม่พร้อมจะสื่อสารกับเขา..

เขาหรือเธอ...ยังพร้อมจะเป็นมิตรกับคุณอีกครั้งเมื่อคุณตอบรับการสื่อสารจากเขา

เขาหรือเธอ...รับฟังปัญหาที่คุณเผชิญและพร้อมจะให้กำลังใจ

เขาหรือเธอ...คอยให้คำแนะนำในสิ่งต่างๆ ที่คุณต้องการ

เขาหรือเธอ...คอยตักเตือนในสิ่งที่คุณทำไม่ถูกต้องหรือไม่ควรทำ

เขาหรือเธอ...พร้อมจะยกโทษและให้อภัยในสิ่งที่คุณทำไร้สาระกับเขา

เขาหรือเธอ...พยายามทำในสิ่งที่พิเศษกับคุณมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ที่เขามี

***ถ้าคุณมีคนแบบนี้...เคียงข้างอยู่...ในตอนนี้
ไม่ว่าเขาจะอยู่กับคุณในฐานะอะไร
คนรัก...เพื่อนพิเศษ..คนพิเศษ..
รักษาเขาไว้ให้ดีๆ นะคะ...

ฉันเอง...ก็จะรักษาเขาไว้เหมือนกัน
ถ้าฉันเจอคนแบบนี้
และจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด...เท่าที่จะรักษาได้
วันเวลาอาจผ่านมาและผ่านไป
แต่ความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับมาไว้นั้น
มันคงไม่มีวันผ่านไปแน่นอน

"ข้อความในความเห็นของวันที่ 4 พ.ย...นำมาลงใหม่นะคะ เพราะเพลงฝากใจไว้กับเธอ หายไปแล้วค่ะ"

//www.youtube.com/watch?v=Nz-KXYmE5Xg
โดย: sunny-low วันที่: 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:08:18 น.
  
"รักฉันแต่อย่าคิดถึงฉัน"

 photo im4.jpg


เปลี่ยนจากดูละครมาดูหนังบ้าง
แต่เป็นหนังเก่าหมดเลย
เพราะหนังใหม่ๆ ไม่มีโอกาสได้ดูเลย
ไม่มีโอกาสเข้าโรงหนังมาหลายปีมาก
มากจนจำไม่ได้ว่า หนังเรื่องสุดท้าย
ที่เข้าไปดูในโรงนั้น คือเรื่องอะไร

จึงมักจะดูหนังเก่าๆ ที่มาฉายทางโทรทัศน์
และเคเบิิลทีวีมากกว่า
ซึ่งวันเสาร์ที่ผ่านมา ช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณ
นำหนังเรื่อง รักฉันแต่อย่าคิดถึงฉัน มาฉายในช่วงบิ๊กซีนีม่า
ปกติหนังผีก็อยากดูหรอกนะ แต่กลัวอยู่เหมือนกัน
ประมาณว่าดูไปก็ปิดตาไป และแอบดูทางช่องนิ้วมือ
อะไรประมาณนี้ และถ้าเรื่องไหนน่ากลัวมาก
ก็จะไม่ดูเลยดีก่า
ตอนนั้น ลัดดาแลนด์ มาฉาย ก็อยากดู
แต่หนังเขาหนักๆ และน่ากลัว
เลยไม่ดูซะเลย...ไม่ชอบแนวหนังเครียดๆ น่ะ

เรื่อง รักฉันแต่อย่าคิดถึงฉัน
ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ จึงดูไปเรื่อยๆ จนจบ
เรื่องราวก็เกี่ยวกับความรักนั่นแหล่ะ
แต่เป็นรักที่วิญญาณมาเกี่ยวข้องด้วย

เป็นความรักของคุณหมอสองคน
ซึ่งทั้งโรงพยาบาลรู้ว่าหมอสองคนนี้
รักกันมากมายแค่ไหน

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดอุบัติเหตุทำให้หมอผู้หญิงเสียชีวิต
หมอผู้ชายรู้สึกเป็นความผิดของตนเอง
และด้วยความรักที่มีต่อเธอ เขาจึงนำดอกไม้ไปวางไว้
บริเวณที่แฟนเขาเสียชีวิตเป็นประจำทุกวันอาทิตย์
ซึ่งตรงกับวันที่เธอตาย...
รวมทั้งซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มให้เธอเสมอ
เมื่อไปกินอาหารร้านที่เคยกินด้วยกัน
ที่สำคัญเขายังเก็บร่างที่ไร้วิญญาณของเธอไว้
ในห้องครูใหญ่ของนักศึกษาแพทย์
และไปพูดคุยกับเธอเสมอๆ

หลังจากการตายของเธอ
เขาก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย
แม้จะมีผู้หญิงให้ความสนใจเขามากเพียงใด
นอกจากเขาจะไม่สนใจแล้ว
ผู้หญิงที่มาสนใจเขาก็มักจะเจอกับเรื่องแปลกๆ เสมอ
ทำให้หวาดกลัวที่จะสานสัมพันธ์กับชายหนุ่ม

ต่อเมื่อมีหมอผู้หญิงคนใหม่เข้ามา
ทำให้เขาเริ่มรู้สึกดีๆ ด้วย
เมื่อเขาใกล้ชิดกับหมอคนใหม่
เรื่องแปลกๆ ที่เกิดกับผู้หญิงคนอื่นๆ
ก็มาเกิดกับเธอเช่นกัน ทำให้เธอหวาดกลัว
แต่เพราะว่าเธอรักเขา จึงอยากช่วยเขา
ให้หลุดพ้นจากวังวนความเศร้าในใจ

นี่จึงเป็นเหตุให้เธอรู้ว่า
วันที่แฟนเขาตายนั้น คือวันที่เขาทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง เพราะหมอผู้ชายมีผู้หญิงอื่น
เป็นสาเหตุทำให้เขารู้สึกผิดตลอดมา

เมื่อเธอรู้ความจริง เธอก็ยังรักเขาและคิดจะช่วยเขาอยู่ดี
ทำให้เธอได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงจนเกือบตาย
หมอผู้ชายคิดว่าเป็นความผิดของเขา
จึงกินยาเพื่อฆ่าตัวตายเพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง
ก่อนจะตาย เขาได้คุยกับวิญญาณแฟนเขา
และถามว่า ทำไมเธอยังไม่ไปไหน
ทำไมยังอยู่กับเขา

วิญญาณถามเขาว่า ไม่รู้จริงๆ หรือว่า
ทำไมเธอไม่ไปไหน
เป็นเพราะเขาไม่ยอมปล่อยเธอต่างหาก
เขาทำทุกอย่างเหมือนกับว่าเธอยังอยู่กับเขา
วิญญาณเธอจึงไปไหนไม่ได้
เพราะความรักความคิดถึงที่เขามีต่อเธอ
นั่นเอง.....

**********

ตอนจบก็ยัง งง นิดหนึ่งว่า
ผู้ชายตายตามแฟนไปหรือว่ายังไง
สุดท้ายคิดว่า น่าจะตายมากกว่า...

ถ้ารักและคิดถึงขนาดนี้ ก็คงจะไม่ไหวล่ะมั้ง
เมื่อถึงเวลา...คงต้องปล่อยวางมันลงบ้าง
และเก็บความรัก...ความคิดถึงไว้ตามลำพัง
น่าจะดีกว่ามั้ย
โดย: sunny-low วันที่: 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:41:47 น.
  
"The Rebound"

 photo 1d4a2924-9f5e-4765-842e-e179ca7f82ff.jpg


 photo The-Rebound__7.jpg

เป็นหนังฝรั่งอีกเรื่องที่ได้ดูทางเคเบิ้ลแล้วชอบ
ลองค้นจากกูเกิ้ลดูเหมือนจะฉายในปี 2009
แต่เราได้มาดู 2013 โอ้โห...4 ปีผ่านไปเนี่ยนะ
ย้อนยุคจริงๆ เลย ข้าพเจ้า

เนื้อหาของหนังจะเกี่ยวกับความรักต่างวัยของผู้หญิงอายุ 40 กับผู้ชายอายุ 25 ต่างกันตั้ง 15 ปีเชียวหรือ
ไม่น่าจะรอดหรอกเนอะแบบนี้

ดูอย่างเดมี่มัวร์กับแฟนหนุ่มสิ
สุดท้ายผู้ชายก็ไปหาแฟนในวัยเดียวกัน
แม้เดมี่มัวร์จะไปทำให้สาวแค่ไหนก็ตาม

จุดเริ่มความรักของทั้งคู่มาจากนางเอกหย่ากับสามี
เมื่อพบว่าเขาพาผู้หญิงมาทำอะไรๆ ที่บ้าน (ทำอะไรหนอ??)
เธอหอบลูกสองคนมาเช่าอพาร์ทเมนท์ในเมือง
โดยด้านล่างมีร้านขนมที่พระเอกเป็นพนักงานขายอยู่

นางเอกต้องหางานทำ และเมื่องานยุ่งมากขึ้น
เธอจึงต้องหาพี่เลี้ยงเพื่อมาดูแลเด็กๆ
และได้จ้างพระเอกให้มาเป็นพี่เลี้ยง
เลี้ยงลูกกันไปมาก็เลยได้มาเลี้ยงแม่ด้วย อิอิ
ซึ่งเด็กๆ ก็เห็นชอบด้วย เพราะเด็กๆ ชอบพระเอก

แต่ความแตกต่างทั้งวัยวุฒิและสังคมการทำงาน
ก็ทำให้ทั้งคู่ไปกันไม่รอด...
โดยเฉพาะเมื่อนางเอกพาพระเอกไปพบกับเพื่อนๆ ของเธอก็ยิ่งตอกย้ำความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
พระเอกคือชายหนุ่มอายุ 25 ที่ยังชอบอ่านหนังสือเด็กๆ เช่น แฮร์รี่พอตเตอร์ กินเหล้ากินเบียร์ก็ไม่เป็น และยังไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน (ความจริงพระเอกเคยสัมภาษณ์งานที่บริษัทดีๆ ได้แล้ว แต่เขาไม่เอาเพราะจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกนางเอก)

ความแตกต่างดังกล่าวทำให้นางเอกตัดสินใจบอกเลิกกับพระเอก เพราะอยากให้พระเอกไปใช้ชีวิตในวัยของเขา หลังถูกบอกเลิกพระเอกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อเรียนรู้สังคม เรียนรู้โลก พร้อมกับทำงานไปในตัว ส่วนนางเอกก็เติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งงาน
ทั้งสองมาพบกันอีกครั้งในห้าปีต่อมา

พระเอกกลายเป็นชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
มีความคิดแบบผู้ใหญ่ มีหน้าที่การงานที่ดี
ขณะที่นางเอกก็ยังไม่มีใคร
ความรักทั้งคู่จึงลงตัวเมื่อเวลาห้าปีผ่านไป

***********************

นั่นคือหนัง แต่ในความเป็นจริง
ผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชาย 15 ปี
มันคงยากเนาะที่จะอยู่กันรอด
นอกจากทั้งคู่จะรักกันอย่างแท้จริง
และพอใจในความรักของตนเอง

ความรัก...มันมีตัวแปรมากมาย
ที่พร้อมจะแปรผันให้ความรักของคนสองคน
แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ยากมากเลยที่จะรักษาความรักให้คงอยู่ได้
โดยเฉพาะในสังคมยุคใหม่
ที่สามารถหาอะหลั่ยทดแทนอะไรๆ กันได้ง่ายๆ
แม้แต่อะหลั่ยของความรัก

เคยอ่านข้อความจากในเฟสล่ะมั้ง
เขาถามคุณยายท่านหนึ่งว่า
ทำยังไงความรักของคุณตาคุณยาย
จึงยืนยาวมาถึงวันนี้
คุณยายตอบว่า....

คุณยายเกิดในยุคสมัยที่ทุกสิ่งทุกอย่างซ่อมแซมได้
เมื่อสิ่งใดเสีย สิ่งได้พัง ก็จะพยายามซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
ไม่เหมือนคนยุคสมัยนี้ เอะอะอะไรก็ซื้อหาสิ่งของใหม่
มาชดเชยหรือทดแทน มากกว่าจะคิดซ่อมแซมสิ่งนั้น

อืม...เป๊ะเลยค่ะ คุณยาย
คนสมัยนี้ ไม่ใช่แค่สิ่งของพังนะคะ
แค่เบื่อๆ หรือไม่ชอบ ก็จะโยนทิ้งและหาใหม่ทันที

เฮ้อ....
โดย: sunny-low วันที่: 12 พฤศจิกายน 2556 เวลา:10:49:35 น.
  



ความสัมพันธ์บางอย่าง
มันก็อธิบายไม่ถูกจริงๆ นะ
แต่คิดมากมายมันก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
ขอแค่วันนี้มีใครสักคน
ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ
เมื่อมีปัญหาใดๆ
ช่วยคลายให้เบา
คิดอะไรไม่ออกก็บอกทางให้
แค่เดินตามไปไร้ปัญหา
สุขเศร้าเหงาบ้างบางเวลา
แต่ทุกครา...รู้ว่ายังอยู่เคียง


แบบนี้เรียกว่ากลอนเปล่า..เปลือย
ใช่ปะ
มาจากความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจากบางคน
ทำไม...คุณต้องเป็นแบบนี้... นะ
โดย: sunny-low วันที่: 13 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:02:54 น.
  



โรส ศิรินทิพย์ - ลมเปลี่ยนทิศ
คำร้อง ขจรเดช พรมรักษา
ทำนอง อภิชาติ พรมรักษา
เรียบเรียง เรืองกิจ ยงปิยะกุล


ใบไม้หล่นเมื่อลมพัดผ่าน
เป็นสัญญานแห่งความผันเปลี่ยน
ทุกทุกสิ่งคือความหมุนเวียนไม่เที่ยงแท้

ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพียงเพื่อฉุดให้เธอไม่ไป
ในที่สุดก็คงต้องหยุดและยอมแพ้
ใจของคนหนอคน

ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง ให้ลมไม่เปลี่ยนทิศ
และชีวิตจะห้ามยังไง ให้เธอไม่ไป
ไม่มีทาง

เรามาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน
ขอบใจนะที่เคยมีกัน
มันถึงเวลายอมรับความจริง
เรามาไกลเท่านี้ก็เกินที่ฝันตั้งเท่าไร
เมื่อชีวิตคือความเป็นไป
สุดท้ายก็ต้องจากกัน เท่านั้นเอง

ชีวิตหนึ่งกำลังเริ่มใหม่
ชีวิตหนึ่งกำลังว่างเปล่า
ความรู้สึกช่างทรมานและโหดร้าย

ทำได้เพียงแต่ยอมรับมัน
แม้ต้องเจ็บจะยอมเข้าใจ
คงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
ใจของคนหนอคน

เมื่อสุดท้ายจะห้ามยังไง
สายลมย่อมเปลี่ยนทิศ
และชีวิตจะห้ามยังไง
ก็ต้องเปลี่ยนไป ไม่ต่างกัน

เรามาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน
ขอบใจนะที่เคยมีกัน
มันถึงเวลายอมรับความจริง
เรามาไกลเท่านี้ก็เกินที่ฝันตั้งเท่าไร
เมื่อชีวิตคือความเป็นไป
สุดท้ายก็ต้องจากกัน เท่านั้นเอง

ผ่านพบมาเพื่อจากกัน เท่านั้นเอง

*********

อารมณ์ของคนเรา
ความรู้สึกของคนเรา
ใจ...ของคนเรา
ชีวิต...ของคนเรา

บางทีมันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เหมือนเพลง...ลมเปลี่ยนทิศ ข้างบนเลยนะ



"....เรามาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน
ขอบใจนะที่เคยมีกัน
มันถึงเวลายอมรับความจริง
เรามาไกลเท่านี้ก็เกินที่ฝันตั้งเท่าไร
เมื่อชีวิตคือความเป็นไป
สุดท้ายก็ต้องจากกัน เท่านั้นเอง

ผ่านพบมาเพื่อจากกัน เท่านั้นเอง...."

โดย: sunny-low วันที่: 14 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:29:23 น.
  


//www.youtube.com/watch?v=leaNj5CXNFg

มิวสิควิดิโอเพลงรายการ "หอมแผ่นดิน" ค่ะ
ชอบมากเลยรายการนี้ แต่เพิ่งดูได้สองครั้งเองนะ

เบื่อละครก็เลยเปิดโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ
เจอเพลงนี้ก็หยุดไม่กดรีโมทอีก
เพราะชอบเพลงแบบนี้...
ชอบดนตรีประกอบเพลง ชอบเนื้อเพลงและเสียงร้อง
พอดูภาพประกอบก็ยิ่งชอบ
พอดูรายการเขาก็ยิ่งชอบมาก
คราวนี้ไม่เปลียนช่องเลย

แต่ดูได้สองครั้งเพราะเป็นเวลาที่ต้องจับเจ้าริวนอน
ถ้าริวนอนหลับเร็วก็จะออกจากห้องนอน
มาเปิดโทรทัศน์ดูได้ และหรือบางทีก็ลืม...

เมื่อวานเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเกษตรผสมผสาน
ดูแล้วอยากลาออกจากงานไปเป็นเกษตรกรเลย
เธอคนนี้ทำทุกอย่างในพื้นที่ของเธอ
จากเดิมแค่ทำไว้กิน...ต่อมาเมื่อเหลือกิน เหลือใช้
เธอจึงแบ่งปันด้วยการขาย

เธอปลูกพืชผักทุกอย่างที่ต้องกิน
เธอเลี้ยงปลา และเลี้ยงไก่ในสไตล์ไก่อารมณ์ดี เพราะมีเพลงฟัง
ทำให้มันออกไข่ได้มากมาย

พืชผักเธอปลอดสารพิษร้อยเปอร์เซนต์
ใบอวบอูมเขียวแบบธรรมชาติ
น่าซื้อหามากินมาก แค่กำละสิบบาทแต่ปริมาณเยอะมาก
ถ้าเป็นคนด่านช้าง จว.สุพรรณบุรี
คงไปอุดหนุนเธอคนนี้แล้ว
ที่สำคัญ เธอยังลองปลูกข้าวเพื่อไว้กินเองด้วยนะ
ดูแล้วรู้สึกเลยว่า เธอรวย
ไม่ใช่รวยทรัพย์สินเงินทอง
เธอรวยพืชพรรณธัญญาหาร
ที่เธอและครอบครัวร่วมกันสร้างมันขึ้นมา

และแบ่งปันเพื่อนๆ ในชุมชนที่มีแนวคิดเดี่ยวกัน
เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนของชุมุชน
โดยยึดหลักคำสอนของในหลวง
เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

บ้านเธอมีภาพในหลวงเต็มไปหมด
ความคิดการทำเกษตรแบบผสมผสานก็มาจากพระองค์ท่าน
เดิมเธอตัดไม้ขายตามเพื่อนบ้านแถวนัั้น
แต่เมื่อได้ฟังกระแสรับสั่งของพระราชินี่
ที่ว่าในหลวงเป็นป่า และพระองค์จะเป็นน้ำ
ทำให้เธอเลิกตัดไม้ทำลายป่า
เพราะรู้สึกเหมือนทำร้ายในหลวงและพระองค์ท่าน

และเพื่อแก้ไขความผิดนั้น
เธอก็พยายามปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ต่างๆ
เท่าที่เธอจะทำได้

ชอบที่เธอบอกว่า
ถ้าใครมีที่ดินแล้วขาย ก็เหมือนขายชีวิตตัวเอง

อืม...
ดูรายการนี้แล้ว
ทำให้คนไม่มีที่ดินแบบเราอยากมีบ้างเลย
แต่มีแล้วทำอะไรไม่เป็นเลย
มันจารอดเหรอ...

แล้วจะทำยังไงไหวล่ะ
ถ้าไม่มีใครช่วย
ริวจะช่วยแม่หรือเปล่านะ

เฮ้อ....ถ้ามีความสามารถก็อยากซื้อที่ดินไว้เหมือนเขาหรอกนะ
ทำไม่เป็น...แต่ด้วยนิสัยตัวเอง
น่าจะเอาตัวรอดได้
.....คนบางคน...ยิ่งบอกให้ซื้ออยู่
ซื้อแล้วมารับผิดชอบดูแลมั้ยล่ะ...

คนกรุงเทพฯน่ะ ชินกับความสะดวกสบาย
น้ำไฟต้องพร้อม
ให้อยู่แบบกันดารน่ะ ไม่รอดหรอกนะคะ

จะลองเก็บไปคิดอีกที
ยังพอมีเวลา...
ดูรายการหอมแผ่นดิน บ่อยๆ
คงได้เป็นเกษตรกร ซะล่ะมั้ง...
โดย: sunny-low วันที่: 18 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:33:11 น.
  

"หัวเราะทั้งน้ำตา"

เมื่อคืนนั่งดูละครทองเนื้อเก้า
ตอนที่วันเฉลิมบวชเณร
พร้อมกับสอนน้องริวไปด้วยว่า
เมื่อหนูโตขึ้น หนูต้องบวชแบบนี้นะลูก
บวชให้พ่อกับแม่ ให้ปู่ย่าตายาย
หนูจะได้บุญมาก
พ่อกับแม่ ก็จะได้บุญด้วย
ริวก็ออกจะ งง กับสิ่งที่แม่บอก
แต่เขาก็บอกว่า ริวอยากเป็นหมอก่อน
แล้วค่อยบวชได้เปล่า

ก็บอกเขาว่า
หนูบวชก่อนแล้วเป็นหมอก็ได้ครับ
เขาก็รับปากว่าจะบวชให้

อยากเห็นลูกบวชเณรมากเลย
บวชพระยังไม่เท่าไหร่
แต่อยากให้ลูกบวชเณรมากกว่า
รู้สึกว่าช่วงวัยนั้นของเขายังบริสุทธิ์สดใส
จิตใจสะอาด กิเลสยังไม่มาก
สังคมรอบตัวคงยังไม่เปลี่ยนแปลงเขาเท่าไหร่นัก

แม่จะรอวันนั้นนะ...ลูกรัก

ตอนที่ดูละครก็มีช่วงขำๆ
คุณลำยองน่ะสิ พอเณรออกมา
คุณเธอก็บอกเณรว่า หากเณรเห็นเลขเด็ดๆ อะไร
ให้รีบไปบอกเสด็จแม่ เลยนะ
ฮา กับบทตรงนี้มาก
นั่งดูไป ก็ขำไป

อืม.....ตัวละครเขาอาจไม่รู้จริงๆ
ว่าต้องใช้คำพูดอย่างไรกับเณร
จึงใช้ถ้อยคำแบบนั้น

นั่งขำไปน้ำตาก็ไหลออกมา
ก็เลยนึกย้อนตัวเอง
เออ...ตลกดีนะ
หัวเราะได้ทั้งน้ำตา...ซะงั้น
ก็ไม่รู้...ทำไมเหมือนกัน


จะว่าไปชีวิตที่ผ่านมา
ก็หัวเราะทั้งน้ำตาอยู่หลายหน
ร้องไห้จนเหมือนคนขี้แย
แต่ไม่ใช่คนอ่อนแอ...แน่นอน
น่าจะเป็นพวกอ่อนไหวง่ายมากกว่า

สามารถร้องไห้ได้อย่างง่ายๆ
ดูละครก็ร้องไห้ อึดอัดก็ร้องไห้
น้อยใจก็ร้องไห้ เห็นข่าวเด็กถูกฆ่ายังร้องไห้เลย

แต่พอมีเพื่อนมาแหย่ พูดอะไรให้ขำๆ
แม้ว่าจะร้องไห้อยู่...ก็ยังหัวเราะได้อีกน่ะ

น้ำตาของตัวเอง...มันคงไมีมีวันเหือดแห้งหรอก
เพราะหลากหลายเรื่องราวมันฝังลึก
จนยากจะลบเลือนมันออกไปได้แล้ว
ไม่ใช่ไม่อยากให้มันหยุดไหลนะ
แต่ไม่รู้จะทำยังไง...
ไม่ให้น้ำตามันไหล...มากกว่า









โดย: sunny-low วันที่: 19 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:13:51 น.
  
"มาลัยสามชาย"


เรื่อง ราวชีวิตของ ลอออร (พิยดา จุฑารัตนกุล) สตรีผู้มีความดีและความงาม บริสุทธิ์ดุจมาลัย แต่โชคชะตานำพาให้ต้องผ่านการมีคู่ครองถึงสามครั้ง กับชายที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันถึงสามชาย ชาย คนแรกคือ ยศ พลาธร (ภูธเนศ หงษ์มานพ) หนุ่มเจ้าสำราญที่เป็นรักแรกของลอออร เขาคือชายที่สอนให้เธอได้รู้จักกับด้านที่เลวร้ายของความรัก ชายคนที่สองคือ เทพ ราชศักดิ์ (สหรัถ สังคปรีชา) นายทหารผู้แข็งแกร่งและมั่นคง เขาเป็นเสมือนร่มโพธิร่มไทรให้เธอได้พักพิงได้ไม่นานเขาก็ถูกพรากจากไป และต่อมาเธอก็ได้พบกับ เจ้าดิเรกรุจ (สน ส่งไพศาล) ชายคนที่สาม นายแพทย์หนุ่มรูปงามที่เสมือนน้ำทิพย์ชุบชีวิตของลอออรให้ฟื้นกลับคืนขึ้นมา ใหม่อีกครั้งตลอดเวลาถึงแม้จะผ่านมาถึงสามชาย ลอออรก็เป็นที่รักเป็นที่ยกย่องเชิดชูของทุกผู้คนที่ได้รู้จัก เพราะความดีและกรอบประเพณีที่ดีงามที่เธอยึดมั่นเอาไว้ในใจ





ขออนุญาตเขียนเรื่องนี้หน่อยนะคะ
ตั้งแต่ละครเรื่องนี้มาฉายแล้ว
ได้ดูบ้างไม่ได้ดูบ้าง
เพราะหาเวลาดูอย่างจริงจังไม่ค่อยได้
แต่พอรับรู้เรื่องราวคร่าวๆ ว่า
นางเอกของเรื่องเธอผ่านการแต่งงานมาสามครั้ง


ไม่รู้สังคมไทยมองเรื่องนี้เป็นแบบไหน
แต่ผู้หญิงก็ถูกมองไม่ดีในภาพรวมเป็นแน่แท้
กับการมีสามีมากกว่าหนึ่งคน

และสังคมรับรู้หรือไม่ว่า
การที่เธอเจอสถานการณ์แบบนั้น
มันเป็นความผิดของเธอหรือ???

ความฝันของผู้หญิงทุกคน
ย่่อมอยากอยู่กับใครที่ตัวเองรักเพียงคนเดียว
และเมื่อเธอตัดสินใจแต่งงานกับใครแล้ว
นั่นแสดงว่า เธอพร้อมที่จะฝากชีวิตให้กับคนคนนั้น

ทว่า...คนที่เธอฝากชีวิตไว้ให้
เขากลับไม่ได้อยากอยู่กับเธอเพียงคนเดียว
แล้วจะให้เธอทำยังไง
ทนอยู่กับเขาเพื่อหน้าตาทางสังคม
และทำใจยอมรับกับการมีอีกคนของเขาหรือ

บางคนอาจทำใจได้
แต่ผู้หญิงยุคใหม่ที่พึ่งตัวเองได้
ย่อมไม่มีทางยอมที่จะให้เป็นแบบนั้นแน่นอน

แต่ความรักครั้งนั้น ก็ทำให้เกิดรอยแผลเป็นกับเธอไปแล้ว
เป็นรอยแผลเป็นที่ไม่ใช่เฉพาะกับจิตใจเธอ
ยังกระทบกับสังคมและผู้คนที่แวดล้อมเธอด้วย
เมื่อเธอต้องอยู่ในสถานะ หม้ายเพราะหย่าร้าง

ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อยากอยู่ในสถานะแบบนั้นแต่อย่างใด

ครั้นเมื่อเธอเจอใครอีกคน...และหวังพึ่งเขาเป็นหลักชีวิต
ทดแทนความล้มเหลวในรักครั้งแรก
แต่กลับกลายเป็นว่า...ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก
เธออาจต้องทนอยู่กับเขา
เพื่อความจำเป็นบางอย่าง
แต่เมื่อถึงเวลา...เธอคงไม่สามารถดำรงอยู่ในสถานะ
บ้านที่สองของใคร...ได้อีกต่อไป

และสมมติว่า....หากเธอมีใครอีกสักคน
ที่รับรู้ชีวิตที่ผ่านมาของเธอ
และพร้อมจะดูแลและเยียวยาหัวใจของเธอ

เมื่อเธอเปิดรับเขาเข้ามาในชีวิต
เธอจะถูกสังคมมองว่าอย่างไรนะ...

สังคมภายนอกไม่เท่าไหร่
สังคมภายในครอบครัวเธอและเขานี่สิ เฮ้อ!!!!

เรื่องราวทั้งหมด..
มันเป็นความผิดของผู้หญิง หรือ...

ถ้าอยู่ที่ใดแล้วมีความสุข
ที่นั่น...ก็คือบ้านของเรา

ถ้าอยู่กับใครแล้วมีความสุข
คนนั้นก็คือ...คนสำคัญของเรา

อาจต้องคิดแบบนี้
ถ้าจะดำรงอยู่ในสังคมแบบนี้
กับสถานะ..."มาลัยสามชาย"

เอ....หรือว่า
พอดีก่า...
ตายไปเทวดาถามว่า
รู้จักความรักมั่้ย...
รู้จักความสุขที่เกิดจากความรักมั้ย
รู้จักความทุกข์ที่เกิดจากความรักมั้ย
ตอบได้...ทุกข้อแล้วนะนั่น
โดย: sunny-low วันที่: 20 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:46:47 น.
  
เนื้อเพลง: มาลัยสามชาย
ศิลปิน: เอิร์น เดอะสตาร์
อัลบั้ม: เพลงประกอบละคร มาลัยสามชาย

ฉันยังยึดมั่น ชีวิตฉันเหมือนช่อมาลัย
ถนอมกายใจ ไม่ว่าใครตีตราว่าร้าย
ให้เราเป็นดัง มาลัยสามชาย
ร้อยเรียงวุ่นวาย ผูกไว้ด้วยเสน่หา

รักบริสุทธิ์ กลับถูกหยามให้ความต้อยต่ำ
รักมีแต่ช้ำ ไม่อาจหวังให้ใครเมตตา
หนทางยังไกล ใจภาวนา
ฉันต้องฟันฝ่า ไม่ว่าใครเขามาย่ำยี

ไม่ยอมมัวหมอง แม้ฟ้ามัวหม่น
ฉันยังมั่นคง ซื่อตรงทนงศักดิ์ศรี
ไม่ยอมแพ้พ่าย ดำรงไว้ให้พ้นราคี
ขอยึดมั่นความดี พาชีวีก้าวผ่านพ้นไป

แม้ใจจะเหนื่อย กับลมฝนที่ยังกระหน่ำ
แม้แสงตะวัน ยังไม่ทอลงมาเสียที
หวังเพียงสักวัน สิ้นกรรมที่มี
มาลัยช่อนี้ จะได้บริสุทธิ์งดงาม

ไม่ยอมมัวหมอง แม้ฟ้ามัวหม่น
ฉันยังมั่นคง ซื่อตรงทนงศักดิ์ศรี
ไม่ยอมแพ้พ่าย ดำรงไว้ให้พ้นราคี
ขอยึดมั่นความดี พาชีวีก้าวผ่านพ้นไป

แม้ใจจะเหนื่อย กับลมฝนที่ยังกระหน่ำ
แม้แสงตะวัน ยังไม่ทอลงมาเสียที
หวังเพียงสักวัน สิ้นกรรมที่มี
มาลัยช่อนี้ จะได้บริสุทธิ์งดงาม
หวังเพียงสักวัน สิ้นกรรมที่มี
มาลัยช่อนี้ จะได้บริสุทธิ์งดงาม

********************************************************
จุดเริ่มต้น...

"รักบริสุทธิ์ กลับถูกหยามให้ความต้อยต่ำ
รักมีแต่ช้ำ ไม่อาจหวังให้ใครเมตตา"


*************************************************************

จุดจบ....ล่ะมั้ง

"แม้ใจจะเหนื่อย กับลมฝนที่ยังกระหน่ำ
แม้แสงตะวัน ยังไม่ทอลงมาเสียที
หวังเพียงสักวัน สิ้นกรรมที่มี
มาลัยช่อนี้ จะได้บริสุทธิ์งดงาม"


โดย: sunny-low วันที่: 20 พฤศจิกายน 2556 เวลา:16:02:35 น.
  
"ความทรงจำ"

เมื่อวานมีเรื่องที่ทำให้ความทรงจำบางอย่างย้อนกลับมา
ทั้งๆ ที่มันหายไปนานมากแล้วนะ
แต่อย่างที่เขาว่ากันว่า
ความรักครั้งแรกมักยากที่จะลืมเลือน

บังเอิญเมื่อวานรายการเพลงที่ฟังประจำเขาเปิดเพลงเกี่ยวกับฝน
และมีเพลงหนึ่งไม่รู้ชื่อเพลงเป็นเสียงผู้หญิงร้อง
เนื้อเพลงจะประมาณว่า
เธอกับแฟนเธอเคยกางร่มด้วยกัน
ในท่ามกลางสายฝน....
แต่ตอนนี้มันไม่มีภาพแบบนั้นอีกแล้ว
จะประมาณนี้แหล่ะนะ เพราะตอนที่ฟังน่ะ
สมองมันไปเห็นภาพอื่นมาแทน

เป็นภาพของนักศึกษาชายหญิงสองคน
ยืนหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมผู้คนอีกมากมาย
โดยฝ่ายชายพยายามปกป้องเธอจากคนรอบข้าง
ขณะที่สายฝนก็โปรยปรายมาตลอด...
เป็นภาพความทรงจำที่อบอุ่นภาพหนึ่งที่ยังคงอยู่

พอมาตอนกลางคืน
ดูละครอันโกะ กลรักสตอเบอร์รี่
ก็เจอตอนที่พ่ออุ๊ยของพระเอก
กับคุณย่าของนางเอก
เคยเป็นคนรักเก่ากันมาก่อน
และมีการแลกเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้ากันและกัน

ก็ย้อนนึกไปถึงตอนที่ตัวเอง
พยายามนั่งปักผ้าเช็ดหน้าให้ใครบางคน
และมอบให้เขาไป
ไม่รู้ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าสองผืนนั้น
คงถูกขว้างทิ้งเหมือนเจ้าของมันโดนทิ้งล่ะมั้ง

มันก็เป็นแค่อดีต...
มันก็เป็นแค่ความทรงจำ...
มันก็เป็นแค่เรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว

แต่....
ทำไม....
มันไม่ลบหายไปเสียสักที

ต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ต้องทำยังไง...ถึงจะลบเลือนมันได้นะ

มันอาจไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร
นอกจาก "ใจ" ที่ยังรู้สึกเจ็บ
เมื่อความทรงจำกลับมา...ก็เท่านั้นเอง

หวังว่า...สักวัน
มันจะดีขึ้น...
หรือถ้าลบไม่ได้
ก็ไม่ลบมันแล้วกัน
แค่ให้รู้สึกกับมันว่า
เออ...มันก็เป็นเรื่องราวดีๆ
ในเสี้ยวชีวิตที่ผ่่านมา...เท่านั้นเอง

รอเก็บเกี่ยวความทรงจำใหม่ๆ
กับเรื่องราวใหม่ๆ ที่จะตามมา
ดีกว่าล่ะมั้ง




โดย: sunny-low วันที่: 22 พฤศจิกายน 2556 เวลา:16:06:01 น.
  

"ดอกไม้แห่งความสุข"

ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง
หญิงสาวคนหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลาง
ป่าไพรสีเขียว...
เธอไม่เคยเห็นดอกไม้สีสันใดๆ ภายในป่าแห่งนี้
มาเนิ่นนาน....


และแล้ววันหนึ่ง...
เธอก็พบดอกไม้สีสันสวยสดงดงามดอกหนึ่ง
มันนำความสุขสดใสมาให้จิตใจของเธออย่างมาก
เธอเรียกมันว่า "ดอกไม้แห่งความสุข"

เธอเฝ้ามองมันทุกวัน
ด้วยความรู้สึกชื่นชม
และปรารถนาอยากได้มันมาไว้กับตัว
......
แต่มันอยู่สูงและไกลเกินเธอจะเอื้อมถึง
เธอพยายามทุกวิถีทางที่จะเอื้อมให้ถึงดอกไม้ดอกนั้น
แต่ยิ่งเธอพยายาม...ก็ให้เหมือนความรู้สึกว่า
ดอกไม้ยิ่งอยู่ไกลเธอ...ออกไปทุกที

เธอยังคงเฝ้ามองดอกไม้แห่งความสุขนั้น
ด้วยความหวัง...
หวังว่าเธอจะเอื้อมหยิบมันถึงสักวัน

แต่ความหวังเธอค่อยๆ หายไป
เมื่อเกิดความรู้สึกว่า
เธอยิ่งหวัง...ดอกไม้ยิ่งออกห่าง...ไปทุกที
......

มันเป็นแค่ความบังเอิญ...
ทำให้เธอเดินมาเจอดอกไม้ดอกนี้
มันอาจทำให้ชีวิตเธอสดชื่นสดใสก็จริง
แต่ยังไง
เธอก็ไม่มีทางได้มันมาไว้ครอบครองอยู่ดี
เฝ้ามองต่อไป...ก็ยิ่งทำให้เศร้าหมอง
........
เธอจึงต้องยอมละทิ้งความคิด
ที่จะเด็ดดอกไม้แห่งความสุขนั้น
ด้วยความเสียดาย...
และคงทำเพียงแค่...เฝ้ามองห่างๆ แทน...






โดย: sunny-low วันที่: 25 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:19:21 น.
  

"ชีวิตนี้ต้องการอะไร..กันแน่นะ"

ช่วงนี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยในใจยังไงไม่รู้
อาจเพราะอยู่กับข่าวสารบ้านเมือง
และแวดล้อมด้วยสถานการณ์รอบด้าน
ที่สับสนอลหม่านวุ่นวาย...ทุกวัน
จึงทำให้ความเหน็ดเหนื่อยเข้าครอบคลุมใจ...
อย่างมากมาย
เบื่อๆ ไปหมด...
เมื่อใดจะยุติกันเสียทีนะ

เมื่อวานดูลำยองตอนอวสาน
ชอบตอนจบของเรื่องมากเลย
นอนดูไปน้ำตาคลดเลยนะนั่น

เขาเข้าใจเปรียบเทียบชีวิตคนเรา
ผ่านตัวละครพระวันเฉลิม
จริงๆ ในชีวิตคนเรานั้น
อาจต้องการเพียงแค่ปัจจัยสี่
คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค

หากเราวิเคราะห์ใคร่ครวญให้ดี
เราอาจมีครบทั้งปัจจัยสี่นัันแล้ว
แต่ไม่เคยเพียงพอ...มากกว่า

พระวันเฉลิมซึ่งหากใครดูละครเรื่องนี้จะรู้ว่า
ชีวิตที่ผ่านมาของเขา ไม่ได้สมบูรณ์เลยสักนิด
แต่เมื่อเขาเปรียบเทียบกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง
ชีวิตคนเหล่านั้นขาดแคลนยิ่งเสียกว่าเขาอีก

ในเรื่อง อาหาร บางคนอาจได้กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง
ขณะที่พระวันเฉลิมกลับเห็นว่า เขายังมีข้าวกินทุกมื้อ

ที่อยู่อาศัย บางคนอาจไม่มีที่พักพิงอาศัย
แต่พระวันเฉลิมยังมีบ้านอยู่

เครื่องนุ่งห่ม บางคนมีแต่ผ้าผืนเดียวห่มกาย
ขณะที่พระวันเฉลิมยังมีเสื้อผ้าใส่ได้ทุกวัน แม้จะเก่าบ้างก็ตาม

ยารักษาโรค สำหรับบางคนเรื่องนี้ไม่ต้องคิดถึงเลย
ไม่มีแน่นอน...

นั่นคือ เรื่องราวในละคร...

ถ้าคิดตกปลงเป็น
เราก็มีปัจจัยสี่ครบถ้วนแล้วล่ะนะ
ไม่น่าจะต้องมีเรื่องอะไรให้กังวล

แต่เพราะความต้องการของคนเรา...
ไม่มีที่สิ้นสุดล่ะมั้ง
จึงทำให้ให้ชีวิตไม่คิดจะหยุดนิ่ง

เพราะเราอาจมีความต้องการนั่น
ต้องการนี่ ต้องการโน่น
เพื่ออะไร...ก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน

แล้วเมื่อใด....ชีวิตมันจึงจะรู้สึกพอล่ะ
นั่นสิ...เมื่อใด

แล้วตัวเองล่ะ...
ชีวิตนี้ต้องการอะไร

...เฮ้อ...สิ่งที่ต้องการน่ะ...หาไม่ยาก...
และเคยได้มาแล้ว
แต่รักษาไว้้ไม่ได้สักที...

ก็เลย...ไม่รู้ว่า...
ชีวิตนี้...จะต้องการอะไรดี...ล่ะนี่



ฟังสาวใต้มานาน พาไปฟังสาวเหนือบ้างเน้อ...





โดย: sunny-low วันที่: 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:11:57 น.
  

"โจทก์คณิต...คิดไม่ออก?? โจทก์ชีวิต..คิดไม่ตก"





ถ้าชีวิตเราเป็นเหมือนคณิตศาสตร์
และมีแค่เครื่องหมาย บวก ลบ คูณ หาร
ง่ายๆ แบบนี้...ก็คงจะดีสินะ
ฉันคงหาคำตอบของมันได้ไม่ยากเย็นอะไร
เพราะแค่คณิตศาสตร์เด็กๆ แบบนั้ สบายๆ

แต่หากเจอเครื่องหมายที่ยากกว่านี้
ประมาณว่า ยกกำลัง สแควร์รูท และอะไรต่อมิอะไร
คงจาไม่ไหวเหมือนกัน
ไม่งั้นคงไม่เลือกเรียบศิลป์-ภาษา
แทนคณิต-วิทย์ แล้ว
และอาจได้เป็นพยาบาลเหมือนที่ใครบางคนเขาบอก...

แต่เพราะไม่ชอบตัวเลข..
และไม่ชอบคิดอะไรที่ยากๆ และซับซ้อน
จึงไม่สามารถทำคณิตศาสตร์ที่ยากกว่า
บวก ลบ คุณ และหาร

หากเจอโจทก์คณิตที่ยากๆ
รับรองได้ว่า
ฉันหาคำตอบไม่ได้แน่ๆ
และคงต้องหาเพื่อนมาช่วยสอนช่วยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

แต่โจทก์ชีวิตตอนนี้น่ะสิ
ยากพอๆ กับโจทก์คณิต..เลย
ไม่รู้จะหาตัวช่วยที่ไหนมาช่วยเสียด้วย
โจทก์คณิต...คิดไม่ออก
แต่ถ้ามีคนช่วย
คำตอบก็คงจะมี

โจทก์ชีวิตบางโจทก์
ต่อให้มีตัวช่วย
คำตอบที่ออกมา
จะเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือเปล่า
ก็ยังไม่รู้เลย....

ยากจัง...


โดย: sunny-low วันที่: 27 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:46:00 น.
  

เหมือนว่าตัวเองคงทำอะไรที่ผิดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตไปเสียแล้ว
และไม่รู้จะไปแก้ไขยังไงเสียด้วย
ทำยังไงดีนะ...

เป็นคนเริ่ม...แล้วจะไปขอโทษ
เขาจะงง!!!! มั้ยล่ะนั่น

ยัยนี่บ้าๆ เพี้ยนๆ ????

ต้องขอโทษกันอีกกี่หน
ต้องอภัยกันอีกกี่ครั้ง

คงหมดโอกาสเสียแล้วล่ะ...ครั้งนี้
โดย: sunny-low วันที่: 27 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:37:16 น.
  

ตอนนี้รู้แล้ว...
ว่าต้องทำยังไง...
กับโจทก์ชีวิต...ที่คิดไม่ตก

คงต้องให้มันเป็นไปตามยถากรรมหรือ
ชะตากรรม...แล้วกัน...เนาะ

แต่ที่แน่ๆ
คงไม่ไปหาเรื่องใครเขาอีกแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะว่า...
คิดถึงตัวเอง...มากเกินไป

ลืมคิดถึงใจเขา...ความรู้สึกเขา
และสิ่งที่เขาพยายามทำให้...
ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ก็เป็นคนแบบนี้...นี่นา
ก็ขอบคุณแล้วกันนะคะ
จะไม่ทำอีกแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว




โดย: sunny-low วันที่: 28 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:08:10 น.
  

วันนี้ป่วยเสียแล้ว...
หวัดมาเยือน...
ดีนะพรุ่งนี้หยุดพอดี
ไม่งั้นคงแย่แน่เลย...

ฟังเพลงเพลินๆ ไปก่อนแล้วกันนะคะ





"...ที่ฉันยังหายใจได้อยู่ ที่ฉันยังคงเดินก้าวไป
ก็เพราะเธอมาเป็นความหวังเป็นความหมาย
เป็นคนเดียวให้ฉันพักพิงตรงนี้..."
โดย: sunny-low วันที่: 29 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:27:23 น.
  

"ร่วมเฮไปกับเขาเหมือนกัน"

จริงๆ ไม่ได้กะเข้าร่วมอะไรกับเขาเลย
ประมาณว่า ตกกระไดพลอยโจนแบบตั้งใจมากกว่า
เพราะเขาจะมาที่ทำงาน
เราก็อยากเข้าที่ทำงาน
ก็เลยต้องเดินไปพร้อมๆ กับเขา

 photo 2013-12-02144809.jpg

หนึ่งวันกับการร่วมในเหตุการณ์
ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยล่ะมั้ง
ปกติไม่เคยคิดร่วมกิจกรรมแบบนี้เลยสักครั้ง
แต่ครั้งนี้...ลองเชิงไปดูมาสองครั้งแระ
ก็ได้อารมณ์ความรักชาติดีเหมือนกัน


 photo 2013-12-02140733.jpg

คราวนี้มีโอกาสสัมผัสความแสบแบบสุดๆ ของเจ้าแก๊สน้ำตา
ขนาดโดนแผ่วๆ ที่ลอยมาตามสายลม
ยังลืมตาไม่ค่อยจะได้ แสบไปทั้งตัว ทั้งคอ
สุดยอดเลย....แก๊สบ้านี่...

 photo 2013-12-02131737.jpg

แต่พอเดินไปเรื่อยๆ
ไปเจอเตนท์ของผู้ชุมนุม
บ้างก็ทำเหมือนมาปิคนิดเลย
จัดทำเตนท์น่าอยู่มาก
เหมือนว่าจะปักหลักอยู่ถาวร

เอ...นี่เขามาทำอะไรกันแน่นะ
สงสัยในใจนิดๆ
เพราะในเตนท์มีคนนอนพักผ่อนอยู่มากมาย
มีเตนท์สำหรับทำอาหารรายรอบ
ถึงเวลาเขาก็เดินไปรับอาหารแจกกัน
ผลไม้ และ น้ำ

 photo 2013-12-02123027.jpg

ขณะที่นักรบเพื่อประชาธิปไตยอีกกลุ่มหนึ่ง
กำลังถูกระดมยิงจากเจ้าหน้าที่รัฐ
ทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง น้ำฉีดผสมสารเคมี
เสียงปืนดังระงมไปทั่วบริเวณวัดโสมนัส
จนทำให้เกิดความรู้สึกหวาดหวั่น
และหวาดกลัว...
กลัวคนไทยต้องมาฆ่ากันเอง
กลัวตำรวจต้องมาทำร้ายประชาชน..

**************************************
พอกลับมาถึงบ้าน...
เกิดความรู้สึกสับสนทันที
นี่หรือคือการเรียกร้อง....
นี่หรือคือการใช้สิทธิ...
นี่หรือคือความชอบธรรม...

กลุ่มหนึ่งสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
กลุ่มหนึ่งพร้อมถอยถ้าภัยมาใกล้ตัว (แล้วมาทำไรกันคะ)
กลุ่มหนึ่งนอนเล่นเหมือนรอเวลา..(.เพื่ออะไร.).

ขณะที่ความคิดกำลังสับสน
คนบางคนก็ให้ความกระจ่าง
ด้วยมุมมอง...ที่แปลกออกไป
ก็จริงของเขานะ

"ไม่ต้องคิด....อายุโลกมีทั้งหมดประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ปี
ถ้าเราอายุร้อยปี เราต้องเกิดร้อยล้านคนั้ง ถึงจะเท่าอายุโลก
เหตุการณ์วันนี้เล็กน้อย และไม่มีความหมายอะไรเลย
ถ้าวันหนึ่งคนหมดโลก"

อืม...ช่างคิด...เนอะ
นั่นสิ..ชีวิตคนเรามันก็เท่านี้
จะไปอะไรกับมันนักหนา

แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาแบบนี้
ทำไม...ถึงมาได้จังหวะทุกที...สิน่า
ทำไม...ทำไม...





โดย: sunny-low วันที่: 4 ธันวาคม 2556 เวลา:11:56:04 น.
  


"เหมือนตัวเอง...เป็นตู้เอทีเอ็ม....เลย"

เมื่อวานนอนพักผ่อนอยู่บ้าน
เพราะไม่หายไอสักที
เลยไม่ได้ไปไหนเลย ไม่ได้ไปไหว้พ่อด้วย
แย่เลย...
เพิ่งโทร.หาท่านได้ตะกี้นี่เอง
ท่านก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม
เป็นคุณพ่อที่น่ารักของลูกๆ เสมอ

ช่วงที่นอนอยู่บ้านก็มีโทรศัพท์โทร.เข้ามา
พอรับสายจึงรู้ว่าเป็นพี่เลี้ยงริวโทร.มา
ขอมยืมเงิน 500 บาท
เพิ่งให้ตังค์พ่อเจ้าริวพาริวไปเที่ยว 500 บาทตะกี้
คราวนี้พี่เลีี้ยงมาขอยิืมอีก ก็เลยบอกว่า
ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ปะ เพราะไม่อยากลงไปกดตังค์ให้
แต่น้ำเสียงทางนั้นอิดออดประมาณว่า
หากไม่ได้ 500 บาทวันนี้คงอดตายทั้งบ้าน
ก็เลยจะพาสังขารที่ไม่ค่อยไหวไปกดตังค์ให้
แต่บิงเอิญมีเงินติดกระเป๋าประมาณ 600 บาท
ก็เลยบอกให้เขามารับไปได้เลย

เช้ามานึกขึ้นได้ วันนี้วันศุกร์เจ้าริวกลับเร็ว
กลัวว่าลูกจะไม่มีอะไรกินตอนเย็น
ก็เลยต้องทิ้งตังค์ไว้ให้พี่เลี้ี้ยงอีก 100 บาท
ทั้งๆ ที่เพิ่งจ่ายเงินเดือนไปเมื่อไม่กีวัน
แล้วเงินเดือนเขาก็เพิ่งออกเมื่อไม่กี่วัน
แต่ภาระเขาเยอะ ...มันคงไม่พอจริงๆ แหล่ะ
นี่ขนาดน้ำมันรถก็เติมให้เต็มถังทุกครั้งนะเนี่ย

สุดท้ายเช้านี้มีเงินค่ารถตู้มาทำงานพอดี 45 บาท
ในกระเป๋าตังส์มีแต่เศษสตางค์
แล้วค่อยมากดเอทีเอ็มเอาที่ทำงาน

เฮ้อ...เหนื่อยจัง
ใจน่ะ...เหนื่อย

รู้สึกตลอดชีวิตของตนเองที่ผ่านมา
ต้องรับภาระในการแก้ปัญหาให้คนอื่นๆ เขาเสมอๆ เลย
ชีวิตตัวเองก็พยายามแก้แล้วแก้อีก..ตามลำพังมาตลอด
ต้องมาแก้ปัญหาของคนอื่นอีก
จะไม่ช่วยเหลือก็คงไม่ได้
เพราะเราก็ต้องพึ่งเขา....ให้ดูแลลูกเรา...

จะต้องช่วยกันไปอีกนานแค่ไหนนะ..
จนกว่าชีวิตเราจะจบลงล่ะมั้ง...

มันก็ไม่ลำบากอะไรหรอกนะ..ถ้าพอช่วยได้
เพียงแต่รู้สึกว่า...ทำไมมีแต่เราที่ต้องช่วยคนอื่น
ัรับภาระชีวิตของคนอื่น

แล้วชีวิตตัวเอง...ทำไม "ไม่มีใคร"
คิดมาช่วยแบ่งเบาภาระบ้างนะ
คงต้องเดินโดดเดี่ยวเดียวดาย
บนเส้นทางนี้ตามลำพัง

เขากำหนดชีวิตตัวเองมาแบบนี้
ก็เดินไปตามเส้นทางที่เขากำหนดดีกว่า
ไปวาดฝันอะไรลมๆ แล้งๆ...มันก็แค่ฝัน
ตื่นจากฝัน..ความจริงก็ยังเป็นความจริง



โดย: sunny-low วันที่: 6 ธันวาคม 2556 เวลา:10:18:28 น.
  




เอิร์น เดอะสตาร์ - เคียวเกี่ยวใจ (เพลงประกอบภาพยนตร์ เหลือแหล่)
คำร้อง/ทำนอง โน้ต เชิญยิ้ม
เรียบเรียง จิระวัฒน์ ปานพุ่ม


หนาว...แล้วนะพี่จ๋า
สัญญิงสัญญา ยังจำได้ไหม
หนาว...จวนจะขาดใจ
กอดหมอนร้องไห้ หัวใจเฝ้าแต่รอ

น้องคอยพี่อยู่นา
เหมันต์ปีหน้า จะมาสู่ขอ
น้องนั้นยังเฝ้ารอ
ข้าวรวงชูช่อ เหมือนรอลมลวง

ฝากใจไว้กับเดือน
ให้ดาวคอยเตือน ให้เดือนคอยห่วง
น้องนั้นไร้คู่ควง ลมหนาวพัดร่วง
เหมือนรวงที่รอเคียว

ท้องฟ้ายังเกลื่อนดาว
ท้องนาต้นข้าว ยังชูช่อเขียว
น้องคอยพี่คนเดียว เห็นเดือนดวงเสี้ยว
เหมือนเคียวคอยเกี่ยวใจ

ฝากใจไว้กับเดือน
ให้ดาวคอยเตือน ให้เดือนคอยห่วง
น้องนั้นไร้คู่ควง ลมหนาวพัดร่วง
เหมือนรวงที่รอเคียว

ท้องฟ้ายังเกลื่อนดาว
ท้องนาต้นข้าว ยังชูช่อเขียว
น้องคอยพี่คนเดียว เห็นเดือนดวงเสี้ยว
เหมือนเคียวคอยเกี่ยวใจ

**********************

แพ้เพลงแบบนี้เสมอเลย...
คุณโน๊ต แต่งเก่งจัง
เนื้อร้องไพเราะมาก
นึกถึงภาพท้องทุ่งเลย
ชอบบบบ
โดย: sunny-low วันที่: 6 ธันวาคม 2556 เวลา:14:17:12 น.
  



เมื่อวานดูมิวสิควิดีโอเพลงนี้
เขาทำน่ารักดีค่ะ...
เปิดเรื่องเป็นชายหนุ่มนั่งรถกระบะไปทำงานในเมืองกรุง
รับจ้างทำงานก่อสร้าง
ชีวิตลำบากตามรูปแบบของเพลงพี่ไมค์
แต่มีแฟนสาวหน้าตาน่ารักจะคอยโทร.มาให้กำลังใจเสมอๆ
เวลาเขาเหนื่อยๆ ถ้าแฟนสาวโทร.มาเขาจะมีความสุขมาก
มิวสิคเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ย้อนภาพเขากับแฟนสาวห้วงเวลาที่ผ่านมา

ตอนนั่งดูก็ไม่มีอะไร....มิวสิคเรียบง่ายเรื่อยๆ ดี
มาช่วงใกล้จบเพลง ชายหนุ่มไปช่วยเพื่อนที่ของจะหล่นใส่
ทำให้ตัวเองล้มหมดสติลงไป
เพื่อนๆ วิ่งมารุมดูแลเพื่อให้ฟื้น
ขณะนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เพื่อนๆ ก็ไม่กล้ารับ..

ตัดภาพมาอีกทีเป็นภาพในความคิดของชายหนุ่ม
กำลังนอนหนุนตักแฟนสาว
แต่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาก็ งง ก็เขาอยู่กับแฟนสาวแล้ว
โทรศัพท์จะมาอีกได้ไง
แฟนสาวทำท่าให้เขากดรับโทรศัพท์

ตัดภาพมาอีกที่....ชายหนุ่มฟื้นขึ้นมา
แล้วรีบรับโทรศัพท์แฟนสาวทันที
เพื่อนๆ ก็ งง ตะกี้ยังสลบหมดสติอยู่เลย
อยู่ดีๆ ฟื้นมารับโทรศัพท์ได้ยังไง
จากนั้น โทรศัพท์ของพวกเขาดังขึ้นพร้อมๆ กันเลย
แต่ละคนรีบรับสายกันใหญ่

นั่งดูไปขำไป หักมุมได้ดีจริงๆ
จากฉากหวานๆ ซึ้งๆ และเกือบเศร้าๆ ตอนท้าย
มาฮาซะได้...
ชอบ ชอบ ชอบแนวคิดแบบนี้ค่ะ
การหักมุมของเรื่อง...ตลกดี

ตอนนี้ก็มีความรักกับเขาเหมือนกัน
รักคนที่เข้ามาอ่านบล็อกนี่แหล่ะ
ไม่รู้ว่าเข้ามาฟังเพลงหรือมาอ่านกันแน่
ตัวเลขวิ่งเร็ว...จัง

การมีใครสักคนทำให้เรารู้สึกว่า
เรามีความสำคัญกับเขา
เป็นเรื่องดีเนอะ...
รักคนที่....จังเลย
โดย: sunny-low วันที่: 9 ธันวาคม 2556 เวลา:10:24:11 น.
  
เมื่อวันก่อนไปพังเพลง ไม่มีใคร ของคุณนันทิดา
แล้วเจออีกเพลง...
เพลงนี้ค่ะ อีกครั้งหนึ่ง
ก็เลยลองเปิดฟัง....
เอ...ตรงใจเลย

อีกครั้งหนึ่ง นันทิดา แก้วบัวสาย

ขออีกสักเพลงแล้วกันนะคะ



ผ่านไปนาน เหมือนจะลืม ลืมว่ารัก นั้นเป็นอย่างไร
เกือบจะลืม ความซึ้งที่ใจ เมื่อมีใครสักคนใกล้ใกล้กัน

ขอรักอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมาถึงวันนี้ที่ได้เจอ
มันคงเป็นเพราะเธอ ที่ทำให้ใจไหวหวั่น
ขอรักอีกครั้งหนึ่ง อาจไม่ซึ้งเหมือนรักที่เคยผ่าน
ขอเพียงไปได้นาน กับเธอคนนี้จนตาย

อยากขอบคุณสรวงสวรรค์ ที่ให้ฉันพบคนที่ดี
แต่งและเติมความฝันอีกที ฝันที่มียิ่งดี ยิ่งสวยงาม

ผ่านไปนาน เหมือนจะลืม ลืมว่ารัก นั้นเป็นอย่างไร
เกือบจะลืมความซึ้งที่ใจ เมื่อมีใครสักคนใกล้ใกล้กัน

ขอรักอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมาถึงวันนี้ที่ได้เจอ
มันคงเป็นเพราะเธอ ที่ทำให้ใจไหวหวั่น
ขอรักอีกครั้งหนึ่ง อาจไม่ซึ้งเหมือนรักที่เคยผ่าน
ขอเพียงไปได้นาน กับเธอคนนี้จนตาย

สิ่งใดใดที่จะมี จากวันนี้และวันต่อไป
จะประคองความรักด้วยดวงใจ
ให้เราไปต่อไปได้แสนนาน

ขอรักอีกครั้งหนึ่ง อาจไม่ซึ้งเหมือนรักที่เคยผ่าน
ขอเพียงไปได้นาน กับเธอคนนี้จนตาย

สิ่งใดใดที่จะมี จากวันนี้และวันต่อไป
จะประคองความรักด้วยดวงใจ
ให้เราไปต่อไปได้แสนนาน



***********************

แอบหวังว่าคนที่อยากให้ฟัง...จะเข้ามาฟังนะ
แต่ถ้าไม่เข้ามาฟัง...สักวันจะไปร้องให้ฟังซะเลย

โดย: sunny-low วันที่: 9 ธันวาคม 2556 เวลา:14:19:39 น.
  

"จดหมายจากพระจันทร์"



เมื่อวันศุกร์ที่แล้วนั่งวินเข้าบ้าน
ระหว่างทางก็เห็นพระจันทร์ส่งยิ้มมาให้
ก็เลยเกิดความสงสัยว่า
จันทร์เจ้าเอ๋ย...เสี้ยวจันทร์ของเจ้าแต่ละวันนั้น
มันเหมือนกันมั้ย...
วันนี้เจ้าส่่งยิ้มมาให้ พรุ่งนี้เจ้าจะเป็นอย่างไร
เจ้าจะตะแคงข้างซ้าย-ขวา ด้วยหรือเปล่า
สงสัยจริงๆ เพราะชอบมองเขาอยู่แล้ว
แต่ไม่เคยสังเกตเท่าไหร่เท่านั้นเอง

เวลาเกิดข้อสงสัยอะไรแบบนี้
มักจะชอบถามใครคนหนึ่ง
เพราะเขามักตอบได้ทุกเรื่อง
คนอะไร...ไม่รู้...รู้ไปหมด

มันอาจเป็นอะไรพื้นฐานที่เราน่าจะพอมีความรู้แหล่ะ
แต่ล่วงเลยมาจนป่านนี้ ความรู้เหล่านี้ไม่มีเหลือเลย...

พอถามเขา...ชอบคำอธิบายของเขามากมาย
เขาไม่ได้ตอบเราในสิ่งที่เราถามเลย
แต่เขาจะค่อยๆ ไล่เรียงเรื่องราว
ให้เราค่อยๆ คิดตามและนึกภาพตาม
และเราจะได้คำตอบที่เราสงสัยด้วยตนเอง


".... พระจันทร์หันเสี้ยวไปทางทิศตะวันออกแปลว่าข้างขึ้น มันจะค่อยๆ เต็มขึ้นทีละน้อยจนเต็มดวงในคืนสิบห้าค่ำ พระจันทร์หันเสี้ยวไปทางทิศตะวันตกแปลว่าข้างแรม มันจะค่อยๆ แหว่งลงทีละน้อยจนหมดดวงในคืนขึ้นสิบสี่หรือสิบห้าค่ำแล้วแต่เดือน เห็นพระจันทร์ตั้งแต่ตอนบ่ายหรือแต่หัวค่ำ คือข้างขึ้น ทั้งหมดที่บอก สรุปเป็นสูตรง่ายๆ ว่า ถ้าไม่รู้ทิศ กลางวันไม่มีปัญหา ดูดวงอาทิตย์ แต่กลางคืนถ้าพระจันทร์ขึ้นเร็วแปลว่าข้างขึ้น และเมื่อเป็นข้างขึ้น ด้านเสี้ยวของดวงจันทร์ย่อมหันไปทิศตะวันออก กลับกัน ถ้าดวงจันทร์ขึ้นดึก แปลว่าข้างแรม เสี้ยวจันทร์ย่อมหันไปทิศตะวันตก..."

นี่แหล่ะค่ะ คำอธิบายของเขา
แจ่มแจ้งกระจ่างฟ้าแบบไม่มีข้อสงสัยเลย
มีสาระความรู้และสอนให้จดจำง่ายๆ
แต่ตอนนั้นก็ยัง งง กับคำว่า "เสี้ยวจันทร์"
ตรงไหนคือเสี้ยวจันทร์ พออีกคืน
ไปยืนมองพระจันทร์อีกรอบและทบทวน
ถ้อยคำที่เขาบอก "เมื่อเป็นข้างขึ้น ด้านเสี้ยวของดวงจันทร์ย่อมหันไปทิศตะวันออก"

ตอนนั้นพระจันทร์เขายิ้ม เหมือนรอยยิ้มคนเราน่ะค่ะ
ส่วนที่พระจันทร์แหว่งหายไป หรือพระจันทร์หงาย
เขาหันไปทิศตะวันออก ส่วยก้นพระจันทร์เขาหันไปทิศตะวันตก ก็เลยถึงบางอ้อ กับคำว่าเสี้ยวจันทร์

นอกจากเรื่องเสี้ยวจันทร์แล้วก็เลยถามเรืองทิศด้วย
เพราะจะไม่ได้ว่า หากเราหันหน้าที่ทิศตะวันออก
ด้านหลังคือทิศตะวันตก แล้วขวามือหรือซ้ายมือ
ทางไหนทิศเหนือหรือทิศใต้กันเนี่ย
ที่ต้องถามเพราะจะเอาไปสอนเจ้าริว
ก็ได้คำตอบแบบเพลินๆ จนไม่รู้ตัวว่า
เขาตอบมาแล้ว เพราะทำไปทำมา
คนที่ตอบคำถามนั้น คือ เราเอง

"...นี่เป็นทิศตามพระพุทธเจ้า เพราะเมื่อบรรทม พระพุทธเจ้าจะบรรทมในท่า “สีหไสยาสน์“ คือนอนแบบสิงห์ ตะแคงขวา พระกรขวาเท้าพระเศียรเอาไว้ หันเบื้องพระเศียรไปทางใต้ ฝ่าพระบาทไปทางเหนือ หันพระพักต์ไปทางตะวันออก เมื่อปรินิพพานก็ทรงบรรทมสีหไสยาสน์เหมือนเดิม แต่หันพระเศียรไปทางเหนือ
กลับด้านกัน ทิศตะวันตกจึงไม่เป็นมงคล.... "

เหมือนกำลังนั่งฟังครูสอนวิชาอะไรสักวิชาหนึ่ง
แต่ครูคนนี้สอนเก่งมากให้นักเรียนนึกภาพตามตลอด
ตอนที่อธิบายเรื่องทิศ ต้องลองไปนอนตามที่เขาบอก
และหันไปหน้าตามทิศที่บอก จึงได้บางอ้อด้วยตนเองว่า
ขวามือของเรา คือทิศเหนือ

ชื่นชมจริงๆ ค่ะ...ชื่นชมการให้คำอธิบายของเขา
ชื่นชมความพยายามที่จะทำให้เราเข้าใจ
ไม่ยักรู้ว่า มีเพื่อนเป็น "อับดุล" นะเนี่ย
ถามอะไร ตอบได้หมด

คราวนี้ เวลามองพระจันทร์
ข้อความที่เขาบอก มันคงลอยมาประกบตลอดแน่เลย
ดีเหมือนกัน...ได้ความรู้อะไรมากมายเลย
ขอบคุณค่ะ
โดย: sunny-low วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:11:17:02 น.
  

นั่งทำงานอยู่ดีๆ
มีอาการแพ้อากาศขึ้นมาเฉียบพลันเลย
อาการไอของเดิมเพิ่งทุเลา
มาเจออาการแพ้อากาศผสม
ทั้งไอ ทั้งจาม ทั้งน้ำมูกไหล หายใจไม่ออก
เอาเข้าไป...

เป็นอะไรไปหนอ
ร่างกายเรา
หลังๆ มีอาการแพ้อากาศบ่อยมาก
และเป็นแบบไม่มีการเตือน
แพ้ทีต้องเปลี่ยนมาหายใจทางปากชั่วคราว
เพราะน้ำมูกไหล
หายใจทางจมูกไม่ได้ระยะหนึ่งเลย
กว่าจะคลี่คลายอาการดีขึ้น
ก็เกือบชั่วโมงเหมือนกัน

เฮ้อ....

เมื่อคืนฝันด้วยล่ะ...ฝันถึงบางคน
ก็คงเจอกันได้แค่นั้นแหล่ะ..ในฝัน

โดย: sunny-low วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:13:26:09 น.
  




"ความเข้าใจ"

เมื่อวานหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ
ก็จะเดินไปนั่งวินเพื่อเข้าบ้าน
ขณะที่เดินไป คนขับเขาก็เตรียมรถออกแล้ว
แต่เราเดินหันหลังกลับทันที
ลืมกระเป๋าน่ะค่ะ ก็เลยวิ่งกลับไปเอากระเป๋า
แล้วเดินกลับไปเพื่อนั่งวิน
พอนั่งเสร็จคนขับเขาก็บอกว่า

"ผมตกใจหมดเลย ผมทำอะไรผิด ผมก็ไม่ได้มีศัตรูกับใคร พยายามมองหน้า ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ หรือจำเบอร์ผิด ผมก็พยายามโชว์เบอร์ให้ดู"

ฟังเสร็จหัวเราะทันทีและบอกเขาว่า
"เปล่าค่ะ ลืมของเฉยๆ ก็เลยเดินกลับไปเอาน่ะค่ะ"

และนั่งขำมาตลอดทางพร้อมคุยกับเขาไปด้วย
อาจเป็นไปได้ถุ้าภาพที่คนมอง
อาจคิดว่ายัยนี้ไม่อยากนั่งรถเขา
เพราะเจอหน้าเขาปุ๊บก็หันหลังปั๊บ
แต่จริงๆ แค่ลืมของ
ซึ่งวินนี้ก็มีคันหนึ่งที่คงจะไม่นั่ง
และจากการคุยกับคนนี้ก็รู้ว่าเบอร์เดียวกันเลย
เบอร์ 47 ที่มีปัญหากับผู้โดยสารตลอด
และเบอร์นี้แหล่ะ ถ้าเจอจะไม่นั่งแน่นอน
เขาไม่มีมารยาทกับผู้โดยสาร
และขับรถน่าเกลียดถุ้าไม่เบียดผู้โดยสาร
ก็ทำเหมือนรังเกียจผู้โดยสารเลย
อีกทั้งขับรถุไม่น่าปลอดภัย
คงเป็นผู้โดยสารอีกคนหนึ่ง
ที่จะไม่นั่งเบอร์ 47 นี้

ตอนนั่งคุยกับพี่คนขับ
เขาเล่าว่า บางทีผู้โดยสารบอกเขา
ให้ขับเร็วๆ เลยนะพี่ เร่งเครื่องอีกนะพี่
เขาจะตอบว่า ลงเลยแล้วกันน้อง
พี่คงขับเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว


เออ....ขำดี

ความเข้าใจ...
เป็นเรื่องซับซ้อนเหมือนกันนะ
เราจะเข้าใจเรื่องบางเรื่อง
เข้าใจคนบางคน
ถ้าไม่พูด....ไม่บอก...ไม่สื่อสาร...
และไม่เปิดใจ...
ก็คงไม่มีวันเข้าใจกันสักที
อยู่กันเงียบๆ ไปเลย...ดีมั้ย
โดย: sunny-low วันที่: 13 ธันวาคม 2556 เวลา:10:57:59 น.
  
"อารมณ์กับความมีเหตุผล"

เอิร์น เดอะสตาร์ - ปลายทางที่ไม่ตั้งใจ
คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง ศิลาแลง อาจสาลี


รักเริ่มเดินทางทุกอย่างก็หวาน ต่างก็ต้องการมีรักที่ดี
จูงมือเดินไปด้วยกัน ผ่านวัน ผ่านเดือน ผ่านปี
ความหวานที่เคยมี มาวันนี้สิ่งที่ดีๆ เปลี่ยนไป

พอถึงกลางทางเริ่มต่างเหตุผล
เมื่อเราสองคนไม่มีเยื่อใย
ไม่ได้โกรธกัน แต่อยากอยู่ให้ไกลๆ
เมื่อการเข้าใกล้ หัวใจเริ่มทรมาน

เธอก็เหนื่อย ฉันก็เหนื่อย กับการผูกใจกันไว้
เธอก็เบื่อ ฉันก็หน่าย ฝืนใจก็เท่านั้น
ห่างๆ กันไปสักพัก ให้รักบอกเธอและฉัน
จากกันชั่วคราว หรือไม่มีเราอีกต่อไป

มาถึงปลายทางที่ต่างจากฝัน
เราเคยร่วมกันวาดเอาไว้
ภาพในวันนี้ ไม่เหมือนที่เราตั้งใจ
ใกล้กันเท่าไหร่ หัวใจยิ่งทรมาน

เธอก็เหนื่อย ฉันก็เหนื่อย กับการผูกใจกันไว้
เธอก็เบื่อ ฉันก็หน่าย ฝืนใจก็เท่านั้น
ห่างๆ กันไปสักพัก ให้รักบอกเธอและฉัน
จากกันชั่วคราว หรือไม่มีเราอีกต่อไป
เมื่อรักเดินมาถึงปลายทาง..ที่ไม่ตั้งใจ



***********************
เรื่องนี้คงต้องเขียนแบบมีสติมากสักหน่อย
เป็นบทเรียนที่ดีมาก
และอาจไม่ได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้วก็ได้

เมื่อวันศุกร์มีอาการเหมือนคนน๊อตหลุดน่ะค่ะ
แต่เป็นอาการที่เราไม่รู้ตัว...
แล้วไม่รู้ตัวจริงๆ ว่ามันเกิดสะสมมาทั้งอาทิตย์แล้ว

พอได้มาคุยกับใครคนหนึ่ง
ก็มีประเด็นที่ทำให้ไม่พอใจและไม่อยากคุยกับเขา
พาล...จนคิดว่าจะไม่คุยกับเขาอีกต่อไปแล้ว

กลับบ้านเปิดเพลงฟังก็บังเอิญได้ฟังเพลงนี้
เนื้อหาเพลงเหมือนกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น

"เธอก็เหนื่อย ฉันก็เหนื่อย กับการผูกใจกันไว้
เธอก็เบื่อ ฉันก็หน่าย ฝืนใจก็เท่านั้น
ห่างๆ กันไปสักพัก ให้รักบอกเธอและฉัน
จากกันชั่วคราว หรือไม่มีเราอีกต่อไป"

ฟังกลับไปกลับมาเกือบสิบรอบ
และคิดทบทวนเรื่องราวที่คุยกับเขา
แต่ไม่คิดทบทวนสิ่งที่เขาคุยกับเรา

ถ้าเป็นตัวเองหรือเป็นคนอื่น
เจอคนทำอาการแบบฉันใส่...
ฉันหรือคนนั้น...คงถอยและหนีหายไปแล้ว

แต่เขา...คนนี้...ไม่เป็นแบบนั้น
ตอนแรกก็คิดว่า...
เขาคงโกรธ...และหายไปเลย
แต่เขา...ไม่ทำแบบนั้น

ตรงกันข้ามเลย
เขากลับเรียกสติฉันกลับคืนมา
ถ้อยคำตัวอักษรที่เขาถ่ายทอดออกมา
มันทำให้ฉันรู้สึก...

ขณะที่ฉันใช้อารมณ์ในการสื่อสารกับเขา
แต่เขากลับใช้เหตุผลในการสื่อสารกับฉัน

ถึงได้กลับมานั่งทบทวนตัวเอง
อาทิตย์ที่แล้วไม่สบายยังไม่หายดี
และมีปัญหาคาราคาซังที่บ้าน...
รวมกับสถานการณ์บ้านเมืองที่กระทบต่อการทำงาน
ทำให้ตัวเองค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยกายและใจ
แต่ไม่รู้ตัว...หรืออาจไม่ได้สนใจ

และเพราะมีแต่...เขา
ที่ให้คำแนะนำ....คำปรึกษา..
แต่เมื่อเขามาไม่ถูกเวลา
ก็เลยเป็นเขา....
ที่จะถูกพายุอารมณ์ของฉัน

ยังจะกล้าไปขอเลิกคุยกับเขา
ทั้งๆ ที่ตัวเองแหล่ะชวนเขาคุย...ซะมากกว่า

น่ากลัวจริงๆ เลยเจ้าอารมณ์
พอคิดได้...ก็เลยมานั่งไตร่ตรอง
ปัญหาที่บ้านฉันยังคงต้องอยู่กับมันไปอีกนาน
ปัญหาบ้านเมือง...เดี๋ยวมันก็มีทางออกของมันเอง
ปัญหาอื่นๆ ...ก็อย่าไปถือมันไว้มาก

เราควรต้องอยู่กับปัญหาเหล่านั้นให้ได้
และควรต้องอยู่แบบให้ตัวเรามีความสุข
อย่าให้ปัญหานั้นๆ มันมากลืนกินเรา
จิตใจเรา ความคิดเรา
จนทำให้เราลืมความเป็นตัวเราเอง

บทเรียนครั้งนี้สอนฉันได้ดี
โดยเฉพาะข้อความสุดท้ายของเขา

"เขาก็มีความทุกข์ของเขาเช่นเดียวกับที่ทุกๆ คนมีเหมือนกัน"

ฉันก็ไม่อยากให้ตัวเองไปเพิ่มความทุกข์ให้กับเขาอีกแล้วล่ะค่ะ

คนที่ยังอยู่กับเรา
แม้ว่าเราจะทำอะไรแย่ๆ ใส่เขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
คนแบบนี้...หากเป็นคุณ
คุณจะยอมให้เขาห่างจากคุณหรือ

ฉันไม่ยอมแน่นอนอยู่แล้วล่ะ
นอกจากเขาจะอยากไป...ก็จะยอม

ดีใจ...ที่มิตรภาพของฉันกับเขา
ไม่ได้เป็นเหมือนเพลงนี้

ปล...คงเป็นข้อเขียนสุดท้ายของปีนี้แล้วนะคะ
ปีหน้าค่อยมาเขียนให้อ่านกันใหม่
ไว้จะเขียนอะไรที่เป็นสาระประโยชน์ให้มากกว่านี้
ที่ผ่านมาเหมือนจะเป็นการเขียนระบายซะมากกว่า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกัน
ขอบคุณเขาคนนั้นด้วย
ขอบคุณจากหัวใจ...

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขและสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาค่ะ
โดย: sunny-low วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:12:27:57 น.
  
สวัสดีครับพี่อิ๋ว

เหมือนพี่อิ๋วเขียนบล้อกซ้อนบล็อกในบล็อกเดียวเลยครับ 5555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:14:44:44 น.
  
สวัสดียามเช้าครับพี่อิ๋ว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ธันวาคม 2556 เวลา:6:43:02 น.
  
เชียงใหม่ก็หนาวมากครับพี่
นี่เที่ยงตรงแล้ว
ผมยังไม่ได้ถอดเสื้อกันหนาวเลยครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ธันวาคม 2556 เวลา:12:01:52 น.
  
สวัสดียามเช้าครับพี่อิ๋ว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ธันวาคม 2556 เวลา:6:49:41 น.
  

เป็นเพราะอากาศมันหนาว

หรือเป็นเพราะอะไร..ไม่รู้

ทำไม..มันรู้สึกหดหู่ข้างใน...ชอบกล

แปลกจัง...เป็นอะไร...

ไม่เข้าใจเหมือนกัน
โดย: sunny-low วันที่: 18 ธันวาคม 2556 เวลา:14:59:39 น.
  

คนเราถอนหายใจเพราะอะไร...

ทำไมต้องถอนหายใจ.....

นั่นสิ...ทำไม

วันนี้หลายรอบแล้ว

โดย: sunny-low วันที่: 19 ธันวาคม 2556 เวลา:14:24:26 น.
  

พระจันทร์ข้างแรม เธอมาดึกเกินไปแล้วนะ

เมื่อคือฉันรอดูเธอเที่ยงคืนกว่า

ยังไม่เห็นเลย

ตื่นมาตีห้าครึ่ง เธอถึงลอยเด่นตรงทิศตะวันตก

มาดึกจริงๆ
โดย: sunny-low วันที่: 20 ธันวาคม 2556 เวลา:10:11:17 น.
  

ฟ้า ก็คือ ฟ้า

ดิน ก็คือ ดิน

ทำไมหลงคิดว่า ฟ้ากับดินจะเจอกันได้

ก็ไม่รู้

ตอนนี้เข่้าใจแล้ว
ว่าไม่มีทาง..จริงๆ

บ่นค่ะบ่น...ชอบมองฟ้า มองดาว มองจันทร์
เพราะอยู่เมืองใหญ่เห็นแต่ตึกระฟ้า
โดย: sunny-low วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:9:52:20 น.
  
ผมไม่ชอบการเรียนแบบหนักๆ
เรียนๆๆๆและเรียน
สอบลๆๆๆและสอบ

ไม่เชื่อในวิธีการศึกษาแบบนี้
และไม่ชอบด้วยครับ

ผมคิดว่าหมิงหมิงก็คงไม่ชอบการศึกษาแบบนี้
ตอนนี้ผมถึงเลือก รร.ทางเลือกให้เรียน
และหมิงหมิงก็ชอบ

อนาคตค่อยว่ากันอีกทีครับ
อย่างน้อยตอนนี้ก็ยาวไปถึงประถม 6 ได้แล้วล่ะครับ 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:14:25:12 น.
  
สวัสดียามเช้าครับพี่อิ๋ว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ธันวาคม 2556 เวลา:6:33:14 น.
  
ใช่ครับพี่อิ๋ว

เด็กๆเล่นกันบางทีเค้าทะเลาะกันแป๊บเดียว
แล้วก็ดีกันครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ธันวาคม 2556 เวลา:19:57:36 น.
  

Like ให้เป็นคนที่ 1
แวะมาดูน้องอิ๋วออกกำลังกายข้อมือตักข้าวเข้าปาก
เอ๊ยไม่ใช่ อิอิอิ
อยากเห็นน้องอิ่วผอม เอ๊ะ...จะได้เห็นไหมเนี่ย อิอิอิ
ดวงเราไม่ค่อยสมพงษ์ได้เจอกันเลยเน๊าะน้อง

โดย: อุ้มสี วันที่: 25 ธันวาคม 2556 เวลา:20:19:45 น.
  
แสดงว่าน้องริวไม่เขินกล้องนะครับพี่ 555
ชอบเป็นนายแบบอยู่

หมิงหมิงไม่เอาครับ
วิ่งจู๊ดอย่างเดียว 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ธันวาคม 2556 เวลา:15:12:56 น.
  
สวัสดียามเช้าครับพี่อิ๋ว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:6:48:17 น.
  
สวัสดีปีใหม่ครับพี่อิ๋ว





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2557 เวลา:6:20:12 น.
  
สวัสดีครับพี่อิ๋ว

เพิ่งกลับมาจาก รพ.
พาหมิงหมิงไปฉีดวัคซีนครับ
เข็มสุดท้ายของ 5 ขวบครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มกราคม 2557 เวลา:13:43:29 น.
  
สวัสดียามเช้าครับพี่อิ๋ว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มกราคม 2557 เวลา:6:04:49 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sunny-low
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ความทุกข์
สอนให้อดทน
ถ้าผ่านมันได้
ก็จะเจอความสุข...