หรือเพราะช่วงนี้จิตใจไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่จึงมักมองหาเพลงที่ทำให้ใจเย็นลงอาจจะเพราะทั้งมีนและพี่ชายเกิดมาในครอบครัวที่มีแต่เพลงเย็นๆ พวกนี้เราจึงฟังเพลงที่กำลังดังได้ไม่นาน นอกจากเราชอบจริงจังนั่นหล่ะสารภาพว่าเพลงใหม่ จะฟังได้ หากความหมายดีแต่รำคาญและเบื่อการบีบเสียง โหนเสียง หลบเสียงและการแอบทำหน้าตาดีในแบบไม่ดีจริงมีแต่ขาวกับสั้น เหอเหอ สั้นคือกระโปรงสั้นกางเกงสั้น และอายุการดังสั้น เหล่านั้นล้วนนำเสนอตัวเองจนน่ารำคาญนักร้องรุ่นวันนี้แต่มีนไม่ได้แยกคำว่า ดนตรีหรือการฟังเพื่อบันเทิงออกไป เพราะมีนก็ฟังได้ เอาเพลินเหมือนคนอื่นๆหล่ะไม่ได้เครียดอะไรนักหนาว่าต้องงานร้องแบบมีคุณภาพเท่านั้นมีนถึงจะฟังได้ตลอดมา..ระยะหลัง การได้ฟังเพลงใหม่มักมาทาง พี่คนดีส่งเอ็มพีสามมาให้ บางทีไม่มองหน้าหรือดูจากทีวีด้วยซ้ำไปว่า นักร้องคนไหนหน้าแบบใดหรือบางทีฟังจากบล็อกหรือไดอารี่ของพี่ จากเพลงที่พี่ขอให้หาโค๊ดให้ นั่นก็อีกทางหนึ่งไม่แปลกใจที่ทำไมแต่ละคนดังไม่นาน ดังไม่ทนดังแล้วหายวับ แค่หายใจ เฮ้อ เธอ เธอจบก็ลืมหน้ากันไปไม่เหมือนเพลงรุ่นที่แม่ฟัง ไม่เหมือนเพลงที่พ่อฟังไม่เหมือนแม้แต่ร๊อคที่พี่ชายฟัง .. มีนคล้ายคนไร้รากฟังได้ทุกแนว หากชอบ...ใครให้ฟังอะไรก็ฟังถูกเส้นประสาทถูกโสต ถูกอารมณ์ก็รับฟังทั้งหมดยิ่งหากตอนนั้นอารมณ์ไหน เพลงมาจี้ถูกจุดกับอารมณ์ยังบังอาจเป็นคนเจ้าน้ำตากับเขาก็มีเลย ๕๕เคยได้ยินคุณพ่อร้องเพลงบางเพลงในสมัยพ่อยังอยู่ฮัมเพลงสมัยใหม่สุดในคราวนั้นน่าจะเป็นเพลงของลุงปั่น ชื่อเพลง กล่อมพ่อ ..ให้ฟัง พ่อมีนมักจะมีเพลงฮึมฮัมเสมอ ไม่พ้นเวลาครึ้มครึ้มที่ร้องคำว่า กลับบ้านเรายักษ์รออยู่ ได้น่าเอ็นดูในสายตาแม่เวลาพ่อครึ้มสันนิฐานได้ว่า พ่อต้องไปงานเลี้ยงกับลูกค้า....เสียงเบรครถของพ่อมีนจำได้ ไม่ว่าพ่อจะทำให้เงียบสนิทแค่ไหน หรือกลับมาดึกแค่ไหนน้อยครั้งที่พ่อจะใช้กุญแจของตัวเองเปิดเข้าบ้านเพราะจะมีมีนยืนทำหน้างอว่า ทำไมพ่อกลับบ้านดึกหรือ พ่ออ่ะ นี่มันเช้าแล้ว.... เมื่ออยู่บ้านในวันหยุดบ้านมีนมีเสียงเพลงจำพวกนี้เปิดให้ดังจนได้ยินอยู่ตลอด แม้มีนจะอยู่บนต้นฝรั่งหลังบ้านที่ตอนหลังพ่อตัดกิ่งด้านล่างที่ยื่นออกมาให้เด็กแบบมีนปีนได้เลี่ยนจนหลือแต่ต้นโกร๋นๆจนไม่สามารถปีนขึ้นไปได้อีก ก็เพราะมีนหล่นปุ๊ลงมาทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแท้แท้ มันยังแพ้ภัยมีน...จำได้ว่ามันไม่ใช่ฝรั่งเวียดนามแต่มันเป็นฝรั่งไทยลูกโตๆ และเนื้อตรงเม็ดอร่อยมากมีนเป็นโรคจิตที่ชอบกินเนื้อตรงเม็ดฝรั่ง ใครขู่ว่าจะเป็นไส้ติง มีนจะตอบทันทีว่าอยากเป็นอยากเป็นทุกคนจะดุหมด ว่าปากไม่ดีเลยลูกนี่...โอเค ก็มีนอยากเป็นจริงๆ เพราะเมื่อเป็นแล้วจะได้ตัดออกไปซ่ะทีหนนี้กินสบายพุงกว่ากันเยอะเลยเชียวครั้งหนึ่งจำได้ว่าข้างบ้านคนงานในบ้านทำบ่อขยะเพื่อเผา ไม่ทราบว่าหยุดเผาไปกี่วันเพราะพี่คนงานนั้นลากลับบ้าน...ช่วงลานั้น เกิดมีต้นข้าวโพดโผล่มาสวยงามตระการตาสำหรับมีนมาก จะเนื่องจากตัวน้อยของพ่อไม่เคยเห็นต้นข้าวโพดโดดเดี่ยวและเหมาว่ามันเหมือนตัวเอง เพราะเวลามองเห็นก็มักจะเคยเห็นข้าวโพดอยู่กันเป็นฝูงเป็นปึกเป็นหล่าที่ไร่คุณตาราวกับว่าชาตินี้จะไม่แยกจากพี่จากน้องแบบนั้น เมื่อเห็นมันขึ้นเดี่ยวเลยได้เดินไปรดน้ำต้นข้าวโพดกลางกองขยะนั้นทุกว๊าน จนมันออกฟักน้อยน้อยให้ได้เห็นจำได้ว่าใช้ระยะเวลาไม่นานเลยด้วยซ้ำไปวันหนึ่งพ่อไปตรวจงานก่อสร้างที่กำแพงดิน(ชื่ออำเภอในจังหวัดพิจิตร) พ่อใจดีถามเด็กหัวจุกที่ปิดเทอมแล้วอยู่บ้าน ง่อง ง่อง ว่า มีนไป กับพ่อม่ะ...ยังไม่ต้องทันถามซ้ำหรอกเพราะแค่พ่อเอ่ย กระเป๋าเดินทางใบโตกว่าตัวก็ปรากฏในเวลาต่อมา เพราะการได้ไปนอนกลางดินกินกลางเต้นท์กับพ่อ สนุกอย่าบอกใคร ที่สำคัญ หากใครไม่เคยกระโดดจากชั้นสองลงมาบนกองทรายนี่ คงบรรยายความรู้สึก เจ๋งสุดยอดของตัวเองให้ทราบไม่ได้หรอก คงต้องบอกให้ไป นั่งรถไฟเหาะตีลังกาดูสนุกคล้ายกันแต่ไม่เวียนหัวเท่านั้นหรอก แหะๆตอนนั้นจำคร่าวๆ ว่า ยังไม่ขึ้นประถมหกน่ะคะ...และบริเวณไซด์งานของพ่อ มีนสามารถเดินไปได้แบบตลอดรอดฝั่งเพราะใครก็รู้ว่าลูกพ่อ ที่เจ๋งสุดคือชี้เป็นชี้ตายพี่พี่คนงานที่อยู่ในความครอบครองของมีน(จริงๆ มีนอยู่ในความครอบครองของเขานั่นหล่ะ ๕๕) ได้ว่า พี่ควรจะโดดบ่อตอนนี้หรือตอนนั้น เพียงเพราะมีนอยากรู้ว่าปลิงมันจะเกาะมาแบบไหน และปลิงหน้าตามันเป็นไง เมื่อมันเกาะแล้ววิธีการเอาออกเป็นแบบไหน เพราะพี่คนนั้นดันมาเล่าให้ฟังได้ยังไง ว่าที่นั่นปลิงเยอะเมื่อมีนเชื่อคนยาก มีนก็อยากเห็นเท่านั้นเองคิดย้อนไปแล้ว หากมีนเป็นพี่คนงาน มีนคงเตะไอ้เด็กคนสั่งแน่แน่ การได้ไปกับพ่อ จะได้เห็นแม้แต่การตัดกระเบื้องวางเรียงกระเบื้อง การเลือกไม้เข้าพื้นการผสมปูน ได้ดูตั้งแต่เด็กชินตากับภาพพ่อปีนไปดูโน่นนี่ตั้งแต่ตัวเล็กเท่านั้นเห็นพ่อแก้ปัญหาต่างๆ มาตั้งแต่ตอนนั้น ชอบมาดพ่อมากและชอบการยืนฟังที่คนงานบอก...แบบสงบแต่ฟังจบแล้วมีข้อหนึ่งสองสามสี่ห้า ตามมาเป็นพรวน ว่าควรทำอย่างไรพ่อตอนนั้นประกาศก้องคล้ายใครบางคนที่ประกาศได้ไม่เข้าท่าว่า ผมจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว(ฮา) คนละความรับผิดชอบกันน่อมีนเรียนรู้การคิดแก้ปัญหาแบบเรียงตามลำดับความสำคัญและเรียนรู้ว่า สำหรับบางคนเราต้องชี้แนะให้เขาในแบบคิดเหมือนเป็นเขาและบอกเพราะหากคิดให้เขาเข้าใจเท่าเราบางทีเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำไปอีกอย่างมีนชอบนั่งรถไปกับพ่อ ยิ่งระยะทางไกลๆเพราะ บางทีหากพ่ออารมณ์ดีมีนก็ได้ขับรถ หรือจะดียิ่งกว่าคือพ่อเล่าโน่นนี่และให้มีนออกความคิดเห็น มีนสามารถพูดได้หมด แม้ว่าความคิดนั้นจะเกี่ยวกับงานของพ่อ ว่ามีนมองเห็นอะไร พ่อมีนเหมือนดุแต่ไม่เคยดุกับมีนเลย พ่อจะบอกว่าชอบฟังมีนตอบและบางคำตอบของมีน พ่อบอกว่าทำให้อารมณ์ดีเล่าซ่ะเยอะ หลังไปกับพ่อสามวันกลับมา เมื่อถึงบ้านวิ่งแจ้นไปหากองขยะก่อน พบว่าเจ้าข้าวโพดของมีนหายไปเจ้าข้าวโพดที่เหมือนพี่น้องกัน มันหายเพราะพี่คนงานที่บ้านตัดออก โทษฐานขึ้นผิดที่ผิดทาง ..แล้วมีนก็นั่งร้องไห้มันอยู่ตรงนั้น เพียงเพราะข้าวโพดต้นเดียวนั่นหล่ะพ่อปล่อยให้มีนร้องไห้ สอนมีนว่าทุกเรื่องต้องมีการเปลี่ยนแปลง หากวันนี้ต้นข้าวโพดไม่หายไป พี่คนทำงานก็ทำงานไม่ได้....ต้นข้าวโพดขึ้นผิดที่ แม้จะมีสัมพันธ์อันดีกับมีนแต่ก็ไม่ถูกทั้งกาละและเทศะ มีนเองมองเห็นก็ไม่ย้ายมันไปอยู่ในที่ทางที่มันควรอยู่ อะไรที่ผิดที่ผิดทางหากมีนมองเห็นแต่แรก มีนควรจัดการสิลูก ไม่ใช่ปล่อยไว้และเสียใจว่ารู้อย่างนี้มีนจะย้ายมันตั้งแต่ต้นเล็กๆมีนรู้ว่าพ่อไม่ได้ตำหนิมีน เพียงแต่บอกเพื่อเอาไปใช้ในวันข้างหน้า ของเล็กๆ เรื่อยน้อยๆหากมองเห็นว่าไม่ถูกไม่ต้องและเราพอมีศักยภาพในการทำให้มันถูกมันควร เราก็ควรทำน่าแปลกที่มีนมักผูกหรือโยงอะไรต่ออะไรเมื่อวัยเด็กหากเห็นมันโดดเดี่ยวหรือแตกต่างจากใครใคร เพียงคิดว่าหรือมันคงเหมือนมีน การเป็นลูกสาวคนเดียวห่างจากพี่ชายแบบพี่กอล์ฟ ที่พูดเสมอว่านึกว่าตัวเองจะโดดเด่น เพราะห่างกันแบบเกือบสิบปี เรียกว่าหากวิ่งแข่งก็ชนะไม่เห็นฝุ่น มันยังจะโผล่มาได้อีกมีนคิดว่าแม้ตัวเองจะโดดเดี่ยวในวัยที่คิดเองเออเองคนเดียวในเวลาพี่ชายอยู่ไกล แม่ทำงานหนัก และพ่อไปทำงานไกลแต่ทุกครั้งที่มีปัญหา มีนมีครอบครัวเป็นร่มเงาของใจเสมอมีนยังสามารถเล่าเรื่องราวการไปสร้างวีรเวรวีรกรรมของตัวเองที่โรงเรียนในแบบยุวชนน้อย ปลุกระดม ใครต่อใครแบบ มีเรื่องมีราวเมื่อพ่อ แม่ หรือพี่ชายฟังได้ฟัง มักมีคำแนะนำต่อไปว่าหนหน้าควรพูด แบบไหน จะชนะใจประชาชนน้อยๆเหล่านั้นไม่มีการห้ามในกิจกรรมทุกกิจกรรมที่มีนทำ เพราะพ่อมักจะบอกว่า แต่ละช่วงอายุ ความสนใจจะแตกต่างแต่สิ่งหนึ่งที่พ่อทั้งปลูกทั้งฝัง น่าจะเป็นเพลงกับกีฬาเพราะยิ่งนึกจะยิ่งนึกออกว่า เรามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวันของเราตลอดมาเลยหล่ะบางหนมีนเคยเบื่อเพลงที่พ่อเปิดดังลั่นแม้หนีไปปีนต้นฝรั่งยังได้ยินเบื่อเสียงรองเท้าตอนแม่หัดเต้นรำ หรือบังคับสอนให้กับมีนรำคาญเสียงเล็กเสียงน้อย...ของคนร้องเพลงสมัยคุณยายหรือเสียงเครื่องดนตรีร๊อคสนั่นของพี่ชายในวันที่ท่านกลับมาพักที่บ้าน บ้านมีนเหมือนครอบครัวหลากหลาย ทุกห้องแตกต่าง จนเหมือนไม่อาจประสานความชอบนั้นได้แต่ไม่เคยถูกบังคับให้ชอบเหมือนกันในวันหนึ่งแบบวันนี้ มีนกลับนั่งฟังเพลงที่พ่อชอบร้องแล้วคิดถึงพ่อหรือเจอเพลงบางเพลงที่ได้ยินแล้วคิดถึงแม่มีบางเพลงได้ยินแล้วคิดถึงพี่กอล์ฟเช่นกันมีนก็มีเพลงที่ฟังแล้วคิดถึงพี่คนดีเช่นกันทุกเพลงจึงมีรอยยิ้มเสมอเวลาได้ยินได้ฟังได้นั่งนึกถึงกันในวันเวลาที่อยากให้ใจเงียบๆหรือสงบลง พร้อมกับนึกว่า จะมีใครฟังเพลงไหนแล้วคิดถึงมีนบ้างน่ะ Create Date : 01 ตุลาคม 2548 Last Update : 1 ตุลาคม 2548 18:33:14 น. 16 comments Counter : 412 Pageviews. ShareTweet
นวลเจ้าพี่เอย คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ
ถ้อยคำ เหมือนจะชวน ใจพี่หวล..ครวญคร่ำอาลัย
น้ำตา อาบแก้ม เพียงแซม..เพชรไสว
แวววับ จับหัวใจ เคล้าแสงไต้ งามจับตา
นวลแสงเพชร เกล็ดแก้วอันล้ำค่า
ครา...เมื่อ แสง ไฟส่องมา แวววาวชวนชื่นชม
น้ำตา แสงไต้ ดื่มใจพี่ร้าว..ระบม
ไม่อยากพรากขวัญ ภิรมย์ จำใจข่มใจไปจากนวล