http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
18 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
A Long Night at the Gallery

by merveillesxx




รู้ตัวอีกทีผมก็กำลังร่วงหล่นอย่างไม่สิ้นสุด แต่ถึงจะใช้คำว่าร่วงหล่น ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันตัวเองกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน อาจจะเป็นบนลงล่าง ล่างขึ้นบน ซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย ผมรู้เพียงว่าผมกำลังเคลื่อนที่ไปสู่อะไรบางอย่าง เป็นการเคลื่อนตัวท่ามกลางความมืดมิดที่ยาวไกล แต่ก็มีแสงวูบวาบปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ราวกับว่าผมเดินทางจากบรรยากาศชั้นหนึ่งไปสู่บรรยากาศอีกชั้นหนึ่ง แต่ลมเย็นจางๆ ที่ตีหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ท่ามกลางอวกาศ และถ้าหากเป็นจริงผมคงขาดอากาศหายใจตายไปนานแล้ว หรือว่าผมอยู่ระหว่างทางของการอยู่และการตาย อย่างไรก็ดี คำถามทุกข้อคงไม่มีประโยชน์สำหรับการเดินทางครั้งนี้

เมื่อผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นคอนกรีต ผมค่อยๆ พยุงตัวขึ้นยืนแล้วกวาดสายตามองไปโดยรอบ มันเป็นเวลากลางคืนมืดมิด แต่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเวลาใด สองทุ่ม เที่ยงคืน หรือตีสาม ผมไม่อาจประมาณได้ แต่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือ อาคารกล่องสี่เหลี่ยมสีเทาทะมึนที่รายล้อมไปด้วยบานกระจก ผมรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก และใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็นึกว่ามันคือแกลเลอรี่ในมหาลัยของผม ถ้าผมกำลังอยู่ในมหาลัย นั่นแปลว่าผมกำลังอยู่ในความฝัน หรือไม่ผมก็เดินทางย้อนเวลามา แต่อย่างที่บอกไปว่าผมไม่สนใจกับการตั้งคำถามใดๆ อีกต่อไป ผมเดินตรงเข้าไปที่แกลเลอรี่ แต่ประตูของมันกลับปิดล็อคแน่นสนิท ทั้งที่ดวงไฟสีส้มภายในถูกเปิดทิ้งไว้ราวกับรอต้อนรับใครสักคน ผมลองลัดเลาะไปทั่วทั้งตึก แต่ก็ไม่อาจหาทางเข้าไปข้างในได้

ผมล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปข้างในแกลเลอรี่ และเดินชมบรรดาภาพที่ถูกติดตรึงไว้กับกำแพงผ่านกระจกแทน หากแต่จิตใจของผมไม่ได้มุ่งตรงกับภาพเหล่านั้นนัก ห้วงคำนึงของผมย้อนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต สมัยที่ยังเรียนอยู่ผมอาจเป็นหนึ่งในมนุษย์ไม่กี่คนที่เข้ามาสถานที่แห่งนี้เป็นประจำ ไม่มีใครสนใจหรือใส่ใจกับการดำรงอยู่ของมัน ไม่ว่าจะมีนิทรรศการหน้าใหม่เปลี่ยนผ่านมาสักเท่าไร พวกเขาก็ไม่คิดจะก้าวเท้าเข้ามาและเดินเลยผ่านไปอย่างไม่ใยดี ราวกับว่าทุกคนจงใจลืมตึกหลังนี้ ชนิดที่ว่าถ้าใครคิดมาถามทางไป 'แกลเลอรี่' จากคนที่นี่ เขาคงต้องไล่ถามไม่ต่ำกว่า 30 คนกว่าจะได้คำตอบ แต่ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมีใครถามคำถามประเภทนั้นกับผมเลย

ที่จริงแล้วยังมีหญิงสาวอีกคนที่ผมพบที่แกลเลอรี่อยู่หลายครั้ง ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอเป็นคนประเภทมีความสนใจในเรื่องศิลปะอย่างสูง หรือเป็นคนที่มีเวลาว่างมหาศาลแบบผมกันแน่ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะไม่เคยคุยกันเลย แต่น่าประหลาดที่ผมมักเห็นเธอจากด้านหลังเสมอ จนอาจกล่าวได้ว่าผมจดจำแผ่นหลังได้มากกว่าใบหน้าของเธอเสียอีก ในมุมมองของผม ตัวเธอนั้นน่าสนใจกว่างานศิลปะทั้งหมด และเธอเป็นเหมือนนิทรรศการถาวรของแกลเลอรี่แห่งนี้ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่อยู่ดีๆ เธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ในช่วงเดือนสุดท้ายของปีผมไม่ได้เจอเธอเลยสักครั้ง เดือนนั้นผมอายุครบ 19 ปี และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเข้าไปในแกลเลอรี่

สำหรับผมแล้วช่วงอายุ 19 มีความหมายสำคัญเป็นพิเศษ แต่คนอื่นมักเน้นย้ำกับวัย 18 หรือ 20 จนมองข้ามมันไป มันเป็นช่วงที่ผมเริ่มรับรู้ความจริงว่าผมไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งกับคนอื่นๆ ได้อย่างแนบสนิท ผมไม่ใช่พวกแปลกแยกโดดเดี่ยวหรือต่อต้านระบบโลกหรอกนะ ผมมีเพื่อนหลายคน พวกเขารู้จักผม ผมรู้จักพวกเขา เขายิ้มให้ผม และผมก็ยิ้มให้เขา แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์แบบผิวเผินที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำต่อกันได้ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวผมเองที่ไขว่คว้าเฝ้าหาอะไรมากเกินไป เมื่อปีนั้นผ่านพ้นไป ผมก็ได้บทสรุปกับตัวเองว่าสิ่งนี้คือโรคประจำตัวของผม และผมต้องทนอยู่กับมันให้ได้

ท่ามกลางความคิดลอยฟุ้งสะเปะสะปะของผม ลมหนาวที่พัดมาและทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกอยู่เป็นระยะก็พาผมย้อนกลับไปคืนวันคริสต์มาสในปีนั้น ผมตื่นขึ้นมากลางดึกและไม่สามารถข่มตาให้หลับต่อได้ ผมเลยตัดสินใจลงมาเดินเล่นในบริเวณหอพัก ผมเดินวนไปมาอย่างไร้จุดหมายและทิศทาง บรรยากาศรอบๆ เงียบสงัด ทุกห้องปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว เหลือไว้แต่ไฟกะพริบบอกข้อความประเภทต้อนรับสู่ปีใหม่ที่แขวนไว้ตามระเบียง ผมสังเกตว่าสัญญาณไฟเหล่านั้นมักมาจากหอพักของนักศึกษาหญิง มันชวนให้ผมสงสัยเหมือนกันว่าพวกเธอมีความตั้งใจอะไรกันแน่ พวกเธอกำลังส่งสารถึงใครหรือเปล่า แน่อยู่แล้วว่าคงไม่ใช่ผม แต่ผมก็ขอทึกทักเอาเองว่าป้ายพวกนี้กำลังพูดคุยกับผมอยู่

ในคืนเดียวกันนั้นเองที่มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกระโดดลงมาจากหอพักชั้น 7 แปลกดีที่ช่วงเวลาเกิดเรื่องตรงกับตอนที่ผมออกมาเดินเล่นพอดี แต่ผมไม่เห็นเหตุการณ์ผิดปกติแม้แต่น้อย สำหรับผมแล้วค่ำคืนนั้นเป็นคืนที่สงบเงียบที่สุดคืนหนึ่ง ว่ากันว่าหญิงสาวคิดสั้นเพราะผิดหวังจากความรัก บ้างก็ว่าทำใจไม่ได้กับการเรียนที่ล้มเหลว บ้างก็ว่าเธอสภาพจิตไม่ปกติ ผู้คนบรรยายถึงขั้นตอนการฆ่าตัวตายของเธออย่างละเอียด ราวกับมีกล้องวงจรปิดบักทึกภาพเอาไว้ ที่น่าเศร้าคือไม่มีใครสนใจถึงชีวิตหลังจากนั้นของเธอ บ้างก็ว่าอาการโคม่า บ้างก็ว่าตายแล้ว บ้างก็ว่าเป็นเจ้าหญิงนิทรา ราวกับว่าความเป็นความตายของเธอถูกกล่าวถึงอย่างทิ้งขว้าง ไม่มีใครคิดจะใฝ่หาความจริงแท้ ซึ่งนั่นก็รวมถึงตัวผมเองด้วย

ผมมักคิดเอาเองอยู่เสมอว่าหญิงสาวที่โดดลงมาจากชั้น 7 น่าจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ผมเจอในแกลเลอรี่ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานรูปธรรมอะไรมายืนยันเลยก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ที่ว่าไม่กี่วันผมก็เริ่มฝันถึงภาพผู้หญิงร่างเปลือยเปล่านอนอยู่บนพื้นหญ้า คอของเธอหักหมุนบิดเบี้ยวผิดองศา หน้าของเธอหันมาทางผม ตาเปิดค้างไว้ จนประกอบเป็นสีหน้าที่ผมไม่อาจบรรยายได้ ผมมั่นใจว่าเธอต้องเป็นหญิงสาวในแกลเลอรี่แน่นอน แม้ว่าจะจำใบหน้าของเธอไม่ได้ชัดเจนนัก ผมฝันถึงภาพนี้ซ้ำๆ อยู่เป็นเวลาสามเดือน แต่ผมไม่เคยรู้สึกกลัวแม้แต่ครั้งเดียว ตรงกันข้ามผมรู้สึกว่านี่คือความงามระดับสูงสุดที่ผมไม่อาจหาได้จากโลกแห่งความเป็นจริง และหลายครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองหลั่งออกมาเป็นจำนวนมาก

ผมกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ผมรู้ตัวแล้วว่าผมไม่ได้มองบรรดาภาพที่อยู่ในแกลเลอรี่ แต่ผมกำลังเพ่งหาผู้หญิงคนนั้นอยู่ต่างหาก สายตาของผมสอดส่องไปทุกมุมทุกช่องทุกชั้นของตึกหลังนี้ ด้วยความคิดเหนือจริงของตัวเองว่าเธออาจจะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไร ผมก็ไม่อาจสัมผัสถึงร่องรอยของเธอได้ ในตึกนี้มีเพียงภาพวาด รูปปั้น และเฟอร์นิเจอร์ที่นิ่งงันอยู่กับที่ ผมตัดใจล้มเลิกการตามหาอันไร้จุดหมาย เดินไปนั่งลงที่ประตูหน้า และใช้มือนวดไปทั่วบริเวณดวงตา ชั่วแวบนั้นเองผมรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินอย่างช้าๆ อยู่ข้างใน เสียงก้าวเท้าที่แผ่วเบาและขาดช่วงที่ผมรู้สึกคุ้นเคย แต่ผมก็ไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก บางทีคนๆ นั้นอาจไม่ต้องการถูกรบกวนเวลาส่วนตัวก็เป็นได้

ผ่านไปสักพักใหญ่ ไฟในแกลเลอรี่ก็ดับวูบลง เหลือไว้เพียงไฟดวงใหญ่หน้าตึก ลมหนาวยังคงพัดมา แต่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลกว่าครั้งก่อนๆ ผมเงยหน้ามองบรรดากิ่งไม้ใหญ่ไร้ใบตรงหน้า พร้อมจับจังหวะการเคลื่อนไหวไปตามลมของพวกมัน หัวของผมว่างเปล่าและไม่ได้คิดถึงเรื่องใดๆ อีกต่อไป ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินช้าๆ กลับไปยังถนนพื้นคอนกรีต แล้วค่อยๆ เอนนอนลงไปตรงจุดเดิมที่ผมตื่นขึ้นมา ราวกับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าจะต้องกลับไปสู่ที่เดิมที่ผมจากมา แม้ไม่อาจนิยามได้ว่าที่นั่นและที่นี่ต่างกันอย่างไร แต่ผมรับรู้ได้ว่าโลกเก่ากำลังเรียกร้องให้ผมกลับไป ผมหลับตาลงและหวังว่าที่นั่นจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวเหมือนกัน เพราะฤดูหนาวคือสัญญาณบ่งบอกถึงการข้ามสู่ช่วงเวลาใหม่

ในห้วงความคิดสุดท้าย ผมรู้สึกว่าตัวเองได้กลับไปมีอายุ 19 อีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาทุกสิ่งทุกอย่างจะมลายหายสิ้นไป






แรงบันดาลใจจากอัลบั้ม 19th Again ของวง Forgot Your Case




Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 8:26:13 น. 21 comments
Counter : 1024 Pageviews.

 
อ่านไปๆ นึกว่าไม่ใช่เรื่องแต่งนะเนี่ย
พอมาเห็นสุดท้าย เหมือนถูกตีแสกหน้านิดหน่อย

อีกคนแล้วที่กรี๊ดวงนี้
เด๋วปิ๊กต้องมากรี๊ดดังๆ อีกคนแน่เลย เชื่อสิ


โดย: grappa วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:27:33 น.  

 
เงียบ มืด และมีชีวิต

ชอบงานเขียนชิ้นนี้ของน้องเมอร์
เขียนอีกเยอะๆนะ
พาไปไกลกว่นี้
เจาะลึกลงไปในความเป็นมนุษย์มากกว่านี้
เชื่อมือ...ต้องน่าอ่านมากๆ


โดย: Evil is Live วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:11:20 น.  

 
โอ้วววว งดงามมากครับ ขอบคุณคุณเมอร์มากๆๆครับ

เดือนธันวานี้ Forgot Your Case จะมีเล่น นะครับ

ขอบคุณจิง ๆ


โดย: oui IP: 203.149.56.138 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:56:00 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อย่าลืม Inspirative เน้อ


โดย: pick IP: 58.137.81.212 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:54:14 น.  

 
สุดยอด !








ปล.แต่ด้านเนื้อหา ผมชอบเรื่องภาษาอังกฤษมากกว่า

รู้สึกจับต้องได้และมุกอยากฉีดใส่หน้าผู้หญิงนั่นเซอร์เรียลกว่าฝันเปียกนี้มาก

๕๕๕๕๕๕

(คนไรวะ เสร็จกับศพ ฮ่า)


โดย: [N]iGht pRinc[E] IP: 58.64.71.85 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:43:27 น.  

 
^
^
เอ่อ น้องครับ อย่าให้พี่หมกมุ่นกับ Semen ไปมากกว่านี้เลย


โดย: merveillesxx วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:01:44 น.  

 
+ เอ่อ ... เงียบเชียบ มืดมิด หวีดสยอง ... น้องต่อน่าลองแต่งออกมาเป็นบทหนังยาวๆ สักเรื่องนะครับ เผื่อได้สร้างเป็นหนังจริงๆ (แต่คงโดนนายทุนในประเทศนี้แบน )
... แล้วพี่จะตามไปอุดหนุนอ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:34:21 น.  

 
โอ... อ่านแล้วรู้สึกหลอนๆ เปียกๆ แฉะๆ อย่างบอกไม่ถูก

แต่งเรื่องยาวเลยครับน้องต่อ พี่เชื่อว่าน้องจะทำให้มันเป็นนิยายดาร์กๆ หวานๆ ที่ไม่ซ้ำแบบใครได้แน่นอน (แต่ถ้าเขียนจริงๆพี่ขอเพิ่มฉากอีโรติคแรงๆด้วยนะ เพื่อความสุขของพี่ 5555)

เฮ้อ... เก่งจนน่าอิจฉา


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:50:22 น.  

 
โอ้ว ติดหนึบตั้งแต่ย่อหน้าแรกเลย
ไม่ใช่เล่นนะเราเนี่ย

แอบได้กลิ่นมูราคามินะ :-)


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.188.155 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:04:49 น.  

 
^
^
ตรงคำว่า 'หลั่ง' ใช่มะ 55555555555


โดย: merveillesxx วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:14:35 น.  

 
เข้ามากรี๊ด ว่าตามไปฟัง Forgot Your Case ใน MySpace มา ชอบ The Long night at the gallery มากมาย กรี๊ดๆๆ

นี่ก็กำลังฟัง Winter Hopefull อยู่ เฮ้ย ชอบว่ะ


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.188.155 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:18:35 น.  

 
อ่านจบแล้วต้องย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ย่อหน้าแรกอีกครั้ง
และกลับไปอ่านเอนทรี่อื่นของจขบ.


โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:50:43 น.  

 
อืม 19 อีกครั้ง สัญญาว่าจะเข้าเรียนตลอดนะ

แล้วแกก็eroticโดยไม่ได้บอกในเมล์ 55


โดย: อ๋อง IP: 124.120.213.151 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:43:08 น.  

 
^^
^^
ตัวข้างบนนี่สัญญาอะไร เพ้อกันใหญ่

คนหอนั้นกะหอข้างๆเค้าหลอนจะตาย
แต่แกกลับเปียก แล้วก็เอามาแต่งเป็นเรื่องเป็นราว
T T



โดย: ส้มโอ IP: 203.131.220.50 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:07:11 น.  

 
ถึงจะัมีตอนท้าย ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าเป็นเ้รื่องแต่ง 55+
เกือบหลงไปแกลเลอรี่ด้วยคนละ - -


โดย: nanoguy IP: 125.24.127.60 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:52:51 น.  

 
รู้สึกเหลือเราคนเดียวที่ยังไ่ม่ได้ฟัง


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:38:50 น.  

 
แล้วเจอกันครับ !!
- Assajan Jakgawan (SO::ON Dry FLOWER)
- Dj Nor (Fat Radio 104.5)
- Forgot Your Case (Final Kid)
- Kijjaz (Monotone Group)
- The Apostate (Electronic post rock)
- Nannue Tipitier (SAE Bangkok)
- Space360 (DCl)
- Visual experience by Reset Group

DetailVenue : Cosmic Cafe, RCA
Date : 18.12.08
Time : 20:00 – 02:00
Fee : 150 Baht


โดย: oui IP: 203.149.56.138 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:07:48 น.  

 
- - -ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินช้าๆ กลับไปยังถนนพื้นคอนกรีต แล้วค่อยๆ เอนนอนลงไปตรงจุดเดิมที่ผมตื่นขึ้นมา - - -

ชอบประโยคนี้



โดย: renton_renton วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:21:23 น.  

 
^
^
ชอบตรงนี้เหมือนกัน

อ่านลื่นดีครับ และน่าค้นหาความหมาย


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:21:54 น.  

 
อิน้องต่อค๊ะ ข้าพเจ้าไม่ยักกะรู้ว่าเอ็งออก พ๊อกเก๊ตบุค
ไว้จะไปร้านหนังสือแถวบ้าน อุดหนุนเอ็งนะว่ะค่ะ

ถึงตรูจะอยู่บ้านน๊อก ก็จะพยายมหาเน่อ

ปล.พี่ก็ไปงานหนังสือนะว้อยยย เสียดายไม่รู้ก่อน ไม่งั้นก็จะไปสอย ที่ บูทหว่ะ


โดย: พี่โจ้สุดสวยยย IP: 203.118.92.202 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:36:13 น.  

 
เหมือนกำลังอ่านงานของ มุราคามิ
ดำดิ่ง มืดหม่น ยั่วเย้าจิตใจได้ดีจริงๆ ^.^


โดย: christmas IP: 58.8.214.49 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:33:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.