|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
22 สิงหาคม 2549
|
|
|
|
แม่จ๋า อย่าร้องไห้
ชีวิตที่ได้อยู่ห่างจากครอบครัว ทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระจากความเข้มงวดของผู้ปกครอง
สิรี... สาวน้อยที่อยู่ในวัยเรียน และสนุกสนานกับงานขายสินค้าประเภทขายตรงเป็นอาชีพเสริม เธออยู่ห่างไกลจากครอบครัวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพราะได้ที่เรียนที่อยู่คนละจังหวัดกับที่บ้าน
สิรีเพิ่งจะเริ่มงานขายตรงจากการชักชวนของเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มีเงินทองจับจ่ายอย่างเกินตัว เธอรู้สึกสนุกสนานกับการพบปะผู้คน ในขณะเดียวกันกับที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเรียน จนไม่อยากจะลงมือทำอะไรในเรื่องเรียนเอาเสียเลย
หลังจากเข้าวงการ เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปพบปะผู้คนตามสถานที่จัดการอบรมให้แก่สมาชิกใหม่ของงานขายแห่งนั้น และที่นั่นเอง เธอได้เปิดตัวเองไปสู่อีกโลกหนึ่ง ....โลกของการสร้างพลังใจ ....โลกที่เห็นแต่ความสำเร็จ ....โลกที่ไม่เคยมีใครยอมแพ้ ....โลกที่ผลตอบแทนสูงค่า และ.....โลกที่เต็มไปด้วยผู้คนน่าค้นหา
สิริเพลิดเพลินไปกับโลกใบนั้น จนลืมนึกไปว่า หน้าที่ที่สำคัญของตัวเองคืออะไร ผลการเรียนไม่ได้ส่อให้ทางบ้านเห็นถึงความผิดปกติใดๆ เธอยังคงเสมอต้นเสมอปลายในการพูดคุยกับคนทางบ้าน เพียงแต่... บทสนทนาเริ่มเปลี่ยนแปลง
ในวันนี้... ไม่มีเรื่องราวของเพื่อนร่วมชั้นเรียนให้กล่าวถึง ... ไม่มีคำบ่นเรื่องของงานที่เรียน
แต่หลายถ้อยคำ....บอกเล่าให้แม่ได้รับรู้ถึงงานเสริมที่ได้ขออนุญาตไว้กอนหน้า ....บรรยายความสนุกสนานของงานที่เธอได้พบเจอ ....บรรยายบรรยากาศของงาน รูปแบบของการจัดอบรม จากบทสนทนานี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้แม่ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"อย่าลืมเรื่องเรียน...นะลูก" บทสนทนาสุดท้ายที่แม่มีให้ลูกคนนี้เสมอมา
"สบายอยู่แล้ว แม่... ไม่ต้องห่วง"
สิ้นเสียงคุยพร้อมการกดวางโทรศัพท์จากฝั่งตรงข้าม คุณแม่เพิ่ม เริ่มสำเหนียกถึงความผิดปกติของลูกสาวตนเอง
"คุณพระคุณเจ้า.. ขออย่าให้ สิริ เห็นการทำงานสำคัญกว่าเรื่องเรียน เล้ย" แม่เพิ่มเชื่อว่า ลูกของเธอ มีความรับผิดชอบมากพอ เพราะเธอมั่นใจว่า ตัวเองเลี้ยงลูกมาพร้อมกับการปลูกฝังความรับผิดชอบต่อตนเองให้ลูก
สิรีรู้สึกดีใจมากเมื่อวันหยุดยาวมาถึง เธอจะได้กลับบ้านไปพบคุณพ่อคุณแม่ที่เธอรักและเคารพเสมอมา ยิ่งช่วงนี้งานขายตรงที่เธอรับผิดชอบเริ่มจะดีขึ้น เธอขายของได้บ้างแล้ว แม้รายได้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้เธอจับจ่ายใช้สอยสะดวกขึ้น เธออยากจะกลับไปเล่าให้แม่ฟังถึงสิ่งที่เธอเพิ่งค้นพบ
ที่บ้าน...สิริและครอบครัวรู้สึกถึงความสุขที่ได้รับการจากพบกัน หลังจากอาหารเย็น เธอเริ่มต้นเล่าประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เธอได้รับให้กับแม่
"สิรี..ลูกแน่ใจแล้วเหรอ ว่านั่นเป็นทางเดินที่ลูกเลือก" แม่เพิ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นๆ หลังจากฟังเรื่องราวของสิริจบ
"แน่ใจสิคะ หนูคิดว่า หนูจะสามารถทำงานนี้ได้" สิรีกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นใจ
"หน้าที่ของลูกตอนนี้คือการเรียนนะ ถ้าจบแล้วจะทำอะไร แม่ก็จะเห็นด้วยทุกอย่าง แต่ตอนนี้ขอให้ลูกทำหน้าที่ในเรื่องการเรียนให้เรียบร้อยก่อนจะดีมั๊ย อีกไม่นานลูกก็จะเรียนจบแล้ว" แม่เพิ่มกล่าวต่อ ด้วยน้ำเสียงเตือนกลายๆ
สิรีแปลความหมายของคำพูดนั้นไปในลักษณะที่คิดว่า แม่ไม่เชื่อความสามารถในตัวเธอ จึงตอบกลับไปด้วยเสียงที่เย่อหยิ่งเล็กน้อย "ทำไมละคะแม่ หนูจะทำทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันไป แม่คอยดูสิ หนูจะต้องทำให้ได้"
"แม่รู้...ว่า ลูกทำได้ แต่ทำไมลูกต้องรีบร้อนที่จะต้องทำงานด้วยหล่ะ รอให้จบก่อนแล้วค่อยทำต่อก็ได้" แม่เพิ่มยังคงเอ่ยตอบสิรีด้วยความใจเย็น
"ตอนนี้หนูมีโอกาส หนูก็อยากจะไขว่คว้ามันไว้ ยังไงหนูก็ไม่ทำให้การเรียนเสียหรอก" สิรีโต้ตอบคุณแม่ด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม
"แต่ลูกอย่าลืมนะ ที่ลูกเรียนอยู่หน่ะมันต้องใช้เวลาพอสมควร ลูกต้องทำงานวิจัยไม่ใช่เหรอ ถ้าลูกจะต้องใช้เวลาเดินทางไปหาลูกค้าหรือจัดงานอบรมอะไรนั่น แล้วเมื่อไหร่ลูกจะทำงานวิจัยที่ต้องส่งให้เรียบร้อยได้หละ"
หลังคำพูดของแม่ สิรีรู้สึกปวดหนึบในใจ แม่พูดถูก งานวิจัยที่สิรีทำมาสองปียังไม่คืบหน้า จนทำให้เธอเกิดความเบื่อหน่าย และหันไปหาอาชีพเสริม เมื่อไหร่จะเรียนจบ เป็นคำถามที่กวนใจสิรีอยู่ตลอดเวลา เธอไม่อยากได้ยินประโยคนี้จากใคร เพราะไม่รุ้ว่าจะตอบอย่างไร เมื่อแม่มาพูดตอนนี้ ถึงกับทำให้สิรีหมดความอดทนกับความกดดันที่เธอต้องแบกรับเอาไว้หลายปี เธอจึงพูดเสียงดัง โต้ตอบออกไป
"ก็เพราะงานวิจัยนี่แหละ ที่ทำให้หนูรู้สึกเบื่อ หนูไม่อยากเรียน อยากจะทำงานมากกว่า ทำงานสนุกกว่า ทำวิจัยมาตั้งสองปีแล้ว ไม่เห็นมีอะไรก้าวหน้าเลย เรียนก็ไม่จบสักที หันไปทางไหนมีแต่คนถาม หนูไม่อยากจะตอบคำถามนี้ หนูจะทำงานจนกระทั่งหมดเวลาเรียนไปเลย ให้ถูกไล่ออกไปเลยดีกว่า แม่ไม่เข้าใจหรอก เพราะแม่ไม่ได้มาเรียนอย่างหนูนี่"
ถ้อยคำที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปากลูกสาวที่แม่เพิ่มไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยิน ทำให้เธอรับรู้ถึงแรงกดดันที่อยู่ในใจสิรี ในขณะเดียวกันเธอไม่อยากจะเชื่อว่า ลูกสาวที่เธอเฝ้าสอนมาอย่างดีจะพูดจาเหมือนไม่เคารพตัวเอง ไม่มีความอดทนเพียงพอ และเลือกที่จะตัดสินตัวเองด้วยการกระทำอย่างที่พูดมา เธอเข้าใจลูกเสมอมา การเรียนของลูกไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจึงอยากจะเตือนลูกให้เข้าใจหน้าที่ของตัวเอง และให้กำลังใจ แต่ลูกกลับมองว่า เธอไม่เข้าใจ ความน้อยใจในคำพูดของลูก ทำให้แม่เพิ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก มีลมอ่อนๆ บีบอัดอยู่ข้างในใจ จนในที่สุดหยดน้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลรินออกมา โดยปราศจากคำพูดใดๆ
สิรีนั้นรู้สึกสบายขึ้นหลังจากระเบิดคำพูดพวกนั้นออกไป แต่เมื่อเธอเหลือบตาไปมองแม่ สายธารแห่งน้ำตาก็หลั่งไหลมาเต็มใบหน้าเธอเช่นกัน
"แม่ร้องไห้ เราทำให้แม่เสียใจ.." คำพูดเหล่านี้วนเวียนอยู่ภายในความคิดคำนึงของเธอ พร้อมๆ กับหยดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงอาบหน้า
"แม่จ๋า หนูขอโทษ แม่อย่าร้องไห้นะคะ หนูผิดเอง เพราะหนูไม่รุ้ว่าจะแก้ปัญหายังไง ก็เลยไม่อยากจะสู้มัน พยายามหนีไปทำเรื่องอื่น หนูสัญญาค่ะ ว่าจากนี้ไป หนูจะไม่หนีปัญหาอีกแล้ว หนูจะสู้กับมัน เหมือนอย่างที่แม่สอนหนูมา เหมือนที่แม่เคยปฏิบัติให้หนูเห็น และหนูจะไม่ทำให้แม่ร้องไห้ เพราะหนูอีกแล้ว" สิรีตรงเข้าไปกราบขอโทษคุณแม่ พร้อมทั้งเอ่ยประโยคนี้ออกมา เป็นคำกล่าวที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกที่สำนึกผิดในการกระทำผิดกับบุพการีอย่างใหญ่หลวง
เราคงไม่ต้องพูดกันต่อว่า แม่เพิ่มกับสิรีจะปรับความเข้าใจกันอย่างไร แต่นี่เป็นตัวอย่างของความเอื้ออาทรกันในครอบครัว บุพการีพร้อมที่จะเข้าใจและให้กำลังใจแก่ลูกทุกคนเสมอมา
เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง แต่โชคดีที่ต้นเหตุของความเสียใจไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตมากนัก อีกทั้งสิรียังมีสำนึกมากพอที่จะรับรู้ถึงความผิดที่มีต่อครอบครัว
เพราะครอบครัวคือจุดกำเนิดเริ่มต้นของตัวเราและสังคม แม้เราจะรู้สึกว่า พ่อ-แม่ ไม่เข้าใจเรา แต่เราก็ต้องเคารพผู้ให้กำเนิดทั้งสองจนกว่าชีวิตจะหาไม่
Create Date : 22 สิงหาคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 22 สิงหาคม 2549 12:18:34 น. |
Counter : 568 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: MDA 22 สิงหาคม 2549 12:19:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลายฟ้า IP: 210.1.23.98 22 สิงหาคม 2549 14:10:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: sea IP: 58.10.161.198 24 สิงหาคม 2549 8:43:35 น. |
|
|
|
| |
|
|
MDA |
|
|
|
|
ขอโทษด้วยถ้าเรื่องยาวไป ข้ามได้เลยค่ะ