ถ้าสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็นล่ะ?น่าคิดนะ
วันนี้ฝึกงานไปก็นั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยครับ ว่าเออสิ่งที่เราเป็นนี่ของจริงมันเป็นอย่างที่เราเห็นหรือเปล่า?
ว่าแล้วลองมองไปนอกหน้าต่าง เจอใบไม้ มันสีเขียวจริงเหรอ ที่เราหลายคนว่ามันสีเขียวเพราะเรามีตาแยกแยะสีได้สีเขียวจริงๆ ใครทุกคนในโลกก็เห็นว่ามันสีเขียว แต่ในความเป็นจริง โลกที่เราจับต้องได้ (ลองหลับตานึกหน่อยนะครับ) มันมีสีเขียวจิงเหรอ มันอาจมีสีแดงแป๊ดก็ได้นี่นา แต่ตาทุกคนในโลกมองว่ามันมีสีเขียว เราเชื่อว่ามันสีเขียวเพราะคนทั้งโลกมองว่ามันสีเขียว
แน่ใจเหรอว่าสีผิวคนเราเป็นสีเนื้อ อาจเป็นสีม่วงหรือน้ำเงินก็ได้นี่นา น่าคิดนะเนี่ย เออ ไม่รู้ผมบ้าหรือเปล่าที่คิดเรื่องแบบนี้
เรายึดติดและเชื่อในสิ่งที่คนทุกคนรอบๆตัวเราและรวมเราไปด้วยว่าสิ่งที่เราเห็นมันคือสิ่งที่เป็นแน่ๆ แต่ก็ยังหาความจริงไม่ได้อยู่ดีครับว่าตกลงมันใช่อย่างที่เราๆคิดกันหรือเปล่า
มันเหมือนหน้าของเรานะครับ ผมว่าเกิดมาผมยังไม่เคยเห็นหน้าตาจริงๆของตัวเองเลยนะ นอกจากถ่ายรูป(ตัวเอง) ไม่ก็ส่องกระจก แต่ว่ารู้ได้ไงว่านั่นน่ะหน้าเราเพราะในกระจกมันกลับด้านนี่นา ตกลงเราไม่มีโอกาสเห็นหน้าเราอย่างจริงๆซักที หูก็เหมือนกันเคยเห็นหูตัวเองมั้ยครับ นั่นสิ คิดมาได้ไงวะเนี่ย ท่าจะบ้าไปแล้ว เฮ่อ กำมาก
แต่ผมว่ามีสิ่งๆนึงที่คิดได้ในตอนนี้คือสิ่งที่คนทุกคนเห็นและผมคงเห็นเหมือนๆกันกับคนอื่น มันคือการกระทำครับ เราทำเองเราเห็นเอง และคนรอบข้างเราก็เห็นว่าเราทำอะไร มันไม่มีทางกลับด้านแบบภาพในกระจก มันไม่มีทางถ่ายเก็บไว้ได้แบบรูป แต่มันจะอยู่กะเราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไร และคนรอบๆตัวเรารับรู้และรู้สึกถึงมันได้ คงจะดีถ้าเรามีสิ่งที่เห็นเป็นสิ่งที่เป็น ไม่ต้องเสแสร้ง บางคนเรียกสร้างภาพ แต่ละวันในชีวิตคงมีความสุข
พอและเพ้อเจ้อเกิน
ลองมองกลับที่ตัวเองนะครับ สิ่งที่เห็นเป็นอันเดียวกับสิ่งที่เป็นหรือเปล่า ลองปรับดูครับ ดึงเอาความเป็นตัวเองออกมา ชีวิตจะได้มีความสุขทุกวันที่ได้เป็นตัวของตัวเอง
"มาร์คเป็นตัวของตัวเอง มาร์คผิดตรงไหน?"
ขอให้คนที่เข้ามาอ่านมีสิ่งที่เห็นที่เป็นสิ่งที่เป็นนะครับ ผมว่าคงมีความสุขมากกว่าการมีสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองเป็น
คิดได้ไงวะ
อ่านไปอ่านมางงอ่ะเดะ ไม่ต้องตกใจครับ ตอนเขียนก็งงเหมือนกัน
Create Date : 18 เมษายน 2549 |
|
19 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2549 22:20:08 น. |
Counter : 419 Pageviews. |
|
|
|
เคยอ่านเจอในหนังสือเซนคะ
เขาเปรียบให้ฟังประมาณว่า
เวลาที่คุณมองดวงดาวกระพริบบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
คุณรู้ไหมว่า ณ เวลานั้น ดวงดาวดวงนั้นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันขยับไปตำแหน่งอื่นแล้ว
แต่เนื่องจากระยะห่างระหว่างดวงดาว กับโลกของเรามันไกลกันมาก แล้วยังกว่าภาพนั้นกว่าจะมากระทบเลนส์ตาเรา มันใช้เวลาเป็นกี่ปีแสงไม่รู้กว่าภาพที่เกิดขึ้นจริงนั้น มันจะเป็นภาพที่เราเห็นอยู่ตอนนี้
แม้แต่บางครั้ง เราอาจเคยมองเห็นเชือก เป็นงู เพราะมองครั้งแรกแว๊บๆ เห็นไม่ชัดไรงี้
ดังนั้น บางที สิ่งที่เราเห็น ที่เรารับรู้ จึงอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไปคะ