|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
One Flight Down @ Narita Airport
| | | |
ไม่ได้เขียนบล็อคตั้งหลายเดือน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะกลับมาเขียนเพราะเรื่องนี้ เศร้าจัง
05.05 ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น เราตื่นมาอย่างเพลีย ๆ เพราะไม่ค่อยสบาย เพื่อทำไฟล์ทเช้าที่สุดของวัน เมื่อคืนเรานอนไม่ค่อยหลับ ส่วนหนึ่งเพราะกังวลว่าจะตื่นไม่ทัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของทุกคนที่ไม่อยากไปทำงานเช้าตรู่ วันนี้ต้องรับศึกหนัก ทำไฟล์ท Quick Turn คือไปแล้วกลับเลย ซึ่งเป็นไฟล์ทที่ไม่มีใครอยากทำ แถมผู้โดยเต็มอีก ขอบคุณพระเจ้า !!!
ระหว่างแต่งตัวอย่างเซ็ง ๆ มึน ๆ เราแหวกผ้าม่านเพื่อดูว่าข้างนอกสว่างรึยัง เห็นลุงยามตึกตรงข้ามเดินเสื้อปลิวลมไหว ๆ อยู่กลางลานจอดรถ แอบนึกสงสารลุงที่ต้องทำงานเช้าเหมือนกัน แล้วก็พาลนึกต่อไปว่า วันนี้ลมแรงจังฟะ
ประมาณเจ็ดโมง ล้อก็เคลื่อน มุ่งหน้าสู่สนามบิน ช่วงก่อนขึ้นรถ ลมพัดแรงมาก จนพวกเราต้องรีบแย่งกันขึ้นรถ ส่วนตัวเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว พอมาเจอลมด้วยนี่ยิ่งเกลียดเข้าไส้ เพราะมันหนาวเข้ากระดูกเราเชียว
ระหว่างทางไปสนามบิน ก็นั่งฟังเพลงมัน ๆ บิ้วท์อารมณ์เซ็ง ๆ ที่ต้องทำงานแต่เช้าไปตามปกติ ช่วงไฟแดงก่อนจะเข้าสนามบิน เสียงรถหวอก็ดังลอดหูฟังเข้ามา เรารู้สึกว่ารถบัสของเราชะลอตัวเพื่อให้รถหวอไปก่อน ในใจก็คิดว่า ดีแล้วแหละที่ให้เขาไปก่อน สงสัยเป็นรถพยาบาล
เดินเข้าไปบรีฟที่โอเปอเรชั่นเหมือนเดิม พอเห็นสเกตบินเดือนหน้า เริ่มเซ็งเข้าไปอีก แต่พอเห็นว่าต้องเป็นคนครัวอีกแล้วไปกลับ ยิ่งเซ็งเป็นที่สุด ทำไมวันนี้มันน่าเบื่อแบบนี้นะเนี่ย แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมามากมาย ก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป
ได้ยินแว่ว ๆ ว่ามีเครื่องบินเชี่ยวกัน ตอนนี้บรีฟเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ต้องออกไป ให้รอเขาเคลียร์รันเวย์กันก่อน ไอ้เราก็นั่ง ๆ รอ ๆ ดูสเกตเดือนหน้า ในใจก็ยังคงเซ็งอยู่ (เออ...จะเซ็งอะไรนักหนา) ตอนนี้พี่ ๆ เริมคุยกันว่า ถ้าเครื่องเราออกช้า เราจะกลับมาถึงดึก พรุ่งนี้ยังต้องไปฮาวายต่ออีก บลา ๆ ๆ คิดกังวลกันไปต่าง ๆ นานา
สักพักข่าวมาใหม่ว่า เครื่องบินส่งสินค้าหรือ Cargo Flight ของ FedEX ไฟไหม้ทั้งลำเลย ตอนนั้นเริ่มไม่ดีแล้ว แล้วไฟล์ทชั้นนี่จะยังไง จะได้ออกกี่โมง แล้วต้องให้รออีกนานแค่ไหน คิดไปด้วยความเห็นแก่ตัวว่าตัวเองจะลำบากยังไง ตอนนั้นบรรดา manager ก็วิ่งกันวุ่น หาทางจัดการกับไฟล์ทของเรา แล้วก็อีก 2-3 ไฟล์ทที่ออกไม่ได้เหมือนกัน ข่าวว่า เครื่องบินลำใหญ่จะแลนด์ไม่ได้ เพราะเครื่องที่ตกอยู่ในรันเวย์นั้น
ประมาณ 9 โมงเช้า ไฟล์ทของเรากับอีกไฟล์ทที่เป็น Quick Turn เหมือนกันก็โดนยกเลิก ตอนนั้นเราคิดว่า ถ้าไปคงจะเรื่องเยอะ ไหนสนามบินนาริตะจะมี curfew อีก แต่ขอบอกเลยว่า ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่ไม่ต้องไป แต่ก็เก็บอาการ แอบยิ้มเล็ก ๆ กับพี่อีกคน รอดแล้วตรู ส่วนอีกไฟล์ทที่จะกลับกรุงเทพก็ต้องร้องเพลงรอต่อไป
มันเป็นความรู้สึกเหมือนเรารู้ว่าครูที่สอนวิชาที่เราไม่ได้ทำการบ้านไม่มาน่ะ มันโล่งอก ดีใจอย่างบอกไม่ถูก รีบเดินขึ้นรถกลับกันอย่างหน้าชื่นตาบาน ในใจก็คิด สบายล่ะตรู วันนี้ก็ได้หยุดอีกหนึ่งวัน ทำไรดีหว่า คิกคักอยู่คนเดียว
แต่พอรถเริ่มเคลื่อนตัวออก นั่งฟังเพลงมัน ๆ ต่อ แต่มันกลับไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เริ่มคิดว่า เรามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นป่าววะ พาลนึกถึงกัปตันที่บินไฟล์ทนั้นว่าเขาจะรอดมั้ย ถ้าเขาไม่รอดล่ะ เราควรจะดีใจที่ตัวเองได้สบายเพราะเครื่องเขาตกรึเปล่า เริ่มรู้สึกผิด จนต้องเลิกฟังเพลง แล้วก็ภาวนาให้พวกเขาปลอดภัย ถึงแม้จะได้ยินว่า เครื่องพลิกคว่ำ ไฟไหม้หมดทั้งลำก็ตามที
ถึงห้องตอนสิบโมงเห็นจะได้ ลมข้างนอกก็ยังคงแรงอยู่เหมือนเดิม รีบเปิดดูข่าวทันที แล้วก็น้ำตาจะไหลเมื่อได้ยินว่า กัปตันทั้งสองคนเสียชีวิตแน่นอนแล้ว เพราะเครื่องบินพลิกคว่ำและไฟไหม้ทั้งลำ เราคิดว่า เขาคงออกมาไม่ทัน แล้วก็อาจสำลักควันด้วย ภาพจากข่าวจะเห็นได้ว่า เครื่องบินพยายามจะแลนด์ แต่มีลมทางใต้ท้องเครื่องพัดเข้ามา จนเครื่องมันพลิกไปทางปีกซ้าย แล้วไฟก็ลุกไหม้ เพราะเครื่องยนต์มันอยู่ที่ปีก สักพักมีข่าวว่า มีเครื่องบินตกอีกลำที่ Montana, USA นั่นก็เสียชีวิตทั้งลำ แถมส่วนใหญ่เป็นเด็ก ๆ ด้วย วันนี้วันเดียว พรากชีวิตคนไปเกือบยี่สิบคน เพราะสาเหตุเดียวกัน น่าเศร้าที่สุด
รู้สึกเสียใจมากกับความรู้สึกเป็นสุขเมื่อตอนเช้า จึงนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขาไปสู่สุขคติ แล้วก็รีบโทรกลับบ้าน เพราะกลัวที่บ้านจะเป็นห่วง แล้วก็จะยังคงติดตามข่าวต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดทำให้เราแอบคิดว่า ถ้าไฟล์ทเราไม่โดนยกเลิกล่ะ แต่ด้วยลมที่แรงแบบนี้ เครื่องเราจะปลอดภัยมั้ย หลายต่อหลายครั้งที่เรานั่งสวดมนต์อยู่ที่เก้าอี้ลูกเรือ ภาวนาให้เราแลนด์ได้อย่างปลอดภัยทีเหอะ ก็เพราะลมพวกนี้แหละ เป็นตัวการสำคัญ เราเคยเจอเหตุการณ์ที่ต้องไปแลนด์สนามบินอื่นเพราะเครื่องบินลงไม่ได้มา 2-3 ครั้ง ตอนนั้นคิดว่าดีแล้วที่กัปตันตัดสินใจไปลงที่อื่น แต่ก็มีอีกหลายครั้งเหมือนกัน ที่เราได้ยินหลังจากแลนด์ลงไปแล้วว่า มีเครื่องเราลำเดียวที่ลงได้ในช่วงเวลานั้น เครื่องอื่นเขาไปลงที่อื่นกัน ฟังแล้วก็อยากจะปรบมือให้กัปตัน แต่อีกใจก็คิดว่า แล้วถ้าเกิดมันแลนด์ไปแล้วมันไถลออกไปนอกรันเวย์เพราะลมแรงมากล่ะ เราจะยังโชคดีเหมือนวันนี้มั้ย
ทุกอย่างไม่เที่ยง มีเกิดก็มีดับ เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องไปเหมือนกัน แต่กระนั้น หน้าที่หลักของลูกเรือก็คือต้องมีสติตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ไหน เพราะเมื่อเกิดเหตุคับขัน มีแต่พวกเราเนี่ยแหละ ที่จะเป็นคนดูแลและนำผู้โดยสารให้มีชีวิตรอดออกมา และพวกเรานี่แหละที่จะเป็นคนสุดท้ายที่ได้ออกจากเครื่อง...ถ้าพวกเรายังมีชีวิตรอด
สุดท้าย ขอไว้อาลัยให้กับ Cockpit Crews ของ FedEx แล้วก็อีกไฟล์ทที่ USA และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของทุกท่านที่เสียชีวิต
One flight down - Norah Jones
| | | | |
Create Date : 23 มีนาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 23 มีนาคม 2552 9:55:06 น. |
Counter : 914 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: คูณโน IP: 58.8.17.223 23 มีนาคม 2552 15:41:08 น. |
|
|
|
|
|
|
"Why do we have such a finite capacity for pleasure but an infinite one for pain ?" - The other side of the story
|
|
|
|
|
|
|
สู้ๆ นะ
ดูซีรี่ย์แก้เซ้งกันไป เรื่องไม่ดีก็ไม่อยากพูดถึง
คิดถึงเหมือนกัน แล้วค่อยคุยกันนะจ๊ะ