Big city, small me 大大的北京与小小的我 หนูน้อยในเมืองหญ่ายยยย
Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
ไหว้พระเก้าวัด-----ที่เมืองโบราณ (ตอนแรก)



เคยมีอาการน้อยเนื้อต่ำใจในจังหวัดที่ตัวเองอาศัยอยู่ไหม
ดิฉันเคยค่ะ
บ้านดิฉันอยู่จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดที่ อืม อืม (คิดอยู่นาน) ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจเลยยยยย
นอกจากที่นี่ค่ะ เมืองโบราณ
ไปครั้งแรกน่าจะตอนสิบกว่าขวบ โห อึ้งกิมกี่ไป แถวบ้านเรามีที่เที่ยวดีๆกับเขาด้วยเรอะ ความรู้สึกที่ว่าทำไมบ้านชั้นก็อยู่ใกล้กรุงเทพฯนะ แต่ทำไมในกรุงมันมีทุกอย่าง แต่บ้านกรูไม่มีอะไรสักอย่าง ก็มลายไปเสียสิ้น(เว่อร์ไปนิด)

วันสิ้นปีที่ผ่านมานี้ ก็ได้แวะเวียนไปเยี่ยมเมืองโบราณอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4
ไปไหว้พระเก้าแห่ง ขอพรให้ปี 2550 เป็นปีที่ดี (สาเหตุอีกอย่างหนึ่งคือช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยดี ไปไหว้พระแล้วน่าจะรู้สึกดีขึ้น ผลเป็นอย่างไร อ่านต่อสิคะ ฮี่ฮี่)

งานที่เขาจัดกันในปีนี้มีชื่อแบบเป็นทางการว่า “ไหว้พระ9แห่ง ขอพร 9 ประการ”
งานจบไปแล้วแหละ วันสุดท้ายคือวันที่ 31 ที่ดิฉันไปนั่นแหละ จัดขึ้นก็เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่ดีหรือไม่ก็ตามไปไหว้พระ ขอพร เป็นสิริมงคลในโอกาสขึ้นปีใหม่

เดี๋ยวก่อน ทุกท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อเมืองโบราณกันมาบ้าง แต่รู้นะ ว่ามีไม่กี่คนหรอก ที่เคยมาเที่ยวที่นี่
เมืองโบราณตั้งอยู่ในพื้นที่กว้างขวางกว่าพันไร่ ภายในพื้นที่นี้ได้จำลองปูชนียสถาน โบราณสถานอันทรงคุณค่าและเป็นที่ยอมรับกันในสายตาชาวไทยว่าสำคัญต่อประเทศเรา ส่วนขนาดนั้นอัตราส่วนการย่อไม่แน่นอน บ้างก็ย่อเล็กลงกว่าของจริงมาก บ้างก็มีขนาดใกล้เคียงของเดิม แผนผังของเมืองโบราณเขาออกแบบดีด้วยนะ ทำเป็นรูปขวานนั่นแหละ โบราณสถานสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในก็เรียงรายกันตามแผนที่ประเทศไทยแหละ สิ่งก่อสร้างไหนอยู่ภาคอะไร ในเมืองโบราณนี้ก็จะอยู่ในโซนนั้น เรียงเป็นภาคๆไป แต่ส่วนตะวันออกสุดทางด้านเหนือ จะมีส่วนพิเศษที่ต่อเติมขึ้นมา สิ่งก่อสร้างในส่วนนั้นจะเน้นไปในทางที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณชาวไทย คือเป็นแนวศาสนา หรือวัฒนธรรม เช่น วิหารเจ้าแม่กวนอิม อะไรแบบนั้น

วันนี้ดิฉันก็ไปไหว้พระขอพรเก้าประการกับคุณพ่อคุณแม่(ต่อไปนี้ขอเรียกตามที่เรียกจริงว่าอาป๊า อาม้านะคะ อุอุ) ออกเดินทางกันตอนประมาณสิบเอ็ดโมง ถึงที่โน่นก็สักสิบเอ็ดโมงยี่สิบ (ภูมิใจจริงๆ นานๆจะได้ไปเที่ยวโดยใช้เวลาอยู่ในรถไม่เกิน 1 ชั่วโมงสักที)
เราเอารถไปเอง เสียค่าเข้าคนละ 100 บาท ค่านำรถยนต์ส่วนตัวเข้าอีก 50 บาท ได้แผนที่มาด้วย เดี๋ยวหลง(ซึ่งสุดท้ายก็ยังหลงอยู่ดี แหม แต่ละภาคแต่ละสถานที่มันอยู่ใกล้กันเสียขนาดนั้นนี่) แผนที่อันนี้ดีมาก เพราะมีทำเส้นทึบบอกไว้ด้วยว่าควรจะวิ่งไปทางไหน เรียงลำดับวัดยังไง (ความจริงก็คือเส้นทางรถรางเขาแหละ ถ้าไม่ได้ขับรถมาก็นั่งรถรางก็ได้ สะดวกกว่าเสียอีกนะ ไม่กลัวหลงดี แถมมีบรรยายประกอบความรู้ด้วย) แต่ขอโทษเถอะค่ะ กว่าหนูจะรู้ว่าแผนที่มีประโยชน์ขนาดนั้น ก็ไม่ทันแล้ว เพราะพอรถเข้าจากประตูทางเข้าซึ่งอยู่ใต้สุดประเทศไทยแวบเดียว ก็ไปถึงโน่นแล้ว ภาคกลาง ไปๆมาๆ มาโผล่ภาคเหนือ อ้าวว กว่าจะเข้าใจความหมายของแผนที่ก็ไม่ทันการณ์ สุดท้ายเลยเรียงลำดับเอาเองตามใจชอบ และตามแต่ที่รถเราจะหลงไปถึง (ซะงั้น)



วัดจองคำ


เริ่มแรกเราไปไหว้พระกันที่วัดจองคำ จังหวัดลำปางกัน
ด้วยความที่ไหว้พระบ่อยเกินไป เลยเกิดอาการเก้กัง รับพานดอกไม้มาแล้วก็งงๆว่า ไม่มีธูปเทียนเหรอคะพี่ แต่ก็เกรงใจไม่อยากถาม เลยทำตามคนอื่นเขาไป
วัดนี้ของจริงเป็นยังไงก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ว่าจำลองออกมาแล้วสวยสดงดงามมาก ดูแล้วคิดว่าเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนา ตัวเรือนทำด้วยไม้เป็นหลัก ภายในประดิษฐานรูปเคารพทั้งพระพุทธรูป และอื่นๆ(คือ ไม่มีเวลาอ่านป้าย เพราะป่าป๊าต้องรีบกลับให้ทันตอนเย็น เลยไม่รู้ว่าเป็นรูปเคารพอะไรบ้าง) ด้วยความที่ความรู้ด้านศิลปะมีน้อย เลยอาจจะไม่สามารถอธิบายได้ละเอียดเห็นภาพ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
อยู่ในวัดได้ไม่ทันไร ก็ต้องรีบออกมาเดินทางไปยังวัดที่สอง นั่นคือวิหารวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน
วัดนี้แตกต่างจากวัดแรกมาก ตรงที่พอเข้าไปปุ๊บก็จะได้กลิ่นธูปเทียนเยอะมาก อาจเพราะองค์ประธานภายในเป็นพระพุทธรูปสี่ทิศ จำได้ว่าทั้งสี่ทิศเป็นปางเดียวกันคือปางมารวิชัย สวยงามทีเดียว


วัดที่สามที่เราไปกันคือวิหารวัดเชียงของจังหวัดเชียงราย วัดนี้โปร่งพอสมควร ศิลปะก็เป็นแบบล้านนาแหละ เราชอบศิลปะแนวนี้อยู่แล้ว ในวัดนี้ที่จำได้เป็นพิเศษคือข้างๆพระประธานมีพระพุทธรูปขนาดเล็กให้เสี่ยงทายกันด้วย ด้วยความเกรงใจก็ได้แต่กวาดตาดูแวบๆว่าเสี่ยงทายยังไง อ่านจบด้วยความงงๆแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย อธิษฐานแล้วก็เสี่ยงทายไปว่าเรื่องนั้น(อุบไว้ไม่บอก)เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไหม แล้วก็ให้ตั้งจิตว่าถ้าเป็นจริงขอให้ยกพระพุทธรูปได้ ถ้ายกครั้งแรกไม่ขึ้นให้ลองยกอีกที แล้วอธิษฐานตรงข้ามกับครั้งแรก (อะไรประมาณนี้ รีบๆอ่านเลยงง) สรุปว่าเราก็อธิษฐานเรื่องเดิม แล้วทั้งสองครั้งก็คือยกไม่ขึ้นทั้งสองครั้ง แล้วงี้แปลว่าอะไรฟระนี่ งงจริง
ต่อจากนั้น เราก็ไปที่วิหารสุโขทัยกัน คือ ที่นี่ส่วนที่ประทับใจคือภาพเขียนฝาผนังที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ มีภาษาไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงประกอบด้วย เสียดาย ไม่ได้อยู่ดูให้ละเอียด


รูปเคารพที่เราไม่ทราบชื่อในวัดจองคำ


หลังจากไหว้พระภาคเหนือครบแล้ว ท้องก็เริ่มหิว เลยวกรถกลับลงมาที่ภาคกลาง คือที่ตลาดน้ำ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะจำลองมาจากตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่เคยไปอยู่ดี
ตลาดน้ำเป็นสถานที่ที่เราจำแม่น จำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือนเมืองโบราณเลย ลมเหนือน้ำเย็นๆโชยมา สบายดี อาหารก็เป็นอาหารพื้นๆ คือ ส้มตำ น้ำตก ลาบ ไก่ย่าง และก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ถึงแม้อาหารจะพื้นๆ แต่รสชาติดีมาก กินแล้วติดใจเลย ราคาก็ย่อมเยาด้วย(อันนี้สำคัญ ฮ่าฮ่า)
หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็ประมาณบ่ายสองเห็นจะได้ ก็กลับมาตะลุยไหว้พระกันต่อ
เนื่องจากว่าตอนนี้อยู่ที่ภาคกลาง ดูๆแผนที่แล้วในการไหว้พระเก้าวัดครั้งนี้ ส่วนภาคกลางก็มีอยู่สองที่คือ มณฑปพระพุทธบาท สระบุรี กับหอพระแก้ว จังหวัดเพชรบุรี (เพชรบุรีน่าจะเรียกว่าเป็นภาคใต้แล้วแต่ด้วยที่อยู่ใกล้ๆกันเลยขอเหมาเอาอย่างนี้ล่ะนะ)
เริ่มกันที่มณฑปพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตอนอยู่บนรถหม่าม้าก็พูดเรื่องโซ้ยอี๊ขึ้นมา ว่าจำได้ไหม ตอนนั้นตอนที่อี๊เขาใกล้เสียเราพามาไหว้ที่นี่แทน เพราะถ้าจะไปของจริงคงจะเดินไม่ไหวแล้ว แล้วก็พูดต่อว่า พอคราวโหง่วอี๊มาเลยรีบพาไปไหว้ของจริงเลย กลัวเดี๋ยวไม่ทันอีก ดูสิ โหง่วอี๊แข็งแรงเชียว คงเป็นเพราะผลบุญที่ได้ขึ้นพระบาท เราเลยบอกว่า เอาไว้ไปไหว้พระบาทจริงๆกันเถอะ
มณฑปพระพุทธบาทจะขึ้นไปต้องเดินขึ้นบันไดนาค ที่เขาว่าของจริงคงตั้งใจทำให้คล้ายกับบันไดสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พอเดินขึ้นไปถึงยอด เราก็เข้าไปนมัสการรอยพระบาทจำลองกัน โผล่หน้าเข้าไปปุ๊บก็เห็นคนกำลังล้อมวงตั้งเหรียญกันใหญ่ ไม่ได้สิ ชั้นต้องตั้งบ้าง ก็ไปนั่งตั้งเหรียญกันพักนึง พอดีว่ามือไม่ค่อยเที่ยงกว่าจะตั้งได้เล่นเอาใจหายใจคว่ำ พอตั้งได้ปุ๊บก็ดีใจใหญ่ คราวนี้บุญมาแน่ๆ(เออ คิดอะไรแปลกๆ)
หลังจากนมัสการรอยพระบาทแล้วก็ออกมาไหว้องค์พระด้านนอกและตีระฆังแถว สนุกดี เป็นความสนุกปนสงบที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว
ตอนไหว้องค์พระนอนข้าพเจ้านั่งไกลไปหน่อย มองคาถาไหว้ไม่ค่อยถนัด เพราะมักจะมีคนเข้าๆออกๆมาบังป้ายอยู่สม่ำเสมอ(แล้วทำไมแกไม่เขยิบเข้าไปใกล้ๆป้ายวะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันฮ่ะ) คนข้างนอกเห็นคงขำ อีหมวยนี่ทำไรฟระ โยกซ้ายป่ายขวา ไหว้ไม่เสร็จสักที

หลังจากท่องคาถาจบบทในที่สุด (เย้) เราก็เดินลงบันไดนาคมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน



Create Date : 05 มกราคม 2550
Last Update : 5 มกราคม 2550 9:48:21 น. 4 comments
Counter : 1102 Pageviews.

 
ชอบเมืองโบราณมากกกกกกกกกกกกกก


ไปปีละสองสามหนก็ยังไม่เบื่อ ฮิๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:9:48:08 น.  

 
จริงเหรอคะ โอ ดีใจ มีคนเที่ยวจังหวัดหนูด้วย


โดย: concubine วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:9:55:52 น.  

 
แจ้ก็ชอบไปวัด .... สงบ เงียบ เย็นกาย สบายใจ ... สมาธิเกิด ปัญญามีจริง ๆ

แต่ก่อนอาจจะชอบเที่ยวทะเล ภูเขา น้ำตก ไม่มีวัดเป็นลิสต์ในใจเลย แต่ตอนนี้ ... ชอบไปวัดจัง วัดเล็ก วัดใหญ่ เข้าที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ ... ปราศจากทุกข์ภัยไปชั่วขณะ ได้จริง ๆ

สงสัยจะถึงเวลาที่ แก่ (วัด) แก่ (วา) แล้วจริง ๆ


โดย: เจ๊ปู (bunditz ) วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:10:40:33 น.  

 
แวะมาอ่านน่าสนใจค่ะ


โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:13:30:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

concubine
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บล็อกของหญิงสาว ขาว หมวย ไม่สวยแต่ดุ กินจุ ปากร้าย แต่จริงใจนะเคอะ

ขณะนี้หญิงผู้นี้เรียนจบปริญญาโทด้านการแปลและล่ามจีนไทยเรียบร้อยแล้ว และได้กลายสภาพมาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบนดอยแห่งหนึ่ง พร้อมทำงานแปลควบคู่ไปด้วยยามว่างเว้นจากงานประจำ
Friends' blogs
[Add concubine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.