ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเราคือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ยทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะเม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้างเม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้านัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆนัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโนเรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinderแชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วยไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8 ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9 เช้าวันสุดท้ายของเราในสิงคโปร์ตั้งปลุกตั้งแต่ตี 4 ครึ่งตื่นมาปุ๊บ ส่งข้อความไปปลุกหนุ่มปั๊บ กลัวมันไม่ตื่น แล้วเราอดไป ฮา ๆแล้วก็ไปอาบน้ำต้องใช้วิธีอาบน้ำนอกห้องตัวเองอีกแล้วอุตส่าห์จ่ายแพงเพื่อให้มีห้องน้ำส่วนตัวในห้องรวม สุดท้ายก็ต้องมาใช้ห้องน้ำรวมข้างนอกเพราะไม่อยากให้เสียงอาบน้ำรบกวนเพื่อน ๆ อีก 7 คนในห้องที่กำลังนอนหลับสนิทตอนตี 4 ครึ่งแต่ยังดีที่ห้องน้ำรวมข้างนอกชั้น 1 มีแค่ห้องเดียว แล้วติดกับห้องหญิงล้วนของเราเลยไม่ต้องเดินไกลแต่ตอนจะม้วนผม แต่งหน้า ต้องขึ้นไปเข้าชั้น 2 เพราะห้องน้ำรวมห้องเดียวข้างล่าง มันไม่มีเคาร์เตอร์ให้วางของเลยต้องไปม้วนผม แต่งหน้าห้องน้ำข้างบน ที่มันจะมีเคาร์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วมีปลั๊กไฟให้เสียบก็หอบข้างของอุปกรณ์อาบน้ำ แต่งหน้า ม้วนผมไปอาบห้องน้ำรวม ประตูสีฟ้าที่น้อง staff ผู้หญิงบอกไว้ตั้งแต่วันแรกว่าถ้ายูจะเข้าห้องน้ำ จำไว้ว่าให้เข้าประตูสีฟ้า ไอ้เราก็จำเอาไว้ เอ๊ะ หรือเราจำผิดก็ไม่รู้ตื่นมาแต่เช้า อาบน้ำ สระผมข้างล่างเสร็จขึ้นไปชั้นสอง แต่งหน้า ม้วนผมตอนตี 5 กว่ากำลังม้วนผมอยู่ดี ๆ มีผู้ชายคนนึงผลักประตูเข้ามาแล้วเข้ามาฉี่ให้ห้องน้ำที่ซอยย่อยไว้จ้าอ้าวตายห่าน นี่ตูเข้าผิดเป็นห้องน้ำผู้ชายรึเปล่าวะหลังจากที่หนุ่มคนนั้นออกไป เราเลยออกไปดูอ๋อ มันเป็นห้องน้ำรวมจ้ะ ได้ทั้งผู้ชาย ได้ทั้งผู้หญิงเราก็ไม่รู้เนอะ ไม่ได้นอนชั้น 2ห้องน้ำนี้มันอยู่หน้าบันไดเวลาขึ้นไปถึงเลย เลยผลักเข้าไปใช้บริการเลย เห็นว่าประตูสีฟ้าแต่เราคาดว่ามันน่าจะมีของหญิงล้วนอีกห้องนึงนะไม่งั้นใครอาบน้ำเสร็จ อยากนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาแต่งตัวที่แห้งด้านนอก (ซึ่งชั้นทำบ่อย)มันก็ไม่เหมาะสมนะ ถ้าเป็นห้องน้ำรวม กำลังม้วนผมเสร็จดี ไม่เสร็จดีตี 5.30 ผู้ชาย ส่งข้อความมาว่าอยู่หน้าโฮสเทลแล้ว ออกมารับหน่อยเวง ผมตูยังม้วนไม่เสร็จเลย ไม่ต้องม้ง ต้องม้วนมันละ ดีนะแต่งหน้าก่อนจริง ๆ ไอ้คำว่าแต่งหน้าของเราเนี่ย ก็ไม่ได้มีอะไรนะแค่ทากันแดดแล้วโปะ ๆ รองพื้นรอยสิวที่เพิ่งไปเลเซอร์มาแล้วทาแป้งบาง ๆ ใส่สีให้คิ้ว แก้ม ปากอ่อน ๆ แค่นั้นเองอ้อ โฮสเทลก็ดีนะ ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าได้นะ ทุกคนจะเป็น key card ตั้งแต่ประตูใหญ่เลยเลยรีบหอบอุปกรณ์ลองมาจากชั้น 2 มาเปิดประตูให้หนุ่มแล้วไปเก็บของเตรียมตัวไปรถไฟใต้ดินหนุ่มบอกว่า ยูไม่ต้องรีบหรอก ใต้ดินมันเริ่มทำงานตอน 6 โมงครึ่งอ้าว แล้วยูมาไงอ่ะอ๋อ มาแท็กซี่แล้วตื่นกี่โมงเนี่ย ตอนชั้นส่งข้อความไปตื่นรียังอ๋อ ดูหนังทั้งคืนเลย ยังไมได้นอนเลย กลัวนอกลงไปแล้วไม่ตื่นแหม่ เหมือนหนุ่มวันที่สองเลย ที่นัด 6 โมงเช้าแล้วมันนั่งเล่นเกมส์ทั้งคืน เพราะกลัวว่านอนแล้วจะไม่ตื่นผู้ชายสิงคโปร์มันตื่นยาก ตื่นเย็นแบบนี้ทุกคนป่ะเนี่ยแถม....รู้สึกผิดเลยกรู ทำหนุ่มไม่ได้นอนแล้ว แถมให้มันจ่ายตังแพงมาหาเราอีก ฮีก็ไปชงกาแฟกิน แล้วฮีก็บอกว่า มีกาแฟ ฮีอยู่ได้ละแล้วเราก็เอาข้าวของทำสวยของเราเข้าไปเก็บในห้องแล้วออกมาแพ็คขนมปังทาแยมเตรียมไปปิคนิคกับหนุ่มระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นบน Marina Barrage ฮิ ๆแล้วเราก็นั่งคุยรอเวลากันไป จนกว่ารถใต้ดินจะเปิดวิ่งแต่ตอนนั้นก็แอบคิดนะว่า โห เปิดตั้ง 6 โมงครึ่ง แล้วจะทันพระอาทิตย์ขึ้นตอน 7 โมงข้างบนนั้นมั้ยเพราะมันไม่ได้อยู่ตรงสถานีรถไฟใต้ดินนะ ตั้งเดินไปอีกไกลประมาณนึง แล้วต้องเดินขึ้นอีก ฯลฯแต่ก็ไม่กล้าบอกหนุ่มนะ ก็นั่งคุยรอกันไป แล้วหนุ่มก็ขอนามบัตรโฮสเทลไปเอาไปถ่ายรูปหรืออะไรเนี่ยแหละ แล้ว หนุ่มเอาแต่ก้มหน้าก้มตากับมือถือตอนตี 5 ครึ่งเนี่ยนะ แกจะคุยกับใครวะอ่อ ลืมไป มีเพื่อนอยู่ออส อาจจะแชทกับเพื่อนที่ออสก็ได้คุยกับเราไป ก้มดูมือถือไปซักพักอยู่ดี ๆ หนุ่มก็บอกว่า ไปกันเถอะ รถมาละเราก็เหวอดิ รถอะไร ยังไงสรุป หนุ่มมาเฉลยจ้ะ ว่าที่ก้ม ๆ เงย ๆ กับมือถือเมื่อกี๊น่ะ คือเรียก uber จ้าโหยยยยยยย หล่อเลยยยยยยยยย เจ้กรี๊ดดดดดดดดดดดด สรุป หนุ่มมาเฉลยจ้ะ ว่าที่ก้ม ๆ เงย ๆ กับมือถือเมื่อกี๊น่ะ คือเรียก uber จ้าโหยยยยยยย หล่อเลยยยยยยยยย เจ้กรี๊ดดดดดดดดดดดดก็แอบตกใจเล็กน้อย มิได้เตรียมตัวเตรียมใจมา ฮา ๆแหม รู้สึกว่าปีนี้เจอหนุ่มแล้วหนุ่มเรียก uber ให้ทั้ง 2 ประเทศที่ไปเลยนะต้นปีไปไต้หวัน นัดเจอหนุ่มวันแรก หนุ่มก็เรียก uber มาให้ได้ CRV เลยนะแจ๊ะ แต่ แต่ แต่ ไม่ไหวเลย คนขับแม่งเพิ่งสูบบุหรี่มา เหม็นไปทั้งรถแต่ดีหน่อย uber ที่สิงคโปร์ คนขับไม่สูบบุหรี่แต่ท่าทางแพงนะ เพราะ taxi ก็โคดแพง uber แพงกว่า taxi อีก แล้วนี่กี่โมงจ๊ะ เพิ่งจะ 6 โมง!!!ไม่รู้ว่าเค้าคิดเรทคูณ 1.5 เท่ารึเปล่าเพราะอย่างที่เคยคุยกับ taxi ที่นี่ไปเมื่อบล็อคที่แล้วว่าเรียก taxi ที่นี่ แต่ละเวลา ค่า taxi ไม่เท่ากันนะจ๊ะถ้าช่วงเวลาคนเรียกเยอะ เช่นเวลาก่อนไปทำงานตอนเช้าและหลังเลิกงาน หลังเที่ยงคืน บวกเพิ่มเข้าไปอีก 50% จ้า ตอน 6 โมงเช้าวันอังคารรถไม่มีเลย ถนนมืดสนิท แต่ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยนั่งดูวิวมืด ๆ คุยกันนิดหน่อยก็ถึงละไม่กล้าคุยมาก เกรงใจคนขับ ก๊าก ๆกะว่าจะช่วยหนุ่มจ่ายซะหน่อยอ้าว ไม่มีมิเตอร์ แล้วเค้าก็ไม่รับเงินแฮะคิดว่าเค้าตัดบัตรเครดิตไปเลย ไฮเทคดีแท้ แล้วหนุ่มคนนี้ก็ช่วยเราแบกเป้ ประทับใจอีกละเรารู้สึกเลยว่าหนุ่มที่นี่เทคแคร์ดี (ถ้าเค้าคิดกับเรามากกว่าเพื่อนนะ เดาเอา ๆ)เพราะเจอหนุ่มที่นี่ 4 คน2 คนที่เจอมากกว่า 1 ครั้งจะช่วยแบกเป้ให้ตั้งแต่เจอกันส่วนอีก 2 หนุ่มที่มีรถหนุ่มคนนึงนี่เรารู้กันว่าเป็นเพื่อน แม่งกินโคดเร็ว ไม่ค่อยคุยกับเราระหว่างกินข้าว แถมตอนพาเดินเที่ยวแม่งยังก้มแชทมือถือตลอดทางส่วนอีกหนุ่มนึงก็ไม่ได้ช่วย แต่เค้ามาเจอกับเราแค่ชั่วโมงกว่าเองเพราะต้องไปธุระต่อแต่เป็นความผิดของเราเองแหละ ที่ไม่ได้นัดเค้าล่วงหน้า จู่ ๆ เกิดไม่มีหนุ่มมาเที่ยวครึ่งวันเช้าก็ไปให้เค้าออกมาเลยซะงั้น อ่ะแล้วเราก็มาถึง Marina Barrageขึ้นไปถึงโอ้แม่เจ้าไม่มีคนเลยซักคนเดียวมืด ๆ เงียบสงบเห็นแสงไฟจากวิวตึกไกล ๆแล้วเราก็หาที่นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นกันซึ่งเราก็เพิ่งรู้ว่า พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งทะเล ไม่ได้ขึ้นฝั่งตึกตอนแรกคิดว่าพระอาทิตย์จะขึ้นฝั่งวิวตึกซะอีกแต่คิดไปคิดมาเออว่ะ จากที่ดูรูปรีวิวแล้วเห็นพระอาทิตย์ฝั่งตึก นั่นมันยามเย็นมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นไปมานี่หว่า เอ๋อจริงตู(ขอยืมรูปที่เค้ารีวิวมา เครดิตอยู่ในรูปค่ะ) เราสองคนก็เลยนั่งที่นั่งที่หันหน้าไปทางพระอาทิตย์ขึ้นกันเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมากกกกกกกกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว)เพราะเป็นสนามหญ้าเงียบ ๆ ไม่มีคนเลย แล้วนั่งกันอยู่สองคนคุยกันหนุงหนิงระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นเราจำเรื่องที่คุยกันไม่ได้หรอก แต่เราคิดว่าฮีก็คงรู้สึกดีเหมือนกันจำได้ประมาณว่าฮีถามเรื่องแฟนเก่าเรา เราก็เลยถามกลับด้วยคำถามเดียวกันเล่าเรื่องครอบครัวของเค้า ครอบครัวของเราถามเรื่องที่ฮีไปเรียน ไปทำงาน ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเป็นเวลานานเรารู้สึกว่า ผู้ชายทุกคนที่เราคุยแล้วรู้สึกอยากเจอ คือผู้ชายที่เคยไปอยู่ต่างประเทศมาระยะเวลานึงกันหมดเลยคือเราว่าคนพวกนี้เปิดใจมากกว่าคนที่ไม่เคยไปใช้ชีวิตต่างถิ่นที่ไหนไปเที่ยวอย่างเดียวมันก็ต่างกันนะคนที่ไปใช้ชีวิตเค้าจะมีมุมมอง เปิดใจรับคนต่างชาติ ต่างภาษาอย่างเรามากกว่าแล้วตลกมากหนุ่ม 2 คนที่เราเจอมากกว่า 1 ครั้งที่เคยไปใช้ชีวิตต่างประเทศจะสนิทกับคนชาติอื่นมากกว่าชาติตัวเองหนุ่มทั้ง 2 คนไม่มีเพื่อนสนิทเป็นสิงคโปร์เลย ทั้ง ๆ ที่ก็มีคนสิงคโปร์เป็นเพื่อนร่วมงานอยู่ในประเทศนั้น ๆเที่ยวกับหนุ่ม 2 คน เหมือนพูดซ้ำสองรอบในบางหัวข้อแล้วก็เหมือนได้ฟังเรื่องซ้ำในบางเรื่องที่เหมือนกันของหนุ่มทั้ง 2 คนเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆอาจจะดีเพราะว่าเราไปเที่ยวด้วยมั้งถ้าไปเราทำงาน ไปอยู่คนเดียวที่นั่น ทุกอย่างมันก็คงแตกต่างจากนี้ แล้วก็ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นว้า พระอาทิตย์ขี้อาย เพราะเมฆเยอะ มองไม่เห็นจ้ะแต่ได้เห็นเมฆสีรุ้งที่มีพระอาทิตย์อยู่ด้านหลังก็ฟินละได้นั่งคุยกับหนุ่มเงียบ ๆ ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นก็ฟินเหมือนกันหันหลังกลับไปดูฝั่งตึกแอบให้หนุ่มลองไปนั่งเป็นนายแบบให้หน่อย เพราะเราอยากถ่ายรูปตัวเราเล็ก ๆ ไกล ๆ แล้ววิวกว้างใหญ่เลยแอบถ่ายด้านหลังหนุ่มมาเห็นมั้ยว่าไม่มีคนเลยจริง ๆ บรรยายกาศน่ารักมากแล้วเราก็เดินเล่นกันต่อไปยังอีกฝั่งนึงของแม่น้ำแล้วเราก็เดินเล่นไปตรงเขื่อนเงียบสงบ ไม่มีคนเลยซักคนเดียวเราชอบทางเดินริมฝั่งแม่น้ำมากเลยเพราะมันเขียว แบ่งแยกทางเดินและทางจักรยานชัดเจนแล้วเช้าวันอังคารแบบนั้น ทางเดินก็เงียบสงบเหลือแต่กลุ่มพายเรือหรือ dragon boat ที่มาซ้อมในแม่น้ำทุกวันเห็นหนุ่มบอกว่าแข่งเรือ dragon boat นี่สิงคโปร์ชนะตลอดเลยนะแล้วนักกีฬาทุกคนต้องตื่นมาซ้อมที่แม่น้ำนี้ทุกเช้า ไม่มีวันหยุด ต้องทุ่มเทมากเลยจริง ๆ กว่าจะเข้าขากันได้แล้วเราก็เดินคุยกันจนสุดทางริมแม่น้ำเรื่องที่คุย จำได้เรื่องเดียวคือเรื่องที่เป็นทหารหรือ National Serviceคือผู้ชายสิงคโปร์ทุกคนต้องไปเป็นทหาร 2 ปีเนอะจะมีการฝึกเกี่ยวกับร่างกายหนัก ๆ ในแคมป์ประมาณ 3 เดือน กลับบ้านได้แค่เสาร์ อาทิตย์ ตื่นมาวิ่ง มาฝึกทุกเช้า กิน นอน เป็นเวลา แล้วหลังจากนั้นก็ไปฝึกตามแผนกต่าง ๆ บางที่ก็ได้กลับมานอนบ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็นอนในแคมป์ แบบนี้ก็จะได้เพื่อนสนิทเลยเนอะตลอด 3 เดือนที่ฝึกพร้อมกัน นอนใกล้กันฮีก็บอกว่าใช่ ๆแล้วสนุกมั้ยในแคมป์เป็นคำถามที่เราถามผู้ชายส่วนใหญ่ที่แชทด้วยนะแต่คนนี้ก็ตอบดีนะเค้าบอกว่าชอบมากเลยนะจะมีซักกี่ครั้งในชีวิตที่เราจะได้ใช้ชีวิตที่ healthy ขนาดนี้ตื่นแต่เช้า ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายจริง ๆไม่ใช่อาหารขยะรสอร่อยที่เราอยากกินแต่ไม่มีประโยชน์แล้วก็นอนหัวค่ำทำแต่สิ่งที่ทำให้สุขภาพดีตลอด 2 ปีโอ้ว พูดได้ดีแล้วฮีก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆแล้วฮีก็ไม่อ้วนด้วยนะแต่เป็นคนชอบกินของหวานมากกกกกกกแล้วก็นอนดึก ตื่นสายแต่ให้ใช้ชีวิตแบบเรียนทหารก็ทำไม่ได้แต่ฮีบอกว่า เสียใจอยู่อย่างนึงตอนที่ฮีไปเรียนต่อเมืองนอกน่ะทำให้ฮีไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ที่สิงคโปร์เลยแถมก็ทำงานที่โน่นด้วยเพื่อนสนิทสมัยมัธยมหรือตอนเป็นทหารก็ขาดหายไปเลยกลับมานี่ก็ต้องมาหาเพื่อนใหม่เลยแล้วเพื่อนแต่เก่าก่อนก็ไม่ค่อยสนิทกันเหมือนก่อนแล้วแต่จริง ๆ แล้วเราว่าเพื่อนสมัยเรียน ถ้าจะต่อกันจริง ๆ ก็น่าจะติดนะเพียงแต่ว่า ทุกคนยุ่งมากด้วยไง ทำงานกันหมดแล้วทำงานที่สิงคโปร์เนี่ย ไม่ได้สบาย สบายเหมือนออฟฟิศที่ไทยนะจ๊ะเราไปอ่านกระทู้ที่คนสิงคโปร์ได้รับมอบหมายมาทำงานในเมืองไทย 2-3 ปีแล้วกลับไปสิงคโปร์ฮีบอกเลยว่าคนไทยขี้เกียจ ทำงานช้า กินข้าวกลางวันนาน มีไปช้อปปิ้ง แล้วก็จับกลุ่มเม้ากันเวลางานซึ่งสิงคโปร์ไม่มีนะจ๊ะเค้าบอกเลยว่า แค่เอาความขยันและระบบการทำงานของคนสิงคโปร์มาซักครึ่งนึงพวกมันสามารถเป็นผู้บริหารในเมืองไทยได้เลยเจ็บมั้ยล่าแต่เค้าก็ชอบมาทำเมืองไทยนะเพราะได้เงินเดือนสิงคโปร์ แต่จ่ายค่าครองชีพของไทยมีเงินไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ เที่ยวอาบอบนวดได้ทุกวันก็ได้ถ้าจะทำ แถมมีเงินเหลือเก็บด้วย (โห ดูมันพูด)สามารถเช่ารถหรูขับได้คนไทยก็ดูเหมือนกันว่าเราขับรถยี่ห้ออะไร ใส่นาฬิกาอะไรแหมพูดไปจะหาว่าเราโม้มโนเขียนเอาลิงค์อ้างอิงไปอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเองเลยดีกว่า [AMA] I am working in Bangkok!(AMA ย่อมาจาก ask me anything) แต่ก็จริงนะเพื่อนสิงคโปร์เราพักเที่ยงแต่ครึ่งชั่วโมงเองแล้วก็ต้องกลับมาทำงานต่อแถมต้องทำ OT อีกวันธรรมดาของพวกเค้ายุ่งกันจริง ๆ ไม่มีเวลาหาเพื่อนหรือหาคู่เลยรัฐบาลของเค้าก็เลยทำกลุ่ม meetup ในคนในประเทศเค้าได้รู้สึกสังคมเพิ่มมากขึ้นกว่าคนในที่ทำงานเรียกว่า Social Development Networkเป็นกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกีฬา ศิลปะ ดนตรี ฯลฯให้คนมาทำกิจกรรมกลุ่มกัน เผื่อว่าถูกตาต้องใจกันจะได้จับคู่แต่งงานช่วยรัฐบาลปั๊มลูกมาจ่ายภาษีต่อไปกันหน่อย ฮา ๆ เดินมาจนสุดทางละ ประมาณ 9 โมงกว่าฮีก็ถามว่าจะไปไหนต่อแล้วแต่ฮีเลย ไอมีเวลาครึ่งวันฮีก็เลยพาขึ้น private bus คนละ 1 เหรียญไปสนามกีฬาใกล้ ๆมากับคนท้องที่ก็ดีเงี้ยเนอะเป็นเรา ๆ ก็คงไม่รู้นะว่ามันมี private bus ไปสนามกีฬาจากตรงป้ายรถเมล์นี้ด้วยก็นั่งไปสนามกีฬากัน ฟ้าครึ้ม ๆก็เดินไป 1 รอบแล้วก็นั่งกินขนมปังทาแยมที่เตรียมมาคนละ 2 คู่นั่งกินไปก็คุยเรื่องงานที่ฮีทำแล้วเพิ่งลาออกมาฮีจบการทำหนังมานะ แต่ดันมาชอบการลงทุนพวกหุ้น พวก Futures ต่าง ๆฮีบอกว่า การลงทุนของฮี รับประกันว่า ลง 10 ได้ 8 ขาดทุน 2 เสมอจะขาดทุนหรือได้กำไรนิดหน่อยจากค่าเงินแล้วเป้าหมายการลงทุนของฮีคือผลตอบแทน 5-10% ต่อเดือน ย้ำ ต่อเดือน!!!เฮ้ย มันจะได้กำไรง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ขั้นต่ำ 60% ต่อปี!!แต่ฮีก็ต้องเลือกตลาดต่างประเทศด้วยว่า อยากลงทุนตลาดไหน ซึ่งมีให้เล่นทั้งวันทั้งคืนทุกประเทศ ฮา ๆแต่ฟังไปฟังมารู้สึกปวดหัวมากกว่าตาลุกวาวอยากลงทุนเปลี่ยนเรื่องดีกว่าแต่เป็นช่วงเวลาน่ารักเหมือนกันนะนั่งกลางแจ้ง กินขนมปังทาแยมกันตอน 9 โมงกว่า 10 โมง แต่ไม่มีแดดแล้วตลกมาก นั่งไปนั่งมาแป๊บเดียวฝนตกแล้วตกเฉพาะเมฆก้อนตรงที่เรานั่งกินกันด้วยนะเดินออกมาหน่อยในบริเวณเดียวกันก็ไม่ตกแล้วสงสัยมีใครไม่อยากให้เรานั่งอยู่ตรงนี้นานก็เป็นได้แล้วเราก็ไปเดินวนรอบสนามกีฬากัน ระหว่างเดิน ฮีก็วางแผนอีกละอ่ะ ยูอยากไปไหนต่อ เพิ่งจะ 10 โมงกว่าแต่เราก็ 2 จิต 2 ใจละว่าจะไปกะหนุ่มคนไหนดีวะหนุ่มคนนี้ก็อยากไปต่อ แต่หนุ่มที่เที่ยวด้วยกันมาสองวันก็อยากเจอเป็นวันสุดท้ายแล้วก็นัดเค้าไว้แล้วด้วยคือหนุ่มคนนี้บอกว่า ชั้นพายูเที่ยวได้ถึงตอนยูกลับสนามบินล่ะแต่เราก็เกรงใจเนอะ จริง ๆ อยากแค่นัดมาดูพระอาทิตย์ขึ้น กับเดินเล่นนิดหน่อยแค่ 10 โมงตอนนี้เท่านั้นแหละแล้วเราก็บอกฮีแล้วนะว่าเรานัดเพื่อนอีกคนกินข้าวเที่ยง มื้อสุดท้ายในสิงคโปร์เพราะฮีก็คงรู้สึกดีกับเราอ่าเนอะ แล้วเราก็รู้สึกดีกะฮีเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีเรื่องถามว่าไปไหนต่อ ฮา ๆ (มโนอีกละ)แล้วก็เกรงใจอีกอย่าง คือ ฮียังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน คือว่าคงต้องง่วงมากแต่ฮีบอกว่าไม่เป็นไร ยังไม่ง่วง เอาไงดี ๆเดินคิดไป วนสนามกีฬาไปอยู่ 3 รอบเลยตัดสินใจว่าเอาแผนเดิมดีกว่าไปหาหนุ่มคนเดิมเป็นวันสุดท้าย เพราะยังไง ๆ เราก็นัดกับเค้าไว้แล้วแล้วอีกอย่างหนุ่มคนนี้ บอกไว้แล้วว่าเค้าจะไปเที่ยวกรุงเทพ ฯ ปีหน้าเพราะปีนี้เดี๋ยวอาทิตย์นี้ไปเมลเบิร์น ยังไม่มีกำหนดกลับ อาจจะอยู่บ้านเพื่อนซัก 2-3 เดือนมันก็จะหมดปีอยู่แล้ว เค้าเลยกะจะไป กทม ปีหน้าซึ่งยังไง เราก็คงได้เจอหนุ่มคนนี้อยู่แล้วล่ะ หนุ่มเห็นเราตัดสินใจไม่ได้ก็พูดขึ้นมาว่าตัดสินใจยังไงก็ได้ที่เอาตัวเองมีความสุขไว้ก่อนถ้าตัดสินใจเอาความสุขของคนอื่นแล้วเราไม่มีความสุขสุดท้ายก็จะไม่มีใครมีความสุขเลยเพราะอีกฝ่ายก็รู้อยู่ดีก็เลยตัดสินใจลาฮีดีกว่า ยังไงปีหน้า ถ้ายังคุยกันก็เจอกันอยู่ดีฮีก็เลยไปส่งเราที่โฮสเทล แล้วเลยไปแลกตังแถวนั้นเลย ขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่านทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้างานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละแต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมาขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ รักคนอ่านนะคะ
เพิ่งกลับมาแล้วเห็นบรรยากาศแบบนี้ เลยอยากำปอีก รอบที่3แหละ อยากตบปากตัวเองจริงๆ เมื่อก่อนหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่คิดจะไป ตอนนี้อยากจะไปอีก555 แต่เอาจริงๆเร่คุยกับผู้ชายสิงคโปร์ขนานแท้ที่ไม่ได้ออกนอกประเทศบ่อยๆ คือเข้าใจเลยว่าไม่รู้จะพูดอะไร เพราะชีวิตมันเหมือนๆเดิมทุกวัน งื้อออ อยากเจอคนดีๆแบบจขกท.บ้าง