ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเราคือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ยทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะเม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้างเม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้านัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆนัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโนเรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinderแชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วยไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8 ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9 กินเสร็จ 5 โมงกว่าได้ก็ได้เวลาไปเจอ 2 สาวสิงคโปร์ที่นัดไว้ตอน 6 โมงกว่าเราก็นั่งรถเมล์ไปต่อรถใต้ดินคือนัดเนี่ย ต้องนัดให้แม่นเลยนะเพราะเราติดต่อเค้า 2 คนไม่ได้เพราะเราไม่มีเน็ท ไม่มีซิมคือต้องนัดเป๊ะ ทั้งเวลา ทั้งสถานที่แล้วขอสารภาพว่า สาวคนนึง เราจำหน้าเค้าไม่ได้ก็ได้แต่หวังว่าเค้าจะเดินมาทักเราเองตรงจุดนัดพบตอนแรกนัดกัน 6 โมงครึ่ง แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น 6 โมงตอนสาย ๆ ก่อนเราออกจากโฮสเทลแล้วเราก็บอกว่า อย่าเปลี่ยนแล้วนะ เพราะจากนี้ไป ติดต่อเราไม่ได้แล้วนะ ไปถึงจุดนัดพบตรงทางออก Aเอิ่มไม่เจอเลยมีคนยืนรอกันแค่ไม่กี่คน แล้วไม่เห็นว่าจะมีใครเดินมาทักเราก่อนเลยเราเลยขึ้นบันไดเลื่อนไปดูตรงทางออกด้านนอกเอ๊ะ ก็ไม่มีใครเราก็เลยลงกลับเข้ามารอตรงจุดแตะบัตรออกใต้ดินเหมือนเดิมยืนได้ซักพักมีสาวหมวยตัวสูง เดินยิ้มเข้ามาหาเราใช่แล้ว เป็นสาว 1 ใน 2 ของเรานี่เองดีใจจัง อย่างน้อยเจอคนนึงแล้ว อีกคนก็ไม่ยากละ เพราะให้เค้าโทรหากันได้แต่จริง ๆ 2 สาวนี้ไม่รู้จักกันนะเป็นเราเนี่ยแหละที่รู้จัก 2 สาวผ่านทางทินเดอร์ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันเนอะ เลยนัด 2 คนมาเจอพร้อมกันเลยเธอ 2 คนจะได้เป็นเพื่อนใหม่กันด้วย ไม่ต้องมีรถไฟชนกัน ฮา ๆจะได้ฟังเรื่องหนุ่ม ๆ ในทินเดอร์ที่พวกเธอไปเดทด้วย เป็นการแชร์กันด้วยสาวหมวยอีกคนนึงมาเลทนิดนึงพอเจอตัว โหย ขาวมากอ่ะ แล้วก็ผอมมากด้วยแต่ในรูป ถ่ายในแสงของโรงแรมเลยไม่ได้ดูขาวโอโม่ขนาดนี้เนอะอีกคนก็สูงกว่าในรูป เพราะในรูปเป็นรูปนั่งเลยจินตนาการไม่ถูกนี่ขนาดเราเป็นผู้หญิงนะ ยังรู้สึกว่าในรูปกับตัวจริงช่างแตกต่างจากที่คิดไว้ในเรื่องรูปร่างและสีผิวถ้าเป็นผู้ชายจะขนาดไหนว้าเราจะเลือกคุยกับผู้หญิงที่ไม่ได้ถ่ายรูปเซลฟี่เท่านั้น นี่คือหลักของเราเลยเพราะผู้หญิงที่ถ่ายรูปเซลฟี่แล้วดูจะฟรุ้งฟริ้งกว่าตัวจริง เค้าไม่ได้อยากจะ match กับผู้หญิงด้วยกันอยู่แล้วแล้ว 2 คนนี้เป็นผู้หญิงที่คุยเยอะเราก็มี match กับผู้หญิงเป็น 10 คนเหมือนกันนะแต่บางคนก็ไม่คุยอ่ะ ทักไปแล้วไม่ตอบเงี้ยบางคนตอบแค่ yes, no, ok แล้วจะให้กูคุยอะไรวะ ไม่ได้อยากได้เพื่อนผู้หญิงจริง ๆ นี่หว่าแต่ 2 คนนี้คุยเก่ง แชร์เรื่องนู่น นั่น นี่ รู้สึกว่าถ้ามาคุยกัน 3 คนคงสนุก หลังจากนัดเจอกันสาวโอโม่ก็นำเราไปกินโรงอาหารชั้น 2 ที่ china townซึ่งถ้าเรามาเอง เราคงไม่รู้แต่นอนว่าบนชั้น 2 มีโรงอาหารอยู่ด้วยก็คงกินไอ้ของแพงที่เหมือนโรงอาหารแค่ค่าอาหารแพงกว่า 3 เท่าด้านล่างแน่นอนสาวตัวสูงก็ไม่เคยรู้เลยว่าบนนี้มีโรงอาหารอยู่ด้วยแล้วร้านอาหารเยอะมากกกกกก หลากหลายสุด ๆแล้วราคาก็ไม่แพงเลย 3-5 เหรียญต่อจาน น้ำก็แค่ 1-2 เหรียญเราก็เล่าให้ 2 สาวฟังเนอะว่าอยู่นี่มา 3 วัน ยังไม่ได้กินผัดจริง ๆ จัง ๆ ที่เป็นอาหารบ้านยูเลย2 สาวเลยจัดผัดผักมาให้เลย 2 จาน แล้วก็เป็นไก่ผัดซอสเปรี้ยวหวาน แล้วก็อีกอย่างคล้าย ๆ เกี๊ยวซ่าแล้วเราก็สั่งมะละกอปั่น ไม่ได้ปั่นกะน้ำแข็งด้วยนะเป็นมะละกอสุกปั่นเพียว ๆ อร่อยมากเลยเมืองไทยไม่เอามะละกอมาปั่นนะเคยไปกินไต้หวันก็อร่อย ชอบมาก แต่ไต้หวันจะปั่นกะนม หอมมาก ก็นั่งเม้ากะ 2 สาวเนอะ2 สาวนี่ก็ทำงานออฟฟิศแต่สาวตัวสูงไม่ต้องทำเป็นเวลาดูแลเรื่องการเงินให้กับลูกค้าส่วนใหญ่นัดลูกค้า หลังเลิกงานเพราะเป็นคนไม่ชอบทำงานตามเวลาออฟฟิศ สามารถบริหารจัดการเวลาเองได้อีกสาวโอโม่ก็ทำงานออฟฟิศเคยมีแฟนเป็นคนสิงคโปร์มาแล้วคนนึง อายุห่างกันตั้งเป็น 10 ปีจะแต่งงาน จะซื้อแฟลตด้วยกันละนะ แต่ก็ต้องมาเลิกงานเพราะชีไม่ชอบ life style ที่วันหยุดก็อยู่แต่ห้อง ดูทีวี ไม่ได้ออกไปไหน เพราะแฟนไม่อยากไปไหนก็เลยทนไม่ได้ แล้วแหม เพิ่งอายุ 32 เอง ยังอยากเที่ยว อยากทำกิจกรรมนอกบ้านตั้งเยอะเลยมาเล่น tinder ได้เจอหนุ่มญี่ปุ่น 2 คน แฟน 2 คนก่อนหน้านี้ก็เป็นญี่ปุ่นญี่ปุ่นคนที่ 2 นี่เกือบไปได้ลงหลักปักฐานที่ญีปุ่นแล้วนะ แต่ชีไม่ยอมไปแล้วอีกอย่างคือชีบอกว่า คนญี่ปุ่นเนี่ย เดายากภายนอกเนี่ย อะไรก็ได้หมด แต่ไม่รู้ว่าข้างในคิดยังไงเพราะวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นจะเป็นคนไม่แสดงออกหน้าก็จะนิ่ง ๆ ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่รู้ เหมือนหุ่นยนต์ เดาใจลำบากมากชีบอกว่ามีแต่ผู้หญิงญี่ปุ่นเนี่ยแหละที่จะเข้าใจผู้ชายญี่ปุ่น ชีเลยขอบายดีกว่าแล้วชีก็มาคบกับหนุ่มชิลี ซึ่งโอเคมากเลยแต่ฮียังไม่อยากจะลงหลักปักฐาน แล้วก็ชอบเที่ยวเฮฮา ปาร์ตี้ได้ทุกคืนชีก็หึงอ่าเนอะ แล้วอีกอย่าง ฮีจะกลับประเทศละ เลยไม่รอดตอนนี้ก็ยังอยู่ใน tinder หากันต่อไป ส่วนอีกสาวนึงก็เดทมาหลายครั้งแล้วหลายครั้ง ตอนเจอกัน ผู้ชายจะเสียเซฟล์มากเลย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะเตี้ยกว่าชี ฮา ๆชีบอกว่ามีเข้าตาอยู่คนนึงเป็นหนุ่มมาเลย์ มาทำงานที่สิงคโปร์โปรไฟล์ดีมาก จบอังกฤษ ทำงานก็ดีแต่ผู้ชายรุกหนักไปหน่อย เจอกันเดทแรกหรือ 2 เดทก็จะขอเป็นแฟนเลยชียังไม่มั่นใจ เดทที่ 3 ชีเลยกล้า ๆ กลัว ๆ ยังไม่อยากรีบ เลยปฏิเสธฮีไปก่อนรอฮีนัดมาใหม่แต่สุดท้ายนะ ฮีก็หายไปเลยชีก็เลยรู้สึกว่า เอาวะ ลองเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ดูก็ได้ชีก็เลยส่งข้อความนัดกินข้าวไปแต่สรุป ผู้ชายหายไปเลยจ้าประมาณว่า ถ้าเธอช้า ฉันไม่รอ ฉันไปหาคนอื่นล่ะจ้าโห เศร้าเลย สาวโอโม่เลยบอกสาวตัวสูงว่าจำไว้นะอย่าทักผู้ชายก่อนให้ผู้ชายเป็นฝ่ายทักเราเองเพราะธรรมชาติเนี่ย ผู้ชายจะเป็นฝ่ายไล่ล่าถ้าเค้าถูกล่า เราจะหมดความน่าสนใจสำหรับเค้าทันทีแล้วที่เค้า match เราแต่ไม่ทักเราเนี่ยส่วนใหญ่แม่งก็กดถูกใจผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ เหวี่ยงแหไปก่อนพอมีเหยื่อมาติด ค่อยมาดูหน้าอีกที ถ้าเค้าไม่สนใจ เค้าก็จะไม่ทักเรามาก่อนถ้าเราไปทักเค้าก่อน เค้าก็ไม่ค่อยสนใจ เพราะถ้าเค้าสนใจ เค้าก็รุกใส่เราแล้วอืม....ก็จริงแต่หนุ่มที่เราเที่ยวด้วย เราเป็นคนทักฮีก่อนนะนาน ๆ เราจะทักผู้ชายก่อน ตามประสาหญิงไทยใจงามนอกจากหน้าตาถูกใจจริง ๆ ค่อยหาเรื่องทักไปก่อนเอิ่ม อย่าจินตนาการว่า หน้าตาถูกใจเราจะหล่อ น่ารักอะไรนะหน้าตาถูกใจเราเนี่ย ง่ายมากเลย แค่ตี๋ ๆ เนิร์ด ๆ ใส่แว่น ไม่อ้วน แค่นี้เจ้ก็ละลายละ ก๊าก ๆแล้วฮีคนนี้ก็ตอบกลับเราแบบมีเรื่องชวนคุยต่อ มีตอบคำถามแล้วก็ถามกลับมันเลยคุยกันได้นานกว่า 10 เดือนก่อนจะเจอหน้ากัน ผู้ชายบางคนที่เราทักก่อนก็ไม่ได้สนใจเราอย่างที่สาวโอโม่บอกจริง ๆ นั่นแหละชวนคุยก็ตอบแค่ yes no ok แล้วไม่ถามกลับ ตอบแค่นี้ จะให้กูคิดหัวข้อมาถามมึงทุกวันหรือยังไงวะแต่ก็อีกอย่างนะคือเราก็บอกผู้ชายทุกคนไว้ก่อนเลยว่าเราอยู่กรุงเทพฯ นะ ไม่ได้อยู่สิงคโปร์ เจอตัวไม่ได้นะจ๊ะแต่จะไปเที่ยวสิงคโปร์เร็ว ๆ นี้ อยากได้เพื่อนพาเที่ยวผู้ชายส่วนใหญ่ก็เห็นว่ามันพัฒนาต่อยากก็เลิกคุยไปเยอะที่เหลือ ๆ ก็คุยมั่ง ไม่คุยมั่ง เป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนคุยกันทีก็มีแต่ก็เข้าใจนะ มันสานกันยาก แล้วแต่ละคนก็ไม่ได้อินกับเราขนาดนั้นน่ะนะก็ไว้ชั้นไปเที่ยวที่นั่นค่อยเจอกันหรือยูมาเที่ยวที่นี่ค่อยเจอกันก็แล้วกัน สังเกตมั้ยว่าสองสาวนี่ ไม่มีใครเดทผู้ชายสิงคโปร์เลยเราก็ถามว่าทำไมไม่เดทกับผู้ชายชาติเดียวกันเลยทั้ง 2 คนจะบอกว่าผู้ชายชาติเค้าน่าเบื่อคือถ้าเกิดประเทศเดียวกันอยู่แล้ว มันก็รู้กันอยู่แล้วหัวข้อสนทนามันก็ไม่มีอะไรอย่างมากก็ถามว่า ทำงานอะไร เวลาว่างชอบทำอะไร มันก็จบละเรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรจะแชร์ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบอยู่แต่บ้าน ไม่ทำกิจกรรม หรือออกไปเที่ยวต่างประเทศเลย ยิ่งน่าเบื่อเข้าไปใหญ่เพราะมันจะหมดเรื่องคุยเร็วมากสองสาวนี่เลยไม่เดทกับหนุ่มชาติเดียวกันเลย แล้วเดี๋ยวนี้นะหนุ่มสิงคโปร์ก็ไปเอาสาวประเทศอื่นเพราะสาวสิงคโปร์ก็จะคิดว่าตัวเองเหนือว่าผู้หญิงชาติอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฉันมั่นใจ ฉันทำงานหาเงินเองได้ บ้ากระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าแบรนด์เนม ฉันไม่ต้องพึ่งผู้ชายแล้วผู้ชายที่มาจีบก็ต้องเงินเดือนอย่างน้อย 3-4 พันเหรียญ ก็เป็นแสนบ้านเรา ไม่งั้นฉันไม่เดทด้วยหลัง ๆ ผู้ชายสิงคโปร์ที่หาสาวสิงคโปร์ที่มาตรฐานสูงไม่ได้ ก็ไปหาสาวเวียดนามมาแต่งงานด้วยพูดง่าย ๆ ก็คือไปซื้อมาจากหมู่บ้านในเวียดนามนั่นแหละให้มาเป็นคนใช้ด้วย แม่ของลูกด้วย แถมไม่ต้องการพวกของแบรนด์เนมมีความเป็นแม่ เป็นเมีย เป็นคนใช้ ดูแลบ้าน ดูแลพ่อแม่ผู้ชายได้ ทำได้ทุกอย่างในราคาที่ถูกกว่าผู้ชายแก่หน่อย ประมาณ 40 อัพ แล้วเงินเดือนไม่สูง เลยไปซื้อสาวเวียดนามมาทำเมียหมดแล้วสาวเวียดนามก็ชอบผู้ชายสิงคโปร์นะในหมู่บ้านเค้าก็ฝังหัวมาเหมือนกันว่าให้แต่งงานไปกับผู้ชายสิงคโปร์จะได้ไปสบาย มีเงินส่งกลับมาที่บ้านมันก็เหมือนบ้านเรานั่นแหละ ที่ภาคอีสานมีหมู่บ้านเขยฝรั่ง เหมือนกันเลย แต่สาวโอโม่ก็บอกว่าเนี่ย ชั้นเพิ่งดูสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้แหละแล้วสาวเวียดนามนางนึงที่หัวสมัยใหม่ ไม่แคร์ผู้ชายสิงคโปร์ แล้วก็อยู่เป็นโสดบอกว่าเนี่ย พวกยูรู้มั้ยสมัยสงครามเวียดนามเนี่ยผู้หญิงเวียดนามเป็นกลุ่มเดียวที่รอดมาได้แล้วพวกผู้ชายสิงคโปร์คิดว่าพวกเราโง่เหรอถ้าพวกเราโง่ พวกเราอยู่รอดจากสงครามมาไม่ได้หรอกโหย เจ็บอ่ะ ชอบว่ะแต่ก็วิน วิน นะหนุ่มสิงคโปร์แก่ ๆ ก็ได้เด็กสาวเวียดนามไปแต่งเมีย แล้วดูแลทุกอย่างเด็กสาวเวียดนามก็ได้อยู่ในเมือง มีเงินใช้แล้วก็ส่งกลับบ้านแล้วทัศนคตินี้ก็ลามมาที่หมู่บ้านชนบทในเมืองไทยด้วยจ้ะแต่สาวไทยแย่หน่อยชื่อเสียงเสียตรงที่สาวบ้านเราไปทำงานคล้าย ๆ สาวบาร์บ้านเค้าแล้วก็แต่งเรื่องเอาเงินหนุ่มบ้านเค้าบ่อยเค้าก็จะบอกว่าสาวไทยเป็นพวกหลอกลวงชอบแต่งเรื่อง เอาเงินหนุ่มสิงคโปร์ส่งกลับไปบำเรอลูกผัวตัวเองที่เมืองไทย เวง คิดว่าสาวไทยทุกคนจนเหมือนกันหมดเลยไงวะพวกสาวไทย หมวย ๆ มีการศึกษา ทำงานออฟฟิศอย่างพวกชั้นก็มีนะเว้ยเฮ้ยเออไปเจอหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่โน่นถามกันหมดทุกคนว่ายูเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน ทำไมพูดคล่องจังแหม่ คิดว่าสาวไทยทุกคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือพูดได้ก็ติด ๆ ขัด ๆ ทุกคนหรือไงยะให้ชั้นด่าให้ฟังมะ ชั้นด่าคล่องด้วยนะ ก๊าก ๆ แล้วการเม้ากับ 2 สาวสิงคโปร์ร่วม 3 ชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว3 ทุ่มกว่าแล้ว เลยต่างคนต่างแยกย้าย กลับมาโฮสเทลก็ถามหนุ่มคนเดิมที่เที่ยวด้วยกันมา 2 วันว่าเจอกันกี่โมง (ไม่ได้บังคับนะ ที่ฮีบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเดี๋ยวส่งข้อความบอก)ฮีก็บอกว่า เที่ยงแล้วกัน เพราะฮีต้องเข้าไปทำธุระที่ออฟฟิศก่อนเราก็โอเคได้เลยเอ๊ะไม่อยากให้เวลาครึ่งเช้าเสียไปเป็นคืนสุดท้ายของเราที่สิงคโปร์แล้วอย่ากระนั้นเลยเปล่า ๆไม่ได้จะไปเที่ยวกลางคืน หรือออกไปเดินเล่นกลางค่ำกลางคืนที่ไหนเพราะถึงออก ก็รู้อยู่แล้วว่ามันปลอดภัยเดินถึงตี 1 ตี 2 ก็รู้ว่าปลอดภัยแต่ที่คิดไว้คืนคืนสุดท้ายแล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเลยอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับหนุ่มซักคนนึง คนไหนก็ได้ ให้พาไปหน่อยเพราะไปไม่เป็นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นมันมืดเนอะขนาดไม่มืดยังเดินหลงไป หลงมา วนหาแต่ละที่ตั้งนาน จริง ๆ น่ะ อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ East Coast Parkแต่หลายคนจะบอกว่ามันไปยาก เดินไกลกว่าจะถึงหาด ถ้าไปรถใต้ดินหรือนั่งรถเมล์ทางที่ดีที่สุดคือต้องขับรถไป ซึ่งก็ แหม่ ไม่มีรถอ่านะแล้วกว่าจะไปก็ต้องไปเร็วกว่าเดิมเยอะที่นั่น แถมขากลับก็ลำบากอีก อย่าเลยก็คิดถึง Marina Barrageเพราะเย็นวันแรกไป ประทับใจมากชอบมากจริง ๆ ชอบตั้งแต่ดูรีวิวรูปชาวบ้านก่อนมาที่นี่แล้วล่ะแล้วพอมาถึงก็ชอบจริง ๆชอบบรรยากาศน่ารัก ๆ ที่คู่รัก ครอบครัวมานั่งเล่นปิคนิคที่สนามหญ้าลอยฟ้า มองวิง มองเด็กวิ่งเล่น มันน่ารักอ่ะเลยอยากไปอีกรอบตอนดูพระอาทิตย์ขึ้น อ่ะ พอได้ที่เรียบร้อยละตอนนี้เหลือคนที่จะไปด้วยขอเลือกก่อน ถามที่ละคน ไม่กล้าหว่านไปหลาย ๆ คน เพราะกลัวตอบตกลงกันหมด รถไฟชนกันพอดีอ่ะ จริง ๆ ไม่ใช่หรอกคือมันเป็นเช้าวันอังคารเนอะเป็นวันทำงาน คงไม่มีใครไปกับเราได้ดังนั้นตัวเลือกที่มีทั้งหมด ก็ไปจบลงที่หนุ่มที่เราเจอวันแรกเพราะหนุ่มคนนี้เพิ่งลาออกจากงาน แล้วกำลังรอไปหาเพื่อนที่เมลเบิร์นตอนนี้ฮีก็ว่าง ลองพิมพ์ชวนฮีดีกว่าแต่ชวนแบบมีฟอร์มนะประมาณว่ายู เคยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ marina barrage รึยัง สวยมั้ย ไปยังไงเหรอ เนี่ยว่าจะไปพรุ่งนี้เช้า เป็นเช้าวันสุดท้ายของชั้นที่สิงคโปร์แล้วอ่านแบบนี้คือก็ต้องรู้แล้วป่ะว่าอยากชวนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันโชคดีที่ฮี sense ออกว่าเราชวนเพราะถ้าอ่านคำถามที่เราถามฮี เรายังไมได้ชวนฮีนะ ก๊าก ๆฮีก็บอกว่า เออเนี่ย ยังไม่เคยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นเหมือนกัน งั้นเราไปด้วยกันนะ เสร็จโจร อิอิก็เลยนัดแนะว่าพระอาทิตย์ขึ้นกี่โมง เจอกันกี่โมงสรุปได้ความว่า พระอาทิตย์ขึ้น 7 โมงเช้า (พระอาทิตย์บ้านเค้าขึ้นช้าอ่ะ บ้านเรา 6.15 ไปตากผ้าตรงดาดฟ้าเราก็เห็นแสงส้ม ๆ ละ)นัดเจอกัน ตี 5.45 ที่โฮสเทลเราละกัน กว่าจะนั่งรถใต้ดิน กว่าจะเดินไปอีกเพราะจำได้ว่าตอนไปวันก่อนน่ะออกมาจากรถใต้ดิน แล้วต้องเดินจาก gardens by the bay เลียบแม่น้ำไปไกลพอสมควรเลยกว่าจะได้เดินขึ้นไป Marina Barrageแล้วไม่อยากรีบ อยากเดินช้า ๆ ชิล ๆ กันไป คุยกันไป เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นไงล่ะ จินตนาการอิชั้นไปไกลละรีบนอนดีกว่า นัดหนุ่มตี 5.45 แล้วตูต้องตื่นมาแต่งหน้า ม้วนผมกี่โมงวะเนี่ยขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่านทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้างานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละแต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมาขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ รักคนอ่านนะคะ
รอติดตามตอนต่อไป 555