Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6

สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเรา
คือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ย
ทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้
ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะ



เม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์

แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอ

ลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้าง

เม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์

คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้า

นัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆ

นัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!

จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโน

เรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinder


แชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย


ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9



กินเสร็จ 5 โมงกว่าได้
ก็ได้เวลาไปเจอ 2 สาวสิงคโปร์ที่นัดไว้ตอน 6 โมงกว่า
เราก็นั่งรถเมล์ไปต่อรถใต้ดิน

คือนัดเนี่ย ต้องนัดให้แม่นเลยนะ
เพราะเราติดต่อเค้า 2 คนไม่ได้เพราะเราไม่มีเน็ท ไม่มีซิม
คือต้องนัดเป๊ะ ทั้งเวลา ทั้งสถานที่
แล้วขอสารภาพว่า สาวคนนึง เราจำหน้าเค้าไม่ได้
ก็ได้แต่หวังว่าเค้าจะเดินมาทักเราเองตรงจุดนัดพบ
ตอนแรกนัดกัน 6 โมงครึ่ง แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น 6 โมงตอนสาย ๆ ก่อนเราออกจากโฮสเทล
แล้วเราก็บอกว่า อย่าเปลี่ยนแล้วนะ เพราะจากนี้ไป ติดต่อเราไม่ได้แล้วนะ

ไปถึงจุดนัดพบ
ตรงทางออก A
เอิ่ม
ไม่เจอเลย
มีคนยืนรอกันแค่ไม่กี่คน แล้วไม่เห็นว่าจะมีใครเดินมาทักเราก่อนเลย
เราเลยขึ้นบันไดเลื่อนไปดูตรงทางออกด้านนอก
เอ๊ะ ก็ไม่มีใคร
เราก็เลยลงกลับเข้ามารอตรงจุดแตะบัตรออกใต้ดินเหมือนเดิม
ยืนได้ซักพัก
มีสาวหมวยตัวสูง เดินยิ้มเข้ามาหาเรา
ใช่แล้ว เป็นสาว 1 ใน 2 ของเรานี่เอง
ดีใจจัง อย่างน้อยเจอคนนึงแล้ว อีกคนก็ไม่ยากละ เพราะให้เค้าโทรหากันได้
แต่จริง ๆ 2 สาวนี้ไม่รู้จักกันนะ
เป็นเราเนี่ยแหละที่รู้จัก 2 สาวผ่านทางทินเดอร์
ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันเนอะ เลยนัด 2 คนมาเจอพร้อมกันเลย
เธอ 2 คนจะได้เป็นเพื่อนใหม่กันด้วย ไม่ต้องมีรถไฟชนกัน ฮา ๆ
จะได้ฟังเรื่องหนุ่ม ๆ ในทินเดอร์ที่พวกเธอไปเดทด้วย เป็นการแชร์กันด้วย
สาวหมวยอีกคนนึงมาเลทนิดนึง
พอเจอตัว โหย ขาวมากอ่ะ แล้วก็ผอมมากด้วย
แต่ในรูป ถ่ายในแสงของโรงแรมเลยไม่ได้ดูขาวโอโม่ขนาดนี้เนอะ
อีกคนก็สูงกว่าในรูป เพราะในรูปเป็นรูปนั่งเลยจินตนาการไม่ถูก
นี่ขนาดเราเป็นผู้หญิงนะ ยังรู้สึกว่าในรูปกับตัวจริงช่างแตกต่างจากที่คิดไว้ในเรื่องรูปร่างและสีผิว
ถ้าเป็นผู้ชายจะขนาดไหนว้า
เราจะเลือกคุยกับผู้หญิงที่ไม่ได้ถ่ายรูปเซลฟี่เท่านั้น นี่คือหลักของเราเลย
เพราะผู้หญิงที่ถ่ายรูปเซลฟี่แล้วดูจะฟรุ้งฟริ้งกว่าตัวจริง เค้าไม่ได้อยากจะ match กับผู้หญิงด้วยกันอยู่แล้ว
แล้ว 2 คนนี้เป็นผู้หญิงที่คุยเยอะ
เราก็มี match กับผู้หญิงเป็น 10 คนเหมือนกันนะ
แต่บางคนก็ไม่คุยอ่ะ ทักไปแล้วไม่ตอบเงี้ย
บางคนตอบแค่ yes, no, ok แล้วจะให้กูคุยอะไรวะ ไม่ได้อยากได้เพื่อนผู้หญิงจริง ๆ นี่หว่า
แต่ 2 คนนี้คุยเก่ง แชร์เรื่องนู่น นั่น นี่ รู้สึกว่าถ้ามาคุยกัน 3 คนคงสนุก






หลังจากนัดเจอกัน
สาวโอโม่ก็นำเราไปกินโรงอาหารชั้น 2 ที่ china town
ซึ่งถ้าเรามาเอง เราคงไม่รู้แต่นอนว่าบนชั้น 2 มีโรงอาหารอยู่ด้วย
ก็คงกินไอ้ของแพงที่เหมือนโรงอาหารแค่ค่าอาหารแพงกว่า 3 เท่าด้านล่างแน่นอน
สาวตัวสูงก็ไม่เคยรู้เลยว่าบนนี้มีโรงอาหารอยู่ด้วย
แล้วร้านอาหารเยอะมากกกกกก หลากหลายสุด ๆ
แล้วราคาก็ไม่แพงเลย 3-5 เหรียญต่อจาน น้ำก็แค่ 1-2 เหรียญ
เราก็เล่าให้ 2 สาวฟังเนอะ
ว่าอยู่นี่มา 3 วัน ยังไม่ได้กินผัดจริง ๆ จัง ๆ ที่เป็นอาหารบ้านยูเลย
2 สาวเลยจัดผัดผักมาให้เลย 2 จาน แล้วก็เป็นไก่ผัดซอสเปรี้ยวหวาน แล้วก็อีกอย่างคล้าย ๆ เกี๊ยวซ่า
แล้วเราก็สั่งมะละกอปั่น ไม่ได้ปั่นกะน้ำแข็งด้วยนะ
เป็นมะละกอสุกปั่นเพียว ๆ อร่อยมากเลย
เมืองไทยไม่เอามะละกอมาปั่นนะ
เคยไปกินไต้หวันก็อร่อย ชอบมาก แต่ไต้หวันจะปั่นกะนม หอมมาก

ก็นั่งเม้ากะ 2 สาวเนอะ
2 สาวนี่ก็ทำงานออฟฟิศ
แต่สาวตัวสูงไม่ต้องทำเป็นเวลา
ดูแลเรื่องการเงินให้กับลูกค้า
ส่วนใหญ่นัดลูกค้า หลังเลิกงาน
เพราะเป็นคนไม่ชอบทำงานตามเวลาออฟฟิศ สามารถบริหารจัดการเวลาเองได้
อีกสาวโอโม่ก็ทำงานออฟฟิศ
เคยมีแฟนเป็นคนสิงคโปร์มาแล้วคนนึง อายุห่างกันตั้งเป็น 10 ปี
จะแต่งงาน จะซื้อแฟลตด้วยกันละนะ แต่ก็ต้องมาเลิกงาน
เพราะชีไม่ชอบ life style ที่วันหยุดก็อยู่แต่ห้อง ดูทีวี ไม่ได้ออกไปไหน เพราะแฟนไม่อยากไปไหน
ก็เลยทนไม่ได้ แล้วแหม เพิ่งอายุ 32 เอง ยังอยากเที่ยว อยากทำกิจกรรมนอกบ้านตั้งเยอะ
เลยมาเล่น tinder ได้เจอหนุ่มญี่ปุ่น 2 คน แฟน 2 คนก่อนหน้านี้ก็เป็นญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นคนที่ 2 นี่เกือบไปได้ลงหลักปักฐานที่ญีปุ่นแล้วนะ แต่ชีไม่ยอมไป
แล้วอีกอย่างคือ
ชีบอกว่า คนญี่ปุ่นเนี่ย เดายาก
ภายนอกเนี่ย อะไรก็ได้หมด แต่ไม่รู้ว่าข้างในคิดยังไง
เพราะวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นจะเป็นคนไม่แสดงออก
หน้าก็จะนิ่ง ๆ ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่รู้ เหมือนหุ่นยนต์ เดาใจลำบากมาก
ชีบอกว่ามีแต่ผู้หญิงญี่ปุ่นเนี่ยแหละที่จะเข้าใจผู้ชายญี่ปุ่น ชีเลยขอบายดีกว่า
แล้วชีก็มาคบกับหนุ่มชิลี ซึ่งโอเคมากเลย
แต่ฮียังไม่อยากจะลงหลักปักฐาน แล้วก็ชอบเที่ยวเฮฮา ปาร์ตี้ได้ทุกคืน
ชีก็หึงอ่าเนอะ แล้วอีกอย่าง ฮีจะกลับประเทศละ เลยไม่รอด
ตอนนี้ก็ยังอยู่ใน tinder หากันต่อไป





ส่วนอีกสาวนึง
ก็เดทมาหลายครั้ง
แล้วหลายครั้ง ตอนเจอกัน ผู้ชายจะเสียเซฟล์มากเลย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะเตี้ยกว่าชี ฮา ๆ
ชีบอกว่ามีเข้าตาอยู่คนนึง
เป็นหนุ่มมาเลย์ มาทำงานที่สิงคโปร์
โปรไฟล์ดีมาก จบอังกฤษ ทำงานก็ดี
แต่ผู้ชายรุกหนักไปหน่อย เจอกันเดทแรกหรือ 2 เดทก็จะขอเป็นแฟนเลย
ชียังไม่มั่นใจ เดทที่ 3 ชีเลยกล้า ๆ กลัว ๆ ยังไม่อยากรีบ เลยปฏิเสธฮีไปก่อน
รอฮีนัดมาใหม่
แต่สุดท้ายนะ ฮีก็หายไปเลย
ชีก็เลยรู้สึกว่า เอาวะ ลองเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ดูก็ได้
ชีก็เลยส่งข้อความนัดกินข้าวไป
แต่สรุป ผู้ชายหายไปเลยจ้า
ประมาณว่า ถ้าเธอช้า ฉันไม่รอ ฉันไปหาคนอื่นล่ะจ้า
โห เศร้าเลย

สาวโอโม่เลยบอกสาวตัวสูงว่า
จำไว้นะ
อย่าทักผู้ชายก่อน
ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายทักเราเอง
เพราะธรรมชาติเนี่ย ผู้ชายจะเป็นฝ่ายไล่ล่า
ถ้าเค้าถูกล่า เราจะหมดความน่าสนใจสำหรับเค้าทันที
แล้วที่เค้า match เราแต่ไม่ทักเราเนี่ย
ส่วนใหญ่แม่งก็กดถูกใจผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ เหวี่ยงแหไปก่อน
พอมีเหยื่อมาติด ค่อยมาดูหน้าอีกที ถ้าเค้าไม่สนใจ เค้าก็จะไม่ทักเรามาก่อน
ถ้าเราไปทักเค้าก่อน เค้าก็ไม่ค่อยสนใจ เพราะถ้าเค้าสนใจ เค้าก็รุกใส่เราแล้ว
อืม....ก็จริง





แต่หนุ่มที่เราเที่ยวด้วย เราเป็นคนทักฮีก่อนนะ
นาน ๆ เราจะทักผู้ชายก่อน ตามประสาหญิงไทยใจงาม
นอกจากหน้าตาถูกใจจริง ๆ ค่อยหาเรื่องทักไปก่อน
เอิ่ม อย่าจินตนาการว่า หน้าตาถูกใจเราจะหล่อ น่ารักอะไรนะ
หน้าตาถูกใจเราเนี่ย ง่ายมากเลย แค่ตี๋ ๆ เนิร์ด ๆ ใส่แว่น ไม่อ้วน แค่นี้เจ้ก็ละลายละ ก๊าก ๆ
แล้วฮีคนนี้ก็ตอบกลับเราแบบมีเรื่องชวนคุยต่อ มีตอบคำถามแล้วก็ถามกลับ
มันเลยคุยกันได้นานกว่า 10 เดือนก่อนจะเจอหน้ากัน

ผู้ชายบางคนที่เราทักก่อนก็ไม่ได้สนใจเราอย่างที่สาวโอโม่บอกจริง ๆ นั่นแหละ
ชวนคุยก็ตอบแค่ yes no ok แล้วไม่ถามกลับ ตอบแค่นี้ จะให้กูคิดหัวข้อมาถามมึงทุกวันหรือยังไงวะ
แต่ก็อีกอย่างนะ
คือเราก็บอกผู้ชายทุกคนไว้ก่อนเลยว่า
เราอยู่กรุงเทพฯ นะ ไม่ได้อยู่สิงคโปร์ เจอตัวไม่ได้นะจ๊ะ
แต่จะไปเที่ยวสิงคโปร์เร็ว ๆ นี้ อยากได้เพื่อนพาเที่ยว
ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เห็นว่ามันพัฒนาต่อยากก็เลิกคุยไปเยอะ
ที่เหลือ ๆ ก็คุยมั่ง ไม่คุยมั่ง เป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนคุยกันทีก็มี
แต่ก็เข้าใจนะ มันสานกันยาก แล้วแต่ละคนก็ไม่ได้อินกับเราขนาดนั้นน่ะนะ
ก็ไว้ชั้นไปเที่ยวที่นั่นค่อยเจอกัน
หรือยูมาเที่ยวที่นี่ค่อยเจอกันก็แล้วกัน






สังเกตมั้ย
ว่าสองสาวนี่ ไม่มีใครเดทผู้ชายสิงคโปร์เลย
เราก็ถามว่าทำไมไม่เดทกับผู้ชายชาติเดียวกันเลย
ทั้ง 2 คนจะบอกว่า
ผู้ชายชาติเค้าน่าเบื่อ
คือถ้าเกิดประเทศเดียวกันอยู่แล้ว มันก็รู้กันอยู่แล้ว
หัวข้อสนทนามันก็ไม่มีอะไร
อย่างมากก็ถามว่า ทำงานอะไร เวลาว่างชอบทำอะไร มันก็จบละ
เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรจะแชร์
ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบอยู่แต่บ้าน ไม่ทำกิจกรรม หรือออกไปเที่ยวต่างประเทศเลย ยิ่งน่าเบื่อเข้าไปใหญ่
เพราะมันจะหมดเรื่องคุยเร็วมาก
สองสาวนี่เลยไม่เดทกับหนุ่มชาติเดียวกันเลย


แล้วเดี๋ยวนี้นะ
หนุ่มสิงคโปร์ก็ไปเอาสาวประเทศอื่น
เพราะสาวสิงคโปร์ก็จะคิดว่าตัวเองเหนือว่าผู้หญิงชาติอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฉันมั่นใจ ฉันทำงานหาเงินเองได้ บ้ากระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าแบรนด์เนม ฉันไม่ต้องพึ่งผู้ชาย
แล้วผู้ชายที่มาจีบก็ต้องเงินเดือนอย่างน้อย 3-4 พันเหรียญ ก็เป็นแสนบ้านเรา ไม่งั้นฉันไม่เดทด้วย
หลัง ๆ ผู้ชายสิงคโปร์ที่หาสาวสิงคโปร์ที่มาตรฐานสูงไม่ได้ ก็ไปหาสาวเวียดนามมาแต่งงานด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือไปซื้อมาจากหมู่บ้านในเวียดนามนั่นแหละ
ให้มาเป็นคนใช้ด้วย แม่ของลูกด้วย แถมไม่ต้องการพวกของแบรนด์เนม
มีความเป็นแม่ เป็นเมีย เป็นคนใช้ ดูแลบ้าน ดูแลพ่อแม่ผู้ชายได้ ทำได้ทุกอย่างในราคาที่ถูกกว่า
ผู้ชายแก่หน่อย ประมาณ 40 อัพ แล้วเงินเดือนไม่สูง เลยไปซื้อสาวเวียดนามมาทำเมียหมด
แล้วสาวเวียดนามก็ชอบผู้ชายสิงคโปร์นะ
ในหมู่บ้านเค้าก็ฝังหัวมาเหมือนกันว่าให้แต่งงานไปกับผู้ชายสิงคโปร์
จะได้ไปสบาย มีเงินส่งกลับมาที่บ้าน
มันก็เหมือนบ้านเรานั่นแหละ ที่ภาคอีสานมีหมู่บ้านเขยฝรั่ง เหมือนกันเลย





แต่สาวโอโม่ก็บอกว่า
เนี่ย ชั้นเพิ่งดูสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ
แล้วสาวเวียดนามนางนึงที่หัวสมัยใหม่ ไม่แคร์ผู้ชายสิงคโปร์ แล้วก็อยู่เป็นโสดบอกว่า
เนี่ย พวกยูรู้มั้ย
สมัยสงครามเวียดนามเนี่ย
ผู้หญิงเวียดนามเป็นกลุ่มเดียวที่รอดมาได้
แล้วพวกผู้ชายสิงคโปร์คิดว่าพวกเราโง่เหรอ
ถ้าพวกเราโง่ พวกเราอยู่รอดจากสงครามมาไม่ได้หรอก
โหย เจ็บอ่ะ ชอบว่ะ
แต่ก็วิน วิน นะ
หนุ่มสิงคโปร์แก่ ๆ ก็ได้เด็กสาวเวียดนามไปแต่งเมีย แล้วดูแลทุกอย่าง
เด็กสาวเวียดนามก็ได้อยู่ในเมือง มีเงินใช้แล้วก็ส่งกลับบ้าน
แล้วทัศนคตินี้ก็ลามมาที่หมู่บ้านชนบทในเมืองไทยด้วยจ้ะ
แต่สาวไทยแย่หน่อย
ชื่อเสียงเสียตรงที่สาวบ้านเราไปทำงานคล้าย ๆ สาวบาร์บ้านเค้า
แล้วก็แต่งเรื่องเอาเงินหนุ่มบ้านเค้าบ่อย
เค้าก็จะบอกว่าสาวไทยเป็นพวกหลอกลวง
ชอบแต่งเรื่อง เอาเงินหนุ่มสิงคโปร์ส่งกลับไปบำเรอลูกผัวตัวเองที่เมืองไทย เวง

คิดว่าสาวไทยทุกคนจนเหมือนกันหมดเลยไงวะ
พวกสาวไทย หมวย ๆ มีการศึกษา ทำงานออฟฟิศอย่างพวกชั้นก็มีนะเว้ยเฮ้ย
เออ
ไปเจอหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่โน่น
ถามกันหมดทุกคนว่ายูเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน ทำไมพูดคล่องจัง
แหม่ คิดว่าสาวไทยทุกคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือพูดได้ก็ติด ๆ ขัด ๆ ทุกคนหรือไงยะ
ให้ชั้นด่าให้ฟังมะ ชั้นด่าคล่องด้วยนะ ก๊าก ๆ





แล้วการเม้ากับ 2 สาวสิงคโปร์ร่วม 3 ชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
3 ทุ่มกว่าแล้ว เลยต่างคนต่างแยกย้าย

กลับมาโฮสเทลก็ถามหนุ่มคนเดิมที่เที่ยวด้วยกันมา 2 วันว่า
เจอกันกี่โมง (ไม่ได้บังคับนะ ที่ฮีบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเดี๋ยวส่งข้อความบอก)
ฮีก็บอกว่า เที่ยงแล้วกัน เพราะฮีต้องเข้าไปทำธุระที่ออฟฟิศก่อน
เราก็โอเคได้เลย
เอ๊ะ
ไม่อยากให้เวลาครึ่งเช้าเสียไป
เป็นคืนสุดท้ายของเราที่สิงคโปร์แล้ว
อย่ากระนั้นเลย
เปล่า ๆ
ไม่ได้จะไปเที่ยวกลางคืน หรือออกไปเดินเล่นกลางค่ำกลางคืนที่ไหน
เพราะถึงออก ก็รู้อยู่แล้วว่ามันปลอดภัย
เดินถึงตี 1 ตี 2 ก็รู้ว่าปลอดภัย
แต่ที่คิดไว้คืน
คืนสุดท้ายแล้ว
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
ยังไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย
อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับหนุ่มซักคนนึง คนไหนก็ได้ ให้พาไปหน่อย
เพราะไปไม่เป็น
ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นมันมืดเนอะ
ขนาดไม่มืดยังเดินหลงไป หลงมา วนหาแต่ละที่ตั้งนาน

จริง ๆ น่ะ อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ East Coast Park
แต่หลายคนจะบอกว่ามันไปยาก เดินไกลกว่าจะถึงหาด ถ้าไปรถใต้ดินหรือนั่งรถเมล์
ทางที่ดีที่สุดคือต้องขับรถไป ซึ่งก็ แหม่ ไม่มีรถอ่านะ
แล้วกว่าจะไปก็ต้องไปเร็วกว่าเดิมเยอะที่นั่น แถมขากลับก็ลำบากอีก อย่าเลย
ก็คิดถึง Marina Barrage
เพราะเย็นวันแรกไป ประทับใจมาก
ชอบมาก
จริง ๆ ชอบตั้งแต่ดูรีวิวรูปชาวบ้านก่อนมาที่นี่แล้วล่ะ
แล้วพอมาถึงก็ชอบจริง ๆ
ชอบบรรยากาศน่ารัก ๆ ที่คู่รัก ครอบครัวมานั่งเล่นปิคนิคที่สนามหญ้าลอยฟ้า มองวิง มองเด็กวิ่งเล่น มันน่ารักอ่ะ
เลยอยากไปอีกรอบตอนดูพระอาทิตย์ขึ้น





อ่ะ พอได้ที่เรียบร้อยละ
ตอนนี้เหลือคนที่จะไปด้วย
ขอเลือกก่อน ถามที่ละคน ไม่กล้าหว่านไปหลาย ๆ คน เพราะกลัวตอบตกลงกันหมด รถไฟชนกันพอดี
อ่ะ จริง ๆ ไม่ใช่หรอก
คือมันเป็นเช้าวันอังคารเนอะ
เป็นวันทำงาน คงไม่มีใครไปกับเราได้
ดังนั้น
ตัวเลือกที่มีทั้งหมด ก็ไปจบลงที่หนุ่มที่เราเจอวันแรก
เพราะหนุ่มคนนี้เพิ่งลาออกจากงาน แล้วกำลังรอไปหาเพื่อนที่เมลเบิร์น
ตอนนี้ฮีก็ว่าง ลองพิมพ์ชวนฮีดีกว่า
แต่ชวนแบบมีฟอร์มนะ
ประมาณว่า
ยู เคยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ marina barrage รึยัง สวยมั้ย ไปยังไงเหรอ เนี่ยว่าจะไปพรุ่งนี้เช้า เป็นเช้าวันสุดท้ายของชั้นที่สิงคโปร์แล้ว
อ่านแบบนี้คือก็ต้องรู้แล้วป่ะว่าอยากชวนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน
โชคดีที่ฮี sense ออกว่าเราชวน
เพราะถ้าอ่านคำถามที่เราถามฮี เรายังไมได้ชวนฮีนะ ก๊าก ๆ


ฮีก็บอกว่า เออเนี่ย ยังไม่เคยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นเหมือนกัน งั้นเราไปด้วยกันนะ เสร็จโจร อิอิ
ก็เลยนัดแนะว่าพระอาทิตย์ขึ้นกี่โมง เจอกันกี่โมง
สรุปได้ความว่า พระอาทิตย์ขึ้น 7 โมงเช้า (พระอาทิตย์บ้านเค้าขึ้นช้าอ่ะ บ้านเรา 6.15 ไปตากผ้าตรงดาดฟ้าเราก็เห็นแสงส้ม ๆ ละ)
นัดเจอกัน ตี 5.45 ที่โฮสเทลเราละกัน กว่าจะนั่งรถใต้ดิน กว่าจะเดินไปอีก
เพราะจำได้ว่าตอนไปวันก่อนน่ะ
ออกมาจากรถใต้ดิน แล้วต้องเดินจาก gardens by the bay เลียบแม่น้ำไปไกลพอสมควรเลยกว่าจะได้เดินขึ้นไป Marina Barrage
แล้วไม่อยากรีบ อยากเดินช้า ๆ ชิล ๆ กันไป คุยกันไป เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น
เป็นไงล่ะ จินตนาการอิชั้นไปไกลละ
รีบนอนดีกว่า นัดหนุ่มตี 5.45 แล้วตูต้องตื่นมาแต่งหน้า ม้วนผมกี่โมงวะเนี่ย



ขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่าน
ทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้า
งานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละ
แต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)
บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ
ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ
บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง
แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ
รักคนอ่านนะคะ




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2559
3 comments
Last Update : 9 กันยายน 2559 21:06:58 น.
Counter : 2129 Pageviews.

 

อ่านหลายเรื่องเลยค่ะ เหมือนมีเพื่อนสาวมานั่งเม้าให้ฟัง. เขียนสนุกดีนะคะ ;)

รอติดตามตอนต่อไป 555

 

โดย: Intothesky IP: 223.24.44.106 15 สิงหาคม 2559 19:14:58 น.  

 

มีเรื่องใหม่ๆมาเล่าอีกนะ

 

โดย: SI IP: 223.24.92.156 23 กรกฎาคม 2562 23:47:15 น.  

 

มีเรื่องใหม่ๆมาเล่าอีกนะ

 

โดย: SI IP: 223.24.94.67 17 สิงหาคม 2562 10:45:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.