ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเราคือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ยทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะเม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้างเม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้านัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆนัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโนเรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinderแชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วยไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8 ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9 เช้าวันจันทร์แม่งงงงงงงร่างกายฉัน กระหายการนอน แต่ก็ตื่นซะ 7 โมงเช้า ตื่นมาเพื่อรู้สึกว่าช่วงเวลาที่อยู่สิงคโปร์ ไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยซักคืนทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้หญิงที่ต้องนอน 8 ชั่วโมงกะว่ามาคนเดียวชิล ๆ ไม่ได้อยากไปไหนเยอะเพราะสิงคโปร์ไม่เคยอยู่ในลิสประเทศที่อยากไปเลยเคยพูดกับหม่าม้าไว้นานแล้วว่าสิงคโปร์เนี่ย ให้ไปฟรียังคิดแล้วคิดอีกเลยประเทศเล็กนิดเดียว ไม่เห็นมีอะไรเลย อากาศก็เหมือนบ้านเรามีแต่ห้าง ไม่ได้อยากช้อปปิ้งที่นั่น ของก็แพงแล้วเป็นไงล่ะจ๊ะกลืนน้ำลายตัวเองทำไงได้ อยากเดทกับหนุ่มสิงคโปร์ ก็ต้องเอาตัวเองมาดีกว่าให้เค้ามาหานะผู้หญิงเมืองไทยสวยเกิ๊น หลากหลายด้วย แล้วก็แรงด้วยบทจะเอา ก็จะเอาให้ได้ กลัวหนุ่มมาแล้วมันไม่มาหาเราอ่ะดิไปหาสาวอื่น เจ้ไม่มีความมั่นใจเลยสู้เราไปที่นั่นก็ได้ เราเลือกได้ เลือกได้เยอะด้วยว่าอยากไปกับใคร แล้วไปถึงสิงคโปร์ก็โอเคนะ ชอบต้นไม้ ชอบความสะอาด ชอบสวน ชอบป่าแต่ก็ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปด้วยเท่าไหร่ เพราะต้นไม้ก็คล้าย ๆ บ้านเราแหละเพียงแต่ว่ามันเยอะและสะอาดกว่าแต่ที่เอาตัวเองมาก็เพราะผู้ชาย พูดเลยเลื่อน flight มาก็เพราะมาเจอผู้ชาย ลงทุนดีจริง ๆ ฮา ๆพี่ที่ออฟฟิศบอกว่า ปีนี้ต้องให้ได้ผู้ชายซักประเทศนะเฟ้ยโคดลงทุนเลยปีนี้เราซื้อตั๋วเที่ยวเอง 4-5 ประเทศในเอเชียเลยนะแทบจะเที่ยวเดือนเว้น 2 เดือนเลยมันจะไม่ได้ซักประเทศเลยหรือยังไง(วะ) 55555แหม่ไม่ได้ผู้ชาย ก็ได้เพื่อนป่าววะจะมีผู้ชายซักกี่คนที่อยากจะมาเล่น long distance relationship หรือรักทางไกลกับเรา ว่าแล้ว วันจันทร์ช่วงเช้าก็เลยชิล ๆนั่งเล่นต้องห้องรับแขก ดูผู้คนแล้วค่อยไปอาบน้ำ แต่งตัว ม้วนผม ฮา ๆแล้วหนุ่มนัดที่สถานีนึง ไม่ไกลจากโฮสเทลของเราแค่ 20 นาทีก็ถึงแล้วหนุ่มก็น่ารักตลอด มาถึงก็จัดการเอาเป้บนหลังเราจะแบกให้เลยอยู่เมืองไทย ถือกระเป๋า แบกเป้ แบกของเองตลอดมาสิงคโปร์มีหนุ่มถือกระเป๋าให้ ยืนรอคิวอาหารให้ ตักอาหารให้ได้แต่เดินตัวปลิว ไม่ก็นั่งรอสวย ๆ อยากไปตรงไหน ไม่อยากไปตรงไหนก็มีคนตามใจตลอด เลยทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียววันนี้ที่เจอหนุ่ม ก็บอกหนุ่มไว้ล่วงหน้าเลยว่าเดี๋ยวเย็นนี้เรานัดเจอ 2 สาวสิงคโปร์ที่เรารู้จักผ่านทางทินเดอร์นะหนุ่มจะมาพากินอะไรไม่รู้ล่ะที่โรงอาหารแห่งหนึ่งแต่...........โรงอาหารแห่งนี้ ปิดวันจันทร์จ้าเหมือนบ้านเราเลยแฮะพวกขายของข้างถนนห้ามขายวันจันทร์อย่างนั้นเลยแต่นี่ทั้งโรงอาหารเลยจ้าที่ปิดก็เดินสำรวจรอบ ๆมันไม่มีอะไรหรอกแต่สำหรับเรา มันมีอะไรนะนั่นก็คือ HDB บ้านเค้านั่นเองสถานีนั้น เป็นดงแฟลตเลยจ้าก็อย่างที่เล่าไปแล้วว่าแฟลตบ้านเค้า เค้าตากผ้ากันแบบนี้จ้า น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะบ้านเรามีดาดฟ้าเนอะเราก็ตากดาดฟ้า หรือลานซักล้างเนอะแต่บ้านเค้าเป็นแฟลต ไม่มีดาดฟ้าแล้วเค้าจะตากผ้ายังไงล่ะก็ต้องเอาไม้ยื่นออกมาจากหน้าต่างตากแบบนี้แหละ แล้วเราก็มีแอบขึ้นไปดูชั้นสูงสุดของแฟลตนึงด้วยด้วยความที่สิงคโปร์อยากจะดำรงความเป็นเพื่อนบ้านกันทุกแฟลตเลยไม่มียามหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถขึ้นตึกไปชั้นไหนก็ได้เลยแล้วอัตราอาชญากรรมบ้านเค้าต่ำมาก อยู่ที่ไหนก็ปลอดภัยเราเลยกดลิฟขึ้นไปดูอย่างง่ายดายหน้าบ้านของเกือบทุกห้อง จะมีกระถางธุปแดง ๆ แขวนไว้ตามสไตล์คนจีนเนอะมองลงมา เฮ้ยยยยยยยยยยยยมันเขียววววววววววววววววววววชอบบบบบบบบบบบบบบบ แล้วเกือบทุกห้องจะมีสวนต้นไม้เป็นของตัวเองด้วยนะรักต้นไม้เข้าสายเลือดกันดีจริง ๆ คนประเทศนี้หนุ่มบอกว่าเราสามารถเลือกแฟลตได้ว่าจะอยู่แถวไหนเลือกได้ด้วยว่าจะเอากี่ห้องนอนชั้นก็เลือกได้ ห้องหัวมุมก็เลือกได้ แต่ยิ่งสูงก็จะยิ่งแพง แล้วห้องหัวมุมก็ยิ่งแพง เพราะใคร ๆ ก็อยากได้ห้องหัวมุมแล้วดง HDB นี่ก็เจ๋งตรงที่มันมีหลังคาตลอดหลบฝน หลบแดดได้หมดไม่ว่าคุณจะอยู่ตึกไหนจนถึงรถไฟฟ้าเลยรัฐบาลเค้าคิดมาให้คุณแล้วววว เดินดู เดินถามหนุ่ม เสมือนว่าตัวเองจะมาแต่งกะหนุ่มแล้วย้ายเข้ามาอยู่ HDB ซะวันนี้พรุ่งนี้เลยจริง ๆ ถ้าเราจดทะเบียนแล้วมาเลือก HDB เนี่ยเราต้องลงทะเบียนก่อนนะแล้วลงทะเบียนเนี่ย ก็ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะได้เลือกนะอาจจะต้องรอเปิดลงทะเบียนหลายรอบ เพราะก็เต็มเร็วมากเลือกได้ก็ต้องวางเงินดาวน์ แล้วต้องรออย่างน้อย 4-5 ปี เมื่อแฟลตสร้างเสร็จแถมสร้างเสร็จ ผ่อนต่อ ก็ครอบครองได้แค่ 99 ปีแล้วต้องคืนรัฐบาลที่เดินมันแพง ไม่มีใครเป็นเจ้าของแต่งมาอยู่เมืองไทยมั้ยยูว์ ได้อยู๋บ้านด้วย เอ๊ะ นี่หนุ่มเค้าจะเอาชั้นเหรอ มโนอีกละ แล้วเราก็ย้ายจากสวนเล็ก ๆ ในบ้านมาที่สวนใหญ่ ๆ อย่าง Botanical Gardens กันบ้างชอบมากกกกกกกกกกกมีสวนหลายแบบ มีหลายบึงเลย เขียวครึ้มไปหมดทางเดินก็น่ารักเดินอย่างร่าเริงมาก ท่ามกลางอากาศร้อนไม่ค่อยต่างจากบ้านเราเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ร้อนเพลียมาก เพราะมีร่มไม้ตลอดทางเดินแต่หนุ่มคงไม่ค่อยอินด้วย เดินเหงื่อตกตลอดทาง แถมต้องสะพายกระเป๋าเราด้วย ฮา ๆเฮ้ย พยายามไม่ให้เค้าแบกเป้เรานะ เพราะเป็นผู้หญิงแข็งแรง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย (สงสัยเพราะเงี้ย เลยไม่มีแฟนซะที กรูอยู่ด้ายย)อ้อหลังจากวันก่อนเจอลิงโขมยขนมจากเมืองไทยไปเกือบหมดวันนี้เราเลยเอาขนมที่เหลือมาให้หนุ่มใหม่วันนี้ไม่ได้ไปที่ไหนที่มีลิงละ สบายใจเราก็คุยเรื่องงานฮี ฮีเป็นวิศวกรเนอะ ไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมันก็ด้อยพัฒนากว่าบ้านเค้าทำอะไรมันก็ลำบอก ก่อสร้าง คนงานก็หนี ไม่ได้ตามสเป๊ก นู่น นี่ นั่น ก็ฟัง ๆ ขำ ๆแต่ฮีคงไม่ขำด้วยเพราะฮีต้องทำโปรเจคนี้ให้เสร็จส่งมอบภายในสิ้นปีนี้แล้วรู้สึกว่าเดือนกันยาหรือตุลาเนี่ยแหละที่ฮีจะหมดสัญญาทำงานที่นั่น ที่โปรเจ็คจะเสร็จแต่คาดว่าคงไม่เสร็จ แต่พยายามให้เสร็จภายในสิ้นปีเดี๋ยวคงต้องมาดูว่าจะต่อสัญญารึเปล่า แล้วฮีต้องการต่อรองอะไรด้วยซึ่งเราก็ไม่ได้ถามต่อว่าฮีจะต่อรองเอาอะไรเหรอ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องของเราเนอะ จากที่คุยกะฮีนะ เราว่าฮีเป็นผู้ชายที่มีสมอง มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ดีนะไม่รู้ว่าอันนี้เป็นวัฒนธรรมของผู้ชายสิงคโปร์เลยรึเปล่าแต่ฮีไม่บ้าเงินนะบางคนคุยด้วย จะรู้สึกว่า....ทำไมถึงคิดแต่เรื่องลงทุน การทำเงิน ฯลฯ ที่มันเกี่ยวกับเงินตลอดเวลาซึ่งเพื่อนคนไทยที่เคยไปทำงานกับคนสิงคโปร์จะบอกเหมือนกันว่าเนี่ยแหละ มันอยู่ในสายเลือดของคนสิงคโปร์เลย ไอ้เรื่องการบริหารเงินเนี่ยแต่คนนี้จะไม่ค่อยได้ ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลยหรือบางครั้งก็มีหัวข้อที่เข้าเรื่องนี้ได้ เค้าก็ไม่ได้สนใจที่จะคุยเรื่องนี้แต่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้บ้านรวยแน่ ๆรู้โดยที่เค้าไม่ได้พูดอวดเลยนะโคดเกลียดเลยพวกผู้ชายขี้โม้ ขี้อวดเนี่ยแต่เค้าไม่เป็นนะ มันออกมาจากบทสนทนาเกี่ยวกับพ่อแม่เค้าเนี่ยแหละแต่ตัวเค้าเอง low profile มากนะ มือถือยังเป็นซัมซุงรุ่นเก่ามาก ถ่ายรูปยังไม่ค่อยจะชัดเลย ฮา ๆแต่ก็ไม่รู้นะว่า เค้าใช้อันนี้ที่ทำงานด้วยรึเปล่า หรือแค่เอามาใช้เป็นเครื่องสำรองเวลากลับมาบ้านเฉย ๆแต่รู้เลยว่าไม่ได้เป็นคนหัวสูง ทั้ง ๆ ที่บ้านมีตังค์แต่ฮีก็บอกว่า คนสิงคโปร์ (หรือทุกประเทศนั่นแหละ) มองคนที่ภาพลักษณ์ภายนอกเค้าตัดสินเราไปแล้วแหละว่าเราเป็นคนยังไง จากเสื้อผ้า เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ทันเปิดปากเลยด้วยซ้ำแต่คนสิงคโปร์อาจจะมีเรื่องพวกนี้มากหน่อยเพราะประเทศเค้า บ้าแบรนด์เนม มองคนจากภายนอกเป็นหลัก หลังจากเดินลัดเลาะตามสวนต่าง ๆเราก็มาโผล่ตรงศาลาที่เป็นสัญลักษณ์ของสวนนี้โหมันน่ารัก โรแมนติกมากกกกกกแล้วไปตอนบ่ายสองอ่ะแทบไม่มีคนเลยยยยยยยยมีแค่ 1-2 คนเค้ามาทำวิจัยเกี่ยวกับต้นไม้เกือบไม่มีคนถ่ายรูปคู่ให้แล้ว ฮา ๆ อย่างที่บอกด้วยเค้าที่เค้าไม่ชอบถ่ายรูปเลยยยแต่ละวันที่เจอกัน จะมีรูปถ่ายคู่กันแค่วันละรูป สองรูปแค่นั้นเออ ก็ยังดี ดีว่าไม่มีเลยซักรูป แล้วเราก็ไปนั่งในศาลาร้อยปีกันพอนั่งคุยกันได้แป๊บนึงมีลมพัดมาแรงมาก 1 วูบเป็น 1 วูบที่ประทับใจเรามากที่สุดในทริปนี้เลยเพราะลมวูบนั้น พัดกลีบดอกไม้สีเหลือง ๆ จากต้นไม้ปลิวว่อนไปทั้งสวน เข้ามาในศาลาโหยยยยยยยยยยยยยยยยยอย่างกะซีรี่ย์เกาหลี!!!!!!!!!!!!!ซึ่งมันโรแมนติกมากกกกกกกกกกกกแต่แบบมันวูบเดียวจริง ๆ ไม่ถึง 5 วินาที แล้วมันก็หายไปเอามือถือขึ้นมาถ่ายไม่ทันเลยได้แต่เก็บความประทับใจนั้นไว้กับตัวจนถึงวันนี้ กรี๊ดดดดดดดดด แล้วด้วยความที่มันมียุงเนอะยุงกัด เราก็เลยเอาน้ำมันย่านางออกมาทาเราก็แค่ทาแปะ ๆ รอยยุงกัด แล้วก็ทาขาให้กลิ่นน้ำมันไล่ยุงตามสไตล์เราน่ะฮีก็งงว่า ทำไมไม่นวดให้เข้ากับเนื้อแล้วฮีก็บอกว่าเนี่ย พ่อฮีต้องนวดขากับเท้าให้แม่ฮีก่อนนอนเกือบทุกวันเลยนะบางวันพ่อฮีไม่อยู่ ฮีก็รับช่วงต่อนวดเท้าให้แม่โหยยยยยยยยยยยยกรี๊ดอ่ะ ดูว่าแม่ฮีจะเป็นคุณนายที่โชคดีจริง ๆมีรถรับส่งตั้งแต่สาว ๆ แต่งงานมาก็มีทั้งสามี ทั้งลูกชายประคบประหงมแล้วถ้าตูแต่งไป ตูต้องไปนวดให้แม่สามีด้วยมั้ยเนี่ย (มโนไปไกลมากละ ตื่น ๆ)ฮีก็บอกว่า คิดว่าคนแก่แล้วเค้าก็ผลัดกันนวดแหละเพราะแก่แล้วเลือดลมวิ่งไม่ถึงปลายมือ ปลายเท้า มันจะชา ก็ต้องนวดให้เลือดมันไหลเวียนไอคิดว่าพ่อแม่ยูก็ผลัดกันนวดเหมือนกันแหละ เพียงแต่ยูไม่เห็นเท่านั้นเองว่าแล้วฮีก็จะเอามือมานวดน่องให้ เอิ่ม พอ ๆ ไม่ต้อง ๆ เจ้เกรงใจ เจ้นวดน่องเจ้เองได้ อันนี้แค่ยุงกัด เดี๋ยวเจ้เคลิ้ม (อ๊างงงง)โหย แต่งไปได้นวดฟรีเว้ย แต่ต้องไปนวดแม่สามีเป็นการตอบแทนแหง ๆ เออ พูดถึงเรื่องนวดเนอะเราก็บอกฮีเหมือนกันว่า เนี่ย เราก็มีหมอนวดเจ้าประจำเหมือนกันนะดีที่สุดในกรุงเทพเลยสำหรับเรา ป้าแกใช้ข้อศอกนวดกับน้ำมันป้าแกก็บอกว่าคนสมัยนี้เล่นมือถือกันเยอะ จะมีปัญหาต้องอุ้งมือ เป็นพังผืดกันเยอะแล้วเราก็ขอมือฮีมาบีบเส้นให้ฮีดูว่ามันอยู่ตรงไหนที่มีปัญหากันซึ่งเราแค่คีบเส้นนั้นขึ้นมา ทุกคนจะร้องหมด ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำแรงเลยแต่เราจะไม่รู้ตัวกันหรอกถ้าไม่โดนเส้นนั้น เพราะมันอยู่ลึกลงไปในอุ้งกลางมือของเราทุกคนระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งน่ะ ลองบีบดูก็ได้ลึก ๆ เส้นนั้นแหละฮีก็ร้องเหมือนกัน ฮา ๆ แล้วก็ลองนวดไหล่โดยใช้ศอกแบบที่ป้าแกนวดไหล่เราดูทำแป๊บเดียวเองแหละ เขินฮีบอกว่า ทำต่อไป อย่าเพิ่งหยุด กำลังสบาย ฮา ๆพอ ๆ อันนี้น้ำจิ้ม ถ้าแต่งแล้วเดี๋ยวจัดชุดใหญ่ให้ (อ๊างงง มโนอีกแล้ว) แล้วเราก็เม้าเรื่องน้องชายเราเนอะคือน้องชายเราเนี่ย เกิดปีเดียวกะฮีเลยแค่ความคิดไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เหมือนฮีเลยเอาแต่เล่นเกมส์ด้วยแล้วเวลาเล่นเกมส์เนี่ย ใครเค้าไปพูดอะไรไม่ได้เลยนะ ตวาดใส่ ไม่สนใจ ไม่รับฟัง ถ้ายังไม่หยุด ตะคอกใส่อีกต่างหากจริง ๆ ฮีก็เล่นเกมส์เหมือนกันนะแต่ด้วยความที่งานยุ่ง เลยไม่ค่อยมีเวลาเล่นแล้วก็เล่าว่า น้องชายว่างตอนเดียว คือตอนที่มากินข้าวที่โต๊ะอาหาร แต่ก็คุยด้วยไม่ได้นะ เพราะเช็คมือถือไปด้วยฮีก็บอกว่าเนี่ย การที่น้องชายเรากินข้าวที่โต๊ะอาหารเนี่ย ถือว่ามีวินัยแล้วจะไปหวังให้กินเสร็จล้างด้วย อันนี้เกินไป (ไรวะ)ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่มากินข้าวที่โต๊ะอาหารนะกินมันหน้าเครื่องคอมนั่นแหละน้องยูดีกว่าหลายคนเป็นไหน ๆ แล้วเวลาอยากให้น้องเก็บอะไรเป็นที่เป็นทางก็พูดดี ๆ กับน้องเหมือนที่ยูพูดกะชั้นก็ได้ ไม่ใช่มาถึงก็บอกให้เก็บรองเท้า ให้ล้างจาน ให้เก็บนู่น นี่ นั่น ใครเค้าจะไปทำอ้าว แล้วทำไมไม่มีจิตสำนึกที่จะเก็บของ ๆ ตัวเองเลยล่ะคิดแค่ว่า วางตรงนี้ จะทำไม ไม่ได้เดือดร้อนใครแต่มันรกบ้านมั้ยล่ะ งี้ใครอยากถอดรองเท้า วางเป้ วางหนังสือ ตรงไหนก็ถอด ก็วางให้มันรกไปเลยงั้นสิไม่เดือนร้อนใคร แต่มันรกรึเปล่าโอ๊ย พูดแล้วโมโห กลับมาบ้าน เห็นของวางเกะกะก็โมโห ไม่มีอารมณ์จะพูดดีกะใครแล้ว ฮึ่ม แล้วเราก็คุยเรื่องศาสนากันเนอะฮีก็ไปเรียนโยคะกับพุทธศาสนาที่ประเทศเพื่อนบ้านเนอะก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ฮีรู้แหละว่าเราเป็นพุทธ และเป็นพุทธที่ปฏิบัติด้วย อาจจะขี้เกียจบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็ทำนะแต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮีเป็นพุทธรึเปล่าแต่คาดดว่าน่าจะเป็นนะ เพราะฮีก็ไปเรียนพุทธศาสนานี่เนอะฮีบอกว่า มันยากนะ ในการจะบรรลุอรหันต์เนี่ยแค่การไม่ยึดติดก็ยากแล้วนะ ถ้าเรามีพ่อ มีแม่ แล้วถ้ามีภรรยากับลูกอีกการอยู่กับปัจจุบันก็ยาก เพราะจิตเราวุ่นวายแต่มันก็เป็นธรรมชาติของจิตเนอะ แล้วเราคุยอะไรกันอีกก็ไม่รู้ จำไม่ได้ละ กลับมาเป็นเดือนละ ลืมแต่ ๆที่จำได้ก็คือ เรานั่งได้แค่ชั่วโมงกว่าเองแล้วเราก็ต้องลุกเพราะมีชาวเกาหลีมาถ่ายรูปแต่งงานกันก็เลยแสดงความยินดีกับเจ้าสาวไปเป็นภาษาเกาหลีหนุ่มเราก็ตกใจใหญ่ว่ายูพูดภาษาเกาหลีได้ด้วยเหรอแหมยูชั้นเคยเป็นสาวกซีรี่ย์เกาหลีมาก่อนตั้งหลายปีนะจ๊ะก็พอพูดได้บ้างแหละแต่ตอนนี้เลิกติดละ มัน unrealเคยติดเกมส์ออนไลน์มา 6-7 ปีก็เลิกงาน เพราะมัน unrealมาหาอะไร real ๆ ดีกว่า สู่โลกแห่งความจริงพระเอกเกาหลี มันไม่มีจริงโว้ย แล้ว............โหยยยยยยคิดดู นั่งคุยหนุงหนิง มีดอกไม้ปลิว แล้วมีคนมาถ่ายรูปแต่งงาน!!!เอิ่ม มโนอีกละ มันเรื่องปกติของสวนนี้ที่มีคนมาถ่ายรูปแต่งงานย่ะสวนหลวง ร.9 บ้านเฮาก็มีคนมาถ่ายรูปแต่งงานกันทุกวันเหมือนกัน แปลกตรงไหนโหยเจ้อยากมาถ่ายมั่งงงงงงง จริงอ่ะ? ไม่จริง (ถามเองตอบเอง)เปลืองแต่งกะเจ้ไม่ต้องกลัวเปลืองเจ้ไม่อยากจัดงานอยู่แล้วเจ้ขอจดทะเบียนได้ citizenship อย่างเดียวการมี passport สิงคโปร์มันดีตรงไหนก็ดีตรงที่เจ้จะได้ไม่ต้องขอวีซ่าซักประเทศ หรือเกือบทั่วโลก ฮา ๆรู้มั้ยว่า คนสิงคโปร์ ได้รับการจัดลำดับชนชาติเป็นลำดับ 5 ที่เดินทางได้เกือบทุกประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่านะจ๊ะ เท่า ๆ กับคนญี่ปุ่นเลยจ้าแหม่ ประชากรประเทศรวยมันดีงี้นี่เองประเทศไหนก็อยากให้เข้า ไม่ต้องไปกลัวว่าจะหลบหนีเข้าเมืองไปทำงานผิดกฎหมาย เป็นภาระต่อประเทศนั้น ๆกรู!!! อยากได้ benefit เค้าอย่างเดียวเลยเว้ยเฮ้ยแหม่....ตัวก็อยากได้ แถมได้มาพร้อม benefit เนี่ย ใครล่ะไม่อยากได้ คิก ๆ หลังจากนั้น เรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่เที่ยงบ่าย 2 กว่าบ่าย 3 ละฮีเลยพาไปกิน katong laksaสารภาพเลยว่ามันอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้เพราะหนุ่มพานั่ง taxi จากสวนไปที่ร้านเลยเราบอกว่าไม่ต้อง ๆ ไอเดินได้ ไปรถเมล์หรือรถใต้ดินเหอะ ยังไม่หิวมากแต่ฮีบอกว่า ฮีเดินไม่ไหวละ นั่ง taxi ไปเหอะเราก็เกรงใจเนอะ รู้ว่า taxi บ้านเค้าแม่งจะแพงไปไหนแต่หนุ่มหมดสภาพจริง ๆ ลากเราขึ้น taxi เฉยเลย ฮา ๆพอขึ้น taxi ก็โอเคนะ สบายดีมองวิว 2 ข้างทางเพลินเลยก็มีคุยกับคนขับ taxi เหมือนกันนะคนขับคนนี้เป็นคุณลุงคนจีนเคยมาเมืองไทยเออ คนขับ taxi บ้านเค้าไม่ได้จนนะเฟ้ยTaxi ก็มี 2 กะเหมือนบ้านเราคุณลุงแกเช่าต่อมาจากคนขับอีกคนTaxi บ้านเค้า เวลาเร่งด่วนอีกราคานึงนะจ๊ะเช่นตอนเช้าก่อนเข้างาน หรือตอนเย็นหลังเลิกงาน รู้สึกว่าจะคูณ 1.5 หรือ 2 เท่าเนี่ยแหละหลังเที่ยงคืนก็เหมือนกันเพราะคนเรียกเยอะ แล้ว taxi ก็มีน้อยการได้ใบขับ taxi นี่ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ กว่าจะได้ต้องใช้เวลาและความสามารถจริง ๆ แถมแพงด้วยเค้าจะถามตึก ที่อยู่ตามซอก ตามซอย ที่ขึ้นใหม่ ก็ต้องตอบให้ได้หมดแต่ taxi บ้านเค้าสะอาด ทันสมัยดีนะ เหมือนนั่ง taxi เหลืองของ all thai taxi เลยล่ะมี gps เสร็จสรรพ แต่ด้วยความที่แฟลต HDB มีขึ้นใหม่ทุกปีเล่าคนขับก็ต้องอัพเดทตามให้หมดช่องเปลี่ยนกะก็จะมีป้ายขึ้นว่า taxi จะไปเปลี่ยนกะที่ไหนถ้าไปทางเดียวกันค่อยโบกขึ้นได้เวลาโบก taxi ก็ต้องดูป้ายไฟด้านบนของ taxi ที่เราโบกด้วยนะนั่งไม่นานนะ 15-20 นาทีเองมั้ง รถก็ไม่ติดค่า taxi เกือบ 20 เหรียญจ้า จะเป็นลม นั่งแป๊บเดียวค่า taxi 500 บาท(รูปอาหาร เราไม่ได้ถ่ายไว้เลยนะ ขโมยเค้ามา เครดิตอยู่ในรูปจ้ะ) แล้วเราก็มาถึง katong laksa ลักซาเจ้าดังของที่นี่ มีหลายสาขานะซึ่งเราไม่รู้เลยว่าที่เรามากินเนี่ย มันสาขาไหนรู้แต่ว่า ผนังของร้าน มีแต่หนังสือพิมพ์มารีวิวกับรูปคนดังของทั้งสิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกงแวะเวียนมากินและถ่ายรูปคู่กับเจ้าของร้านไว้เป็นที่ระลึกไปถึงเค้าก็มี 2 อย่างให้เลือกมั้ง ว่าเอาชามใหญ่หรือชามเล็กจำได้ว่าชามเล็ก 7 เหรียญกว่า ชามใหญ่ 12 หรือ 15 เหรียญเนี่ยแหละแล้วก็มีน้ำมะนาวเป็นแก้วซีลมาให้เลือกกับน้ำอะไรอีกน้ำนึงจำไม่ได้เรา 2 คนก็เลือกชามเล็ก แล้วก็น้ำมะนาวเบ็ดเสร็จ 2 คน ก๋วยเตี๋ยว+น้ำ 15 เหรียญแต่ค่าแท็กซี่มากิน 20 เหรียญ โคดคุ้มเลยกูจะพยายามแย่งหนุ่มจ่ายทั้งค่าแท็กซี่ ทั้งค่าอาหารแต่ก็แพ้ฮีตลอด ฮีไม่ให้จ่ายแอบเซ็ง เจ้มานี่ ไม่ได้หวังมากินฟรีให้ผู้ชายเลี้ยงนะเว้ยเฮ้ย แค่พาเจ้เที่ยว เจ้ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วแต่มาเดทกับเรา (เอ๊ะ เรียกเดทรึเปล่าวะ) ถูกกว่าถูกมากนะเพราะเรากินแต่อาหารมื้อนึงไม่เกิน 10 เหรียญ แล้วก็ไปเดินเล่นในสถานที่ฟรี ๆ ไม่ต้องเสียเงินซักป่าซักสวนเวลาขึ้นรถเมล์ รถไฟก็ต่างคนต่างจ่าย มีวันนี้แหละที่แพง 35 เหรียญแต่ถ้าไปเดทกับสาวสิงคโปร์นะ ขั้นต่ำร้อยเหรียญจ้ะไหนจะต้องมาไปดูหนัง ไปนั่งกินร้านอาหาร แล้วไปต่อที่ร้านขนมในคาเฟ่ชิค ๆ 2 คน ล่อไปเกินร้อยเหรียญแล้วเหรียญนึงตอนนี้ก็ 26 บาทจ้ะเดทสาววันนึง 2600 นะจ๊ะ สำหรับเมืองที่ค่าครองชีพสูงโคด ๆ ผู้หญิงที่นั่นก็เลยแพงโคด ๆ ด้วยประการละฉะนี้เห็นมั้ย เดทกะเจ้ วัน ๆ นึงจ่ายไม่เกิน 500 นะจ๊ะ แล้วเจ้พยายามช่วยจ่าย แต่ไม่ทันและโดนห้ามตลอด ๆ เจ้โคดจะเกรงใจเลย อ้อ ลักซาอร่อยมากกกกกกกกกกกกมันหวาน มันน่ะ ถูกใจผู้หญิงที่ไม่กินเผ็ด ไม่กินเปรี้ยวอย่างดิฉันเหลือเกินจริง ๆ เค้าก็มีพริกแยกมาให้ต่างหากนะ แต่ไม่เอากินแต่เส้นแล้วเครื่องในนั้น พร้อมกันพยายามกินน้ำแกงกะทิให้น้อย ๆ เพราะมันต้องอ้วนมากแน่ ๆกินกันไปก็คุยกันว่าพรุ่งนี้วันสุดท้ายขอยูละไปไหนกันดีแต่ฮีก็บอกก่อนเลยนะว่าฮีต้องเข้าออฟฟิศไปทำเรื่องวีซ่าและเคลียร์งานประมาณครึ่งวันนะเจอกันได้หลัง 11 โมงเราก็ เออ โอเค ไม่มีปัญหา บอกก่อนล่วงหน้าแบบนี้แหละ ดีแล้วจะได้แพลนถูกว่าจะตื่นกี่โมง หรือนัดหนุ่มคนอื่นไปเที่ยวกี่โมง คิก ๆแล้วฮีก็ชวนว่าไปดูหนังกันมั้ยเฮ้ยยยยยยมาที่นี่ไม่ได้มาดูหนังนะโว้ยยยยยรีบบอกว่าไม่ไปอย่างไวแล้วฮีก็คิดอีกงั้นไปซื้อของฝากคนที่บ้านยูกันมั้ยไม่ไปอ่ะพ่อแม่บอกอยู่เสมอว่าไม่ต้องซื้อของฝาก รกบ้าน อาหารก็เหมือนกัน ๆ ซื้อกรุงเทพสดใหม่กว่าอีกไปกินคาเฟ่น่ารัก ๆ ซักคาเฟ่นึงกันเถอะเพราะจริง ๆ แล้วก่อนจะมาสิงคโปร์เนี่ยฮีส่งลิงค์คาเฟ่น่ารัก ๆ เปิดใหม่ในสิงคโปร์มาให้เลือกเพียบเลยแต่เท่าที่ดู เข้าไปกินกันไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญแน่นอน ทั้งขนม ทั้งน้ำแล้วมันดูไม่คุ้มค่า แค่กินบรรยากาศ เลยไม่คิดจะเลือกเลยซักคาเฟ่เดียวแค่บรรยากาศน่ารัก เหมาะสำหรับคู่เดทแต่เจ้อยากจะบอกว่า เจ้ low maintenance นะจ๊ะเดทจะเจ้ ไม่ต้องจ่ายแพง ก็เอาใจเจ้ไปได้จ้ะ ฮา ๆเลยตอบไปว่าอืม...ไม่ไปอ่ะ มานี่อยากกินแต่ local food คาเฟ่น่ารัก ๆ กรุงเทพฯมีเยอะแยะยังไม่อยากจะไปเลยคาเฟ่ที่นี่ของโคดแพง ไม่เอา ๆ เปลืองตัง(ยู)แล้วฮีก็หมดปัญญาด้วยความที่ไฟล์เรากลับค่ำ ๆเราเลยมีเวลาทั้งวันถึง 5 โมงเย็นที่จะกลับมาเอากระเป๋าที่โฮสเทลแล้วไปสนามบินจริง ๆ เราอยากไปสวนอีกที่นึงนะที่มันมีแม่น้ำด้วยอยู่ในใจอยู่ละ แต่ยังไม่บอกฮีเดี๋ยวดูอีกทีว่าฮีเสร็จกี่โมง กินเสร็จ 5 โมงกว่าได้ก็ได้เวลาไปเจอ 2 สาวสิงคโปร์ที่นัดไว้ตอน 6 โมงกว่าเราก็นั่งรถเมล์ไปต่อรถใต้ดินแล้วให้ฮีนั่งกลับบ้านฮีไประหว่างนั่งใต้ดิน ฮีก็มัวแต่ยุ่งกับ whatsapp ฮีอ่านะ แทบไม่ได้คุยกันเลยแอบมองว่า เอ๊ะ แชทกะสาวไหนน้าปรากฎว่า เป็นครอบครัวจ้ะเป็น whatsapp group ครอบครัวฮีจ้ะแล้วก็เป็นเรื่องงานที่ต้องเข้าออฟฟิศพรุ่งนี้จ้ะแล้วก็เพื่อนที่สิงคโปร์ก็อย่างว่านะกลับมาบ้านแค่ 10 วัน มี appointment ล้านแปดแล้วมาเที่ยวกับเราก็ 3 วันเข้าไปแล้วขนาด 3 วันที่มาเที่ยวเนี่ย เค้าก็มีนัดก่อนแล้วก็ปลีกตัวมาเที่ยวกับเรานะเค้ามีทั้งนัดญาติ นัดกินข้าวกับที่บ้าน นัดทำฟัน นัดเข้าออฟฟิศ นัดเรื่องวีซ่า นัดงานแต่งเพื่อน ฯลฯเค้าบอกว่าเดี๋ยวต่อจากเรา 3 วัน เค้าต้องไปเจอญาติเค้า 2 คนแล้วก็เพื่อนอย่างน้อย 3-4 คน แล้วเวลากับพ่อแม่เค้าอีกนับถือน้ำใจฮีจริง ๆคงรู้สึกผิดมั้งให้เราเลื่อนไฟล์มาหาแล้วมาเที่ยวด้วยแค่วันเดียวจริง ๆ ฮีจะมาเที่ยวกับเราทุกวัน 4 วันนะแต่ด้วยความที่ฮีมีนัดเยอะเหลือเกินวันอาทิตย์อย่างที่บอกว่าเป็นวันพ่อบ้านเค้าเค้าก็ต้องไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ ตอนเย็นก็ไปงานแต่งงานเพื่อน เลยให้อยู่บ้านมั่งพ่อแม่เค้าคงเกลียดอิเจ้นี่ไปแล้วมั้งลูกชายคนเดียวของเค้ากลับมาบ้าน 10 วันแต่หายหัวไปกับสาวตั้ง 3 วันตั้งแต่เช้ายันดึก ไม่ได้อยู่บ้านให้พ่อแม่หายคิดถึงเล้ย ฮา ๆ แล้วเราก็ไปหาสาวสิงคโปร์ 2 คนหลังจากนั้นไว้อาทิตย์หน้ามาเล่นต่อนะจ๊ะว่าเม้ากะสาวสิงคโปร์จะสนุกขนาดไหนยังไงขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่านทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้างานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละแต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมาขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ รักคนอ่านนะคะ