Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 
ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8

สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเรา
คือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ย
ทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้
ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะ



เม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์

แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอ

ลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้าง

เม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์

คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้า

นัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆ

นัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!

จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโน

เรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinder


แชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย


ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9


หลังจากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับหนุ่มคนนึง
ตอนสาย ๆ ก็กลับมาโฮสเทล
อาบน้ำ แต่งตัวใหม่ ไปเที่ยวกะหนุ่มอีกคนนึง
โห เหมือนสวยเลยว่ะ
อยู่ไทยแม่ง ไม่เคยมีอย่างนี้
ไม่เคยมีเข้ามาเลยดีกว่า
สงสัยต้องส่งตัวเองออกไปอยู่สิงคโปร์จริง ๆ ซะละ
หนุ่มสิงคโปร์ดูแลดี คนละเรื่องกะหนุ่มบ้านเราด้วย ฮา ๆ


สิงคโปร์วันสุดท้ายของเรา แดดแรงมากเหมือนกรุงเทพเลย
แต่หลายวันก่อนหน้านั้น เมฆเยอะ ฝนตกบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ เดินข้างนอกได้ทั้งวันสบาย ๆ
แต่วันนี้ไม่ได้เลย
มีเมฆตอนพระอาทิตย์ขึ้น
แต่พอขึ้นแล้วก็เปรี้ยง ๆ เลย มีมาตกตรงเราปิคนิคไล่ไม่ให้เรานั่งนานแล้วแดดก็เปรี้ยงอีก
เลยต้องกลับมาอาบน้ำรอบสอง รอบแรกอาบไปตอนตี 4 ครึ่ง ฮา ๆ
แล้วก็ไปเจอหนุ่มที่เจอมาแล้ว 2 วัน ๆ นี้วันที่ 3 ละ
หนุ่มมาทั้งชุดหนุ่มออฟฟิศเลยจ้า
เพราะเช้าวันนี้หนุ่มต้องเข้าออฟฟิศ แบบว่ามาเที่ยวกะชั้นต่อแบบเต็มยศ ฮา ๆ
แล้วอินี่ แต่งตัวเสื้อยืด เกงยีน รองเท้าผ้าใบ สะพายเป้ เป็นนักท่องเที่ยวสุดริด
แล้วหนุ่มยืนรอเรามาชั่วโมงนึงละ
คือฮีมาก่อนเวลานะ ไม่ใช่ว่าเราสาย
คือเราไปตรงเวลาเป๊ะ แต่ฮีดันทำเรื่องเสร็จเร็ว แล้วก็ติดต่อเราไม่ได้เลยมาก่อนเวลาตั้งชั่วโมงนึง เกรงใจจัง
นัดเจอกันสถานีไรก็ไม่รู้ ๆ แต่ว่ามาโผล่แถว CBD (Central Business District)
มันเป็นย่านธุรกิจบ้านเค้า เหมือนสีลมบ้านเราที่เต็มไปด้วยตึกสูงและหนุ่มสาวออฟฟิศ
แล้วไปถึง ติดเที่ยงพอดีจ้า แล้วไงจ๊ะ ก็คนล้านแปดลงมาจากตึกมาต่อคิวกินข้าวแถวนั้นไงจ๊ะ
แล้วอิป้านี่ วัน ๆ อยู่แต่ป่า แต่สวนวันธรรมดา เจอผู้เจอคนซะที่ไหน
พอมาเจอคลื่นมหาชน คิวสามช่วงตึกทุกร้านขนาดนี้ อิป้าไม่สู้นะจ๊ะ
สะกิดหนุ่มว่า ไปกินที่อื่นเถอะ
แต่หนุ่มบอกว่า ยูไม่ต้องต่อคิวเลย
แค่ไปนั่งสวย ๆ จองโต๊ะไว้ เดี๋ยวไอยืนต่อคิวให้ ยูมีหน้าที่นั่งรอกินอย่างเดียว
แต่ก็ถามหนุ่มว่า
แล้วไอจะได้กินกี่โมงเนี่ย คิวยาวเหยียดทุกร้านซะขนาดนี้ ไม่เอา ๆ เลิก ๆ ไปกินที่อื่นเลย
หนุ่มก็เลยตามใจ
พาลัดเลอะ ผ่านสวนแถวนั้น แล้วก็ผ่านที่กินเหล้าสังสรรค์หลังเลิกงานของพวกฮี
ไปโผล่ซอกนึง ซึ่งเพ้นได้น่ารักดี เลยถ่ายรูปมาซะหน่อย


Image Hosted by PicturePush


แล้วเราผ่านโรงแรมแห่งนึง น่ารักมาก เขียวมากกก สวยมากกกก และดูใหม่มากกก
ก็เลยถามหนุ่มว่าที่โรงแรมอะไร หนุ่มก็ตอบว่าโรงแรม PARKROYAL
เป็นโรงแรมที่ฮีมางานแต่งเพื่อนฮีเย็นเมื่อวานนั่นแหละ
โห โรงแรมเจ๋งมาก เขียวครึ้มสุด ๆ ได้รางวัลเพียบจากการเป็น eco-friendly hotel
ยูอยากเข้าไปดูมั้ย
แต่เราตอบว่า ไม่อ่ะ เห็นแค่นี้ก็โอเคละ เข้าไปก็เท่านั้น มันไม่ธรรมชาติ ฮา ๆ
แล้วเราก็ไปที่รถใต้ดินกัน
ก่อนถึงสถานี มันมีสวนสาธารณะอยู่อันนึง มีคล้าย ๆ เวทีกลางแจ้งอยู่
หนุ่มก็เล่าให้ฟังว่า
ที่สิงคโปร์นี่มีกฎนะ ว่าห้ามรวมตัวกันเกิน 5 คนในที่สาธารณะด้วยไม่ได้รับอนุญาต
เฮ้ย มีอย่างนี้ด้วยเหรอ
กลัวจะประท้วงเหรอ
เออ แปลกดี มีกฎข้อนี้ในประเทศที่เจริญแล้วแบบนี้ด้วย

Image Hosted by PicturePush

แล้วฮีก็ถามว่าจะไปไหน
คือจริง ๆ อยากไปอีกซักสวนสาธารณะนึงนะ
แต่มันไกลจากในตัวเมืองนี้มากเลยอ่ะ
เลยบอกฮีว่า ไหน ๆ ก็มาละ ไป Sentosa ก็ได้ เพราะไม่ไปเดี๋ยวเพื่อนจะหาว่าไปไม่ถึง
แล้วไปไงจ๊ะ
อย่างเราก็ต้องนั่งรถไฟใต้ดินแล้วก็เดินสิจ๊ะ ไม่ได้ไกลอะไร ไม่ถึงกิโล
จะไปนั่งกระเช้าให้มันเปลืองทำไม ทั้ง ๆ ที่เค้าก็ทำทางเดินให้เดินได้เหมือนกัน
แต่หนุ่มก็เซ็งไปเลย เจอผู้หญิงชอบเดินขนาดนี้
เพราะวันนี้แดดเปรี้ยง ร้อนมาก แล้วฮีก็มาในชุดหนุ่มออฟฟิศเต็มยศซะขนาดนี้
ฮีก็เดินไป ก้มหน้าก้มตากับมือถือของฮีไป
เราก็เดินดุ่ม ๆ นำฮีไป เพราะก็ไม่อยากจะไปขัดการพิมพ์ของฮี
ก็เข้าใจแหละว่า ไม่ควรขาดการติดต่อกับเพื่อน ที่ทำงาน และที่บ้าน
เพราะกลับมาบ้านแค่ 10 วัน
มาเที่ยวกับเราตั้ง 3 วัน ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่ได้ไปเจอญาติ เจอเพื่อนเลย
เค้าก็บอกว่ามีญาติที่จะเจอแน่ ๆ 2-3 คนรุ่น ๆ เดียวกันที่จะต้องไปกินข้าว กินเหล้าด้วยกัน
แล้วก็เพื่อนสนิทที่กลับมาสิงคโปร์ทุกครั้งก็ต้องไปกินกันทุกครั้งอีก 2-3 คน
แล้วยังไงจ๊ะ ยังไมได้ไปเจอใครเลยจ้ะ มาเจออิเจ้ตลอด 3 วัน ฮา ๆ


Image Hosted by PicturePush


ไปถึง เจ้ก็ไม่เข้านะจ๊ะ Universal Studio น่ะ

Image Hosted by PicturePush



Image Hosted by PicturePush



เจ้ไม่อินกับอะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติ
ตรงนั้นมีทะเลนะ ก็ดูโอเค แต่มันปลอมอ่ะ
ทะเลอาจจะจริง แต่ทรายก็เอามาจากอินโดหรือมาเลย์เนี่ยแหละ
จัดแต่งให้มันสวย มันก็ไม่ธรรมชาติน่ะ ไม่อิน ๆ
เดิน ๆ มอง ๆ ถ่ายรูปนิดหน่อยพอเป็นพิธีว่ามาแล้วนะ
แล้วก็นั่งรถรางกลับ เพราะหนุ่มบอกว่า ไอไม่เดินกลับแล้วนะ ฮา ๆ


Image Hosted by PicturePush


แล้วเราก็กลับมาห้างตรงรถไฟใต้ดิน
แล้วเดินไปกินโรงอาหารที่เรามากินกับหนุ่มวันแรกมื้อแรกในสิงคโปร์
มื้อนี้ มื้อสุดท้าย เราก็กลับไปกินที่โรงอาหารเดิมนั้นอีก
ก็ให้หนุ่มเลือกว่าอยากกินอะไรก็สั่งมาเลย เรากินได้ทั้งนั้น
แต่ก็บอกไปว่าวันแรกกินอะไรไปแล้วบ้าง
หนุ่มก็สั่งขนมผักกาดมากิน มันก็เหมือนบ้านเรานั่นแหละ
กับอีกอย่างนึง จำไม่ได้แล้วอ่ะ แล้วอย่างที่บอก ทริปนี้ทั้งทริป เราไม่ได้ถ่ายรูปอาหารก่อนกินไว้เลย
เพราะเราไม่ชอบดูรูปอาหารใน fb ของชาวบ้าน
แล้วเราก็รำคาญชาวบ้านที่ชอบถ่ายรูปอาหารก่อนกิน
เราก็เลยไม่ถ่าย จำเอา ถ้าประทับใจก็จำได้เองแหละ


นั่งกิน เราก็คุยกันเรื่อง culture การทำงานของคนสิงคโปร์เนอะ
ที่ให้ความสำคัญกับหัวสมอง ความเก่งเป็นหลัก
ไม่ได้ดูว่ายูเป็นฝรั่งแล้วจะเก่งกว่า
เพราะอย่างว่า ประเทศเค้าก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักกันอยู่แล้ว
แล้วก็เรื่องลุค เรื่องการแต่งตัวที่สำคัญมาก
คนสิงคโปร์จะให้ความสำคัญกับเสื้อผ้า เครื่องประดับมาก
ซึ่งตอนแรกเค้าก็ไม่คิดแบบนั้น
เค้าก็แต่งตัวธรรมดา ไม่ได้เข้ารูปอะไร
แต่หัวหน้างานเค้าบอกให้ไปหาร้านตัดสูทมา
ไม่ให้ซื้อสูทสำเร็จรูปที่ไม่พอดีตัว หลวมโครกใส่สบายทำให้ตัวเราเหมือนว่าวแบบนี้
มิน่าล่ะ
คนสิงคโปร์ เวลามาเมืองไทย
สิ่งที่เค้าต้องทำเลยคือมาตัดสูทที่เมืองไทย แถว ๆ นานา หรือ Central World ประตูน้ำเนี่ยแหละ
เพราะราคาค่าตัดสูทบ้านเราถูกกว่าครึ่งนึง






แล้วก็คุยเรื่องน้องชายเราเนอะ
ว่าเอาแต่ติดเกมส์ เล่นเกมส์ทั้งคืน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำงาน
แล้วฮีถามว่า
แล้วน้องชายยูเวลากินข้าวไปกินข้าวที่โต๊ะกินข้าวมั้ย
เราก็บอกว่า ไปกินข้าวที่โต๊ะกินข้าว แต่เวลาน้องชายชั้นกินข้าว จะไปคุยด้วยไม่ได้นะยู
เพราะน้องชายชั้น จากโต๊ะจอคอมมานั่นกินข้าว ก็กินข้าวไป ดูจอมือถือไป ห้ามคุยด้วย เพราะจะไม่ฟัง
ฮีก็ตอบว่า
การที่น้องชายยูมากินข้าวที่โต๊ะกินข้าวได้ก็ถือว่ามีวินัยมากแล้วนะยู
เพราะต้องชั้นอยู่หน้าคอม ชั้นกินข้าวหน้าคอมเลยนะ
โห กรู เจอผู้ชายเป็นหนักกว่าน้องชายเข้าให้แล้วเหรอ
แต่ฮีมีความรับผิดชอบกว่าน้องชายเราเยอะนะ จากที่คุยด้วยแล้ว
โห หาความมีวินัยของน้องชายชั้นเจอตั้ง 1 อย่างแน่ะ
แล้วเราก็บ่นว่าน้องกินเสร็จแล้วก็ทิ้ง ไม่เก็บล้าง ถอดรองเท้าทิ้ง ไม่เก็บ วางของข้างล่างก็รก เกะกะ ไม่เคยเก็บอะไรเลย
ฮีก็บอกว่า ยูก็บอกน้องชายยูดี ๆ สิ เหมือนที่ยูคุยกับชั้นน่ะ
ไม่ใช่ไปบ่น ไปจิกให้ทำ ผู้ชายที่ไหนเค้าอยากจะทำ
เอิ่ม
แล้วทำไมไม่ทำเลย จะได้ไม่ต้องให้บ่น
ซึ่งอันนี้ฮีก็ตอบเราไม่ได้ ฮา ๆ





คุยกันหลายเรื่องอยู่นะ
แต่ดีอย่างนะ ตอนนั่งกินข้าวคุยกัน ฮีไม่จับมือถือเลยนะ
เหมือนวันแรก เดินคุยทั้งวันตั้งแต่เช้ามืดยันหัวค่ำ ฮีไม่จับมือถือเลย
ตั้งใจคุย ตั้งใจฟัง
แต่วันนี้ฮีก็มองนาฬิกาข้อมือบ่อย
เพราะเราบอกฮีไปแล้วว่าต้องกลับถึงโฮสเทลไปเอากระเป๋าไปสนามบินกี่โมง
ฮีก็จะคอยรักษาเวลาให้ คงกลัวเราตกเครื่อง ฮา ๆ

แล้วก็นั่งใต้ดินกลับไปโฮสเทลของเราตอนบ่ายแก่ ๆ
ฮีก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่งที่สนามบินนะ
เราก็เกรงใจอ่ะ บอกว่าไม่ต้องหรอก
ชั้นมาเองคนเดียวได้ ชั้นก็กลับเองคนเดียวได้
เอิ่ม คิดกลับไป รู้งี้ให้ฮีไปส่งก็ดี
ได้ข่าวว่าปฏิเสธผู้ชายเรื่องรับส่งสนามบิน 2 คนเลยทริปนี้

คือเรามีความคิดประหลาดอย่างนึง
คือเราเป็นคนที่ไม่ไปรับ ไปส่งใครที่สนามบินนะ
เรารู้สึกว่ามันเสียเวลา
คนไปรับ ก็ต้องไปกลับสนามบิน ไกลก็ไกล แถมตัวเองก็ไม่ได้บิน
คนไปส่งยิ่งแล้วใหญ่ ไปส่งเสร็จก็กลับบ้าน ไม่ได้บินเอง
เวลาเราเดินทาง เรานั่ง taxi ไปสนามบินและกลับจากสนามบินคนเดียวตลอด
ไม่อยากให้พ่อแม่ไปส่ง เพราะมันเสียเวลา ขับรถไป ขับรถกลับ ไกลก็ไกล
แถมบางครั้งเวลาบินก็ห่วยแตก ค่ำมืดจนเลยเวลานอน หรือเช้าจัดให้ต้องตื่นกลางดึก
เราไปเองคนเดียวตลอดตั้งแต่ได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกตอนมหาลัย

แล้วเราก็จะไม่ไปรับ ไปส่งใครด้วย
เราอยากให้มีความรู้สึกว่า
ทุกครั้งที่เราไปสนามบิน คือเราได้บิน
ความรู้สึกที่ไปสนามบินทุกครั้ง คือเราจะตื่นเต้นทุกครั้ง
เพราะทุกครั้งที่ได้ไปเหยียบสนามบินคือเรากำลังจากเดินทาง





แล้วกรณีหนุ่มคนนี้
เราเกรงใจอ่ะ
คือเข้าใจมั้ย เค้ากลับบ้านมาแค่ 10 วัน
มาเที่ยวกับเรา 3 วันเต็มแล้ว
อ่ะ อาจจะไม่เต็ม 1 วันเต็ม อีก 2 วันมาเจอครึ่งวัน แต่ครึ่งวันแรกเค้าก็ออกจากบ้านแต่เช้าไปทำธุระแล้วตอนสาย ๆ เที่ยง ๆ ก็มาเที่ยวกับเราถึงเย็น ถึงค่ำ
เราก็ไม่อยากให้เค้าเสียเวลาไปส่งเราที่สนามบินอีก
นั่งไปสนามบิน นั่งกลับมาบ้าน อย่างน้อยก็ 1-2 ชั่วโมงที่เสียไป
แทนที่เค้าจะได้ใช้เวลาอันมีค่านั้นกับพ่อแม่ที่บ้านเค้า หรือกับญาติกับเพื่อนจะดีกว่า
ซึ่งเราก็ไม่ได้บอกเหตุผลนี้กับหนุ่มนะว่าทำไมเราถึงไม่อยากให้ฮีไปส่ง
แค่บอกว่า ชั้นโอเค ชั้นเองได้ ก็กลับเองได้
ฮีก็โอเค ๆ ก็ให้ฮีนั่งต่อกลับบ้านไปเลย ไม่ต้องแตะบัตรออกมาส่งเราที่โฮสเทล
ก็นั่งแล้วลากันตรงนั้น แล้วเราก็ลุกเดินออกประตูไป ไม่ได้มีพิธีอะไร เหมือนบ๊าย บายเพื่อนแล้วพรุ่งนี้เจอกัน
แต่เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็เป็นได้
(เอิ่ม รูปนี้ไม่เกี่ยวอะไร แต่คิดไว้ว่าอยากมี moment แบบนี้ซักครั้งในชีวิตจุงเบย)





กลับมาถึงโฮสเทล
ใช้ wifi ที่โฮสเทลเช็คข้อความ
หนุ่มเมื่อเช้าบอกว่า
เนี่ยหลังจากที่ไปแลกเงินที่จะไปออสอาทิตย์หน้าเสร็จ
นั่งใต้ดินกลับบ้าน อยู่ดี ๆ ก็ง่วงมาก ๆ จะหลับให้ได้แต่อีก 1 สถานีก่อนถึงบ้านล่ะ
เราก็บอกว่า อืม โชคดีนะที่ยูไม่ได้พาไอเที่ยวต่อ ยูต้องง่วงมากแน่เลย เพราะยูไม่ได้นอนทั้งคืน
แถมออกมาลั้นลาอีกครึ่งวัน

อ้อ เผื่อใครไม่ได้อ่านตั้งแต่แรก
การนัดหนุ่ม ๆ สาว ๆ ของเราที่นี่
เราไม่ได้ซื้อซิมมือถือที่นี่นะจ๊ะ
ดังนั้น
การนัดเจอทุกคนต้องตรงเวลาและสถานที่
แถมยังต้องคาดเดากันอีกเล็กน้อย เพราะเรายังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
บางคนรูปก็ชัดเจน แต่อาจะสูง เตี้ย อ้วน ผอมกว่าในรูป (นิดหน่อยจนถึงมาก)
บางคนรูปก็ใส่แว่นดำ หรือถ่ายด้านข้าง ก็ต้องเดาเอา
แต่คนพวกนั้นส่วนใหญ่จะเข้ามาทักเรา เพราะเราใช้รูปจริง ไม่เซลฟี่ ธรรมชาติ (ลงโทษ) โดยแท้ ฮา ๆ


แล้วเราก็นั่งรถใต้ดินไปสนามบิน
ซึ่งรถไฟใต้ดินบ้านเค้าถูกดีนะ
ไปไกลแค่ไหนก็ 2 เหรียญกว่า
แต่ใช้เวลาเหมือนกันนะ
แหม สนามบินเนอะ
บ้านไหนก็ไกลจากเมืองทั้งนั้นแหละ
แต่ก็ดี ดูบ้าน ดูเมืองไปเรื่อย
ได้เห็น HDB แต่ละแบบในแต่ละสถานี
จะได้คุ้นเคยเผื่อได้มาอยู่ เลือกเอาว่าอยากอยู่รังนกสถานีไหน อร๊ายยย คิดไปไหนไกลแล้ววะเนี่ยอิเจ้





ไปถึงก่อนเวลาบิน 3 ชั่วโมง
เพราะกลัวแถว ตม. กับแถว self check in มีปัญหาเหมือนที่ดอนเมือง
ไปถึงสนามบินก็ไปเข้าห้องน้ำ ไปเดินเล่นก่อนเข้า check in นิดหน่อย
เพราะตอนวันมาถึงก็รีบออกจากสนามบินให้เร็วที่สุด ไม่ได้ดูอะไรเล้ย
แต่มาถึงตอนนี้ เวลาเหลือเฟือเลยเดินดูซะหน่อย
แต่ก็ไม่ได้มีอะไรอยากซื้อ
เลยเดินเข้าไปเคาร์เตอร์ Air Asia แทบไม่มีคนเลยจ้ะ
จริง ๆ แล้วทุกเคาร์เตอร์ของทุกสายการบินก็แทบไม่มีคนเลย
พนักงานเยอะมาก เร็วมาก สนามบินปูพรม ใหม่ สะอาด อยากนอนเกลือกกลิ้ง ประทับใจฝุด ๆ
แถว ตม. ก็ไม่นานเลย ไปต่อแค่คิวเดียวเอง
ทุกอย่างรวดเร็วเสร็จภายใน 20 นาทีได้

พอเข้าไปด้านในแล้วก็ไปขอรหัส wifi ของสนามบิน หาที่นั่งเล่น ตามประสาคนไม่ช้อป duty free
มาแบบ low cost พักห้องรวมแบบ low cost เที่ยวแต่ที่ ๆ ไม่เสียเงินค่าเข้า แล้วจะมีเงินที่ไหนไปช้อปของ hi end ฮา ๆ
แต่ตลกมาก
ทริปนี้ใช้เงินเป็นหมื่น!!!!!
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ช้อปอะไรเลย
ไป 5 วัน 4 คืนเนอะ

ค่าตั๋วจริง ๆ 2 พันนิด ๆ ซื้อประกันพ่วงเบ็ดเสร็จ 2500
ค่าประกันการเดินทาง สุขภาพต่างหาก อีก 500 กว่าบาท
ค่าที่พักห้องหญิงล้วน 8 เตียงห้องน้ำในตัว 4 คืนก็ 3000 กว่าบาท
ค่าเดินทางบัตร EZ link ก็ประมาณ 20-30 เหรียญ ก็ตีซะว่า 1000 บาท
ค่าซื้อน้ำ ซื้อขนมนิดหน่อย ซื้อข้าวบางมื้อ ซึ่งน้อยมาก 500 บาทได้มั้ง
แต่ซื้อยาที่สิงคโปร์นี่สิง แพงกว่าเมืองไทย 4 เท่าตัว ซึ่งไม่อยากจะบอกเลยเงินบาทเลยว่าเท่าไหร่ เจ้จะเป็นลม
ไม่ซื้อก็ไม่ได้ ทรมาน ซึ่งได้เขียนเล่าไปแล้ว

สิ่งที่แทบไม่ได้จ่ายเลยคือค่าอาหาร
เพราะหนุ่ม ๆ จ่ายให้หมดเลย (ทั้ง ๆ ที่พยายามจะแย่งช่วยหนุ่มจ่ายแล้ว แต่ไม่มีใครให้จ่าย)
แต่อาหารจริง ๆ ถ้าจะจ่ายเองก็ไม่แพงหรอก มื้อนึงก็ร้อยกว่าบาท
อันนี้ไม่รวมอาหารเช้านะ
เพราะที่โฮสเทลมีขนมปังไว้ให้ ก็กินขนมปังเป็นอาหารเช้าอยู่แล้ว
แล้วเราบังคับให้ทุกคนมากินกับเราให้พาไปกินแต่โรงอาหาร
ไม่ให้พาไปกินร้านติดแอร์ หรือคาเฟ่ติดแอร์แพง ๆ เลย
อันนี้คือขนาดไปแบบประหยัดมาก ๆ ค่าข้าวแทบไม่ได้จ่ายยัง 7500 เลย
อ้อ คิดออกละ
ไอ้ที่ว่าเป็นหมื่นเนี่ย
เพราะเราซื้อกระเป๋าฝากสาว ๆ สิงคโปร์ที่เราไปเจอ
แล้วก็อาหารไทย ขนมไทย ข้าวของสารพัดไทย ๆ ทั้งหลายที่แบกไปฝากหนุ่ม ๆ ที่ตั้งใจจะไปเจออีกเป็นพันนี่เอง
ทำให้ทริปนี้จบปิ๊งไปก็หมื่นนึงได้

ขากลับ บินแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง
เครื่องไม่เต็ม ได้นั่งริมหน้าต่าง ตรงกลางว่าง
ยืดขาเบี่ยงนอนเลยจ้า ดีใจมาก ได้นอนไปพักใหญ่ ตื่นมาอีกทีจะถึงไทยแล้ว
เป็นการเที่ยวที่ประทับใจดี เก็บหนุ่มได้ครบ ตรง concept ว่าจะไม่มีวันไหนที่ต้องเที่ยวเองคนเดียวเลย
แต่ก็มี 1 มื้อที่ต้องกินคนเดียว
มื้อนั้นแปลก ๆ เลยทีเดียว ฮา ๆ





เฮ้อ
ทริปนี้ได้แต่เพื่อนกลับมา ไม่เห็นได้ฟงได้แฟนกลับมาอย่างคนอื่นเค้าเล้ย
ไอ้ที่เขียนเม้าไปเนี่ย เราคงรู้สึกประทับใจไปคนเดียว
ผู้ชายคงไม่ได้ประทับใจอะไรกับเราด้วย
อาจจะเพราะมันบ้านเค้า เค้าอยู่กับประเทศเค้ามาตั้งแต่เกิด
แต่เราเพิ่งเคยไปครั้งแรก ทุกอย่างมันสดใหม่ มันก็เลยประทับใจอยู่ฝ่ายเดียว

ทำไมถึงคิดงี้เหรอ
ติดตามตอนต่อไปนะแจ๊ะ
ตอนจบ หลายต่อหลายครั้งมันก็หักมุม
ไอ้ที่เขียนมาซะมุ้งมิ้งนี่ เอิ่ม....เราอาจจะคิดไปเองงงงงง

ขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่าน
ทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้า
งานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละ
แต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)
บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ
ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ
บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง
แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ
รักคนอ่านนะคะ



Create Date : 27 สิงหาคม 2559
Last Update : 9 กันยายน 2559 21:06:41 น. 1 comments
Counter : 2172 Pageviews.

 
รออ่านต่อนะคะ สนุกมากๆ อ่านแล้วมองเห็นภาพเลย 5555เรื่องจริงที่สุด


โดย: Pppp IP: 124.122.130.58 วันที่: 9 กันยายน 2559 เวลา:8:39:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.