เมื่อตะวันยอแสง..เรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า..พักลงตรงนี่ที่เดิมแล้วหลับตา..
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
10 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
เรียนรู้เกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม




Glitter Graphics - GlitterLive.com



ความจำไม่ดีคือสมองเสื่อมหรือ?

โรคที่มักได้ยินบ่อยและมักเกิดกับผู้สูงอายุไม่ว่าเขาคนนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตอย่างไรคือโรคสมองเสื่อม ทำให้เกิดการวิตกกังวนว่าการที่เป็นคนขี้ลืมเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า?

สมองเสื่อมไม่ใช่เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไป คนสูงอายุทั่วไปอาจจะมีการลืมได้บ้างแต่ว่าลืมแล้วก็จำได้ อาจจะนึกไม่ออกว่าเราเอาของไปวางไว้ที่ไหนแต่ก็รู้ว่า เอ๊ะ! เราต้องไปวางไว้ แน่ๆ จำได้ว่าเราถือมาแต่เอาไปวางไว้ที่ไหน ต้องใช้เวลาหาดูว่าเราเอาไปวางไว้ที่ไหน ถือว่าเป็นคนที่ขี้ลืม หรือเวลาไปห้างสรรพสินค้าแล้วจอดรถอย่างรวดเร็ว ลงรถเดินออกไปแล้วจำไม่ได้ว่าตัวเองล็อครถหรือยัง ต้องเดินกลับมาดูอีก หรือว่าเดินไปซื้อของก็เอาของที่ซื้อมา ก่อนหน้านี้วาง
ไว้ที่ร้านนั้นหยิบของใหม่ได้ก็หยิบของใหม่ไปลืมของเก่าลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะการลืมซึ่งอาจพบได้ ในคนทั่วๆไป ซึ่งการลืมเหล่านี้อาจจะแก้ไขได้โดยฝึกฝนตนเองในเรื่องความจำให้ดีขึ้นได้ โดยการตั้งใจคิดอยู่ตลอด เวลาว่าเราถือของนี้มานะเมื่อจะเดินจากสถานที่แห่งนั้น ก็ให้หยุดคิดว่าเราถืออะไรมาบ้าง ถ้านั่งอยู่ลุกขึ้นแล้ว ให้มองไปที่โต๊ะก่อนว่ามีอะไรทิ้งอยู่หรือเปล่ามีอะไรค้างอยู่ไหม จึงเดินไป การฝึกตัวอยู่เสมอจะทำให้การลืมลดลง แต่ผู้ป่วยสมองเสื่อมสิ่งเหล่านี้ผู้ป่วยจะจำไม่ได้เลย ว่าหยิบของนี้มาหรือ จำไม่ได้เลยว่ามีการทำกิจกรรมประจำวันต่างๆ เกิดขึ้นเช่น จำไม่ได้ว่ารับประทานอาหารไปหรือยังจำไม่ได้ว่าพึ่งทานไปประเดี๋ยวนี้ การลืมใหญ่ๆแบบนี้เป็นลักษณะของผู้ป่วยสมองเสื่อม
จะสังเกตุได้อย่างไรว่าเป็นคนมีอาการสมองเสื่อม?

1) สูญเสียข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ
เช่นเมื่อรับสิ่งของบางอย่างหรือกุญแจจากคนในบ้านไปแล้วทำหายหาไม่พบ แต่จะเชื่อว่ากุญแจนั้นหายไปอาจมีคนอื่นขโมยแต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากตนเองเพราะเชื่อว่าไม่เคยได้รับกุญแจนั้นจากผู้ใดเป็นต้น ซึ่งต่างจากอาการหลงลืมตามวัยโดยอาการหลงลืมนั้นมักจะเป็นลักษณะของนึกไม่ออกว่าวางกุญแจไว้ตรงไหนแต่จะยังจำได้ว่าตนเองเป็นผู้ทำกุญแจหายเพราะจำได้ว่ารับกุญแจนั้นมาจากคนในบ้านเป็นต้นดังนั้นควรประเมินความจำในระยะสั้น ซึ่งเป็นความจำในช่วงไม่กี่นาทีจนถึงชั่วโมง ตัวอย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาความจำอย่างไรบ้างให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ประกอบด้วยซึ่งบ่อยครั้ง ที่บุคคลนั้น มักจะปฏิเสธว่าตนเองไม่มีปัญหาเรื่องความจำแต่อย่างใด เช่นมีปัญหาเรื่องทำของหายบ่อย แล้วกลับจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นคนทำ หรือ ซื้อของซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะจำไม่ได้ว่าได้ซื้อไปแล้ว หรือ อาจไม่ได้ปิดเตาแก๊ส หลังจากประกอบอาหารเสร็จ เป็นต้น

2) มีปัญหาในการที่จะเลือกใช้คำพูดให้ถูกต้อง เช่น
- พูดถึงแก้วน้ำ แต่ไม่สามารถบอกได้อาจจะเลี่ยงเป็นการชี้ หรือพูดว่า "ไอ้นั่น, ไอ้นี่" หรือ เลี่ยงพูดถึงหน้าที่ของมัน เช่น ที่เอาไว้ดื่มน้ำ เป็นต้น
- พูดผิดพูดถูก เช่น แทนที่จะพูดว่าโต๊ะ กลับบอกว่า เก้าอี้
- พูด ๆ อยู่แล้วความคิดหยุด พูดต่อไม่ได้
- ลองชี้สิ่งของแล้วให้บอกว่าสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร เช่นนาฬิกา, ปากกา, กระดุม,ไม้แขวนเสื้อ เป็นต้น

3) การไม่สามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำประจำ หรือเมื่อถูกบอกให้ทำได้
- ทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ได้เองหรือไม่ เช่น แปรงฟัน, หวีผม, อาบน้ำ, แต่งตัว, ใส่เสื้อผ้าได้ถูกแยกแยะเสื้อ, กางเกง, ใช่เสื้อผ้า, ทานอาหาร, รู้จักวิธีใช้ช้อน ส้อม, ถ้าไม่สามารถทำได้จะต้องไม่ใช่เป็นเพราะระบบสั่งการของกล้ามเนื้อ ผิดปกติ เช่น ญาติอาจ พบว่าบ่อยครั้งที่บอกให้ไปแปรงฟัน จะพบว่าบุคคลนั้นใช้เวลานานมากในห้องน้ำ และเมื่อได้เข้าไปดูจะพบว่ายืนนิ่งอยู่เฉย ๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หรือไม่สามารถใส่เสื้อผ้าได้ถูก หรือต้องใช้เวลาอย่างมากในการใส่เสื้อผ้าเป็นต้น
- โดยการบองให้บุคคลนั้นแสดงท่าแปรงฟันหรือหวีผม หรือ รับกระดาษด้วยมือขวา พับครึ่ง แล้ววางลงบนพื้น ว่าสามารถทำได้หรือไม่

4) การไม่สามารถระบุสิ่งของต่าง ๆ ได้ แม้ว่าประสาทสัมผัสยังดี
- จำสิ่งที่คุ้นเคยไม่ได้ เช่น หน้าคนที่คุ้นเคย สถานที่หรือสิ่งของส่วนตัวที่คุ้ยเคย
- ลองให้บุคคลนั้นบอกสิ่งของที่กำอยู่ในมือ ในขณะที่หลับตา เช่นกุญแจ เหรียญ เงิน เป็นต้น

5) ความสามารถในการตัดสินใจ
- มีปัญหาในการที่จะเข้าใจ ตัดสินใจ วางแผนที่จะทำต่อไป ในเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปหรือไม่
- มีปัญหาในการที่จะใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้อยู่เป็นประจำ เช่น การเปิดปิดเตาแก๊ส หรือมีปัญหาในการเรียนรู้ที่จะใช้ อุปกรณ์เครื่องใช้ใหม่ๆ เช่น การใช้เตาไมโครเวฟหรือไม่
- โดยการบองให้บุคคลนั้นอธิบายความเหมือนของสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ โต๊ ะ- เก้าอี้, ส้ม - กล้วย, เสื้อ - กางเกง, แม่น้ำ - ลำคลอง เป็นต้น

6) ความสามารถในการดำเนินชีวิต
- การจับจ่ายใช้สอย เช่น ไม่สามารถซื้อของที่ต้องการได้, ลืมของที่ซื้อไว้ในร้าน, ซื้อของซ้ำ เป็นต้น
- การดูแลจัดการเงินทองค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น จำไม่ได้ว่าเงินที่ต้องใช้อยู่ที่ไหน โดยมักคิดว่าเงินหาย, ความสามารถในการตรวจสอบเงินทอนบกพร่องไป เป็นต้น
- การหุงหาอาหาร, การออกนอกบ้าน, การนัดหมาย, หรือตารางกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ที่ทำอยู่เสมอ ๆ เป็นต้น เช่น การแต่งตัว, การรับประทานอาหาร, การดูแลตนเองในการขับถ่ายต่าง ๆ เหล่านี้ว่ายังสามารถทำได้เองตามลำพังมากน้อยแค่ไหน หรือต้องมีการช่วยเหลือบ้างบางส่วนต้องช่วยทั้งหมด เป็นต้น

หากพบอาการต่างๆ เหล่านี้แล้วต้องรีบนำไปพบแพทย์ เพราะสามารถประเมินขั้นต้นได้ว่ามีอาการของโรคสมองเสื่อม

สมองเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร?

1) เกิดจากการเสื่อมสลายของสมอง หมายความว่า เนื้อสมองมีการเสื่อมสลายหรือมีการตายเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่ทราบว่ามีสาเหตุที่ทำให้สมองมีการตายลง โรคที่พบบ่อยในกลุ่มนี้ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ โรคพากินสัน และยังมีโรคอื่นๆอีกหลายโรคซึ่งล้วนมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษเช่น Huntington chorea ในกลุ่มโรคนี้โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อม 50-70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั้งหมด

2) โรคสมองเสื่อมเกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองมีการหนาตัวขึ้น แข็งตีบหรือมีการตีบตัวผิดปกติ ทำให้ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองลดลง ถ้าลดลงมากจนถึงระดับที่ไม่เพียงพอกับการใช้งานของสมองก็จะทำให้เนื้อสมองตาย เนื้อสมองส่วนที่ตายไปนั้น ถ้าเกิดขึ้นในพื้นที่เล็กๆ ก็อาจจะยังไม่มีอาการอะไรในระยะแรก แต่ถ้ามีการตายของเนื้อสมอง เนื่องจากการขาดเลือดนี้ขึ้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเนื้อสมองมีการตายเป็นจำนวนมากจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการหลงลืมหรือ
สมองเสื่อมได้ ในบางครั้งเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองนั้นอุดตันในบริเวณเส้นเลือดใหญ่ทำให้เนื้อสมองตายขนาดใหญ่ ทำให้บุคคลนั้นเกิดอาการสมองเสื่อมได้ถึงแม้ว่าจะมีเส้นเลือดอุดตันเพียงครั้งเดียวก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาด บริเวณของสมองที่มีการเสียหายเนื่องจากการขาดเลือดไปเลี้ยง ดังนั้นผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะมีเส้นเลือดสมองตีบมักจะอยู่ในกลุ้มที่มีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้ เป็นโรคความดันโลหิตสูง เป็นเบาหวาน มีระดับไขมันคลอเลสเตอรอลสูงหรือ สูบบุหรี่เป็นต้น

3) สมองเสื่อมเกิดจากการติดเชื้อในสมอง มีเชื้อไวรัสหลายชนิดซึ่งทำให้เกิดการอักเสบในสมองตัวอย่างเช่น เชื้อไวรัสสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดมาจากหมู ท่านทั้งหลายอาจจะเคยได้ยินว่ามีการระบาดของไวรัสนี้ในประเทศมาเลเซียมี หมูมีเชื้อโรคอยู่ในตัว ยุงไปกัดหมูเอาเชื้อโรคจากหมูมาสู่ยุงแล้วยุงนั้นไปกัดคนอีกต่อนึ่ง คนที่ถูกกัดจะมีอาการไข้ และไวรัสจะขึ้นสมอง ผู้ได้รับเชื้อจำนวนหนึ่งจะถึงแก่ความตาย ส่วนที่ไม่เสียชีวิตก็จะมีการเสียหายของเนื้อสมองซึ่งความเสียหายนี้จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อสมอง เนื้อสมองบางส่วนที่ตายไปทำให้ความสามารถของสมองเสื่อมลงไป ทำให้ไม่รู้ตัว นอนตลอดเวลา ถ้าอาการดีขึ้นจะเริ่มรู้ตัวแต่มักจะจำอะไรหรือจำใครไม่ได อาจมีพฤติกรรมแปลกๆ บางคนเอะอะโวยวาย บางคนแสดงอาการว่าเห็นภาพหลอนซึ่งเป็นลักษณะของสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง นอกจากเชื้อไวรัสนี้แล้วในปัจจุบันยังมีเชื้อไวรัสอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดสมองเสื่อมมากขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่การติดเชื้อ ไวรัสHIVหรือไวรัสที่ทำให้เกิดเป็นโรคเอดส์นั้นเองไวรัสชนิดนี้เข้าไปในร่างกายแล้วอาจทำให้ภูมิต้านทางของร่างกายบกพร่องและตัวไวรัสเองก็เข้าไปทำให้เกิดการติดเชื้อเกิดการเสียหายของสมอง ทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงเป็นลักษณะของคนเป็นสมองเสื่อมได้ ส่วนใหญ่แล้วสมองเสื่อมที่เกิดการติดเชื้อในสมองนั้นมักพบในคนอายุน้อย

4)สมองเสื่อมเกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิดโดยเฉพาะวิตามิน เช่น วิตามิน B1หรือวิตามิน B12 วิตามิน B1เป็นสารช่วยทำให้การทำงานของเซลล์สมองเป็นไปอย่างปกติ ผู้ที่ขาด วิตามิน B1มักพบในคนที่ติดเหล้าหรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังคนกลุ่มนี้มักจะกินเหล้าเมาและมักไม่ได้อาหารที่เพียงพอ วิตามิน B1 ไม่เพียงพอต่อร่างกายทำให้เซลล์สมองทำงานไม่ได้ตามปกติจนถึงแก่เซลล์สมองเสียหายตายไป นอกจากนี้ วิตามิน B12 เองก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำงานของสมอง ผู้ที่ขาดวิตามิน วิตามิน B12 มักจะพบในผู้ป่วยที่เป็นมังสวิรัตอย่างเคร่งครัดเป็นเวลานานหลายปี ส่วนใหญ่แล้ว
ในคนไทยมักจะได้วิตามิน B12 จากน้ำปลาหรือจากอาหารเนื้อสัตว์เช่นหมู คนที่รับประทานมังสวิรัตก็จะขาดสารอาหารตัวนี้ ดังนั้นคนที่รับประทานมังสวิรัตอย่างเคร่งครัดจึงควรได้รับวิตามินเสริมเป็นครั้งคราวเพื่อให้เพียงพอกับการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย นอกจากนี้ยังอาจพบการขาดวิตามิน B12 ในคนที่ได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นออกไป ซึ่งทำให้ขาดสารอาหารบางอย่างซึ่งช่วยหรือเป็นตัวจำเป็นในการดูดซึมวิตามิน วิตามินB12 จากกระเพาะอาหารหรือลำไส้เข้าสู่ระบบร่างกาย

5) สมองเสื่อมจากการแปรปรวนของเมตาโบลิซึมของร่างกาย เช่นการทำงานของต่อมไร้ท่อบางชนิดผิดปกติไป เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานมากไปหรือทำงานน้อยไป การทำงานของตับหรือของไตผิดปกติไปจะทำให้เกิดของเสียคั่งอยู่ในร่างกาย ซึ่งมีผลทำให้สมองไม่สามารถสั่งการได้ตามปกติ ถ้าภาวะอย่างนี้เป็นอยู่นานๆ จำทำให้มีอาการสมองเสื่อมได้

6) สมองเสื่อมจากการถูกกระทบกระแทกที่ศีรษะอยู่เสมอๆ ภาวะนี้พบบ่อยในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีการกระทบกระแทกที่ศีรษะ โดยเฉพาะพวกนักมวย นักกีฬาบางชนิดที่ต้องใช้ศีรษะกระแทกสิ่งต่างๆ หรืออาจจะพบในคนที่ดื่มสุราเมาแล้วก็เดินชนโน้นชนนี้ หรือหกล้มศีรษะฟาดพื้น ถ้าเป็นซ้ำแล้วซ้ำอีกเนื้อสมองที่กระทบกระแทกนั้นก็จะตายไป เมื่อเนื้อสมองตายไปจำนวนมากเข้าก็จำทำให้การทำงานไม่เป็นปกติมีอาการสมองเสื่อมได้

7) สมองเสื่อมจากเนื้องอกในสมองโดยเฉพาะเนื้องอกที่เกิดจากทางด้านหน้าของสมอง โดยอาจจะไม่มีอาการแบบที่พบในเนื้อสมองส่วนอื่น เช่นอาการแขนขาไม่มีแรง มองเห็นภาพซ้อน หรืออาการซึ่งแสดงว่ามีความดันในกะโหลกศีรษะมากขึ้น เช่น อาเจียนหรือปวดศีรษะ แต่เนื้องอกในบริเวณนี้อาจจะทำให้บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง ความจำและการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงไปซึ่งเป็นลักษณะของสมองเสื่อมได้ อย่างไรก็ตามสมองเสื่อมในคนสูงอายุมักจะมีสาเหตุมาจากโรคอัลไซเมอร์หรือปัญหาหลอดเลือดสมองผิดปกติหรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง คืออาจจะเป็นทั้งอัลไซเมอร์และปัญหาหลอดเลือดสมองร่วมด้วย




ขอบคุณข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต


























































Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2551 15:26:17 น. 1 comments
Counter : 767 Pageviews.

 
ได้สาระดีมากครับ


โดย: ดุ๊ค IP: 125.24.2.254 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:19:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาว17
Location :
ลูกสาวเมืองสิงห์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Color Codes ป้ามด







เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตครอบครัว
มีบางครั้งที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
มีบ้างบางครั้งที่เราต้องเลิกทำในสิ่งที่ชอบ
เพื่อความก้าวหน้าของชีวิตครอบครัว
มีบ่อยครั้งที่เราต้องรู้จักใช้สติ
ต้องรู้จัก อดทน และให้อภัย
ดูอย่างต้นไม้ซิ
มันไม่เคยที่จะผืนลิขิตของฤดูกาล
มันไม่คิดจะขัดธรรมชาติ
เมื่อถึงคราวต้องทิ้งใบก็ยินยอมแต่โดยดี
อดทนและอดทน
เพื่อผลิใบ และดอกผลเมื่อฝนมา
เพราะเมื่อเวลามาถึงทุกสิ่งจะดำเนินไป
ชีวิตที่เรียบง่ายคือชีวิตที่มีสุข








Free Hit Counter ทีเว็บมาสเตอร์ รวมพลคนทำเว็บ
Google
New Comments
Friends' blogs
[Add สาว17's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.