::KOPPOETS SOCIETY::
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
21 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Carbonara of love: รักนะคาโบนาร่า :)

ห่างหายจากการเข้าครัวมั่วนิ่มไปนานโข เนื่องในโอกาสอันแสนจะโรแมนติกทริลเลอร์ในวันวาเลนไทน์ที่เพิ่งผ่านไปนี้ เชฟนิดเลยได้โอกาสปัดฝุ่น ขัดสนิมที่เกาะอยู่ตามซอกกระทะ ลุกขึ้นมาเข้าครัวมั่วสูตรอาหารกันไปให้บรรลัยโลก โดยเมนูที่เราจะมาบรรเลงกันในวันนี้ก็มีชื่อว่า

“สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า ลีฟวิ่ง ลา วีดา โลค่า”

เหตุผลในการทำอาหารฝรั่งครั้งแรกในชีวิตของหญิงซกมกอย่างฉัน ก็มิใช่ใดอื่นนอกจากความรักล้วนๆ (เขิล) เพราะเมื่อคุณแฟนเอ่ยกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูว่า “ทำคาโบนาร่าให้กินในวันวาเลนไทน์กันดีมั้ยจ๊ะ” ชะนีอย่างฉันก็หูผึ่งหางตั้ง เข้าเว็บหาสูตรทำอาหารในเวลางาน (ชะอุ้ย!) พอเลิกงานปุ๊บก็ปรี่ไปช็อปปิ้งวัตถุดิบที่ห้างหรูสุดชิกใจกลางเมือง ด้วยโจทย์ที่ว่า ซื้อยี่ห้ออะไรก็ได้ที่ถูกที่สุด! จากนั้นก็ฝ่ารถติดกลับบ้านเข้าครัวแล้วลงมือทำอาหารในทันใด

ก่อนจะเข้าสู่ Main Dish คุณแฟนขอโชว์ฝีมือทำ Appetizer ในเมนู “Onion Ring” (เรียกแบบบ้านๆ ว่า หอมทอด) เอาไว้กินแก้กลุ้ม เครื่องปรุงก็ไม่ซับซ้อนมาก มีเพียง แป้งโกกิ (ที่ไม่มีเลยซื้อแป้งคนอร์มาแทน แต่ก็ยังอยากจะเรียกว่าแป้งโกกิอยู่) ผสมน้ำให้พอเหมาะ จากนั้นก็เทน้ำมันที่ซื้อเอาไว้ก่อนจะขาดตลาดลงกระทะ รอให้ร้อนฉ่า จากนั้นก็ค่อยๆ หย่อนหอมที่เราหั่นเอาไว้ขนาดพอเหมาะ ชุบแป้งจนขาวโพลน ลงไปให้น้ำมันมันกระเด็นกระดอนเล่น ช่วงนี้แหละที่จะพิสูจน์ความหวานชื่นในชีวิตคู่ของคุณได้เป็นอย่างดี คือถ้าไม่อยากเสียฟอร์มต่อหน้าคนรักมาก ก็จะต้องยืนเก๊กแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง ทั้งที่จริงๆ แขนข้างขวาได้พรุนไปแล้วจากกระสุนน้ำมันเดือดๆ สดๆ อ๊ากกกกก!


เมื่อหอมเริ่มแลดูเหลืองทองผ่องอำไพ ก็ตัดขึ้นมาจากกระทะโลด แต่ไอ้การจะไปตัดสินว่าแบบไหนเรียกว่าเหลืองทอง แบบไหนถึงจะพอดี อันนี้ฉันว่ามันเป็นเรื่องของบุญกรรมที่ทำมาแต่ชาติปางก่อน ดูอย่างฉันสิ กว่าจะเอาขึ้นมาก็เยินไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ

เมื่อเราสำเร็จจากแอปปิไทเซอร์แล้ว ก็เริ่มทำจานหลักกันต่อเลยดีกว่า ก่อนจะว่าไปยาวต้องขอออกตัวอีกครั้งว่าไม่เคยทำอาหารฝรั่งมาก่อนในชีวิต และไม่เคยคิดว่าจะได้ทำซะด้วย! ดังนั้น หากมันจะมีอะไรมั่วนิ่มทิ่มประตูไปบ้างก็อย่าถือสานะคะ (ฉันเคยมีประวัติด้านการมั่วสูตรทำอาหารมาแล้วในเมนู “แกงกะหรี่” อ่านดูได้ค่ะ)


เริ่มต้นด้วยการทำเส้น โดยหยิบหม้อจิ๋วที่ปกติเอาไว้ต้มมาม่าตลอด ใส่น้ำ ใส่เกลือ แล้วตั้งไฟให้เดือด จากนั้นก็ใส่เส้นสปาเกตตี้ยี่ห้อหรูที่เราซื้อไว้ลงไป แต่ด้วยความที่มือใหม่ ไม่รู้ว่าแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดี ก็ใส่ไปตามอารมณ์หิว รอให้เส้นค่อยๆ ฮวบลงไปในหม้อ จนเริ่มสุกแล้วนั่นแหละ ถึงจะเห็นว่า เราโลภมากเกินไปจริงๆ 555

พี่ที่ออฟฟิศแนะนำมาว่า ให้ลองชิมเส้นดู เอาให้ตรงกลางมันยังแข็งๆ อยู่ ก็ปิดไฟใส่กลอนได้เลย ฉันก็ลองทำตามนั้น (แต่แถมไปอีกนาทีสองนาที 555) เมื่อรู้สึกพอใจกับเส้นแล้วก็ปิดเตา แล้วก็เอาเส้นไปแช่น้ำเย็นเพื่อหยุดการเจริญเติบโต เทน้ำออก แล้วก็เอาน้ำมันคลุกเส้นไว้ซักหน่อยกลัวมันติดกัน

จากนั้นเราก็ต่อด้วยการทอดเบคอนที่หั่นเอาไว้แล้ว โดยใช้น้ำมันจากที่ทอดหอมนั่นแหละ ทอดเอาให้เบคอนมันหดจิ๋วและกรอบ...แต่เอ่อ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าใช้น้ำมันมากเกินไป จริงๆ ต้องใส่น้ำมันน้อยๆ เบคอนจะได้กรอบ T.T แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เมื่อทอดเสร็จสรรพก็รีบเทน้ำมันเก็บดองเอาไว้ใช้อีกซักสองปี ช่วงนี้น้ำมันยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย


ในระหว่างที่คุณแควนทอดเบคอนอยู่นั้น สาวสวยอย่างฉันก็เริ่มทำน้ำซอส (เค้าเรียกแบบนี้รึเปล่าหว่า) เริ่มต้นด้วยการตอกไข่ไก่ลงไป 2 ฟองตามสูตรที่ปริ้นท์มา...แต่ตามประสาแม่ครัวมั่วนิ่ม ฉันก็เพิ่มเข้าไปอีกฟองเพื่อความสะใจ (เริ่มเห็นแววแล้วล่ะซี้ 555) ตามด้วยครีมอีกถ้วยนิดๆ นมสดอีกถ้วยนิดๆ เกลือ พริกไทย และพาเมซานชีสอีกสามสี่ช้อน ระหว่างใส่ไปก็น้ำตาไหลไป เพราะราคามันแพงเหลือเกิน ช้อนนึงนี่เอาไปซื้อข้าวมันไก่กินได้จานนึงเลยมั้ง ฮือๆ

เมื่อตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเสียงดังปั่บๆๆๆๆๆๆ เสร็จสิ้น ก็เอากระทะใบเดิมที่ทอดหอม ทอดเบคอน ตั้งไฟให้ร้อนกำลังดี จากนั้นก็เทน้ำซอสที่เราตีเอาไว้ดีแล้วลงไป แต่ เอ๊ะ...เอ๊ะ...เอ๊ะ ข้อยลืมอะหยังไปรึเปล่าหว่า มองซ้ายมองขวา เหลือกตาลงต่ำเล็กน้อย ก็เจอส่วนผสมที่ถูกลืมนั่นคือ หอมใหญ่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ตามท้องเรื่องแล้วมันควรถูกเอาลงกระทะเป็นลำดับแรก ผัดให้หอมให้นิ่ม แล้วค่อยเทซอสตามลงไป เอาไงดีละหว่า หันไปขอความเห็นจากแฟนที่ก็งงๆ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน สุดท้ายเลยตกลงปลงใจเทมันลงไปดิบๆ อย่างนั้นเลย 555


ในเสี้ยววินาทีนั้นก็รู้สึกถึงความหายนะที่กำลังมาเยือนคาโบนาร่ากระทะนี้ของสองเราแล้ว เพราะกลิ่นเริ่มทะแม่งๆ และคนเคี่ยวจนน้ำขอดไปหมดอีหอมใหญ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะนิ่มลง สุดท้ายพอเราเอาเส้นลงไปคลุกให้เข้าเนื้อ ตัวครีมเริ่มจับตัวเส้น ก็ปิดเตาและตักใส่จาน โรยด้วยเบค่อนที่เราทอดไว้เมื่อตะกี๊ หน้าตาดูสวยงาม แต่ในใจยังหลอกตัวเองเอาไว้เล็กๆ ว่า ภายใต้หน้าตาที่สวยงามนี้ มีหอมใหญ่ที่ยังไม่สุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ


สุดท้ายเราได้ดินเนอร์ใต้แสงนีออนในตอนสามทุ่มของวันแห่งความรัก ไม่รู้ว่าเพราะหิวมาก หรือว่าเป็นสันชาตญาณของการอวยตัวเอง ที่ทำให้ทั้งเราและแฟนเออออห่อหมกกันใหญ่โตว่า อาหารที่ช่วยกันทำในวันนี้มันช่างเอร็ดอร่อย เราถามแฟนว่า “ชอบมั้ย” แฟนก็อมยิ้มและพยักหน้า ปากก็เคี้ยวคาโบนาราเหม็นเขียวอยู่ตุ้ยๆ จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง :)

นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่แม่ชอบบอกว่า “รู้มั้ยทำไมข้าวจานนี้ถึงอร่อย...เพราะแม่ใส่ความรักลงไปในนี้ให้หนูกินไงล่ะ” วันนี้ฉันก็ทำเหมือนที่แม่ทำนั่นล่ะ ^^



คราวหน้าครัวคุณนิดพิสดารจะทำเมนูอะไรให้คุณๆ ท่านๆ ทาน ติดตามอ่านกันดูนะเคอะ >.<




Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2554 14:25:08 น. 4 comments
Counter : 1090 Pageviews.

 
ขออนุญาตใช้เสียเชียร์นะคะ
ฮิ้วววววววววววว


โดย: kim_tiger วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:33:24 น.  

 
ใส่ความรักลงไป ทำอะไรก็อร่อย


โดย: hellojaae (hellojaae ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:37:31 น.  

 
น่าทานคร้า


โดย: ASDK_MK วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:16:34 น.  

 
อยากทำเป็นบ้าง ชอบทานสปาเกตตี้


โดย: wendyandbas IP: 58.8.115.137 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:07:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ยิ่งยง นั่งยองยอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ยิ่งยง นั่งยองยอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.