Group Blog
กรกฏาคม 2558

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
บันทึกกรรมฐาน วันที่ 8 มิถุนายน 2558 ไปทำบุญวันเกิดกับหลวงน้า(ท่านพระครูมหาแก้ว)
 

 

บันทึกกรรมฐานเพื่อละราคะวันที่ วันที่ 8/6/58
 
 
capture-20151109-021636.png (943×638)
 
 

 
 
วันนี้ได้ไปทำบุญกับหลวงน้า พระครูนกแก้ว ซึ่งหลวงน้าได้เทสนาสั่งสอนเรา เรามีใจหมายจะถามไว้ในใจกับหลวงน้า แต่ยังไม่ได้กล่าวถามแล้วหลวงน้าก็เทสนาสั่งสอนเท่าที่เรา ข้อความเท่าที่เราพอจะจำได้ประกอบกับความตรึกนึกคิดที่เรานั้นพอจะเข้าใจได้ ซึ่งไม่ตรงตามจริงที่หลวงน้าเทสนาสั่งสอนไปทั้งหมด เท่าที่พอจะจับใจความได้มีดังนี้ว่า

๑. คนที่ไม่ได้สมาธิ มีเพียงขณิกสมาธิ แล้วสามารถสงเคราะห์เข้าถึงธรรมชาติแล้วบรรลุธรรมได้ เขาเป็นคนที่บุญมาก มีบารมีเยอะ สะสมมามากแล้ว เพราะปกติคนธรรมดาทั่วไปที่บารมีไม่พร้อม จะไม่สามารถเข้าถึงสภาวะธรรมอันเป็นธรรมชาติโดยใช้ขณิกสมาธิได้ เหมือนสมัยพุทธกาล พระอรหันตสาวก เอตทัคคะแต่ละองค์แม้ไม่เคยเรียรรู้ธรรมอันใด ไม่เคยฝึกกสิน หรือ สมาธิ แต่เพียงเห็นต้นไม้ ใบหญ้า ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ พระจันทร์ พระอาทิตย์ และ ได้ฟังธรรรมของพระพุทธเจ้าเพียงเล็กน้อยก็บรรลุอรหันตผลได้ ท่าตนทั้งหลายเหล่านั้นล้วนสะสมบารมีธรีรมทั้งปวงมามากมายนับไม่ถ้วน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำได้

๒. จิตนี้มันมีจิตดวงเดียวนี้แหละมันจะตกนรกหมดกไหม้ถูกไฟนรกแผดเผาจนดับสูญไปแต่มันก็ไม่ตาย มัะนดับไปมันก็เกิดใหม่ ตามแต่สภาวะธรรมของมันมีรูปลักษณ์ไปต่างๆ จิตมันนเหมือนหลอกไฟนี้แหละเปิดปิด เปิดปิด คือ เกิด-ดับๆ อยู่ตลอดเวลาตามแต่อารมณ์นั้นๆทีเกิดขึ้น แต่มันต่างจากหลอดไปตรงที่ไม่มีวันหมดอายุ แต่มันก็เกิด-ดับๆวนเวียนไปอย่างนั้นไม่จบสิ้น

    เราได้ถามหลวงน้าว่า ผมได้เห็นเหมือนจิตตนเองเองมีความสว่างใสดุจทอง แล้ว มีความสลดสังเวชวอันเป้นความไรู้สึกไม่ใช่ สุข ไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่รัก ไม่ใช่เกลียด แล้วกล่าวว่า คนเรานี้โง่หนอ มีความสุขอยู่บนสิ่งไม่เที่ยง ประมาณนี้ เสร็จแล้วหลวงน้าจึงตอบคำถามและกล่าวสอนว่า ธรรมชาติของจิตนี้มันมีเป็น ร้อยแปด พันเก้าอาการ ไปจนถึงเป็นล้านๆอาการ พระพุทธเจ้าจึงมีกรรมฐานทั้ง ๔๐ ตามแต่จิตประเภทนั้นๆไว้ให้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอาการไรๆ นิมิตไรๆ ความรู้สึกไรๆขึ้น มันก็แค่อาการหนึ่งๆของจิตเท่านั้นไม่มีเกินนี้
    ทีนี้ไม่ว่าจะเกิดอาการใดมีเกิดขึ้น จะเกิดนิมิตไรๆ จะเกิดอาการความรู้สึกอย่างไร จะเป็นจะตายก็ช่างมัน ให้สักแต่ว่ารู้เท่านั้น รู้ว่ามันเป็นเพียงปกติอาการของจิตที่มีอยู่มากมายหลายแบบจนนับไม่ถ้วนเท่านั้น เมื่อรู้ว่าปกติมันเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปยึด ไปถือ ไปเสพย์ตามมัน มีความระลึกรู้ด้วยวางใจไว้เพียงแค่รู้แค่แลดูมันอยู่ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เพียงเท่านั้นแค่นั้น นี่คือ รู้ ปกติ วาง เป็นความไม่ยึด ไม่ขัด ไม่เสพย์ ไม่หลงตาม สมาธิก็จะแน่วแน่ขึ้นเอง

พอเมื่อสนทนาได้ประมาณเกือบ 2 ชม. ก็ได้ลาหลวงน้ากลับพร้อมความเปลื้องจิตออก ไม่ยึดกับอาการไรๆของจิตอีกเพราะรู้ว่ามันเป็นเพียงอาการหนึ่งของจิตเท่านั้นที่มีมากมายนับไม่ถ้วน จึงเข้าถึงคำสอนของหลวงน้าที่สอนว่า
 "รู้ ปกติ วาง"
 
 
 
 



Create Date : 25 กรกฎาคม 2558
Last Update : 8 มกราคม 2563 9:19:08 น.
Counter : 900 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1075032
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]