อ๊ะ....อ๊ะ....อย่าแอบดูอย่างเดียวจิ เข้าไปทักทายกันที่ "หน้าเกริ่นนำ" หน่อยนะจ๊ะ
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
2 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

เรามาบริหารสมองด้วย Mind Map กันเถอะ

ก่อนอื่น เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนครับ ว่า

สมองของคนเรานั้น จะแบ่งออกเป็นตามการใช้งาน เป็นสองซีก คือ

ซีกซ้าย และ ซีกขวา โดย


สมองซีกซ้าย ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องของวิทยาศาสตร์

การคิดวิเคราะห์ ความเป็นเหตุผล สัญลักษณ์ ตรรกะ ลำดับขั้นตอน

และมักจะจำกัดขอบเขตของความคิด ให้อยู่ในกรอบความรู้

หรือประสบการณ์ที่มีอยู่



ส่วนสมองซีกขวา จะทำงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ

การมองภาพรวม การใช้อารมณ์และความรู้สึก มีจินตนาการ สร้างสรรค์

ไม่มีขอบเขตมาปิดกั้นความคิดให้อยู่เพียงแค่ในกรอบเท่านั้น





และแล้ว ก็มาถึงพระเอกของเรื่องกัน

Mind Map หรือ แผนที่ความคิด

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดระบบความคิด

ที่นำเอาทฤษฎีเกี่ยวกับสมองไปใช้ ให้เกิดประโยชน์

จากเดิมที่มนุษย์เรา เคยจดบันทึกความคิดออกมาในรูปแบบ

การเขียนเป็นตัวอักษรไปตามบรรทัด เป็นแถว เป็นแนว

ซึ่งเป็นการบันทึก โดยใช้แต่ทักษะของสมองซีกซ้ายเพียงอย่างเดียว

ทำให้ยากต่อการจดจำ เปลี่ยนมาเป็นการบันทึก

ที่นำทักษะของสมองซีกขวาในด้านการใช้จินตนาการ

และความคิดสร้างสรรค์ มาทำงานร่วมกัน

โดยการบันทึกความคิดทั้งหลายออกมา

ในลักษณะของการใช้ภาพ สัญลักษณ์ สีต่างๆ

และใช้เส้น ในการเชื่อมโยงความคิดทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกัน




ในหนังสือ How to Mind Map ของ Tony Buzan ผู้ให้กำเนิด Mind Map

ได้กล่าวไว้ว่า Mind Map เปรียบได้กับแผนที่เมืองใหญ่ๆ

ศูนย์กลางของ Mind Map ก็เหมือนศูนย์กลางของเมือง

ซึ่งเป็นหัวเรื่องที่สำคัญที่สุด ถนนสายหลักต่าง ๆ ที่วิ่งออกจากจุดศูนย์กลาง

เปรียบเสมือนความคิดหลักที่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่อง

ถนนสายรองๆ ลงมา คือ ความคิดที่รองลงมา

แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปเรื่อยๆ โดยอาจมีรูปภาพ และสัญลักษณ์ต่าง ๆ

วาดลงบน Mind Map เพื่อช่วยกระตุ้น ให้เกิดการจดจำ และสนใจเป็นพิเศษ

สามารถเรียกข้อมูลกลับมาในภายหลังได้ง่าย

และมีความถูกต้องแม่นยำ มากกว่าการใช้เทคนิคการจดบันทึกแบบเดิมๆ




Mind Map เป็นเครื่องมือจดบันทึกอย่างหนึ่ง ที่มีประโยชน์มากมายกว่าที่เราคิด

Mind Map ช่วยให้การเรียนรู้เป็นเรื่องที่สนุกสนาน

รู้จักคิดอย่างสร้างสรรค์ และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

เราสามารถนำ Mind Map ไปใช้ได้

ทั้งในชีวิตประจำวัน และชีวิตการทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

การวางแผน, การวิเคราะห์, การแก้ไขปัญหา, การบันทึกช่วยจำ

เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ เป็นต้น

เนื่องจาก Mind Map จะช่วยให้เรารู้จักจัดระบบระเบียบความคิด,

จินตนาการ, จับประเด็นสำคัญต่างๆ และการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน




หลักการเขียน Mind Map


1. เริ่มจากการนำกระดาษเปล่าที่ไม่มีเส้นขนาด A4 หรือ A3

วางตามแนวนอน ซึ่งกระดาษเปล่าที่ไม่มีเส้น

จะช่วยในเรื่องของการปลดปล่อยความคิดให้มีอิสระได้อย่างเต็มที่



2. ระบุประเด็นหลักของเรื่องที่ต้องการจะเขียน

ลงตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษ โดยการวาดเป็นรูปภาพหรือสัญลักษณ์แทน

เนื่องจาก ภาพเพียงภาพเดียว สามารถสื่อความหมายได้มากกว่าคำเป็นพันคำ

และไม่ควรใส่กรอบ ให้กับภาพศูนย์กลาง

เพราะกรอบจะเป็นตัวที่สกัดกั้นการไหลของความคิด



3. แตกความคิดของหัวเรื่อง ออกเป็นกิ่งก้านต่างๆ กระจายออกรอบทิศทาง

ซึ่งกิ่งแต่ละกิ่งจะต้องเชื่อมโยงต่อกัน

และมีความยาวสัมพันธ์กับคำหรือภาพที่อยู่บนกิ่ง

กิ่งที่อยู่ใกล้กับแกนกลาง จะหนากว่ากิ่งที่อยู่รอบนอก

มีลักษณะคล้ายกับ ต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขาออกไปรอบๆ ลำต้น



4. เขียนคำสำคัญที่มีลักษณะสั้น กระชับ เป็นตัวบรรจง

ลงบนกิ่ง แต่ละกิ่งที่แตกแขนงออกไป

และเส้นบนกิ่งเดียวกัน ควรใช้สีเดียวกัน

หากมีความคิด ที่มีความสัมพันธ์กันแต่อยู่คนละกิ่ง

ให้ใช้ลูกศรเชื่อมโยงกันได้



5. ใช้สีในการเขียน Mind Map ให้ทั่วทั้งแผ่น แต่งแต้มแต่ละกิ่งให้ต่างสีกัน

เพราะสีจะช่วยเร้าอารมณ์ ยกระดับความทรงจำ

เกิดความสวยงาม เพลินตา และเพิ่มพลังความคิดสร้างสรรค์

ซึ่งเป็นการกระตุ้นการทำงาน ของสมองซีกขวา





เมื่อได้ทราบถึงหลักในการเขียน Mind Map กันแล้ว

เพื่อนๆ ลองหยิบกระดาษขึ้น

เริ่มหัดเขียน Mind Map แผ่นแรกของตัวท่านเองกันดีกว่าครับ

โดยเริ่มเขียนจากเรื่องใกล้ตัวกันก่อน

ในระยะแรก Mind Map ของท่านอาจจะดูรก ไม่สวยงาม และเขียนได้ช้า

แต่เมื่อได้ฝึกฝนบ่อยๆ ไปสักระยะหนึ่ง

ท่านจะเขียนได้สวยขึ้น เป็นระบบระเบียบมากขึ้น และเขียนได้เร็วกว่าเดิม

แถมยังทำให้ท่าน คิดได้เร็วกว่าคนอื่นอีกด้วย

สิ่งสำคัญ ที่ท่านจะต้องไม่ลืมในการเขียน Mind Map นั้นก็คือ

ต้องปลดปล่อยความคิด ให้โลดแล่นอย่างเต็มที่

อย่าปิดกั้นจินตนาการของตนเอง

เพียงเท่านี้ ท่านก็จะพบว่า Mind Map

ช่วยทำให้เรื่องที่ดูยุ่งยากซับซ้อน กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

สามารถรับรู้ได้ทันทีว่า อะไรเป็นสิ่งสำคัญ

ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และมีหนทางใดบ้าง ที่จะช่วยในการแก้ปัญหา

หรือจะกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า

Mind Map ทำให้ ท่านมองเห็นภาพรวมของสิ่งที่ท่านคิดได้อย่างชัดเจนนั่นเอง





ที่มา จาก ; จดหมายข่าวรายเดือน สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ปีที่ 9 ฉบับที่ 101 สิงหาคม 2551


เช่นเคยครับ เข้ามาแล้ว อย่าลืมแวะทักทายกันบ้างนะครับ




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2552
0 comments
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 17:27:44 น.
Counter : 900 Pageviews.


ko7vasan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




มี 2-3 เรื่อง ที่อยากจะขอบอกเล่าเก้าสิบกันไว้ก่อน


1.ภูมิปัญญาที่เห็นในนี้ มาจากประสบการณ์การทำงานส่วนตัว

ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับทฤษฎี ที่มีอยู่เป็นแนวทางในการศึกษาเท่านั้น


2.เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจจะเกิดขึ้นขอสงวนสิทธิ ในบทความ และภาพถ่ายทั้งหมด ที่มี

ถ้าผู้ใด จะนำไปเผยแผ่ขอให้ได้รับการอนุญาติ จากผมก่อน


3.การตอบปัญหา ทั้งหมด ที่มีขอให้เข้าใจนิดส์ส์ส์ส์ส์นึงว่า

ทางผม ไม่ได้เห็น,จับต้อง ชิ้นงาน หรือเฟอร์นิเจอร์

เพราะฉนั้น คำตอบที่ได้ไปพอใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้

แต่........ ต้องอาศัยการสังเกตุ การศึกษาของตนเองด้วยนะครับ

Google
Friends' blogs
[Add ko7vasan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.