A King's penguin story





Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

ปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี

แวะไปเยือนปราสาทเมืองสิงห์มาเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ
ปราสาทเมืองสิงห์เป็นหนึ่งในของคู่บ้านคู่เมือง
ของเมืองกาญจน์ และเป็นปราสาทที่เหลือสภาพ
สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา...

ก็เลยแวะไปดูมาค่ะ พบว่าความสมบูรณ์จริงๆแล้ว
มาจากการบูรณะเสียเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อก้มดู
เห็นท่อพีวีซีใต้ฐานด้วยล่ะ...แง

ทว่าก็ถือว่าเป็นเจตนาอันดีที่จะพยายามคงสภาพ
ปราสาทยุคขอมที่มีอายุนับพันๆ ปีไว้ให้มากที่สุด
เศษซากต่างๆ บางส่วนหักพักลงมาตามกาลเวลา
หรือธรรมชาติบันดาล เช่น การเกิดพายุฝน แผ่นดิน
ที่เคลื่อนตัว ทางเดินแม่น้ำเปลี่ยน ดังเช่นปราสาท
โบราณหลายๆ สถานที่

แต่ส่วนหนึ่งนั้นมาจากน้ำมือมนุษย์ ที่เข้าไปบุกรุก
และหยิบฉวยเอาศิลป์โบราณเหล่านั้นไปขาย
ปัจจุบันก็เลยเหลือให้ดูเท่าที่เห็นนี่ล่ะค่ะ

ส่วนข้อมูลประวัติศาสตร์นั้น บอกตรงๆ ว่าขี้เกียจเขียน
อย่างละเอียด งั้นขอเล่าคร่าวๆ ตามที่ตัวเองเข้าใจ
แล้วกันค่ะ อยากได้รายละเอียดมากไปเสิร์ชหา
เอาเองแล้วกันค่ะ ซึ่งข้อมูลจากโบชัวร์ละเอียดกว่า
ตามสิร์ช แต่อีชั้นขี้เกียจพิมพ์ อีชั้นเขียนไดอารี่
ไม่ได้เขียนรายงานส่งอาจารย์ ใครใคร่รู้ก็ไปขวนขวาย
เอาเองแล้วกันเด้อ

ประวัติฉบับย่อๆ เมืองสิงห์นั้นเรียกได้เป็นเมืองจริงๆ คือเป็น
เวียงแก้วที่มีหลายชั้น ตามหลักของปราสาทโบราณใน
รุ่นเดียวกันประกอบด้วยเนื้อที่ 641 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา
ก็ใหญ่โตพอสมควร โดยมีอาคารต่างๆ เรียงรายตามลำดับ
ความสำคัญในราชการสมัยนั้น และน่าจะร้างไปหลายร้อยปี
ก่อนจะกลับมาใช้งานอีกครั้ง จึงมีการบูรณะต่อเติมซ่อมแซม
ศิลปของตัวปราสาทก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย
จึงเท่ากับว่า มีการสร้างทับ-ซ้อน-ครอบ ของเดิมไปเรื่อยๆ
เหมือนว่าเราซื้อทาวเฮ้าท์สักหลัง แบบของโครงการคือ
แบบมาตรฐาน แต่เมื่ออยู่อาศัยไปนานๆ ก็มีการดัดแปลงบ้าน
ไปเรื่อยๆ ดังนั้นเค้าเดิมของปราสาทเมืองสิงห์จึงเปลี่ยนไป

นักโบราณคดีในยุคปัจจุบันจึงหาบทสรุปที่ลงตัวไม่ได้
ว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อไร และได้รับการโมดิฟายด์
ไปกี่ครั้ง จุดประสงค์การใช้งานถูกเปลี่ยนเป็นอะไรไปบ้าง
ตั้งแต่เป็นราชธานี หรือ เป็นอาณาจักรทางศาสนา อย่างที่
เข้าใจกันในปัจจุบัน แต่อย่างใดก็แล้วแต่ เมื่ออยู่ในเมืองไทย
จึงเป็นสมบัติของประเทศที่เราต้องช่วยกันรักษา ไม่ใช่แต่
ไม่ทำลาย ไม่ทิ้งขยะ หรือขีดเขียนใส่ตัวประสาทเหมือน
พ่อแม่ไม่สั่งสอนแค่นั้น...ยังมีสิ่งทุเรศตาที่ไม่น่าทำอีกหลาย
อย่างด้วย

ตัวเมืองสิงห์เองกินพื้นที่กว้างขวางมาก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ที่เจ้าหน้าที่จะดูแลอย่างทั่วถึง ถึงแม้จะไม่ต้องขึ้นเขาลงห้วย
แต่มันก็สะดวกต่อผู้หญิงกาลีที่พาฝรั่งมาจู๋จี๋ในโบราณสถาน
เพราะเห็นว่ามันเงียบดี อัปรีย์จัญไรลูกตาแก่นักท่องเที่ยว
อย่างที่สุด...ชาติหน้าคงไม่พ้นโสเภณีอีกรอบ

เมื่อไม่ให้เกียรติสถานที่แบบนี้ ก็ย่อมไม่ได้รับการอวยพร
จากเจ้าของสถานที่ถึงแม้จะมาเคารพสักการะก็ตามที
บ่นไปก็มาแล้ว มาดูรูปกันดีกว่า...


ดอกศรันทม(ชื่อเขมร) หรือดอกลั่นทม ที่ปัจจุบัน
เปลี่ยนมาเป็นลีลาวดี ต้นไม้ยอดฮิตปลูกกันทุกสถานที่
ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นไม้อัปมงคลด้วยชื่ออันอมทุกข์อมโศก
ของมัน ทั้งที่เมื่อชื่อเขมรแปลว่ารักอันยิ่งใหญ่แท้ๆ
แต่พอเปลี่ยนชื่อก็ได้ดิบได้ดีป๊อปปูล่า ที่ปราสาทสิงห์
นี่ก็พลอยฮิตไปด้วย ว่าแล้วก็แชะดอกลั่นทมที่ร่วงหล่น
มาบนซื้อเก็บไว้ประดับใจสักดอก




เนื่องจากอากาศร้อนขี้เกียจเดินมาก จอดรถตรงไหน
ก็เข้าไปตรงนั้นก่อน นี่เราไปที่ปรางประธานปราสาทค่ะ



ถอดรองเท้าสักนิด ก่อนขึ้นไปในปราสาทที่พระโพธิสัตว์
อวโลกิเตศวรสถิตอยู่ ตามจริงไม่ได้มีกฏบังคับให้ถอด
รองเท้าหรอกค่ะ แต่คิดว่าให้เกียรติสถานที่



ใกล้เข้าไปอีกหน่อย ภายในมีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
ประดิษฐานอยู่



ประตูแต่บานตรงกันหมด โดยมีพระโพธิสัตว์
เป็นศูนย์รวมอยู่ตรงกลางจุตทวารนั้น



ตรงกลางหลังคาจะเปิดโล่งแจ้ง ช่วงสงกรานต์
จะมีประชาชนท้องถิ่น หิ้วน้ำมาสรงท่านเพื่อขอพร



มองใกล้จะเห็นว่าเป็นปรางหน้ายิ้ม ที่ใจดีกับผู้มาขอพร
แม้ว่าจะถูกตัดกรทั้ง 6 ข้างไปหมดแล้วก็ตาม
แต่ใบหน้าเปี่ยมเมตตายังคงอยู่เสมอ ดีนะไม่โดน
ตัดเศียรไปด้วย



แทบเบื้องบาทมีดอกไม้พลีกรรม ของผู้มาสักการะบูชา
ให้รุ่งเรืองดังดอกดาวเรืองที่จัดมาถวาย คนสมัยก่อน
การจะถวายดอกไม้ หรือภัตตาหารจะมีความหมาย
แอบแฝงเพื่ออธิษฐานด้วยค่ะ แต่สมัยนี้เราก็ซื้อกัน
ข้างทางเอาตามสะดวก มีอะไรก็ถวายแบบนั้น
ไม่ได้นึกถึงความหมายแฝงกันเท่าไร



แวะถวายความเคารพด้านหน้าเสร็จแล้ว ก็เดินอ้อม
ไปทางด้านหลังขององค์บ้าง



ภาพที่ถ่ายจากจุดที่อับแสง ออกไปยังจุดที่แสงฉายส่อง
ลงมาถึง ยิ่งทำให้อิฐปราสาทสีสดขึ้น สวยไปอีกแบบ



ไกลออกไปเมื่อมองย้อนกลับมา ภาพที่ปรากฏจะเป็นแบบนี้ค่ะ


ลัดจากปรางแรกมาสู่ปรางด้านหลัง จะพบรูปพระแม่ปรัชญา
ปารมิตาประดิษฐานอยู่ บนฐานโยนี ซึ่งส่วนตัวแล้วอดคิดว่า
แปลกๆ สักหน่อย ตามปกติแล้วบนฐานโยนีน่าจะเป็นศิวลึงค์
สวนองค์พระแม่มักจะพบบ่อยๆ ในปราสาทขอม ซึ่งก็น่าจะ
พบในปราสาทเมืองสิงห์นี่แหละค่ะ แต่แท่นเดิมไม่น่าจะ
อยู่ตรงนี้ หรือยืนบนฐาโยนี



เมื่อออกมาภายนอก แหงนมองขึ้นไปบนยอดปราสาท
ซึ่งปรักหักพังไปแล้ว



บนลานปราสาทมีต้นขนุนใหญ่ลูกดกที่ไม่มีใครกล้าเด็ดกิน
พากันปล่อยให้ลูกแห้งโรยคาต้น




เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่อาจเดินได้ทั่ว เพราะอากาศร้อนมาก
และคนที่ไปด้วยกันเกิดป่วย ทำท่าจะเป็นลมหน้ามืด
จึงจบบันทึกการไปปราสาทเมืองสิงห์ไว้เพียงเท่านี้

คำเตือน : กรุณาพกร่มไปด้วย แดดร้อนมั่กๆ




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2551
11 comments
Last Update : 11 พฤษภาคม 2551 20:41:57 น.
Counter : 1901 Pageviews.

 

น่าสนใจๆ ต้องไปบ้างแล้ว

 

โดย: บุษยมาศ 11 พฤษภาคม 2551 20:43:03 น.  

 

น่าไปมากๆเลย บรรยากาศดูขลังอลังการงานสร้างจริงๆ แต่แอบกลัวรูปปั้นเหมือนกัน สงสัยติดจากละคร แบบเห็นบรรยากาศยังงี้ต้องมีอะไรโผล่มา พร้อมเสียงเพลงบรรเลงเพิ่มความสยอง

อิจฉาพี่คิงจังได้ไปเที่ยวอีกแล้ว ปีนี้แมวยังไม่ได้ออกต่างจังหวัดมั่งเลย โอ๊ย อยากไปเที่ยวๆ

 

โดย: แมว (ขี้เหงา...เอาแต่ใจ ) 11 พฤษภาคม 2551 20:44:03 น.  

 

น่าไปเนอะ แค่นี้เอง กลับบ้านคราวหน้า คงต้องไปยล

(แต่ท่าทางน่ากลัวนะ หมายถึง บรรยากาศ)

 

โดย: รวมการเฉพาะกิจ 11 พฤษภาคม 2551 21:09:13 น.  

 

เคยไปเมื่อสองสามปีก่อน ร้อนสุดๆ เลยโฮก

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 11 พฤษภาคม 2551 21:33:54 น.  

 

น่าไปเที่ยวจัง เคยแต่ขับผ่านค่ะ นึกว่าไม่มีไรมาก
มาดูแย้ว น่าไปค่ะ

 

โดย: iamorange 11 พฤษภาคม 2551 21:39:33 น.  

 

 

โดย: มังฟ้า IP: 125.25.34.52 11 พฤษภาคม 2551 21:54:03 น.  

 

ไปมาแล้วๆ เมื่อต้นปีค่ะ ไปตอนเย็น ถ้ายิ่งเย็นจะยิ่ง "วังเวง" หุๆ

 

โดย: น้องรุ IP: 124.121.34.82 11 พฤษภาคม 2551 22:00:38 น.  

 


ขอตามไปเที่ยวด้วยคนสิคร้าบบบบบบ
และมาชวนไปเที่ยว



ตอนที่ 4 เที่ยวจังซีลอนด้วยกันนะครับ

คลิกดิ แล้วจะได้เข้ามาเที่ยวภูเก็ตด้วยกัน

คลิกที่ภาพเพื่อตามมาเที่ยวภูเก็ตด้วยกันเลยนะครับ


 

โดย: มิสเตอร์ฮอง 11 พฤษภาคม 2551 22:10:32 น.  

 

ไป ๆ มา ๆ เมืองกาญจน์กรุงเทพอยู่หลายครั้งมาก ๆ แต่ก็ยัง...ไม่เคยไปปราสาทเมืองสิงห์
พอเห็นพี่คิงเอามาให้ดูแล้วแอบกรี๊ดค่ะ ตายแล้วใกล้เกลือกินด่างแท้ ๆ หนูไอซ์ แง ๆ ใกล้เปิดเทอมแล้วงานนี้สงสัยจะอดอีกนาน

 

โดย: Argent 14 พฤษภาคม 2551 19:31:13 น.  

 

ไปมาแว้ว เดี๋ยวเอามาลงประชันอีกอันนึง คริคริ

 

โดย: หมอภัทร IP: 203.144.187.18 20 มิถุนายน 2551 1:51:15 น.  

 

ดีนะแต่ก้อเคยไปมาแล้วหละ

เพราะบ้านอยู่เมืองกาญจนบุรี

โอ๊ยๆๆตำนานยาวเป็นกิโล

ถ้าอยากรู้ก้อ เข้ามาขอความรู้

ได้นะ

sakkarin-_-@hotmail.com

 

โดย: ใบหนาด IP: 58.147.80.174 4 สิงหาคม 2552 8:42:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คิงเพนกวิน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เป็นเพนกวินตัวน้อยๆ ดุร้ายเป็นบางโอกาส
มักจะถูกชาวบ้านในเน็ตเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย
ประจำ ไม่ก็กะเทย เกย์ พอเจอตัวจริงก็ถูก
อุทานใส่หน้าว่า "อ้าว?!! ทำไมเป็นผู้หญิงล่ะ?"
<---ฉันมันแมนมากหรือไงยะ? แรกก็ขำๆ อ่ะนะ
แต่พอมีครั้งที่ 2-3-4-5--->800 ชักเครียดว่ะ



A King's penguin story
Friends' blogs
[Add คิงเพนกวิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.