โคโน่ตายเมื่อค่ำวานนี้ เราย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เจ้าของบ้านเช่าใจดีรู้ว่าลูกชายอยากเลี้ยงหมาเอ่ยปากยกลูกหมาอายุหกอาทิตย์ให้สองตัว หนุ่มน้อยของแม่ตั้งชื่อให้ว่าสตีฟกับโคโน่ตามชื่อตัวละครเอกในหนังชุดที่เจ้าตัวโปรดปราน ตอนแรกที่ได้ยินชื่อแม่ก็ออกอาการอ้ำอึ้ง แต่ลูกชายยืนยันว่า เพื่อนทั้งห้องไม่มีใครชื่อแบบนี้หรอก ทั้งโคโน่และสตีฟเป็นหมาพันธุ์พื้นบ้าน แม้ความใฝ่ฝันของหนุ่มน้อยคือโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ แต่อดีตของบัดดี้หมาพันธุ์นอกแบบนั้นยังหลอนใจอยู่ว่า ต่อให้เป็นสายพันธุ์แสนเชื่อง หากคนเลี้ยงเลี้ยงไม่เป็น มันก็กัดคนเลี้ยงเอาได้ แม่ผู้เคยเป็นเหยื่อความมันเขี้ยวของลูกหมา แม้จะไม่สาหัสแต่ก็เห็นควรว่า ลูกชายควรเริ่มหัดเลี้ยงหมาให้เป็นเสียก่อน หมาธรรมดา ๆ และเลี้ยงแบบธรรมดา ๆ ตามคำแนะนำของโส่ยที่อ่านเจอในบล็อกคุณแมลงว่า เลี้ยงหมาให้เป็นหมา วันแรกในบ้านใหม่ของเรา สตีฟและโคโน่ร้องกวนไม่หยุด เราแม่ลูกจับลูกหมาใส่กล่องกระดาษใบใหญ่ แต่แม่หมาที่อยู่บ้านติดกันก็ยังตามมุดตามหา ลูกน้อยก็ร้องหาแม่จนคนเลี้ยงเดิมต้องมารับกลับคืน กะว่าให้หย่านมในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าแล้วค่อยพามาใหม่ วันนั้นสตีฟกัดพี่เลี้ยงที่นิ้วไปหนึ่งแผลตอนไล่จับเพื่ออุ้มกลับบ้านผ่านมาสิบวัน โคโน่ก็กลับมาอยู่กับพวกเรา สตีฟยังถูกเลี้ยงไว้ที่บ้านเดิม เจ้าของหมาบอกว่า มือใหม่อย่างแม่ลูกคู่นี้ไม่ควรเลี้ยงสตีฟ มันร้าย มันกัดคนเลี้ยงซ้ำอีกครั้งแล้ว พี่เลี้ยงหมายื่นนิ้วมืออีกข้างให้ดู เป็นรอยเขี้ยวเหวอะอยู่ แสดงว่ากัดได้ลึกมาก พอหย่านมแล้วจะเอาไปปล่อย ตอนนี้เอาไว้ก่อน แม่มันจะได้ไม่มาตามโคโน่กลับบ้านกลับมาอีกครั้ง เราไม่ได้ให้โคโน่อยู่ในกล่องกระดาษอีก ลูกชายเอาปลอกคอสีเหลืองคล้องให้เป็นของขวัญ ส่วนพี่เลี้ยงเก่าอยู่ช่วยสอนวิธีให้อาหารหมา ให้มันดมมือนะ เอาอาหารใส่มือให้มันค่อย ๆ เลียกินจากมือ อย่าเอาไปเหนือหัวมันแบบเมื่อกี้นี้อีกล่ะ มันจะง่ำเอาคนสอนสอนอย่างใจเย็น ท่าทีที่ปฏิบัติในการลูบจับและให้อาหารหมาเป็นตัวอย่างดูนุ่มนวลและอ่อนโยน ให้น้องเอาอาหารใส่ปากก่อนก็ได้ มีน้ำลายเราอยู่ หมามันจะซื่อกับเราตลอด มันยังเล็กอยู่ให้มันกินข้าวกับน้ำแกงนะ ยังเด็กอยู่ เอาน้ำใส่ถ้วยไว้ต่างหาก หมามันชอบกินน้ำ วางไว้เป็นที่ ก่อนกินเราเรียกมันมากิน มันจะได้จำเราได้ มันจะรักเรา ถ้ามันไม่มาก็ชี้บอกว่าข้าวอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวมันก็มากินเอง หมามันชอบเลือกกินเนื้อก่อน แต่อย่าให้มันกินแต่เนื้อล่ะ เดี๋ยวมันเคยตัวพอพี่เลี้ยงกลับไป เจ้าโคโน่ก็หนีไปซุกข้างกระถางต้นไม้ เราสองคนแม่ลูกหลอกล่อมันอยู่นาน ลูกหมาสีน้ำตาลอุ้งเท้าขาวมีท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ หนีเราขึ้นบันใดระเบียงบ้านไปทีละขั้น พอเผลอก็ขึ้นไปเดินเล่นบนระเบียง แม่เห็นก็ตะโกนดุ สมาชิกใหม่กลัวจนปล่อยอาวุธทั้งหนักทั้งเบาเลอะไปทั่ว เคยรู้มาบ้างว่ามีการสอนให้หมาขับถ่ายได้เป็นที่เพราะมันจำกลิ่นที่เดิมของตัวเอง ด้วยเหตุนี้คนเป็นแม่จึงออกอาการประสาทเล็ก ๆ กลัวว่าเจ้าหมาน้อยจะยึดระเบียงนั่งเล่นหน้าบ้านทำธุรกิจส่วนตัวเป็นประจำจึงดุหมาเสียงดังขึ้นอีก เจ้าลูกหมากลัวจนหางจุกตูด ครางหงิง ๆ ตลอด ครั้นพอเสียงเงียบเจ้าตัวก็หายไปแล้ว เนื่องจากบ้านใหม่ของเราอยู่ติดกับบ้านเจ้าของบ้านเช่า เจ้าหมาน้อยจึงมุดกลับบ้านเดิมไปหาแม่กับพี่ (หรือน้องก็ไม่รู้) ทุกวัน แม่บ้านคนเลี้ยงเก่าของโคโน่จึงต้องอุ้มเจ้าหมาน้อยกลับมาส่ง ต้องรอสักอาทิตย์ล่ะ กว่ามันจะจำได้ว่าบ้านมันอยู่นี่ เวลาจะสอนมัน ให้เอานิ้วชี้หน้านะ ชี้หน้าแล้วบอกหรือสอนมันจะจำ อย่าไปดุหรือตีมัน มันจำไม่ได้และมันจะกลัว คำแนะนำข้างหลังนี้สะกิดใจคนเป็นแม่ที่ชอบตะเบ็งดุลูกดีแท้ หลังจากต้องอุ้มกลับมาส่งสองครั้ง แม่บ้านคนเดิมก็พาโคโน่กลับมาพร้อมโซ่ในตอนหัวค่ำ เพื่อล่ามเจ้าโคโน่ไม่ให้หนีกลับไป ครั้งแรกที่ตื่นมา เราเห็นปลอกคอสีเหลืองของโคโน่คล้องอยู่กับโซ่เส้นน้อย แต่เจ้าลูกหมาดิ้นลอดปลอกคอตัวเองกลับไปบ้านได้ รุ่งขึ้นเราจึงกระชับปลอกคอให้คับขึ้น แต่เจ้าโคโน่ก็ยังดิ้นจนขอเกาะโซ่อันเก่าหลุดกลับไปหาแม่อีกจนได้ คราวนี้ทั้งสองบ้านเพิ่มโซ่ยาวอีกคนละเส้นเพื่อให้เจ้าลูกหมามีพื้นที่วิ่งเล่นในบ้านใหม่ได้กว้างขึ้น แต่เจ้าโคโน่ก็วิ่งพันต้นไม้เล็ก ๆ ในสนามจนตัวติดกับต้นไม้ออกไปไหนไม่ได้ ร้องครางอยู่เป็นนานสองนานพอถอดปลอกคอให้ เจ้าหมาน้อยกลับไม่วิ่งหนี มันเดินวนรอบ ๆ ดมชายกางเกงและเท้าของแม่ แม่คนเลยได้กลายเป็นแม่หมา ติดพันเล่นกับเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลอ่อนหน้าตาบ๊องแบ๊วอยู่เป็นนานสองนาน สัมผัสจากลิ้นเล็ก ๆ ของลูกหมาที่เลียมือเคล้าเคลียให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะเป็นคนไม่ชอบและกลัวหมามาแต่จำความได้ (อาจเพราะเคยถูกขย้ำสมัยเด็กและรังเกียจระแวงระวังเรื่องเห็บหมัด) ท่าทางที่หมานั่งชันคอมองสบตากันไปมา ยกขาหน้าขึ้นเกาคอยิก ๆ แล้วค่อย ๆ คลานมานอนซบอยู่ข้างเท้านั้น ทำให้รู้สึกเหมือนกระแสความอ่อนโยนและอบอุ่นจะซ่านขึ้นในตัวคนกลัวหมาซะงั้น แต่หมาจะรู้สึกอย่างไรก็บอกไม่ได้ เพราะเมื่อแม่คนเบื่อนั่งเฝ้าหมาหนีกลับไปทำงาน เจ้าลูกหมาก็มุดประตูรั้วหนีกลับบ้านเดิมไปด้วยเหมือนกันตกเย็นลูกชายกลับจากโรงเรียน โคโน่ก็ถูกอุ้มมาส่งคืน ลูกคนกับลูกหมาเล่นกันไปมาอย่างขัด ๆ เขิน ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ด้วยกันทั้งคู่ ระหว่างอยู่ด้วยกันลูกชายเอาโซ่ออกจากคอ แม่ก็เสาะหาวิธีกั้นรั้วประตูบ้านที่มีช่องว่างด้านใต้กว้างพอที่ลูกหมาอายุสองเดือนอย่างโคโน่จะมุดลอดออกไปได้ แต่กระนั้น เจ้าหมาน้อยก็ยังตะกาย ยังเห่า และยังหอนหาแม่ ครั้งหนึ่งระหว่างที่เรานั่งผูกตาข่ายประตูบ้านกันอยู่ แม่ตัวจริงของโคโน่ก็มาหา แม่คนนั่งตัวแข็ง กลัวแม่หมาหาเรื่องว่าพรากลูกมันมา แต่แม่หมาแค่เอาจมูกชนลูก ดม ๆ แล้วก็เดินหนีไป ต่างกับเจ้าโคโน่ซึ่งสั่นหางระริกดีใจ ตะเกียกตะกายมุดด้านโน้นโผล่ด้านนี้จนหน้าตาถลอกเลือดซึมซิบ ๆ แม่ลูกที่เป็นคนเห็นอย่างนี้ถึงกับงง แม่บ้านสาวลาวจึงบอกว่า คนเขาถึงพูดกันไงว่าคนทิ้งลูกน่ะ สั้วเหมือนหมา! ตอนบ่ายวันอาทิตย์ลูกหมานอนหลับที่สนาม ลูกคนนอนเอ้เต้ดูโทรทัศน์ในบ้าน แม่คนก็วุ่นวายสั่งลูกว่า ทำไมไม่ใส่โซ่ไว้ด้วยเล่า เข้ามาอยู่ในบ้านอย่างนี้ เดี๋ยวโคโน่มันก็หนีไปอีกหรอก ลูกชายบอกว่าไม่อยากใส่โซ่ล่ามหมา มันร้องตลอดเลย คนเป็นแม่ก็สำทับว่า ถ้ามันรู้ว่าร้องแล้วมีคนถอดโซ่ให้มันก็ต้องร้องทุกครั้งแหละ แต่ถ้าไม่สนใจ มันจะรู้เองว่าร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวมันก็ชิน อันนี้แม่ตอบตามตำราที่เคยอ่านเจอมาว่าด้วยการทดลองทางจิตวิทยากับสัตว์ทั้งหลายเลยเชียวพ่อลูกเล่นกับโคโน่เพื่อทำความรู้จักคุ้นเคยกัน ลูกชายวิ่งมาถามหาขวดน้ำบอกว่าพ่อให้เอาไว้ใส่เห็บหมัดหมา อีกสักพักเราจะอาบน้ำล้างเห็บหมัดให้มัน แต่ยังไม่ทันได้อาบน้ำ ลูกกับพ่อก็ชวนกันไปซ้อมบอลที่สนามโรงเรียน ทั้งพ่อทั้งลูกล่ามโคโน่ไว้ตามคำสั่งแม่เป๊ะ!ระหว่างทำครัวได้ยินเสียงอี๊อ๊าของโคโน่เหมือนเคย เพื่อกันเสียงรบกวนแม่คนที่กำลังมีลูกใหม่เป็นลูกหมาก็เลยเปิดเครื่องดูดควันรุ่นโบราณเสียงกระหึ่มกลบเสียงน่ารำคาญนั้น จนทอดปลาเสร็จ ฟ้ามืด เดินออกไปเปิดไฟที่สนาม มองเห็นโคโน่อยู่ใต้หน้าต่างฝั่งห้องนอน กึ่งนั่งกึ่งยืนสองขามองเขม็งมาที่แม่คนใหม่ อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้ว่า ตั้งแต่เชื่อพี่เลี้ยงเก่าของโคโน่เอากุนเชียงอมใส่ปากแล้วให้โคโน่กิน เจ้าหมาน้อยก็ ลิ่น แม่คนคนนี้เข้าให้แล้ว ดูสิ จะเดินไปเดินกลับอยู่กลางสนามก็นั่งมองแม่เขม็งไม่หันไปทางอื่นเลย ต้องเดินเข้าไปทักทายซะหน่อย วันนี้ได้กินมื้อเย็นค่ำหน่อยนะ รอพ่อลูกกลับจากซ้อมบอลก่อน เดินเข้าไปจนใกล้โคโน่ก็ไม่เปลี่ยนท่า แสงโพล้เพล้ทำให้เห็นอะไรไม่ถนัด แต่สังหรณ์บางอย่างก็ทำให้ใจระรัว และเมื่อสังหรณ์เป็นจริง มือที่แกะโซ่ซึ่งพันกิ่งไม้รั้งคอลูกหมาน้อยไว้ก็ไม่มั่นคง โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสอาการอ่อนปวกเปียกของลูกหมา ปากก็ร้องเรียกแต่ชื่อโคโน่ ๆ ๆ จนต้องหยุดตั้งสติเพื่อค่อย ๆ แกะปมขอเกี่ยวปลอกคอโคโน่ซึ่งเดิมคล้องอยู่ใต้คอแต่ ณ ขณะนั้น กลับหมุนไปอยู่ด้านบนพร้อมสายโซ่ที่พันหมุนรอบคออีกสองรอบ พอขอเกี่ยวหลุดจากปลอกคอ โคโน่ก็ร่วงพับลงกับดินครึ่งชั่วโมงของการอยู่คนเดียวในครัว พร้อมกับความคิดเรื่องเสียงร้องสุดท้ายของลูกหมาน้อยที่ถูกกลบด้วยเสียงเครื่องดูดควัน ภาพสุดท้ายของโคโน่ และความคิดต่อเนื่องเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของลูกหมาน้อยสีน้ำตาลอุ้งเท้าขาวอย่าสนใจกับเสียงร้อง ถ้าใจแข็งพอมันจะเงียบไปเอง แล้วมันจะเรียนรู้ว่าถ้าอยู่ด้วยกัน บางครั้งมันก็ไม่ได้ตามที่มันต้องการความคิดที่ว่า ความต้องการของใครความคิดที่ว่า ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ไม่เสมอไปหรอกที่จะยอมจำนน.. ก่อนลูกชายจะกลับถึงบ้าน แม่กับพี่เลี้ยงเก่าของโคโน่ช่วยกันขุดหลุมฝังเจ้าหมาน้อยไว้ที่ริมรั้วแล้ว เอื้อยร้องไห้ให้หมาเหรอ แม่บ้านถามแบบแปลกใจ มันก็น่าฉงนที่อีกคนเศร้าโศกทว่าไม่กล้าแตะต้อง แต่อีกคนหน้าตายิ้มแย้มไม่เศร้าสร้อยกลับโอบประคองร่างกระจ้อยไว้ในอกอย่างทะนุถนอม ความอ่อนโยนในใจบอกชัดผ่านการกระทำครั้งสุดท้ายให้กับสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่จากไป เขาไปดีแล้วล่ะเอื้อย เหมือนเราฆ่ามันนะแม่ ลูกชายพึมพำออกมาหลังแผ่เมตตาให้โคโน่ ทั้ง ณ สถานที่เกิดเหตุและที่กลบฝังทำไมแม่ไม่ปั๊มหัวใจให้มันแบบในหนัง เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ตามมากระแทกความรู้สึกผิดของคนเป็นแม่ จำภาพและความรู้สึกตอนที่ร่างน้อย ๆ อ่อนปวกเปียกในมือร่วงลงซบกับดิน จำความกลัวที่ไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้าแม้แต่จะตรวจสอบว่าหมาน้อยยังหายใจอยู่หรือไม่ ความรู้สึกผิดของการทิ้งโอกาสสุดท้าย เศร้าจนไม่รู้จะตอบคำถามเสียงละห้อยจากลูกชายว่าอย่างไรดีเราเลี้ยงหมาไม่ได้ใช่ไหมแม่?