ต้นทุนชีวิตคือการสะสมความเคยชินที่ดี
ลูกหมา ปลอกคอ และเวลาอันแสนสั้น

โคโน่ตายเมื่อค่ำวานนี้

เราย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เจ้าของบ้านเช่าใจดีรู้ว่าลูกชายอยากเลี้ยงหมาเอ่ยปากยกลูกหมาอายุหกอาทิตย์ให้สองตัว หนุ่มน้อยของแม่ตั้งชื่อให้ว่าสตีฟกับโคโน่ตามชื่อตัวละครเอกในหนังชุดที่เจ้าตัวโปรดปราน ตอนแรกที่ได้ยินชื่อแม่ก็ออกอาการอ้ำอึ้ง แต่ลูกชายยืนยันว่า เพื่อนทั้งห้องไม่มีใครชื่อแบบนี้หรอก

ทั้งโคโน่และสตีฟเป็นหมาพันธุ์พื้นบ้าน แม้ความใฝ่ฝันของหนุ่มน้อยคือโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ แต่อดีตของบัดดี้หมาพันธุ์นอกแบบนั้นยังหลอนใจอยู่ว่า ต่อให้เป็นสายพันธุ์แสนเชื่อง หากคนเลี้ยงเลี้ยงไม่เป็น มันก็กัดคนเลี้ยงเอาได้ แม่ผู้เคยเป็นเหยื่อความมันเขี้ยวของลูกหมา แม้จะไม่สาหัสแต่ก็เห็นควรว่า ลูกชายควรเริ่มหัดเลี้ยงหมาให้เป็นเสียก่อน หมาธรรมดา ๆ และเลี้ยงแบบธรรมดา ๆ ตามคำแนะนำของโส่ยที่อ่านเจอในบล็อกคุณแมลงว่า เลี้ยงหมาให้เป็นหมา…

วันแรกในบ้านใหม่ของเรา สตีฟและโคโน่ร้องกวนไม่หยุด เราแม่ลูกจับลูกหมาใส่กล่องกระดาษใบใหญ่ แต่แม่หมาที่อยู่บ้านติดกันก็ยังตามมุดตามหา ลูกน้อยก็ร้องหาแม่จนคนเลี้ยงเดิมต้องมารับกลับคืน กะว่าให้หย่านมในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าแล้วค่อยพามาใหม่ วันนั้นสตีฟกัดพี่เลี้ยงที่นิ้วไปหนึ่งแผลตอนไล่จับเพื่ออุ้มกลับบ้าน

ผ่านมาสิบวัน โคโน่ก็กลับมาอยู่กับพวกเรา สตีฟยังถูกเลี้ยงไว้ที่บ้านเดิม เจ้าของหมาบอกว่า มือใหม่อย่างแม่ลูกคู่นี้ไม่ควรเลี้ยงสตีฟ “มันร้าย มันกัดคนเลี้ยงซ้ำอีกครั้งแล้ว” พี่เลี้ยงหมายื่นนิ้วมืออีกข้างให้ดู เป็นรอยเขี้ยวเหวอะอยู่ แสดงว่ากัดได้ลึกมาก “พอหย่านมแล้วจะเอาไปปล่อย ตอนนี้เอาไว้ก่อน แม่มันจะได้ไม่มาตามโคโน่กลับบ้าน”

กลับมาอีกครั้ง เราไม่ได้ให้โคโน่อยู่ในกล่องกระดาษอีก ลูกชายเอาปลอกคอสีเหลืองคล้องให้เป็นของขวัญ ส่วนพี่เลี้ยงเก่าอยู่ช่วยสอนวิธีให้อาหารหมา

“ให้มันดมมือนะ เอาอาหารใส่มือให้มันค่อย ๆ เลียกินจากมือ อย่าเอาไปเหนือหัวมันแบบเมื่อกี้นี้อีกล่ะ มันจะง่ำเอา”

คนสอนสอนอย่างใจเย็น ท่าทีที่ปฏิบัติในการลูบจับและให้อาหารหมาเป็นตัวอย่างดูนุ่มนวลและอ่อนโยน

“ให้น้องเอาอาหารใส่ปากก่อนก็ได้ มีน้ำลายเราอยู่ หมามันจะซื่อกับเราตลอด”

“มันยังเล็กอยู่ให้มันกินข้าวกับน้ำแกงนะ ยังเด็กอยู่ เอาน้ำใส่ถ้วยไว้ต่างหาก หมามันชอบกินน้ำ วางไว้เป็นที่ ก่อนกินเราเรียกมันมากิน มันจะได้จำเราได้ มันจะรักเรา ถ้ามันไม่มาก็ชี้บอกว่าข้าวอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวมันก็มากินเอง”

“หมามันชอบเลือกกินเนื้อก่อน แต่อย่าให้มันกินแต่เนื้อล่ะ เดี๋ยวมันเคยตัว”

พอพี่เลี้ยงกลับไป เจ้าโคโน่ก็หนีไปซุกข้างกระถางต้นไม้ เราสองคนแม่ลูกหลอกล่อมันอยู่นาน ลูกหมาสีน้ำตาลอุ้งเท้าขาวมีท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ หนีเราขึ้นบันใดระเบียงบ้านไปทีละขั้น พอเผลอก็ขึ้นไปเดินเล่นบนระเบียง แม่เห็นก็ตะโกนดุ สมาชิกใหม่กลัวจนปล่อยอาวุธทั้งหนักทั้งเบาเลอะไปทั่ว เคยรู้มาบ้างว่ามีการสอนให้หมาขับถ่ายได้เป็นที่เพราะมันจำกลิ่นที่เดิมของตัวเอง ด้วยเหตุนี้คนเป็นแม่จึงออกอาการประสาทเล็ก ๆ กลัวว่าเจ้าหมาน้อยจะยึดระเบียงนั่งเล่นหน้าบ้านทำธุรกิจส่วนตัวเป็นประจำจึงดุหมาเสียงดังขึ้นอีก เจ้าลูกหมากลัวจนหางจุกตูด ครางหงิง ๆ ตลอด ครั้นพอเสียงเงียบเจ้าตัวก็หายไปแล้ว

เนื่องจากบ้านใหม่ของเราอยู่ติดกับบ้านเจ้าของบ้านเช่า เจ้าหมาน้อยจึงมุดกลับบ้านเดิมไปหาแม่กับพี่ (หรือน้องก็ไม่รู้) ทุกวัน แม่บ้านคนเลี้ยงเก่าของโคโน่จึงต้องอุ้มเจ้าหมาน้อยกลับมาส่ง

“ต้องรอสักอาทิตย์ล่ะ กว่ามันจะจำได้ว่าบ้านมันอยู่นี่”

“เวลาจะสอนมัน ให้เอานิ้วชี้หน้านะ ชี้หน้าแล้วบอกหรือสอนมันจะจำ อย่าไปดุหรือตีมัน มันจำไม่ได้และมันจะกลัว”

คำแนะนำข้างหลังนี้สะกิดใจคนเป็นแม่ที่ชอบตะเบ็งดุลูกดีแท้…

หลังจากต้องอุ้มกลับมาส่งสองครั้ง แม่บ้านคนเดิมก็พาโคโน่กลับมาพร้อมโซ่ในตอนหัวค่ำ เพื่อล่ามเจ้าโคโน่ไม่ให้หนีกลับไป

ครั้งแรกที่ตื่นมา เราเห็นปลอกคอสีเหลืองของโคโน่คล้องอยู่กับโซ่เส้นน้อย แต่เจ้าลูกหมาดิ้นลอดปลอกคอตัวเองกลับไปบ้านได้ รุ่งขึ้นเราจึงกระชับปลอกคอให้คับขึ้น แต่เจ้าโคโน่ก็ยังดิ้นจนขอเกาะโซ่อันเก่าหลุดกลับไปหาแม่อีกจนได้ คราวนี้ทั้งสองบ้านเพิ่มโซ่ยาวอีกคนละเส้นเพื่อให้เจ้าลูกหมามีพื้นที่วิ่งเล่นในบ้านใหม่ได้กว้างขึ้น แต่เจ้าโคโน่ก็วิ่งพันต้นไม้เล็ก ๆ ในสนามจนตัวติดกับต้นไม้ออกไปไหนไม่ได้ ร้องครางอยู่เป็นนานสองนาน

พอถอดปลอกคอให้ เจ้าหมาน้อยกลับไม่วิ่งหนี มันเดินวนรอบ ๆ ดมชายกางเกงและเท้าของแม่ แม่คนเลยได้กลายเป็นแม่หมา ติดพันเล่นกับเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลอ่อนหน้าตาบ๊องแบ๊วอยู่เป็นนานสองนาน สัมผัสจากลิ้นเล็ก ๆ ของลูกหมาที่เลียมือเคล้าเคลียให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะเป็นคนไม่ชอบและกลัวหมามาแต่จำความได้ (อาจเพราะเคยถูกขย้ำสมัยเด็กและรังเกียจระแวงระวังเรื่องเห็บหมัด) ท่าทางที่หมานั่งชันคอมองสบตากันไปมา ยกขาหน้าขึ้นเกาคอยิก ๆ แล้วค่อย ๆ คลานมานอนซบอยู่ข้างเท้านั้น ทำให้รู้สึกเหมือนกระแสความอ่อนโยนและอบอุ่นจะซ่านขึ้นในตัวคนกลัวหมาซะงั้น แต่หมาจะรู้สึกอย่างไรก็บอกไม่ได้ เพราะเมื่อแม่คนเบื่อนั่งเฝ้าหมาหนีกลับไปทำงาน เจ้าลูกหมาก็มุดประตูรั้วหนีกลับบ้านเดิมไปด้วยเหมือนกัน

ตกเย็นลูกชายกลับจากโรงเรียน โคโน่ก็ถูกอุ้มมาส่งคืน ลูกคนกับลูกหมาเล่นกันไปมาอย่างขัด ๆ เขิน ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ด้วยกันทั้งคู่ ระหว่างอยู่ด้วยกันลูกชายเอาโซ่ออกจากคอ แม่ก็เสาะหาวิธีกั้นรั้วประตูบ้านที่มีช่องว่างด้านใต้กว้างพอที่ลูกหมาอายุสองเดือนอย่างโคโน่จะมุดลอดออกไปได้ แต่กระนั้น เจ้าหมาน้อยก็ยังตะกาย ยังเห่า และยังหอนหาแม่ ครั้งหนึ่งระหว่างที่เรานั่งผูกตาข่ายประตูบ้านกันอยู่ แม่ตัวจริงของโคโน่ก็มาหา แม่คนนั่งตัวแข็ง กลัวแม่หมาหาเรื่องว่าพรากลูกมันมา แต่แม่หมาแค่เอาจมูกชนลูก ดม ๆ แล้วก็เดินหนีไป ต่างกับเจ้าโคโน่ซึ่งสั่นหางระริกดีใจ ตะเกียกตะกายมุดด้านโน้นโผล่ด้านนี้จนหน้าตาถลอกเลือดซึมซิบ ๆ แม่ลูกที่เป็นคนเห็นอย่างนี้ถึงกับงง แม่บ้านสาวลาวจึงบอกว่า “คนเขาถึงพูดกันไงว่าคนทิ้งลูกน่ะ สั้วเหมือนหมา!”

ตอนบ่ายวันอาทิตย์ลูกหมานอนหลับที่สนาม ลูกคนนอนเอ้เต้ดูโทรทัศน์ในบ้าน แม่คนก็วุ่นวายสั่งลูกว่า ทำไมไม่ใส่โซ่ไว้ด้วยเล่า เข้ามาอยู่ในบ้านอย่างนี้ เดี๋ยวโคโน่มันก็หนีไปอีกหรอก ลูกชายบอกว่าไม่อยากใส่โซ่ล่ามหมา มันร้องตลอดเลย คนเป็นแม่ก็สำทับว่า

“ถ้ามันรู้ว่าร้องแล้วมีคนถอดโซ่ให้มันก็ต้องร้องทุกครั้งแหละ แต่ถ้าไม่สนใจ มันจะรู้เองว่าร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวมันก็ชิน”

อันนี้แม่ตอบตามตำราที่เคยอ่านเจอมาว่าด้วยการทดลองทางจิตวิทยากับสัตว์ทั้งหลายเลยเชียว

พ่อลูกเล่นกับโคโน่เพื่อทำความรู้จักคุ้นเคยกัน ลูกชายวิ่งมาถามหาขวดน้ำบอกว่าพ่อให้เอาไว้ใส่เห็บหมัดหมา อีกสักพักเราจะอาบน้ำล้างเห็บหมัดให้มัน แต่ยังไม่ทันได้อาบน้ำ ลูกกับพ่อก็ชวนกันไปซ้อมบอลที่สนามโรงเรียน ทั้งพ่อทั้งลูกล่ามโคโน่ไว้ตามคำสั่งแม่เป๊ะ!

ระหว่างทำครัวได้ยินเสียงอี๊อ๊าของโคโน่เหมือนเคย เพื่อกันเสียงรบกวนแม่คนที่กำลังมีลูกใหม่เป็นลูกหมาก็เลยเปิดเครื่องดูดควันรุ่นโบราณเสียงกระหึ่มกลบเสียงน่ารำคาญนั้น จนทอดปลาเสร็จ ฟ้ามืด เดินออกไปเปิดไฟที่สนาม มองเห็นโคโน่อยู่ใต้หน้าต่างฝั่งห้องนอน กึ่งนั่งกึ่งยืนสองขามองเขม็งมาที่แม่คนใหม่ อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้ว่า ตั้งแต่เชื่อพี่เลี้ยงเก่าของโคโน่เอากุนเชียงอมใส่ปากแล้วให้โคโน่กิน เจ้าหมาน้อยก็ “ลิ่น” แม่คนคนนี้เข้าให้แล้ว ดูสิ จะเดินไปเดินกลับอยู่กลางสนามก็นั่งมองแม่เขม็งไม่หันไปทางอื่นเลย ต้องเดินเข้าไปทักทายซะหน่อย วันนี้ได้กินมื้อเย็นค่ำหน่อยนะ รอพ่อลูกกลับจากซ้อมบอลก่อน

เดินเข้าไปจนใกล้โคโน่ก็ไม่เปลี่ยนท่า แสงโพล้เพล้ทำให้เห็นอะไรไม่ถนัด แต่สังหรณ์บางอย่างก็ทำให้ใจระรัว และเมื่อสังหรณ์เป็นจริง มือที่แกะโซ่ซึ่งพันกิ่งไม้รั้งคอลูกหมาน้อยไว้ก็ไม่มั่นคง โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสอาการอ่อนปวกเปียกของลูกหมา ปากก็ร้องเรียกแต่ชื่อโคโน่ ๆ ๆ จนต้องหยุดตั้งสติเพื่อค่อย ๆ แกะปมขอเกี่ยวปลอกคอโคโน่ซึ่งเดิมคล้องอยู่ใต้คอแต่ ณ ขณะนั้น กลับหมุนไปอยู่ด้านบนพร้อมสายโซ่ที่พันหมุนรอบคออีกสองรอบ พอขอเกี่ยวหลุดจากปลอกคอ โคโน่ก็ร่วงพับลงกับดิน

ครึ่งชั่วโมงของการอยู่คนเดียวในครัว พร้อมกับความคิดเรื่องเสียงร้องสุดท้ายของลูกหมาน้อยที่ถูกกลบด้วยเสียงเครื่องดูดควัน ภาพสุดท้ายของโคโน่ และความคิดต่อเนื่องเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของลูกหมาน้อยสีน้ำตาลอุ้งเท้าขาว

“อย่าสนใจกับเสียงร้อง ถ้าใจแข็งพอมันจะเงียบไปเอง แล้วมันจะเรียนรู้ว่าถ้าอยู่ด้วยกัน บางครั้งมันก็ไม่ได้ตามที่มันต้องการ”

ความคิดที่ว่า “ความต้องการของใคร”

ความคิดที่ว่า “ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ไม่เสมอไปหรอกที่จะยอมจำนน..”

ก่อนลูกชายจะกลับถึงบ้าน แม่กับพี่เลี้ยงเก่าของโคโน่ช่วยกันขุดหลุมฝังเจ้าหมาน้อยไว้ที่ริมรั้วแล้ว
“เอื้อยร้องไห้ให้หมาเหรอ”
แม่บ้านถามแบบแปลกใจ มันก็น่าฉงนที่อีกคนเศร้าโศกทว่าไม่กล้าแตะต้อง แต่อีกคนหน้าตายิ้มแย้มไม่เศร้าสร้อยกลับโอบประคองร่างกระจ้อยไว้ในอกอย่างทะนุถนอม ความอ่อนโยนในใจบอกชัดผ่านการกระทำครั้งสุดท้ายให้กับสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่จากไป
“เขาไปดีแล้วล่ะเอื้อย”

“เหมือนเราฆ่ามันนะแม่”
ลูกชายพึมพำออกมาหลังแผ่เมตตาให้โคโน่ ทั้ง ณ สถานที่เกิดเหตุและที่กลบฝัง
“ทำไมแม่ไม่ปั๊มหัวใจให้มันแบบในหนัง”
เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ตามมากระแทกความรู้สึกผิดของคนเป็นแม่ จำภาพและความรู้สึกตอนที่ร่างน้อย ๆ อ่อนปวกเปียกในมือร่วงลงซบกับดิน จำความกลัวที่ไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้าแม้แต่จะตรวจสอบว่าหมาน้อยยังหายใจอยู่หรือไม่ ความรู้สึกผิดของการทิ้งโอกาสสุดท้าย…เศร้าจนไม่รู้จะตอบคำถามเสียงละห้อยจากลูกชายว่าอย่างไรดี

“เราเลี้ยงหมาไม่ได้ใช่ไหมแม่?”







Create Date : 16 มกราคม 2555
Last Update : 20 มกราคม 2555 8:24:59 น. 11 comments
Counter : 1601 Pageviews.

 
- _ - ทำไมเป็นอย่างนี้คะ ไม่น่าตายเลย โธ่


โดย: Jas IP: 221.128.75.77 วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:18:18:42 น.  

 
เฮ้อ.. ว่าจะไม่อยากตามมาอ่านเลย
สังหรณ์ใจว่าจะเจอเรื่องแบบนี้แหละ

เวลาอ่านเจอเรื่องทำนองนี้จากใคร ๆ ที่เสียสัตว์เลี้ยงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความรู้สึกแรกของเราคือ จะโกรธ แต่ก็ยังไม่เท่าโกรธคนที่เราเคยเตือนเขาไว้หลายครั้ง เรื่องวิธีการดูแล และเก็บสัตว์เลี้ยงของตัวเองเอาไว้ให้ดี

กรณีของพี่พี ความรู้สึกของพี่ที่ได้รับจากเหตุการณ์คงจะเศร้ามากอยู่แล้ว ผสมกับความช้อค เลยไม่อยากดุอีก ได้แต่บอกว่า เจ้าหมาน้อยนั้นเขาคงหมดเวรของเขาแล้วละ คงทำกรรมมาไม่เยอะ ใช้แป๊บเดียวก็หมด
แถมยังได้ให้บทเรียนกับคนเลี้ยงด้วย ว่าอย่าผูกหมาด้วยโซ่ โซ่มีเอาไว้จูงพาไปทำธุระ เอาไว้ล่ามเวลาจะอาบน้ำ ถ้าอยากจะจำกัดบริเวณหมาเล็ก ๆ ที่ได้มาใหม่เพราะต้องฝึกเขาก่อน ควรใส่คอก หรือใส่กรงใหญ่หน่อย กรงนี้เหมาะกับการเฉพาะเท่านั้น
ตัวน้อย ๆ มาใหม่ในบ้านใหม่ ต้องจำกัดที่เขาสักพัก ให้รู้ระเบียบของบ้าน ให้เขาทำความเข้าใจโลกใหม่ก่อนทีละน้อย ๆ ไม่ต้องตีถ้าเขาไม่เชื่อฟัง ที่บ้านใช้ม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์เคาะ ๆ พื้นเขาก็รู้แล้วว่าเราไมชอบ เสียงดังก็ยังดีกว่าตีค่ะ

หวังว่าคงยังไม่ถอดใจกับการมีสัตว์เลี้ยงนะคะ
เอาใจช่วยจ้า


โดย: โส่ย (secreate ) วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:18:23:13 น.  

 
คิดเหมือนคุณ Jas และเรียนรู้จากคอมเม้นท์ของโส่ย จะดุก็ไม่ว่าหรอกนะ ไม่รู้แล้วยังทำนี่ อันตรายจริง ๆ โคโน่เป็นรูปธรรมของความไม่รู้ และความขลาดที่จะเรียนรู้อย่างแท้จริง อาจเพราะ "ไม่เต็มร้อย" ในความตั้งใจที่จะเลี้ยงหมา เห็นลูกอยากเลี้ยงก็เหมือนปล่อยให้เขาเรียนรู้เอง เขาเองก็หวังพึ่งให้เรานำทาง.. เป็นความผิดพลาดที่แท้จริงของคนเป็นแม่เลย

ได้คิดว่า ความกลัวลึก ๆ ที่คนไม่รู้ตัวก็เป็นเกราะกำับังในการที่เราจะทำอะไรให้ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ตอนเลี้ยงลูกหมาพันธ์ุโกลเด้นเมื่อสี่ปีก่อนก็คล้ายกันอย่างนี้ ความที่กลัวหมาทำให้พลอยกลัวแม้แต่ลูกหมาที่ชื่อว่าเป็นพันธุ์ที่แสนเชื่อง ครั้งนั้นยังอยู่ที่บ้านเดิม มีคนที่เคยเลี้ยงหมาช่วยดูแล ก็พอจะเลี้ยงได้เป็นเดือน ก่อนจะพลาดให้ลูกหมาน้อยกัดข้อเท้าจนเกือบจมเขี้ยว ตอนเอาลูกหมาใส่กรงส่งกลับไปให้เพื่อนที่เป็นเจ้าของ ยังคิดว่า ไม่มีวันเลี้ยงหมาอีกแล้ว

ครั้งนั้นคิดว่าหมามันรู้ว่าเรากลัวเลยกัดเอา ครั้งนี้จึงตั้งใจว่าจะไม่มีทางกลัวเจ้าลูกหมาน้อยเด็ดขาด แล้วผลก็เป็นอย่างนี้ แม้จะยังเศร้าอยู่แต่ก็คิดว่า อาจให้โอกาสตัวเองกับลูกอีกสักครั้งนะโส่ย

ขอบคุณสำหรับความเห็นที่จริงใจและเข้าใจอย่างมาก...



โดย: kangsadal วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:8:28:05 น.  

 
ซื้อเตาอบใหญ่ก็ดีแล้วจ้า
เพราะเราเองไม่ชอบเลยกับเตาเล็ก ๆ ตู้เย็นเล็ก ๆ
ไม่เข้าใจคอนเซ็ปท์ของการทำกับข้าวทีละหม้อจิ๋ว ๆ เพราะเป็นเด็กมาจากครอบครัวลูกเยอะ ต้องทำกับข้าวทีละเยอะ

ลูกชายไม่ยอมอ้วนซักที แต่เขาอยากมีกล้ามนะนั่นน่ะ พยายามยกเวททุกวัน แต่เราบอกเขาว่า ถ้าลูกไม่กิน แล้วไปออกกำลัง กล้ามแขนอาจจะดูเหมือนลูกชิ้นปิ้งนา..

ยัยแมลงมันเคยวิจาร์ณไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าสลับลูกกัน สงสัยบ้านนึงจะได้ลูกผอมกระหร่องกว่านี้ และอีกบ้านหนึ่งลูกจะยิ่งอ้วนตั้บเลย

พี่พีเชื่อไหม ว่าเราเป็นคนที่ไม่เคยโดนหมากัด หรือหมาเห่ากระโชกใส่เลยในชีวิตนี้ ไม่ว่าจะหมาแปลกหน้า หมาข้างถนน หมาจรจัด หรือหมาดุ ๆ ที่เขาเลี้ยงและกลัวกันนักหนา..(ต้องเคาะไม้ก่อนไหมเนี่ย) เพราะเราไม่เคยกลัวหมาเลย อันนี้รวมถึงน้องแมวดุๆ ของใครต่อใครด้วย เห็นแมวนอนหมอบอยู่ เราเดินตรงเข้าไปควักมาอุ้ม เขาก็ให้อุ้มอย่างดิบดี เจ้าของตกกะใจ รีบบอกว่าแมวนี้มันดุ ไม่มีใครกล้าอุ้ม เพราะมันจะกัดเอา

สงสัยว่า พวกนี้จะสัมผัสได้ ถึงความ"ไม่กลัว" ของเรา หรือไม่ก็ตั้งตัวไม่ทันกระมัง

ถ้ายังอยากเลี้ยงหมา หรือแมว ต้องถามตัวเองก่อนนะ ว่าพร้อมที่จะรักเขาหรือเปล่า เพราะถ้าไม่รักก็อย่าเลี้ยงเลย เมื่อรับเขามาแล้ว เขาจะยึดถือเราเป็นหลักในชีวิตของเขา เวลาถูกทอดทิ้ง หรือถูกทำร้ายจิตใจ มันจะน่าสงสารมาก เพราะเขาไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ เอาไปนินทากับเพื่อนแก้กลุ้มก็ไม่ได้ด้วย นอกจากจะหนีออกจากบ้าน..ซึ่งก็ยาก
เราไม่เข้าใจคนที่เอาหมาแมวไปปล่อยทิ้งตามวัด หรือตามข้างทางเลย ว่าทำได้ยังไง

คิดให้ดี ๆ ก่อนจะรับใครมาในชีวิตนะคะ

ถ้าอยากเลี้ยง และไม่รังเกียจคำแนะนำจากคนจู้จี้เรื่องการเลี้ยง ยินดีจะเป็นที่ปรึกษาให้นะค้า..


โดย: โส่ย (secreate ) วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:14:31:33 น.  

 
พี่พีคะ เสียใจได้ค่ะแต่อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดค่ะ ถึงเราจะป้องกันสักแค่ไหนก็ตาม
พูดถึงเรื่องความกลัวหมาหนูก็เป็นอีกคนที่กลัวฝังใจเพราะถูกหมากัดเช่นกัน แถมเป็นหมาที่รู้จักกันด้วย เป็นหมาของพี่ข้างบ้าน จำได้ตอนปิดเทอม ป.4 เข้าไปเล่นกับพี่เค้า ก็ไปเล่นกันบ่อยรู้จักกับหมาดี แต่วันนั้นมันคงอารมณ์ไม่ดี เพราะกำลังเล่นดี ๆ มันก็งับที่ต้นขาเย็บไป 4 เข็มเจ็บจริง ๆ เพราะเย็บสดๆ ฮือฮือ จนเดี๋ยวนี้เวลาเจอหมาเสียวต้นขาทุกที ครั้งหนึ่งไปเที่ยวที่วัดแห่งหนึ่งไปกับสามี (ตอนนั้นเป็นแค่แฟน) เดินไปเรื่อย ๆ ปรากฎไปเจอหมาฝูงหนึ่งเกือบ 20 ตัว มันดุทุกตัวกรูกันเข้ามาแยกเขี้ยวเหมือนหนังสยองขวัญเลยค่ะ โชคดีที่สามีไม่กลัวหมา จึงบอกว่าให้เราเดินไปเรื่อย ๆ อย่าวิ่ง อย่าแสดงว่ากลัวมัน (คงเหมือนพี่โส่ยว่า) ดีที่เจอไม้ยาว ๆ มันเลยค่อยหายไป จำได้ว่าใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขาสั่นไปหมด ...
สามีหนูเคยเล่าว่าตอนเด็ก ๆ เลี้ยงหมาตัวหนึ่งชื่อเจ้าหมี เพราะสีน้ำตาล ตัวใหญ่เหมือนหมี เค้าบอกว่าเคยขึ้นไปขี่ให้มันพาเดินเล่น เป็นหมาตัวผู้ มีอยู่ช่วงหนึ่งมันหนีออกจากบ้านเพราะไปติดตัวเมีย กลับมาทีผอมโซ วันหนึ่งพอมันกลับมาสามีเค้าก็เลยจับมันมัดอยู่ที่ระเบียบบ้านกลัวมันหนีออกจากบ้านไปอีก พอเช้ามาเจอมันห้อยอยู่ที่ระเบียงเหมือนผูกคอตาย มันคงดิ้นรนเพื่อจะไปหาตัวเมีย สามีเล่าว่าร้องไห้เสียใจจนไม่อยากเลี้ยงหมาอีกเลย
มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ หวังว่าเวลาคงช่วยให้พี่สบายใจขึ้นนะคะ


โดย: นก IP: 58.137.13.253 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:9:47:40 น.  

 
มาแชร์ประสบการณ์บ้าง แมลงไม่ชอบเลี้ยงหมาแมว ชอบเลี้ยงนกในสวนมากกว่า(แบบว่าความรับปิดชอบต่ำ ฮิฮิ) มีความคิดว่า การที่เราเลี้ยงหมาและแมว เราเป็นฝ่ายเลือกเขาให้มาอยู่กับเรา แต่เขา(อาจจะ)ไม่ได้อยากอยู่กับเราก็ได้ ก็เลยชอบเลี้ยงนกในสวนมากกว่า แค่หาน้ำและอาหารไว้คอยท่า เขาจะมากินหรือไม่ก็ตามใจเขา มีอิสระแก่กัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารังเกียจหมาแมวนะคะ ตอนเด็กๆเคยเลี้ยงสี่ตัว เขามากันเอง มาขออาศัยอยู่ประมาณว่าจรจัด ชื่อหรือก็แสนจะไทยมาก ตามสารรูป เจ้าด่าง เจ้าแดง เจ้าเจี้ยวปลิ้น(เจ้าตัวนี้ชื่อเท่ห์ ใครๆก็นึกว่าชื่อฝรั่ง เขาโดนรถชนมา ตรงนั้นเละเลยได้ชื่อนี้ ตัวสุดท้ายชื่อเฉย ฝังไว้ใต้ต้นไม้ที่ป้านปากเกร็ด ทุกตัวถูกเลี้ยงแบบตามสบาย ไม่เคร่งเครียด เจ้าตัวสุดท้ายนี้ออกจะสนิทกันมากหน่อย เพราะเขามาอยู่คอนที่แมลงโตแล้ว มีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับเขามากมาย ตอนเขาตายก็รู้สึกหวิวๆ มันคงเป็นความผูกพัน เลยตั้งใจว่าไม่เอาแล้ว เลี้ยงนกดีกว่า มีอิสระแก่กัน
ส่วนเรื่องที่โส่ยว่าไม่เข้าใจเรื่องคนเอาแมวหมาไปปล่อยวัดว่าเขาทำได้ไง แมลงว่าเข้าใจได้ไม่ยาก ก็คงเพราะเขารู้แน่ว่าที่นั่นเจ้าพวกนั้นไม่อดตายแน่
เวลาแมลงทำที่ทางให้นก แล้วเห็นเขามากัน ก็ยินดีว่าเขาคงรู้ว่าที่นี่อยู่สบายไม่อดตาย ไม่ทำร้ายเขา แต่จะอยู่หรูหรือไม่นั้น (ประมาณมีชุดนก เฟอร์นิเจอร์นก กระจกนก) ไม่มีให้น่ะ
และเรื่องสัมผัสถึงความกลัวหมา หรือความรักหมาของคนนี่ หมาเขาคงจะสัมผัสได้ พวกที่กลัวหมาจะโดนหมากระหน่ำขู่ พวกที่ซี้กับหมาเป็นโฆษกเทพบุตรอย่างคุ้มน่ะ กี่ชนิดก็วิ่งเข้ามาหา เรื่องนี้จนพี่หญิงใหญ่แอบว่าคุ้มเป็นหัวหนาหมากลับชาติมาเกิด ฮี่ๆ เล่นแรง
ถ้าเอาดีทางนี้ไม่ได้ ก็ยังมีสัตว์เลี้ยงอีกตั้งหลายอย่างที่ให้เราได้มีโอกาสฝึกจิตใจอ่อนโยนนาค๊า อย่าเพิ่งท้อ


โดย: แมลงจ่่่่่อย (Bug in the garden ) วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:13:27:22 น.  

 
ความกลัวเป็นสัญชาตญาณพิเศษนะ มันเหมือนขั้วตรงข้ามที่ดูดเข้าหากัน ทั้งฝ่ายที่กลัวและสิ่งที่ถูกกลัว ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ตรงกัน เคยอ่านเจอคำสอนของพระ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นท่านมิตสุโอะ แต่ไม่กล้ายืนยันเพราะไม่ได้เอาหนังสือเล่มนั้นมาด้วย) ว่าเวลาเรากลัว ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งซึ่งสัตว์ที่เรากลัวจะรับรู้ได้ แล้วมันก็จะเลือกเล่นงานคนที่กลัวมันนั่นแหละ

คงคล้ายความรัก ความเกลียด และอีกหลาย ๆ ความรู้สึก ที่มีพลังงานแผ่ออกมาจากเจ้าตัวถึงคนอื่น ๆ รอบข้าง
สำคัญที่ว่าเจ้าตัวรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่นั้น "ใช่" จากต้นตอจริง ๆ

เมื่อเด็กเคยโดนหมาขย้ำแต่ไม่ได้เย็บเหมือนน้องนก เพราะผู้ใหญ่โบราณเป่าน้ำหมากพรวดใส่แผลพร้อมกับเอาพื้นรองเท้าแตะตบ ๆ เอา ไม่น่าเชื่อว่าความเจ็บปวดหายวับไปเลย (แต่จำไม่ได้ว่ากว่าแผลจะหายนานไหม เพราะตอนนั้นก็เล็กเหลือเกิน จำฝังใจได้เฉพาะตอนหมาขย้ำ)

แลกเปลี่ยนพอแก้เศร้าค่ะ ขอบคุณทั้งโส่ยและน้องนกอีกครั้ง


โดย: พี่พี IP: 202.137.156.1 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:13:37:19 น.  

 
ขอบคุณกำลังใจจากคุณแมลง :) โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบเลี้ยงอะไรเลย แค่ลูกคนเดียวก็หมดเวลาไปแล้วทั้งชีวิต ฮ่า ฮ่า...

พี่ว่าพี่อ่อนโยนได้โดยไม่ต้องพึ่งสัตว์นะ อิ อิ (ช่วยขำหน่อย!)


โดย: พี่พี IP: 202.137.156.1 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:13:41:23 น.  

 
โธ่..ไม่น่าพลาดเล้ย ยัยแมลง ..
น้องหมายความว่า พี่จะได้สังเกตเห็นความอ่อนโยนของตัวเองจากการที่มีโอกาสได้มีเวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยง


โดย: แมลงจ่่่อย (Bug in the garden ) วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:15:20:08 น.  

 
พี่พี อ่านหลังไมค์ด้วยนะคะ ตอนนี้เหนื่อยมากเลย ไม่มีเวลามากด้วย


โดย: แมลงจ่่่อย (Bug in the garden ) วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:22:17:26 น.  

 
ขอคุณครับว่างๆเข้าชม เวปผมได้นะครับ เป็นเวปเกี่ยวกับสุนัข ตามลิ้งด้านล่างมีหลายพันธ์ให้ชมครับ

golden retriever|
|German shepherd|
|mastiff|
|Golden Retriever|
|Shih Tzu|


โดย: เทวาครับ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:48:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kangsadal
Location :
เวียงจัน Laos

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






พระจันทร์เต็มดวงคนมองเห็นได้บางวัน
เช่นกันกับวันที่เห็นพระจันทร์เสี้ยว
แต่ทุกวัน....
พระจันทร์เต็มดวง
online
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kangsadal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.