โน่นนิดนี่หน่อยในเมืองลาว กับคนลาว และภาษาลาว
ภาพยามเช้า : ใส่บาตรและกรวดน้ำริมถนนหน้าบ้าน ตามชื่อเรื่องเลยละกัน ตั้งใจว่าจะเขียนบันทึกเรื่องลาวเก็บไว้เป็นที่ระลึกในการมาอยู่บ้านนี้เมืองนี้ เรื่องนั้นบ้างนี้บ้าง กะจะค่อย ๆ เขียนทีละเรื่อง แต่ผ่านมากว่าปีแล้วยังเขียนได้ไม่กี่เรื่อง...เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างอะไรอีก คราวนี้ขอเขียนเป็นเรื่องสั้น ๆ ประเภทโน่นนิดนี่หน่อย เก็บไว้อ่านเล่นเพลินๆ ก็แล้วกัน J
- ความประทับใจแรกในฐานะแม่บ้านคือ ข้าวของเกือบทุกอย่างในลาวราคาแพงมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคุณภาพ อาจเพราะลาวผลิตของที่จำเป็นต้องใช้เองไม่ได้ เครื่องอุปโภคบริโภคต้องนำเข้าจากไทย จีน เวียดนาม และระยะหลังมานี้เริ่มนำเข้าจากเกาหลีในเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ ขอยกตัวอย่างราคาสิ่งของต่างๆ พอเป็นไอเดีย
.
- เริ่มที่เฝอหรือก๋วยเตี๋ยวอาหารจานเด่นของเวียดนามที่ลาวรับมาเป็นจานเด่นด้วย ราคาเฉลี่ยในเวียงจันทน์เริ่มที่ประมาณสิบสองพันกีบหรือประมาณสี่สิบแปดบาท ร้านในทำเลดีหน่อยมีคนมากหน่อยก็เขยิบขึ้นไปที่ชามละสิบห้าถึงสิบแปดพันกีบ หรือประมาณเจ็ดแปดสิบบาทเลยทีเดียว อ้อ, ราคานี้คือราคาตามข้างถนนทั่วไป
- ข้าวของเครื่องปรุงของใช้ต่าง ๆ บวกราคาเพิ่มจากไทยไปประมาณยี่สิบห้าถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่นขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มีขายทั่วไปที่นี่ ราคาเฉลี่ยห้าสิบบาทต่อแถว ไม่รับประกันเรื่องวันหมดอายุ (คนขายและซื้อของที่นี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องวันหมดอายุ ถ้าอ่านหนังสือพิมพ์จะเห็นข่าวหน่วยงานตามจับตามริบของหมดอายุเป็นระยะ ๆ รวมทั้งยาที่ขายในร้านขายยาด้วย) น้ำมันรถที่ใช้ก็ล้วนมาจากเมืองไทย บ้านเราราคาเท่าไหร่ก็บวกเพิ่มค่าขนส่งค่าภาษีจิปาถะเข้าไปพอให้คุ้มตามประสาการทำธุรกิจที่ดี แก๊สหนึ่งถังสิบห้ากิโล ถ้าบ้านเราขึ้นราคาเป็นสามร้อยบาทบ่นกันได้ไม่เลิก ที่เวียงจันทน์ราคาถังละเจ็ดร้อยกว่าถึงเกือบแปดร้อยบาทขึ้นอยู่กับว่าบ้านคุณอยู่ตรงไหน (คนลาวที่มีรถก็เลยเอาถังเปล่าไปเติมแก๊สที่ฝั่งไทยในราคาสามร้อยบาท)
แต่โลกนี้มีสองด้านเสมอ บางอย่างในเวียงจันทน์ก็มีราคาถูกมาก ที่เห็นง่าย ๆ คือเบียร์ หวย และเงินเดือน - เบียร์ลาวขึ้นชื่อตามโฆษณาว่าได้รางวัลเหรียญทองโลก ขายในตลาดทั่วไปกระป๋องละห้าพันกีบ บางแห่งก็สี่พันกีบ คิดคร่าว ๆ ประมาณสิบห้าถึงยี่สิบบาท ไม่รู้เพราะเหตุนี้หรือเปล่าคนลาวทั้งสาวหนุ่มทั้งคนแก่และวัยละอ่อนจึงชอบดื่มเบียร์กันมาก
- หวยลาวเป็นหวยสองตัว-สามตัว ออกประจำสัปดาห์ละสองครั้งสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ เพียงมีเงินแค่หนึ่งพันกีบ (ประมาณสี่บาท) นอกจากราคาถูกแล้วการซื้อขายก็แสนง่าย หวยออกวันไหนก็มีคนตั้งโต๊ะเล็กๆ ริมทางขายหวยกันวันนั้นเลย สดใหม่ยิ่งกว่าอาหารแถมไม่มีการหมดอายุก่อนขาย (แต่ถ้าเกิดถูกหวยขึ้นมาละก้อ คุณมีเวลาขึ้นเงินไม่เกินสิบวันนับจากวันที่ซื้อและประกาศผลในวันเดียวกันนั้น หลังจากนี้เลขที่ถูกของคุณ-หมดอายุ!) กิจกรรมนี้ดำเนินการโดยบริษัทหวยพัฒนา ซึ่งสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ให้เด็กและเยาวชนหารายได้พิเศษด้วยการขายหวยอย่างเป็นล่ำเป็นสันทุกวันอังคารและวันศุกร์
หวยพัฒนาราคาตามใจ - คนซื้อหวยสามารถเลือกตัวเลขได้ตามใจตนเองแล้วให้คนขายจดใส่กระดาษขายหวยให้ทั้งแบบสองตัวและสามตัว ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะซื้อเลขอะไร ทุกโต๊ะขายหวยมีแบบแนะนำการตีความตัวเลขให้คุณ เช่นถ้าฝันว่าเห็นแมว คนขายจะถามว่าแมวบ้านหรือแมวป่า ถ้าเป็นแมวบ้านก็เลือกเอาระหว่างเลข 14, 54, หรือ 94 ถ้าเป็นแมวป่าก็เลือกเอาจากชุดตัวเลข 18, 58, 98 หรืออยากรวยซื้อแบบสามตัวได้รับผลตอบแทนมากกว่า ก็จะมีรายการตัวเลขให้เลือกมากขึ้นเป็นสิบสองชุด คุณไม่จำเป็นต้องมีเลขเด่นในดวงใจ เพียงแค่คุณฝันหรือเห็นสัตว์ใดสะดุดตาสะดุดใจ พนักงานขายสามารถเปลี่ยนเป็นตัวเลขให้ได้ทันที เรียกว่าส่งเสริมการขายกันแบบสุด ๆ (เคยถามคนขายว่าตุ๊กแกเลขอะไร คนขายทำหน้าเหวอ บอกไม่มี อดซื้อเลย ตอนหลังแม่บ้านเอาโพยตีเลขตามฝันมาให้ดู เธอบอกว่ามีขายทั่วไป เคลือบลามิเนทอย่างดีซะด้วย น่าจะเป็นเอกสารกึ่งทางการที่มีคนซื้อเก็บไว้ประจำบ้านมากที่สุด..)
- เงินเดือน..เนื่องจากคนเขียนเป็นแม่บ้านจึงไม่รู้รายได้ระดับเงินเดือนอื่น ๆ ของคนลาว นอกจากรายได้ของผู้ช่วยแม่บ้านและรายได้ของข้าราชการที่อ่านจากข่าวหนังสือพิมพ์ (เรื่องนี้ขออ้างอิงจาก Vientiane Times ฉบับวันที่ 30 เมษายน ปี 2555) โดยเปรียบเทียบแล้วแม่บ้านสำหรับคนต่างชาติมีเงินเดือนเฉลี่ยมากกว่าข้าราชการที่จบปริญญาตรี (รายได้ปัจจุบันของข้าราชการอยู่ระหว่างห้าแสนกีบถึงหนึ่งล้านห้าแสนกีบต่อเดือนบวกสวัสดิการ ผู้จบปริญญาตรีมีเงินเดือนประมาณเจ็ดแสนกีบ คำนวณคร่าว ๆ คือหนึ่งพันกีบเท่ากับสี่บาท) เมื่อมองย้อนกลับขึ้นไปที่ค่าครองชีพซึ่งกล่าวถึงตอนต้น คนนอกอย่างเราจึงยังงง ๆ อยู่ว่า คนลาวต้องมีวิธีใช้จ่ายแบบไหนจึงสามารถอยู่ได้ตลอดรอดปี? (ปีที่แล้วอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5% และต้นปีนี้ มีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในเดือนมกรา กุมภา และมีนา ที่ 6.69, 6.11 และ 5.33% ตามลำดับ)
- จากตัวเลขข้างต้นและการสังเกตส่วนตัวพบว่า เหตุผลเหล่านี้กระมัง คนลาวจึงรู้สึกเท่าเทียมกัน แม่บ้าน คนงานหรือคนเล็กคนน้อย มักไม่มีความรู้สึกต้อยต่ำหรือกลัวหงอกับเจ้านายหรือคนอื่น ๆ รอบตัวเหมือนที่พบเห็นในไทย แน่นอนว่ามีความเหลื่อมล้ำอย่างมากระหว่างคนรวยคนจนในลาว และเราสามารถสังเกตเห็นทัศนะเคลือบแคลงของคนลาวต่อวิถีชีวิตอู้ฟู่สะดวกสบายของข้าราชการบางส่วน แต่ความรู้สึกรวม ๆ ที่รับรู้ (ขอยืนยันว่าเป็นทัศนะส่วนตัวไม่มีหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการ)คนลาวยอมรับสถานะตนเองในฐานแห่งความเป็นจริงและเผชิญกับสิ่งนั้นโดยไม่มีผลกดทับต่อความรู้สึกเคารพหรือเชื่อมั่นในตัวเองมากเท่าที่รู้สึก ว่ามีอยู่ในประเทศไทย
- ถึงลาวจะยังเป็นประเทศด้อยพัฒนามีฐานะยากจนในเวทีโลก แต่คนลาวก็มีรถยี่ห้อหรู ๆ ขับว่อนกันทั่วเวียงจันทน์ ลูกชายเคยสงสัยว่ามีรถดีเครื่องแรงไว้ทำไมเมื่อกฎจราจรที่นี่บังคับว่าในเมืองขับไม่เกิน 30 กม. ต่อชั่วโมง และบนทางหลวงไม่เกิน 50 กม. ต่อชั่วโมง !? อีกทั้งถนนส่วนใหญ่ก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่อ ... คนเป็นแม่ก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน
- เคยเรียกแท็กซี่เก่าคันนึงให้ขับไปส่งที่สะพานมิตรภาพ ดูเขาเคารพกฎจราจรในเมืองดี ขับในเวียงไม่เกินสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมยังใช้ความเร็วระดับเดียวกันเมื่ออยู่บนทางหลวงมุ่งหน้าไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อุตส่าห์เร่งเขาว่าออกนอกเมืองแล้วเร็วขึ้นหน่อยเหอะ คนขับก็บอกว่า รถเยอะ เคารพกฎเถิด ..ผ่านมาระยะหนึ่งจึงรู้ว่ารถเขาเก่ามากอายุหลายสิบปี ยกเครื่องมาแล้วหลายครั้ง ความเร็วสูงสุดที่เขาใช้ได้คือสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!(เรื่องนี้เล่าไว้อ่านเองขำเอง เพราะโดยเฉลี่ยก็เห็นรถราวิ่งกันไวดีพอสมควร คนขับรถคนหนึ่งเฉลยว่า ใช้ความเร็วเท่าไรก็ได้ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ กฎหมายเรื่องความเร็วบนถนนจะถูกนำมาใช้)
- ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องรถขอต่อเรื่องรถกันอีกสักหน่อย รถในลาววิ่งเลนขวา รถต้องมีพวงมาลัยอยู่ด้านซ้ายตามกฎหมาย ปัจจุบันรถจดทะเบียนในลาวทุกคันต้องมีพวงมาลัยด้านซ้าย ทั้งหมดยกเว้นรถนำเข้าในนามแขกต่างประเทศซึ่งจดทะเบียนกับกระทรวงต่างประเทศ
- รถจดทะเบียนในลาวมีประมาณหนึ่งล้านคัน ประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซนต์เป็นรถจักร(มอเตอร์ไซค์) แต่มีการออกใบขับขี่อย่างเป็นทางการประมาณหนึ่งแสนใบ ฉะนั้น จินตนาการได้ว่าวินัยในการขับรถของลาวจะน่าเป็นห่วงเพียงไรในอนาคต
- อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือที่จอดรถ เมืองเวียงจันทน์กำลังขยายตัว แต่ไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับจอดรถเท่าไหร่ คนขับรถในตัวเวียงทั้งหญิงชายมีทักษะพิเศษในการปีนขึ้นไปจอดรถบนฟุตบาธ ลักษณะการจอดรถบนฟุตบาธนี้ถือเป็นเอกลักษณ์พิเศษของเวียงจันทน์ พอ ๆ กับการที่คนถีบจักรยานสามารถใช้เลนถนนร่วมกับรถยนต์ทั่วไปอย่างไม่ต้องกังวล ก็แหม สปีดในเมืองออกจะพอ ๆ กันทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์และรถจักรยาน
- แม้อัตราการเกิดอุบัติเหตุของลาวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะถ้าดูจากแนวโน้มเรื่องใบขับขี่แล้วน่าเป็นห่วง แต่ถ้าพิจารณาวิถีชีวิตและวิธีคิดวิธีตัดสินใจอื่นๆ ประกอบแล้ว ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ข้อนี้อาจพิสูจน์ได้ด้วยสถิติอุบัติเหตุจราจรซึ่งหนังสือพิมพ์ที่เวียงจันทน์นำเสนอเปรียบเทียบกับสถิติในไทย นั่นคือในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา (13-15 เมษา 2555) มีอุบัติเหตุทั่วประเทศ 185 ครั้ง ตายรวม 23 คน ตายในเวียงจันทน์ 7 คน ในขณะที่เมืองไทย เอ้อ, ขออนุญาตไม่กล่าวถึงดีกว่า
- เงื่อนไขอื่นที่มีส่วนช่วยให้อุบัติเหตุในลาวไม่เกิดขึ้นมากนั ก และมีส่วนในการบังคับให้คนขับรถระมัดระวังเพิ่มขึ้น อาจเป็นได้หลายกรณี ตัวอย่างเช่น ถ้ารถชนกัน คันหนึ่งเป็นรถยนต์ คันหนึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ผิดเสมอไม่ว่าจะมองในมุมใด ถึงพิสูจน์ได้ว่าคุณขับถูกกฎจราจรทุกอย่าง แต่ถ้าคุณชนรถมอเตอร์ไซค์คุณผิดกฎมนุษยธรรม !!
- อีกสาเหตุหนึ่ง อันนี้คล้าย ๆ ประเทศไทย คือ ถ้าคุณขับรถต้องระวังตำรวจจราจรให้ดี สายตาคุณต้องสอดส่ายพอสมควรเนื่องจากพวกเขามักยืนนั่งอยู่ในที่ที่ไม่สะดุดตา เงื่อนไขนี้ทำให้คุณมีส่วนระมัดระวังความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้นด้วยการไม่ขับผิดกฎจราจร เพราะตำรวจพร้อมจะเรียกคุณหยุดทันทีเมื่อเขาอยากเรียก โดยเฉลี่ยรถที่ถูกเรียกต้องมีโน่นนี่นั่นให้ผิดได้แน่นอนอยู่แล้วเช่น ไม่มีใบขับขี่ (ก็แหม...เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ขับขี่ในลาวไม่มีใบขับขี่นี่นะ) ไม่มีใบตรวจสภาพรถ (มีคนให้เหตุผลว่า ยอมจ่ายให้ตำรวจดีกว่าจ่ายค่าตรวจสภาพรถ เพราะค่าปรับ เมื่อคิดจากอัตราส่วนความถี่ในการถูกเรียกกับการตรวจสภาพรถประจำปีแล้ว ต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ)บ้างไม่ใส่หมวกกันน็อค บ้างเลี้ยวผิดทางเพราะมองไม่เห็นป้ายห้ามเลี้ยวและคุณเลี้ยวตามคันอื่นๆ มา ฯลฯ เหตุผลเหล่านี้ แม้จะสงสัยว่าทำไมต้องเป็นคุณ ลองถามดูแล้วจะได้คำตอบสุดคลาสสิคว่า ตำรวจเขามองไม่เห็นคันอื่นหรือคนอื่น แต่เขาเห็น คุณ
- ประสบการณ์ส่วนตัวเคยซ้อนมอเตอร์ไซค์แม่บ้านแล้วไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค โดนตำรวจเรียกหยุดขาไปธุระ เวลาจะกลับจึงคิดหนัก มองหาว่าจะกลับทางไหนอย่างไรดีไม่ให้โดนเรียกซ้ำ สุดท้ายแม่บ้านสาวลาวก็คิดขึ้นได้ว่า กลับตอนเที่ยงสิ ตำรวจเขาพักกินข้าว จริงแฮะ คราวนี้รอด ไม่มีตำรวจตรงที่เดิมเวลานั้นจริง ๆ ด้วย
เดี๋ยวค่อยมาคุยต่อ....ชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่าโน่นนิดนี่หน่อย ก็เขียนทีละนิด ทีละหน่อย ละกัน J
Create Date : 17 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 16:17:34 น. |
|
3 comments
|
Counter : 5531 Pageviews. |
|
|
|
โดย: supersupy วันที่: 17 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:00:05 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าลัดดา วันที่: 5 สิงหาคม 2555 เวลา:18:50:17 น. |
|
|
|
โดย: สาวลาว IP: 118.173.198.61 วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:14:51:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|