ค่ำคืนเดียวดาย เมามายใต้จันทร์เสี้ยว
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
นาคามรกต ( ตอน 2 พระธัมมะรงค์นาคา ) บทที่ 4





บทที่ 4

ห้างสรรพสินค้าในเมือง ไม่มีอะไรดึงดูดใจอนินนาถ เพราะตัวเธอเองต่างหากที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คน

นนท์ ทำตัวเสมือนคนรักของเธอไม่ปาน ทั้งชี้ชวนดูของ และช่วยถือของ หัวเราะและยิ้มให้กันอย่างร่าเริง ส่วนเด็กๆ ลากยายไปดูของเล่นและหนังสือการ์ตูนอีกทาง

“ชีสึกใหม่นั่น คู่รักคงมาคืนดี ถึงได้สึกมานะ”

เสียงแว่วเข้ามาให้ได้ยิน อนินนาถยิ้ม ไม่แคร์ ส่วน นนท์ หน้าแดง ไม่รู้ว่าเพราะโกรธ หรือเพราะอาย

“อายหรือพี่นนท์” อนินนาถแซว

“พี่ทำตัวไม่ถูก”

“ แคร์ทำไม แค่ปากคน”

“แต่ปากคนมันทำให้นินเสียนะ”

“ถ้านินจะเสียก็เสียที่ตัวนิน ไม่ใช่ที่ปากชาวบ้านนะคะ”

นนท์ก้มลงมองหญิงสาวที่เขาเคยดูแลมาตั้งแต่เล็ก นึกในใจว่า โชคดีจังที่เขาไม่ตกหลุมรัก หญิงสาวที่หน้าตาหมดจดคนนี้ ไม่งั้นเขาคงทรมานใจกับฐานะของเขากับเธอ และคงเนรคุณกับผู้มีพระคุณ

“มีไรหรือคะ” อนินนาถเงยหน้ามองสบตา ไม่มีอะไรหวั่นไหวในสายตานั้น

“เปล่าหรอก ผมทรงนี้เท่ดีนะ”

“ฮ่าๆๆ พี่นนท์ ละก็” อนินนาถเลยหัวเราะเสียงใส สองหนุ่มสาวที่รักกันเหมือนพี่น้อง

อนินนาถ หันมามอง นนท์ วงศ์วสุ พี่เป็นเสมือนพี่ชายอย่างทึ่ง ๆ อดนึกแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมจนป่านนี้แล้ว ถึงไม่แต่งงานเสียที

“มองอะไร แม่ชี”

“ดูๆ ไป พี่นนท์ ก็หล่อนะคะ น่าแปลกไม่มีแฟน”

“ ยังไม่เจอคนที่ใช่... สมัยนี้เขาว่ากันอย่างนี้” นนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ ไม่ได้แคร์อีกแล้ว กับสายตาคน คำพูดคน ตัวของเรา ใจของเรา สำคัญกว่า

กัลป์ กัมปนาท เฝ้ามองดู หนุ่มสาวที่อยู่หยอกล้อกันอยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือที่เขาลอบมองอยู่ นนท์ เด็กหนุ่มรุ่นน้องลูกศิษย์หลวงพ่อที่เขานับถือ กับหญิงสาวที่เส้นใยบางเบาแห่งความผูกพันถูกตัดขาดไปเมื่อไม่นานมานี้ เขาลังเลที่จะเข้าไปทักทาย หรือจะเร้นกายไปแบบ ไม่รู้ ไม่เห็น


“พ่อกัลป์” เสียงเนิบช้า ทักจากเบื้องหลัง ทำให้กัลป์สะดุ้งจากความคิดสองจิตสองใจ

“สวัสดีครับ คุณอา”

“ไม่เจอกันนาน เป็นยังไง มาเที่ยวเหมือนกันเหรอ”


“อ้อ ครับ ผมมาหาซื้อหนังสือนะครับ” กัลป์ ตอบพร้อมเอียงตัวไปยิ้มทักทายกับเด็กๆ ที่เลือกรื้อหนังสือการ์ตูนภายในร้าน


“ นาน ๆ มาเสียที ให้เขาเลือกซื้อ เลือกอ่านกันตามสบาย เด็กนี่นะ ถ้าสนใจหนังสือ อะไร ๆ มันก็จะดีตามมา”


“ ครับ เด็กรักการอ่าน ปลูกฝังแต่เล็กแต่น้อย ก็ทำให้เด็กสนใจค้นหาความรู้ด้วยตัวเอง”


“ แล้วนี่พ่อกัลป์ จะเรียนจบหรือยังล่ะ ไอ้วิชายากๆ ที่เรียนอยู่”


“ อ๋อ ใกล้จบแล้วครับ”


“วันนี้ ถ้าไม่ติดธุระอะไรที่ไหน ก็ เดี๋ยวไปหาอะไรทานด้วยกัน มะขาม มะขวิด ได้หนังสือหรือยังละลูก”

แม้จะเป็นคำถามที่ ถามความสมัครใจของกัลป์ หากแต่การไม่รอคำตอบ และเร่งเด็ก ๆ ก็ทำให้กัลป์ รู้ว่า เขาไม่มีทางปฏิเสธ

“ไม่ยักทราบว่า คุณกัลป์ลงหุ้นทำไร่ กับพี่นนท์ด้วย” อนินนาถ ถามด้วยความประหลาดใจ


“ พวกเรามีหุ้นกันนิดหน่อยนะนิน พอดีว่า พื้นที่ไร่ที่พี่ไปซื้อติดกับของอาจันทร์ อีกด้านหนึ่งติดกับที่ของคุณกัลป์ ก็เลยทำเป็นผืนเดียวกัน ปลูกองุ่น ทำฟาร์ม ทำรีสอร์ต กันไปเลย”


“ แหม ไม่ยักรู้นะคะ ว่า คนที่เรียนปรัชญาศาสนา นอกจากไปสนใจจารึก ยังสนใจธุรกิจรีสอร์ตด้วย” อนินนาถกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดูเหมือนยั่วเย้าเล่น แต่ลึก ๆ นั้น เธออดที่จะประชดไม่ได้


“ ก็ดีนะ สนใจหลายด้านไว้ก็ดี โลกเราหมุนเร็ว เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเรื่อย เรียนรู้ให้รอบด้าน เราจะได้ตามเขาทันไงนิน”


“ค่ะ พี่นนท์ พ่อคนหัวหมอ” อนินนาถค้อนขวับอย่างไม่รู้ตัว


“อ้าว แล้วเรื่องอะไร ว่าเคืองให้พี่ล่ะเนี่ย” นนท์อดหัวเราะไม่ได้ เพราะกิริยาที่อนินนาถทำนั้น เขาเพิ่งเคยเห็น ตั้งแต่เล็กจนโต


อนินนาถ ไม่เคยแสดงอาการแบบหญิง ๆ แบบนี้ กับเขาสักที ขณะที่กัลป์เอง ได้แต่เลิกคิ้วแปลกใจเท่านั้น ส่วนนางจันทร์ ลอบมองดูหนุ่มสาวคุยกัน ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ นนท์นั้น ไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุ้นเคยมานาน


ส่วนกัลป์ ชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจ ดูเหมือนว่า อดีตคู่หมั้น กับนายคนนี้ จะช่วยกันดูแลอนินนาถ ยามตกอยู่ในห้วงนิทรา ไม่แตกต่างกันนัก และดูเหมือนว่า กัลป์ จะเข้าใจภาวะ ของอนินนาถในยามนั้น มากกว่าทศวาร ที่ได้แต่ยืนมองอย่างเศร้าสร้อย


วันนี้ ดูเหมือนว่า อนินนาถมีบางอย่างผิดปกติไปกับชายหนุ่มคนนั้น เหมือนกับมีบางอย่างที่เคืองแค้นกันอยู่


“มะขาม มะขวิด จะทานอะไรอีกไหมลูก น้าจะสั่งให้”


“พุงจะแตกแล้วน้านิน” มะขวิดตอบเสียงแจ้ว วันนี้เด็ก ๆ ดูเหมือนมีความสุขมาก ๆ ที่ได้มาเที่ยวห้างในเมือง วันนี้พวกเขายังไม่รู้หรอกว่า ชีวิตบ้านสวนของเขานั้น มันหาไม่ได้ง่ายนัก


ในเมืองเช่นนี้ เธอจะพาหลาน ๆ มาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่บ้านสวน เป็นกรรมสิทธิ์ เด็กในเมืองรึ จะมีโอกาสได้ไป


“คุณนิน จะใช้ชีวิตต่อยังไงครับ ผมขอนุญาติละลาบละล้วง” กัลป์สบตาหญิงสาว และแสดงความจริงใจในคำถามนั้น


“ฉันว่าจะให้เขา อยู่บ้านนี่ล่ะ ไม่อยากให้ไปดิ้นรนที่ กรุงเทพฯ” คุณนายจันทร์ ตอบแทน อย่างน้อยก็ประกาศให้ลูกสาวรู้ว่า คนเป็นแม่ต้องการอะไร และให้พยานอย่างน้อย 2 คนที่ร่วมโต๊ะอยู่นี้สนับสนุนความคิดของนาง


“โธ่ แม่ก็ นินจะไปทำอะไรได้ละคะ อยู่ที่นี่ จะให้นินทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหรือไงคะ”

“ก็อยู่เฉยๆ นี่ล่ะ เก็บค่าเช่าที่ก็เหลือจะพอแล้ว”


“อยู่เฉย ๆ บ้าซิแม่ นั่งกินนอนกิน ชีวิตคนมันจะมีค่าขึ้นมาได้อย่างไร แล้วนินก็อุตส่าห์เรียนมาจนจบปริญญาตรีนะคะ” หญิงสาวกระเง้ากระงอด ลืมไปว่า มีชายหนุ่ม 2 คนร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ไม่นับเด็ก 2 คนที่มองผู้ใหญ่ตาแป๋ว


“น้านิน ก็ไปช่วยน้านนท์ ทำรีสอร์ตซิครับ รีสอร์ตน้านนท์ซ๊วย สวย มะขวิดจะได้ไปเที่ยวบ่อย ๆ ” มะขวิดเสนอไอเดียตามประสาเด็ก จนโดนผู้เป็นยาย ถลึงตามอง เหมือนจะบอกให้รู้ว่า อย่าสอดเวลาผู้ใหญ่พูดกัน!



“ สนใจมาเป็นผู้จัดการรีสอร์ตให้พี่ไหมล่ะ นิน เอาวิชาความรู้ที่เรียนมา ปรับใช้ประชาสัมพันธ์รีสอร์ตพี่ได้นี่” นนท์ยิ้มรับคำเสนอของเจ้าตัวเล็ก ทำให้มะขวิดที่ก้มหน้างุด แอบลอบยิ้ม ขณะที่ตามองแค่หัวแม่เท้าตัวเอง


“ตอนนี้ รีสอร์ตพี่ มีรายการทีวีมาติดต่อ ขอใช้สถานที่บ่อยๆ แต่พี่ยังไม่พร้อม ได้นินไว้คอยช่วย ก็เบาแรง”


อนินนาถปรายตา มองหุ้นส่วนอีกคน กัลป์ยิ้มใส่ตา ประหนึ่งว่า เขาตามใจเธอ


โอ้หนอ.....ประกายตาวิบวับที่ส่งให้ เหมือนเข็มเล่มเล็กที่ทรงอานุภาพนับสิบเล่มพุ่งแทงที่หัวใจ จนทำให้เธอเจ็บแปล๊บจนชาไปทั้งร่าง


รับกับมันให้ได้นะอนินนาถ ผลจากอดีต ไม่สามารถทำร้ายเราได้ นอกจากตัวของเราเองที่ยัง .....ไม่ลืม


“ ถ้าไม่กลัวเหนื่อย ไปเช้า เย็นกลับ ก็ได้นะนิน เพราะไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ อย่างน้อย ก็จังหวัดเดียวกัน ไปมาสะดวกกว่ากรุงเทพฯ” นนท์ พยายามคะยั้นคะยอ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่า คุณนายจันทร์ส่งสัญญาณให้เงียบ ๆ ว่า นายต้องทำให้อนินนาถอยู่ที่นี่ ไม่ไปกรุงเทพฯ


“ กำนันบ้านั่น มันไม่ตามนินอีกเหรอ แล้วนี่เขาก็รู้แล้วว่า นินสึกแล้ว ก่อนสึก ก็ยังรู้อีกว่า นินถอนหมั้น” นินใช้ข้ออ้างเท่าที่จะพอนึกออก หากแต่ นนท์ ผู้ได้รับสัญญาณ ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีปัญหา


“ เรื่องนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กำนันเขาเล็งสาวใหม่ไปแล้ว แถมมีคนปล่อยเขา ยังปฏิเสธเขาอีกว่า นินแต่งงานกับคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่หมั้น” คนพูดปรายตามาอง “ คนปล่อยข่าว” แอบขำเล็กๆ ว่า ช่างปล่อยข่าวให้ลูกสาวตัวเองเสีย ทั้งที่ไม่ใช่ความจริงเลย


“ เขาก็ไม่ได้หวังว่านินจะหม้าย หรือโสดนะ แต่ที่เขามาวุ่นวายกับนิน เพราะอยากได้สมบัติต่างหาก” อนินนาถพูดพรางปลายตาไปที่ คนอื่น ที่นั่งร่วมโต๊ะ ราวกับจะบอกว่า ฉันไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก


แต่พอได้สติ ก็สะดุดกับความคิดตัวเองว่า ทำไมต้องอยากจะอวดตัว เขากับเรา ต่างตัดขาดเยื่อใยอดีตชาติกันแล้ว


“เหตุการณ์ที่คุณนินหลับไปกว่าเดือน เป็นวิบากกรรมของคุณนิน โชคดีที่คุณนินฟื้นขึ้นมา แต่ถ้าไม่ คุณไม่เสียดายหรือครับว่า เวลาที่เหลืออยู่ คุณน่าจะอยู่ใกล้คนที่คุณรัก ตอนนี้ คุณได้โอกาสที่จะมีชีวิตอีกครั้ง คุณจะไม่ลองเลือกเส้นทางที่จะอยู่ใกล้คนที่คุณรักหรอกหรือ”



กัลป์นั่งฟังอยู่นาน ลองเอ่ยขึ้นบ้าง เรียกรอยยิ้มจากผู้สูงวัย เพราะเห็นว่า เป็นเหตุผลที่ดีที่สุด แต่จะด้วยเหตุผลที่ดี หรือ เป็นเพราะคนที่ชักชวนเคยเป็นคนพิเศษก็ไม่ทราบ เพราะจู่ ๆ อนินนาถก็รับปากว่า จะลองไปทำรีสอร์ตร่วมกับนนท์ ดู เพราะอย่างน้อย ที่ดินแปลงหนึ่งก็คือสมบัติที่จะตกของเธอเองในอนาคต


“บ้านไม้หลังนั้นสวยจังนะคะ ร่มรื่นแล้วก็ดูคล้ายเรือนไทย แต่หลังคาไม่สูง”


“เรือนไทยโบราณของอีสานน่ะ หลังคาไม่สูงเหมือนเรือนไทยที่อยุธยา ตัวเรือนนั่นก็ไม่ใช่ไม้สักหรอก ไม้แดง ไม้ตะเคียน แล้วแต่จะหาได้”


“แต่ทำไมดูสวยนักละคะ”

“ เพราะมันเก่า ร่มรื่น และมีการดูแลรักษาอย่างดีไงล่ะ บ้านจะน่าอยู่ จะสวยหรือไม่สวย มันอยู่ที่คนอาศัยด้วยนะ”

“ บ้านของใคร”

“เดี๋ยวนินก็รู้เองแหละ”

“ เอ นี่เรากำลังจะเข้าไปในบ้านหลังนั้นหรือคะพี่นนท์”


“ใช่ แวะเสียหน่อย ไหน ๆ ก็มาแล้ว รีสอร์ตของเรา ขับเลยไปไม่ไกลนักหรอก ที่พี่แวะเข้ามาทางนี้ เพราะอยากจะพานินมารู้จักท่านไว้ ”

“ดีจัง นินกำลังสนใจว่า วันหนึ่งจะขอเข้าไปดูสักหน่อย”


รถขับเคลื่อนสี่ล้อ คันใหญ่โขยกเข้าไปในดินลูกรังอัดแน่นสีอิฐ ก่อนฝ่าเข้าไปในรั้วบ้านที่ปักเสาไม้เรียงรายโดยมีต้นมะขามสั้นสั้นระดับอกเป็นแนวรั้วแทนลวดหนาม


เรือนไทยอีสานหลังนี้ ปลูกสร้างตรงตามหลักโหราศาสตร์โบราณ ตามความเชื่อของไทยอีสาน ที่สร้างเรือนให้ด้านกว้างหันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก ให้ด้านยาวหันไปทางทิศเหนือ และใต้ ซึ่งเป็นลักษณะที่เรียกว่า วางเรือนแบบ "ล่องตาเว็น" เพราะถือกันว่า หากสร้างเรือนให้ "ขวางตาเว็น" แล้วจะ "ขะลำ" คือเป็นอัปมงคล ทำให้ผู้อยู่ไม่มีความสุข



แต่สิ่งที่ผิดแผกออกไป คือ ปกติเรือนอีสานไม่นิยมทำรั้ว เพราะเป็นสังคมเครือญาติ หากแต่ที่นี่ ใช้การปลูกพืชเพื่อล้อมอาณาบริเวณ ส่วนบ้านหลังอื่นๆ แม้อยู่ใกล้เคียงกันก็มิได้มีการจัดแสดงบริเวณแต่อย่างใด จนดูเหมือนกับว่า บ้านหลังใหญ่นี้ ได้รับการนับหน้าถือตาเหนือกว่า บ้านเรือนหลังอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน


“ สวัสดีครับคุณยายทวด ผมนนท์ครับ” นนท์ไหว้ผู้อาวุโสที่ตอนนี้สังขารเริ่มจะผุกร่อนลงไปเรื่อย ๆ

ร่างกายที่สั่นเล็ก ๆ นั่น มีรอยยิ้ม รับรู้ว่า ใครมาเยี่ยม เก้าอี้หวายโยกเบา ๆ พร้อมเสียงที่แหบเครือ ทักทายด้วยยินดี

“มากับใครล่ะพ่อนนท์ เด็กๆ มันไปไหนกันหมดนะ ไม่หาน้ำหาท่ามาให้แขก” ยายทวดพยายามเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว


“ไม่เป็นไรครับคุณยายทวด นี่น้องนิน ลูกสาวหลวงพ่อไงละครับ”


“สวัสดีค่ะ คุณยายทวด” อนินนาถไหว้คุณยายทวด แปลกใจเล็กๆ ถึงการแนะนำตัวของนนท์


“อ้อ ๆ จะ 20 กว่าปีแล้วซินะ หลวงพ่อสบายดีหรือ พ่อนนท์”

อนินนาถแปลกใจอีกครั้งเมื่อพบว่า คุณยายทวด ที่นั่งได้แต่เพียงเก้าอี้โยกอยู่นี้ รับรู้ประวัติของเธอด้วย จะว่าไป ประวัติของเธอไม่ใช่เรื่องปกปิด เพราะลูกศิษย์ลูกหาหลวงพ่อ รู้ทั้งนั้นว่า หลวงพ่อเลี้ยงเธอมาอย่างไร คุณยายทวดคนนี้ ก็คงเป็นหนึ่งในลูกศิษย์หลวงพ่อ


“อ้าวพ่อนนท์ นั่นคงหนูนินใช่ไหมจ๊ะ” เสียงทักทายของสตรีสูงวัย ทำให้นนท์ และอนินนาถหันกลับไปไหว้ทักทาย อนินนาถพอจะเดาได้ว่า นี่คือ ลูกสาวของยายทวดคนนี้ แต่กลับผิดถนัด เพราะสตรีสูงวัยคนนี้ คือ หลานของคุณยายทวด ต่างหาก


“คุณยายคะ จะเอนหลังเลยไหมคะ นั่งนานแล้ว” สตรีสูงวัยนั้น กุลีกุจอ จัดให้คุณยายทวดเอนหลังลงนอนที่เบาะที่วางอยู่บนพื้นยกระดับจากที่ นนท์ และอนินนาถ นั่งอยู่ ระหว่างนั้นก็ยังหันมายิ้มให้เธอ รอยยิ้มนี้ทำไมเธอคุ้นเคยนักหนา แต่ไม่นานก็ได้คำตอบว่าทำไมจึงคุ้นเคย เพราะแบบพิมพ์ละม้ายทั้งหน้าตา และรอยยิ้ม โผล่ขึ้นมาจากบันไดบ้าน ทักทายแขก














Create Date : 07 พฤษภาคม 2553
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 22:39:12 น. 3 comments
Counter : 443 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:34:10 น.  

 
ฝนแวะมาอ่านค่าคุณจุ

อืมม์ ปากคนคนนี่จะพูดให้ได้ดีก็ได้ จะพูดให้เสียก็ได้เนอะ

ป่านนี้คุณจุคงหลับไปแล้ว ฝนก็กำลังจะเข้านอนค่ะ
แล้วคุยกันน๊า จุ๊บๆ



โดย: ❤❤ NamFon..(◕‿◕✿) (CeciLia_MaLee ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:46:54 น.  

 
ลงชื่อ อ่านจบตอนที่ 4 ..


โดย: คุณย่า วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:41:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระจ้อน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แล้ววันหนึ่ง....

เราจะมาพบกัน



เรื่องจริงที่ยังสงสัย บอกได้ชาตินี้เท่านั้น คลิ๊กที่นี่ค่ะ






อัปสรามนตรา คลิ๊กที่นี่ค่ะ


บล็อกที่แล้ว

"อะไรกันนักหนา"




Friends' blogs
[Add กระจ้อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.