ค่ำคืนเดียวดาย เมามายใต้จันทร์เสี้ยว
Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
นาคามรกต (ตอน 1 วัน-วาร ) บทที่ 3




บทที่ 3


ทศวารฟื้นขึ้นมาจากอาการเมามาย แล้วพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องที่คุ้นเคย แขนเรียวงามที่กระหวัดรอบเอวอยู่นั้นทำให้ เขาผงะถอย

“ นี่มันอะไรกัน”

ทศวาร ผุดลุกขึ้น แต่แล้วก็กลับลงไปที่เตียงใหม่ ร่างกายของเขาตอนนี้ ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น

หญิงสาวเนื้อละมุนที่หลับตาพริ้มอยู่นั้น ดูยั่วยวนน่าค้นหา แต่เขาไม่ชอบ!

ทศวารพยายามเรียกความทรงจำของเขากลับคืนมา
เส้นประสาทบนศีรษะของเขาคงเต้น ตุ๊บ ๆ ชนิดที่เรียกว่า ถ้ามันระเบิดออกมาภายนอกได้ มันคงระเบิดไปแล้ว

“นางตัวดี กรอกยาอะไรให้เรานี่”

แม้ทศวารจะดื่มหนักแค่ไหน เขารู้ตัวดีว่า ไม่มีทางที่เขาจะลงเอยกับ ผู้หญิงคนนี้

เขาจำได้แล้วว่า ศจี โทร.หาเขาหลังเลิกงาน แล้วขับรถมารับเขาที่บ้าน ขณะที่เขาเอง หัวเสียกับเสียงบ่นว่าของผู้เป็นพ่อที่ทำงานไม่ได้ดังใจ เลยรีบชิ่งออกมาก่อน นี่ถ้าเขาทนให้พ่อด่า แล้วไม่เจอกับเรื่องแบบนี้ เขาคงเลือกที่จะถูกพ่อด่าให้หนัก ๆ มากกว่า..... แล้วนี่ เขาจะทำอย่างไรได้


ทศวารยกมือกุมหัว ที่แทบจะระเบิดด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึง ฤทธิ์เหล้า เพียงแค่นั้น มันคงไม่ทำให้เขาทำอะไรชั่ว ๆ ลงไปได้
แล้วนี่เขาจะทำอย่างไร เค้าลางหายนะเกิดขึ้นในอนาคตเห็น ๆ

“พี่ทศ”

นั่นไง! เสียงเรียกของปีศาจ โอ๊ย เขาอยากจะบ้า ทำไมคนอย่างต้องมาเจอเรื่องเฮงซวยอย่างนี้ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า บทพิศวาสที่ผ่านมา มันรสชาติไหนกัน


“พี่ทศ ตื่นนานแล้วหรือคะ” ศจีกระชับผ้าเช็ดตัวไว้กับอก ลุกขึ้นเดินมากอดเอวด้านหลังของชายหนุ่มที่เธอหลงใหล ยาปลุกเซ็กส์ที่ใส่ลงไปได้ผลดี บทรักอันบรรเจิดนั่นทำให้เธอระบมไม่น้อย ก็ช่างเป็นไรล่ะ เรื่องอย่างนี้มันก็ต้องมีการลงทุนบ้าง


ทศวารแกะมือออกจากเอวของเขา หันกลับมาพร้อมปัญหา ใบหน้าของเคร่งขรึม เหมือนแบกโลกไว้ทั้งโลก


ศจีเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม สายตายังฉ่ำด้วยแรงรักใคร่เสน่หา


“คุณจับผม” เรียบง่าย และไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ


ศจีผงะเล็กน้อย ก่อนยิ้มเย็น หญิงสาวหันหลังกลับ แล้วกระตุกผ้าห่มสีขาวบริสุทธิ์ออกให้เห็นร่องรอยของคืนพิศวาส ก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าห้องน้ำชำระคราบไคลที่หลงเหลืออยู่


ทศวาร จดจ้องร่องรอยเปรอะคาวโลกีย์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงด้วยสายจาครุ่นคิด เขาเมินสายตาไม่อยากมองรอยแดงจางๆ เล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ด้วย


“ยังมีอยู่อีกหรือวะ เจาะเข็มแทงนิ้วละซิ” ทศวารครุ่นคิด จงใจให้เราดูเสียขนาดนี้ ไม่น่าเลยกู มึงทำอะไรลงไปวะทศ


ศจี เปิดน้ำฝักบัวโรยรดหยาดน้ำตาที่หลั่งรินลงมาอย่างเงียบ ๆ สัมผัสที่ห่างเหิน และรังสีที่กระจายความเกลียดชังทำไมเธอจะไม่รู้ ทศวารไม่ใช่คนโง่

ถ้าไม่มีหลักฐานมัดแน่น เขาคงไม่รับผิดชอบเธอ แต่เธอก็รู้ดีว่า หากไม่ยอมเจ็บที่นิ้ว เธอจะเจ็บที่ใจ หึ ... เขาเมาขนาดนั้นจะรู้หรือว่า เธอเคยผ่านหรือไม่เคยผ่านใครมาก่อน


สุดท้ายก็ต้องบอกว่าเธอผ่านมามาก แล้วก็ทิ้งเธอไปในที่สุด มันง่าย ที่จะทิ้งผู้หญิงที่ผ่านอะไร ๆ มาแล้ว ทั้งที่การผ่านนั้น ผู้ชายเฮงซวยมันก็ผ่านมาแล้วเหมือนกัน


เธอมองขาดแล้วว่า เขาจะไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับเธอ แม้ว่าจะมีอะไรกับเธอก็ตาม เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาเป็นคนแรกของเธอ


ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอดสูใจว่า เธอกำลังทำอะไรลงไป เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา เจ็บปวดทรมานกับครั้งแรก แม้เยื่อบ้าบอนั่น มันจะขาดหายไปนานแล้วกับการออกกำลังกายของเธอ แต่ครั้งแรกก็คือครั้งแรก ยิ่งคิด ศจีก็ยิ่งสับสนตัวเอง


สบู่เหลวที่ฟอกร่างอยู่ ไม่อาจชำระสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของเธอได้ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เธอกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ ก่อนยิ้มสมเพชตัวเอง นาทีนี้ไม่มีถอยหลังอีกแล้ว

.............................

อนินนาถกลับมาอยู่บ้านหลังจากสึกมาแล้ว เธอสงบขึ้นและไม่ได้ติดต่อกับอดีตคู่หมั้น แม้เขาจะยืนยันไม่ยอมถอนหมั้น แต่เรื่องในอนาคตก็ไม่แน่นอน

เธอไม่อยากผูกมัดเขาไว้เลย แรกนั้นเธอรู้สึกราวขาดใจ เพื่อฟื้นตื่นขึ้นมาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ และต้องจากพรากทั้งคนรักในอดีต และคนรักในปัจจุบัน

หากแต่ความกลัวตาย และสำนึกในความผิด ทำให้เธอต้องก้มหน้าชดใช้ในสิ่งนั้น

“ เอ็งจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ หรือวะ”

“แล้วแม่จะให้ฉันทำอะไรอยู่ที่นี่”

“อยู่กับแม่ เอ็งก็ไม่อดตายหรอก ทรัพย์สินที่ดิน อาคารให้เขาเช่าเราก็อยู่สบาย ๆ ไม่เดือดร้อน แต่อย่าสะเออะใช้เงินเกินตัวเกินฐานะ นั่นก็มีเท่าไหร่ไม่พอหรอก”


“ ลูกหลาน แม่ก็หลายคน แม่ยังต้องส่งเสียให้เขาเรียนอยู่นี่นา”

“ เฮ่อ นับกันตามจริง มันก็ไม่ใช่สายเลือดใกล้ชิดฉันหรอก แม่น่ะมีเอ็งคนเดียวนะนิน”

“ไม่ใช่สายเลือดตรง แม่ก็รักพวกเขา”

“เอ๊ นี่เอ็งอิจฉาพวกหลานๆ มันหรอกรึ” เสียงแม่บ่นแหวขึ้น

“เปล่าหรอกแม่ ฉันก็แซวเล่นไปอย่างนั้นแหละ”

“เออ สงสารมัน นี่ถ้าพ่อเอ็งไม่ทิ้งมรดกไว้ให้แม่ หลานเอ็งก็คงไม่ร่ำได้เรียนหนังสือหรอกนะ”

“ของพ่อที่ไหน ของหลวงพ่อต่างหาก”

อนินนาถแย้งขึ้นหลานๆ ที่ว่า นั้น จะนับไปก็ญาติใกล้ชิดกับเธอ ด้วยเป็นลูกของลูกของป้า พี่สาวของแม่ ที่ทนเลี้ยงลูกสาว 3 คน มา พ่อก็หายไปหลังไปรับจ้างลงเรือตังเกที่ใต้


ลูกสาวคนโตทำงานโรงงานไม่เท่าไหร่ก็พาหลานมาทิ้งไว้ คนกลางยังดีมีครอบครัวพอเอาตัวรอดได้ ส่วนคนเล็ก ห่างจากคนโตมาก ตอนนี้เรียนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัยด้วยเงินของแม่ อายุห่างจากอนินนาถไม่กี่ปีเท่านั้น


สมบัติที่แม่ของเธอมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ ใครๆ ก็มองว่า เป็นสมบัติของพ่อ ก็ถูกครึ่งและอีกครึ่งไม่ได้ถูกอธิบาย


พ่อของอนินนาถประสบอุบัติเหตุในวันที่แม่คลอดอนินนาถ หลายคนบอกว่าพ่อรีบร้อนมาดูแม่ที่กำลังจะคลอดเธอพร้อมกับอา พ่อคงขับรถด้วยหัวใจพองโต


พ่อตั้งความหวังไว้มากเหลือเกินที่จะได้เจอหน้าลูกที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลก แต่พ่อไม่มีโอกาสที่จะรู้ด้วยซ้ำว่า ลูกของแม่ที่จะเกิดมานั้นเป็นลูกสาว หรือลูกชาย


โรงพยาบาลประจำจังหวัดที่อีกด้านหนึ่ง นำผู้บาดเจ็บสาหัสเข้าห้องฉุกเฉิน ขณะที่อีกด้านนำชีวิตใหม่ที่เพิ่งกำเนิดเข้าไปให้ผู้เป็นแม่ได้ชื่นชม............เพียงไม่นาน ก่อนที่จะเจอข่าวร้าย



อนินนาถเฝ้ามองแม่ ด้วยหัวใจอ่อนโยน แม่ที่ผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างเข้มแข็ง ใครจะว่าแม่ของเธอปากร้าย แต่เธอรู้ว่า ใจของแม่นั้นดีเลิศ แม่ไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือใคร

แม้ว่าลับหลังแม่จะรู้ว่า คนที่ช่วยไปนั้นเอาลูกสาวของแม่ไปว่าเสีย ๆ หาย ๆ

“หลวงพ่อ ออกธุดงค์รึ นิน เห็นทางนั้นส่งข่าวมา”


“จ๊ะ แม่ หลวงพ่อ ออกธุดงค์ จริงๆ จะออกธุดงค์นานแล้ว รอฉันลาสึก”

“ท่านว่าอย่างไรบ้างล่ะ”


“ ไม่เห็นว่าไงนี่ ก็อวยพรปกติ” อนินนาถก้มหน้า ไม่กล่าวคำอีก คำของหลวงพ่อยังชัดเจนอยู่ในสมองของเธอ


“นินเอ๊ย วิบากกรรมของคนเราแต่ละภพแต่ละชาติ ก็ต้องแก้ไปเรื่อยๆ นะลูก การเกิด การดับมีอยู่ตลอดเวลา วิบากกรรมเรื่องนี้จบสิ้น วิบากกรรมเรื่องใหม่ก็รอเอาคืนเราอยู่”


“ นินสึกออกมานี่ก็ วิบากกรรมใช่ไหมคะ ที่ทำให้นินบวชชีอยู่ไม่ได้”


หลวงพ่อยิ้ม ไม่ตอบอะไร หลวงพ่อเลี้ยงนินมาตั้งแต่คลอด วันที่พ่อและอาเสีย หลวงพ่อเดินสบงปลิวไปสั่งการถึงโรงพยาบาลเองว่า จะจัดการศพน้องชายทั้งสองคนอย่างไร จะจัดการกับสะใภ้ที่เอาแต่คร่ำครวญอย่างไร ไร้สติ อย่างไร


ลูกศิษย์หลวงพ่อเล่าให้อนินนาถฟังว่า มือหนึ่งของหลวงพ่ออุ้ม อนินนาถไว้กับอก โดยไม่สนใจว่า ใครจะมองว่าอย่างไร


“ ทารกไม่ประสีประสา กูจะอาบัติ หรือ ไอ้พวกคิดอกุศล”



อนินนาถ อยู่กับหลวงพ่อ ลูกศิษย์วัด และญาติโยม จนงานศพเสร็จสิ้นลง พร้อมๆ กับสติของแม่ที่ค่อยๆ กลับคืนมา หลายคนมองว่า หลวงพ่ออาจจะสึก เพื่อดูแลทรัพย์สินและครอบครัวที่เหลืออยู่


แต่หลวงพ่อก็คงยังเป็นหลวงพ่อ ทรัพย์สิน ที่ดิน ห้องแถวให้เช่า ทุกอย่างที่ตกเป็นของหลวงพ่อ ตามกฎหมาย หลวงพ่อยกให้กับแม่และอนินนาถทั้งหมด แม้ว่า แม่ของเธอจะไม่ได้จดทะเบียนกับพ่อก็ตาม แต่มีข้อแม้เพียงว่า


อนินนาถ ต้องใช้นามสกุลของพ่อ “เพียรกสิณ”

และสมบัติทุกอย่างจะตกเป็นของอนินนาถครึ่งหนึ่ง


หากแม่ของอนินนาถแต่งงานใหม่ และตกเป็นของอนินนาถทั้งหมด หากแม่ของเธอเสียชีวิต แม่ของเธอนั้นรักเธอมาก แม้มีหนุ่มๆ ติดพันหลายคน ก็ไม่ยอมลงเอยกับใคร ไม่รู้เพราะเสียดายสมบัติหรือว่า รักพ่อมาก


อนินนาถคิดถึงตอนนี้แล้วก็ยิ้ม แม่ยังสวยอยู่เสมอแม้วัยจะล่วงมาถึงกว่าครึ่งชีวิตแล้ว


สมัยเด็ก ๆ อนินนาถจำได้ว่า เคยเข้าไปคลุกคลีกับหลวงพ่อจนเป็นความเคยชิน และไม่เข้าใจ เมื่อเธอถึงเกณฑ์เข้าเรียนหลวงพ่อ จึงมักเลี่ยงที่ใกล้ชิดกับเธอ แม้ว่าความเมตตายังอยู่อย่าง


ในวัยเด็กนั้นเธอมักจะแอบมานั่งน้อยใจเงียบ ๆ เมื่อมาหาหลวงพ่อแล้ว วิ่งมาซบที่ตักไม่ได้อีกแล้ว พี่นนท์ เด็กวัดที่เลี้ยงเธอมาเข้ามาปลอบโยน ซึ่งเธอฟังแล้วก็ไม่เข้าใจนัก จนมาเข้าใจเมื่อวัยเยาว์ผ่านพ้นไปแล้ว


“ อะไรของเอ็ง นั่งยิ้มอยู่นานแล้ว”


“ ไม่มีอะไรหรอกแม่ ฉันนึกถึงตอนเด็กๆ น่ะ”

“เอาเหอะ อย่ายิ้มให้มันพร่ำเพรื่อนัก ใครเห็นเขาจะคิดว่าเอ็งเป็นบ้า” แม่นั่งเอนหลังดูทีวีต่อ มีหลานตัวเล็กๆ คอยบีบนวดอย่างเอาใจ


“แม่ชี หนูนวดให้เอาไหมคะ” มะขาม เด็กชายวัน 10 ขวบขยับออกมาจากน้อง มะขวิด วัย 8 ขวบที่ขยำๆ อยู่ที่น่องยายอย่างขะมักเขม้น

แม่ชีสึกใหม่ที่ผมยังไม่ขึ้น หันมามองหลานตัวจ้อย ที่ยิ้มประจบ

“ น้านินครับ ไม่ใช่แม่ชี”


“ผมเห็นยังใส่ชุดขาว นึกว่ามาพักผ่อน”


“แล้วนี่ จะขอไปไหนละครับ มาเอาใจน้าอย่างนี้” เจ้าตัวน้อย ยิ้มเอาใจถลามากอด อนินนาถกอดหลานไว้ด้วยความอบอุ่นโยกตัวเบา ๆ ความรู้สึกผูกพันซ่านขึ้นมา


“ อยากได้อะไรลูก” อนินนาถถามเอาใจหลาน


“ ผมอยากไปในเมือง ไอ่หมึกมันเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ มาอวดอยู่เรื่อย ๆ มันบอกว่า ผมอาศัยเขาอยู่ไม่มีปัญญามีของใหม่ๆ อย่างมันหรอก” เด็กช่างฟ้อง ฟ้องจนอนินนาถรู้สึกว่า “เรา” ดูแล “เขา” น้อยไป


“หมึกเขาลูกกำนัน เขาเข้าเมืองบ่อยก็ซื้อได้บ่อยนี่ลูก เรานานๆ เข้าที เสื้อผ้าหนูก็ไม่ได้เก่าไม่ใช่หรือ”

หมึกลูกชายวัย 10 ขวบของกำนันอาร์ท หนุ่มวัยใกล้ 40 รูปหล่อพ่อรวย เสียดายเป็นหม้ายเสียตั้งแต่หนุ่ม เคยมาเลียบๆ เคียงๆ ขอเธอกับแม่ แม่ก็เห็นดีเห็นงามว่า เธออยู่ไม่ติดที่หากแต่งงานกับกำนันอาร์ท ก็คงอยู่ติดบ้าน ติดพี่ติดน้องที่นี่ แต่ไม่มีวันเสียล่ะ เธอก็มีของเธอแล้ว กำนันอาร์ทเสียใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเธอ “อยู่กิน” กับหนุ่มกรุงเทพฯ เสียแล้ว


หมึก ก็คงได้รับการเอาใจใส่มากเกินไป คงเพราะกำนันอาร์ท ตั้งใจจะทดแทนในสิ่งที่ลูกขาด คือ แม่ แต่ข้าวของเงินทอง เครื่องใช้ ของเล่น ก็ทดแทนความรักไม่ได้หรอก


“ แม่คะ นินจะพาหลานๆ ไป ห้างในเมือง แม่จะไปด้วยกันกับเราไหม”



“ ไม่อายเขาเหรอ หัวโล่นออกอย่างนั้น พาเด็กๆ 2 คนนี่ไปด้วย” แม่เปรยขึ้น แต่ก็ลุกเข้าห้อง คงไปแต่งตัว แม่ถามไปงั้นเองว่าอายหรือเปล่า แต่ถึงอายไม่อายอย่างไร ในภาพสาวหัวโล้นนี่ แม่ก็จะตามไปปกป้องเธอ อย่างน้อยให้เธอได้มีเพื่อน


“ไชโย ๆ ๆ ดีใจจังเลย น้านิน จะพาเราไปเที่ยวแล้ว” หลายชายวัยซนสองคนโลดเต้นดีใจกันเหยงๆ ทำให้ สาววัยรุ่นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง โผล่หน้าออกมาดู


“ เอะอะ อะไรกันนะ มะขาม มะขวิด”

“พี่มะยม ไปด้วยกันไหมครับ น้านิน จะพาเราไปเที่ยวห้างในเมือง”

“ ไม่ล่ะ แดดร้อน พี่อยู่ในเมืองนะ ลืมแล้วเหรอ เสาร์อาทิตย์ถึงกลับมาบ้าน” มะยมทบทวนความจำให้น้อง ๆ
มะยมสาววัย 17 อาศัยอยู่กับครูเพื่อนของอนินนาถ เพื่อเรียนหนังสือในเมือง มะยมอยากเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ใน ม.ปลาย แต่ อนินนาถไม่อยากให้เข้าไปเรียน ทั้งให้เหตุผลว่า จะปล่อยให้มะขาม กับมะขวิด อยู่กับยายลำพังหรือ มะยมจึงยอมเรียน ม.ปลายที่ตัวเมือง


“ ลุงนนท์ มาโน่น น้านิน” เสียงมะขามร้องเรียกน้านิน

“พี่นนท์ แม่อยู่ในบ้านน่ะจ๊ะ”


นนท์ หรือพี่นนท์ เด็กวัดของหลวงพ่อ จะว่าไปก็เหมือนพี่เลี้ยงของอนินนาถ นนท์ถูกเลี้ยงดูมาพร้อมอนินนาถ

แม้เมื่ออนินนาถต้องเดินทางเข้าไปเรียนที่ กทม. เขาก็ไปเรียนราม ฯ เพื่อดูแลอนินนาถ เขาจบกฎหมาย อนินนาถจบนิเทศศาสตร์ เขาจึงกลับบ้าน เพราะหลวงพ่อและคุณนาย เห็นว่า อนินนาถดูแลตัวเองได้แล้ว นนท์จบมาก็มาตั้งบริษัททนายความที่ห้องแถวเช่าในตลาดของคุณนาย โดยทุนของคุณนาย แม่ของอนินนาถ และเป็นผู้เก็บผลประโยชน์ให้แม่ของอนินนาถ


ทรัพย์สินของคุณนายจันทร์ หรือ แม่ของอนินนาถ เป็นที่นาหลายร้อยไร่ ให้คนเช่าทำนา โดยแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนข้าวที่ได้จากการเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวได้มากก็ได้ส่วนแบ่งมาให้มาก เป็นที่นาที่ให้ผลประโยชน์ในรายได้น้อย

แต่ผลทางใจนั้นมัดแน่น


ส่วนห้องแถวหลายห้องนั้น มีอยู่ในตลาดในตัวเมืองที่ค่าเช่าแพง คุณนายจันทร์ รื้อตกแต่งดัดแปลง เพื่อให้เข้ากับสภาพ แวดล้อมอยู่เสมอจึงขยับราคาตามเศรษฐกิจ รายได้ในแต่ละเดือน แต่ละปี ถือว่าเพียงพอและเหลือเฟือถ้าประหยัด


ไม่รวมที่สวน ที่จ้างคนดูแลก็ให้ผลผลิตที่ดีใช้ได้ และนนท์นี่แหละเป็นคนดูแลสวนผลไม้เหล่านั้น และตอนนี้เขาเองก็กำลังขยายให้สวนผลไม้มีรีสอร์ทไปพร้อมกันด้วย คุณนายบอกว่าให้เขา จัดสรรผลประโยชน์แบ่งกัน


ตอนนี้ นนท์ จึงคล้ายเป็นชาวสวนมากกว่าทนาย เพราะหมกตัวอยู่กับไร่สวน มากกว่า บริษัททนายของตัวเอง

“ กำลังจะไปไหนกันครับนี่”

“ น้านิน พาไปเที่ยวห้าง ซื้อเสื้อผ้าใหม่” มะขามตอบเสียงใส
ส่วนมะยมผลุบเข้าห้องไป นนท์ได้ปรายตามองเด็กสาว
“พี่นนท์ มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” อนินนาถเอ่ยถาม

“ มาหาเรานั่นแหละ เห็นว่าสึกมาแล้ว”


“งั้น เราไปในเมืองด้วยกันเลยไหมคะ” อนินนาถชวน
ขณะเดียวกันที่ คุณนายจันทร์ เดินออกมาจากห้องด้วยชุดปักสวยสมวัย นนท์ยิ้มไหว้ทำความเคารพ


“พ่อนนท์ มาพอดี กำลังจะพาเด็กๆ ไปในเมือง ไปด้วยกันเลยนะ ไปทานข้าวกันด้วย มะยมล่ะ”

“พี่มะยมไม่ไปครับ” มะขวิดตอบ


“งั้นก็ ไปกันเถอะ มะยมเอ๊ย มีอะไรก็เรียก จำปีมันมาอยู่เป็นเพื่อนนะ” คุณนายตะโกนบอกหลานสาว แล้วเดินนำหน้าออกไปจากเรือน นนท์ชะเง้อเข้าไปภายในบ้าน อนินนาถมองตาม อมยิ้ม

“ มะยม 17 เองนะ พี่นนท์”

“เปล่า พี่ไม่คิดอะไร” นนท์ตาโต มองหน้าอนินนาถ

“ห้ามคิดเด็ดขาด” อนินนาถทำเสียงเข้ม แต่นัยน์ตาพราวด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่า นนท์ไม่มีวันทำผิด แต่คงมีเรื่องผิดใจอะไรทำให้ มะยมออกอาการงอน

“ไป ไปกันเถอะ “ แล้วทั้งหมดก็ขึ้นรถคันใหญ่ของนนท์ไปในเมือง และเป็นครั้งแรกที่อนินนาถกลับสู่โลกภายนอกหลังจากเธอสึกออกมาในสภาพของชีสึกใหม่










Create Date : 23 เมษายน 2553
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 22:21:05 น. 3 comments
Counter : 574 Pageviews.

 
อ่านยังไม่จบ แปะไว้ก่อน คืนนี้อ่านต่อค่ะ


โดย: คุณย่า วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:19:03:41 น.  

 
ดีจ้าคุณจุ ...

ดูว่าจะเป็นเรื่องราวยาวน่าอ่าน แต่ว่าขอเก็บถึง
ตอนที่ 5 แล้วเราจะมาอ่านรวดเดียวจบเลยนะค่ะ




โดย: JewNid วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:1:12:22 น.  

 
เย้ อนินนาถสึกแล้ว ^^

... ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงด้วยสายจาครุ่นคิด เขาเมินสายตาไม่อยากมองรอยแดงจางๆ เล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ด้วย
ช่วยพิสูจน์อักษรตามเคยค่ะ


โดย: คุณย่า วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:22:53:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระจ้อน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แล้ววันหนึ่ง....

เราจะมาพบกัน



เรื่องจริงที่ยังสงสัย บอกได้ชาตินี้เท่านั้น คลิ๊กที่นี่ค่ะ






อัปสรามนตรา คลิ๊กที่นี่ค่ะ


บล็อกที่แล้ว

"อะไรกันนักหนา"




Friends' blogs
[Add กระจ้อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.